คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : CH 11 : วันครบรอบ สุขหรือเศร้า?
CH 11 วันครบรอบ สุขหรือเศร้า
‘และสุดท้ายแวร์วูฟก็เสร็จฉันยังไงล่ะ เซ็กซี่มากเลยนะแวร์วูฟน่ะ’
นี่ก็ตกเย็นของวันแล้วที่ผมยังเอาแต่คิดมากกับประโยคนั้นของวินเชลล์ มันทำให้ผมคิดไม่ตกกับการที่ได้รู้ว่าแวร์วูฟยอมมีอะไรกับคนอื่นได้โดยที่ตัวเองสมยอมอย่างที่วินเชลล์บอก และยอมเป็นฝ่ายรับให้อีกต่างหาก ทั้งที่แวร์วูฟน่าจะฝังใจกับการถูกพวกคริสขืนใจแล้วนี่นา ไม่น่าจะยอมเป็นฝ่ายรับให้ใครอีก เพราะนั่นก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตของแวร์วูฟก็ว่าได้ แต่ทำไมกัน..?
ทำไมผมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย !!!
ผมได้แต่นอนกลิ้งไปมาอย่างหัวเสีย เพื่อขจัดความคิดบ้าๆนี่ออกไปจากสมอง และผมก็ทำอย่างนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าที่มันจะทำให้ผมเลิกคิดได้เลย นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ และถ้าถามว่าตอนนี้วินเชลล์หายไปไหนน่ะหรอ? เห็นบอกว่าจะไปเดินดูรอบๆเมือง เพราะไม่ค่อยได้มาโลกมนุษย์เลยอยากจะสำรวจความเปลี่ยนแปลงของโลกมนุษย์ดูบ้าง
Rrrrrrrrrr
ก่อนที่ผมจะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมจึงเอมไปหยิบที่โต๊ะข้างเตียงก็พบว่าคนที่โทรมานั่นก็คือลีวายส์ แฟนผมนั่นเอง ไม่รอช้าผมจึงรีบกดรับสายแฟนผมทันที
“ว่าไงครับที่รัก”ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยคำพูดหวานหู แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะผมชอบหยอกลีวายส์เขาอยู่แล้ว
“ฉันโทรมาถามว่านายลืมนัดของเราหรือยัง?”นัด..นัดอะไร..เมื่อไหร่..ที่ไหนล่ะเนี่ย!! มัวแต่คิดเรื่องของแวร์วูฟจนลืมไปเลยว่ามีนัดกับลีวายส์ แย่ล่ะสิ
“ฮ่าๆๆ ไม่ลืมหรอก ว่านัดอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหนหรอ? แหะแหะ”ผมได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อนเท่านั้น พรางยันตัวลุกขึ้นนั่งนึกว่าผมมีนัดอะไรกับลีวายส์กันแน่
“ฉันเสียใจนะเนี่ย”ลีวายส์ทำน้ำเสียงนอยด์ๆใส่ผมแต่ผมเชื่อว่าลีวายส์ไม่มีทางงอนผมจริงหรอก เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครไหนเลยที่ทำให้ผมผิดใจกันมาก่อน ถึงแม้นิสัยของผมกับลีวายส์จะตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ผมลืมนัดระหว่างผมกับลีวายส์แต่ลีวายส์ก็ไม่เคยโกรธผมสักครั้ง
“ฉันขอโทษนะลีวายส์ แต่นายยังสำคัญสำหรับฉันอยู่นะ”แต่ผมก็รู้สึกเศร้านิดๆที่พูดคำนั้นออกมา ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงมีความรู้สึกอย่างนั้น แต่รู้สึกมันหวิวๆไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สามารถพูดประโยคแบบนี้ได้อย่างสบายๆ เพราะลีวายส์คือคนที่ผมรักมากไม่ต่างจากที่ผมรักแม่ของผมเลย
“วันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีของเราไง มาให้ทัน 6 โมงล่ะ เดี๋ยวอาหารที่ฉันทำไว้รอนายจะเย็นหมด”และก็เป็นอย่างที่ผมคิด น้ำเสียงของลีวายส์ยังคงสดใสแฝงความตื่นเต้นลึกๆ เพราะนานๆทีลีวายส์จะลงทุนทำอาหารสักครั้งหนึ่ง และทุกครั้งที่ลีวายส์ทำนั้นก็เพื่อผมเสียทุกครั้งเพราะผมมักจะอ้อนลีวายส์ให้ทำให้ทานอยู่เสมอ และขอบอกไว้ก่อนว่าฝีมือการทำอาหารของลีวายส์นั้นเทียบชั้นได้กับเชฟฟ์ระดับ 5 ดาวเลยก็ว่าได้ เหมาะกับการเป็นภรรยาที่ดีแต่ผมก็ไม่สามารถจับลีวายส์กดได้สักครั้งเช่นเดียวกับลีวายส์ ทำให้เราเป็นคู่รักที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธุ์ทางการสอดใส่กันและกันมาก่อน
“โอเค ฉันอดใจรอที่จะได้ชิมฝีมือนายอีกครั้งไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ผมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในหัวก็เริ่มมีเมนูต่างๆแว้บเข้ามามากมายหลายอย่าง และก็อดคิดไม่ได้ว่าเมนูที่ลีวายส์ทำไว้เพื่อรอเขาจะมีอะไรบ้าง ยิ่งคิดน้ำลายก็ยิ่งสอ ไม่รอช้าผมก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะไปหาลีวายส์ที่คอนโดทันที
ในที่สุดผมก็เดินทางมาที่คอนโดของลีวายส์ในเวลา 6 โมง 3 นาที ซึ่งก็ไม่ช้าเกินไปสำหรับการดินเนอร์ของผมและลีวายส์ และในขณะที่ผมขับรถมาก็ไม่ลืมที่จะซื้อดอกไม้มาให้ลีวายส์เพื่อเป็นการปลอบใจที่ดันลืมนัดเสียสนิท แถมมันก็กะทันหันเกินไปที่จะเตรียมของขวัญอื่นที่ดีกว่านี้ จึงเลือกช่อดอกคาร์เนชั่นสีชมพูแสนสายนี้มาแทน ซึ่งมีความหมายว่า คิดถึงตลอดเวลา มาให้แทนการขอโทษ
“ดูสิใครมา”ทันทีที่ผมแอบเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะบอก ก็เห็นลีวายส์วางอาหารจานสุดท้ายลงบนโต๊ะทันที และหันมายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักทุกครั้งที่ได้มอง ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนแล้วไปแขวนไว้ที่ผนังทางด้านซ้ายมือ และไม่ลืมที่จะเดินมาหาผมเพื่อรับช่อดอกไม้ที่ผมตั้งใจนำมาให้ด้วยรอยยิ้ม
“ที่รักของผมไง”ลีวายส์เองก็ยังคงพูดคำหวานออกมาและจุมพิตที่ริมฝีปากของผมเหมือนอย่างเคย และรับช่อดอกไม้ไปวางไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมจูงมือผมให้ไปดูเมนูอาหารสำหรับวันนี้ที่เรียงรายเป็นแถวบนโต๊ะอย่างสวยงามชวนให้ท้องร้องอย่างไม่ต้องรอเวลา
“มีแต่ของที่ฉันชอบนี่ รักนายจังเลยลีวายส์”ผมไม่รอช้ารีบนั่งลงบนเก้าอี้ด้านตรงข้ามของลีวายส์ทันที พรางมองอาหารบนโต๊ะด้วยความหิวกระหาย ซึ่งมีทั้ง ข้าวรีซอตโต้ที่มาพร้อมเนื้อสเต็กฮ็อกกูเบ ราสซอสแบล็กทรัฟเฟิล สปาเกตตี้ผัดเนื้อ แซลม่อนผักโขมอบชีส ซุปครีมเห็ด และไวน์แดงที่เข้ากันได้ดีกับเมนูทั้งหมดที่กล่าวมา
“ฉันเคยทำให้นายผิดหวังด้วยหรอ”และประโยคที่สวนกลับมานั้นก็ทำให้ผมถึงกับยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะลีวายส์นั้นเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็กมากๆคนหนึ่ง จนแทบหาข้อบกพร่องให้ผมไม่รักผู้ชายคนนี้ได้เลย และทั้งชีวิตนี้ผมคงหาใครที่ดีกว่าลีวายส์ไม่ได้อีกแล้ว
เวลาผ่านไปราวๆ 2 ชั่วโมงที่เรารับประมานอาหารและพูดคุยกันไปพรางจิบไวน์กันไปอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะตอนที่คุยกันถึงการพบกันครั้งแรกของผมและลีวายส์ที่ค่อนข้างจะเงอะๆงะๆจนอดที่จะขำไม่ได้ทุกครั้งที่นึกถึง จนเวลาร่วงเลยไปจนถึง 2 ทุ่มกว่าลีวายส์ก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และพบว่ามันคือสร้อยที่ถูกออกแบบออกมาอย่างประณีตสวยงามและคาดว่าน่าจะเป็นสร้อยที่ลีวายส์สั่งทำพิเศษเพื่อผมโดยเฉาะ
สร้อยที่ลีวายส์เอาออกมานั้นเป็นสร้อยที่มีจี้เป็นรูปอักษรตัว L ซึ่งเป็นอักษรย่อทั้งของผมและลีวายส์ อยู่ในวงแหวนที่ประดับด้วยเพชรสีขาวสะอาด และตัวอักษรตัว L นั้นก็สามารถหมุนได้ ราวกับบ่งบอกถึงอีกด้านหนึ่งเป็นตัวแทนชื่อของผมและอีกด้านหนึ่งเป็นตัวแทนชื่อของลีวายส์ที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวเปรียบเสมือนความรักที่เรามีให้กันและกันจนหลอมหลวมเป็นคำว่ารักคำเดียว
ในขณะที่ผมกำลังยิ้มดีใจกับสิ่งของที่ลีวายส์เซอร์ไพรส์ผมอยู่นั้น อยู่ๆผมก็ต้องตกใจจนเผลออุทานออกมาเสียงดังสร้างความตกใจให้ลีวายส์เป็นอย่างมาก และใครบางคนที่ทำให้ผมตกใจก็คงตกใจเสียงผมไม่ต่างกันกับลีวายส์ เพราะใบหน้าที่หันขวับมามองที่ผมอย่างสงสัยว่าผมตกใจอะไร
“เป็นอะไรหรือเปล่านายหน้าซีดมากเลยนะ ไม่ชอบสร้อยนี่หรอ”ลีวายส์ถามผมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างผิดหวังจากการคิดไปเองของตัวเองที่ว่าผมไม่ชอบ แต่ความจริงแล้วผมชอบมากเลยต่างหาก และผมคงไม่ร้องออกมาดังขนาดนั้นถ้าหากวินเชลล์ไม่โผล่ออกมาและกำลังก้มหน้าจ้องไปที่สร้อยนั้นอย่างพินิจในระยะประชิดกับลีวายส์ ไม่สิ นี่เลยเวลา 6 โมงเย็นไปแล้ว คนตรงหน้าผมตอนนี้คงจะเป็นเคนเนธต่างหาก
“อ่ะ อ้อ เปล่าหรอก แต่มันเซอร์ไพรส์มากๆเลยต่างหาก ฉันชอบมากเลย ขอบคุณนายมากๆนะลีวายส์”คำพูดนั้นของผมได้สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของลีวายส์อีกครั้ง แต่พอผมจะเอมไปรับสร้อยเส้นนั้นมา ลีวายส์ก็ชักกลับจนผมสงสัยว่าทำไม?
แต่แล้วผมก็เข้าใจว่าเพราะอะไรลีวายส์ถึงไม่ยอมส่งสร้อยเส้นนั้นมาให้ผมเพราะว่าลีวายส์ต้องการที่จะใส่ให้ผมเองน่ะสิ เขาเดินอ้อมมาทางด้านหลังของผม และก้มลงใส่สร้อยแสนสวยนั้นลงที่คอของผมพร้อมก้มใบหน้าลงมาในระดับใบหูของผม แล้วพระซิบถ้อยคำที่อาจทำให้หญิงสาวหลายคนละลายถ้าหากได้ยิน แต่สำหรับผมมันคงชินแล้ว แต่ก็จั๊กจี้หูเล็กน้อย เพราะเสียงกระซิบที่แหบพร่าน่าค้นหาของลีวายส์ที่ดังกระทบในระยะประชิด
‘You mean everything to me.’ (คุณคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน)
ผมยิ้มอย่างมีความสุขได้ไม่นาน ก็ถูกขัดจากหวะจากสายตาอาฆาตของเคนเนธที่ส่งมาให้จนทำตัวไม่ถูกราวกับถูกแช่แข็งไว้ เราจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตาแต่คนละความหมาย เคนเนธคงจะสื่อถึงความโกรธเคืองอะไรบางอย่างในตัวผม ส่วนผมนั้นกำลังกลัวนิ่งค้างจนไม่สามารถละสายตาไปจากเคนเนธได้ และในขณะเดียวกันที่ลีวายส์ใส่สร้อยให้ผมเสร็จ เคนเนธก็เดินสวนกลับมาหาผม และก้มลงกระซิบประโยคที่ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าลีวายส์อีก และรู้สึกเจ็บปวดข้างในที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูก
‘อย่าลืม...ในขณะที่นายกำลังมีความสุขแวร์วูฟกำลังทุกข์ทรมานเพื่อนายอยู่’
ใช่ ขณะที่ผมกำลังมีความสุขอยู่กับลีวายส์แวร์วูฟกับทุกข์ทรมานอยู่ภพคนตายเพื่อผม ผมนี่ก็เป็นพี่ที่เลวจริงๆ เมื่อวานร้องไห้แทบเป็นแทบตายเพื่อต้องการเจอแวร์วูฟและขอโทษ แต่วันนี้ผมกับมาฉลองครบรอบ 2 ปีของผมกับลีวายส์อย่างมีความสุขแบบนี้ มันไม่สมเหตุสมผลกันเลย
“วันนี้นายดูเหนื่อยๆนะเป็นอะไรหรือเปล่า”ผมคงตกอยู่ในภวังค์มากเกินไปทำให้ลีวายส์ผิดสังเกตจนต้องถามผมด้วยความเป็นห่วง สีหน้าและแววตานั่นบ่งบอกถึงความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง ผิดกับผมที่กำลังบิดบังอีกฝ่ายเรื่องที่ผมกำลังเผชิญ รวมไปถึงความลังเลใจที่มีต่อแวร์วูฟที่ทำให้ผมต้องคิดหนักจนลีวายส์จับได้แบบนี้
“อืม แค่รู้สึกปวดหัวเท่านั้นเอง”ผมได้แต่โกหกไปแบบนั้น เพราะไม่อยากเล่าอะไรให้ลีวายส์ต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ เพราะถ้าหากผมคือทุกสิ่งทุกอย่างของลีวายส์ ลีวายส์เองก็ไม่ต่างอะไรกับทุกสิ่งทุกอย่างของผมเช่นกัน
“นอนพักก่อนไหม”
“ไม่ล่ะ อีกเดี๋ยวฉันก็กลับแล้วล่ะ”สีหน้าของลีวายส์ส่อแววผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความเป็นห่วงอยู่ จึงไม่ได้ค้านอะไรนอกจากบอกจะขับรถไปส่งผมเท่านั้น
หลังจากที่ลีวายส์ขับรถมาส่งผมและนั่งแท็กซี่กลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนของผมอย่างเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและสมองที่มีแต่เรื่องให้คิดจนตีกันจนมั่วไปหมด เมื่อถึงห้องนอนของผมแล้วก็จัดการถอดเสื้อโค้ดตัวนอกและรองเท้าออกทันที และล้มตัวลงนอนบนที่นอนอย่างต้องการพักผ่อน
แต่หลับตาลงยังไม่ถึงนาที ก็รู้สึกถึงการมาของเคนเนธที่กำลังยืนมองมองอยู่ที่ปลายเตียง ซึ่งถ้าหากผมไม่รู้ว่าเคนเนธคือใครผมคงหลอนน่าดู เพราะนี่ก็ปาไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว และถ้าหากลืมตาตื่นขึ้นมาเจอใครที่ไหนก็ไม่รู้ยืนจ้องมองเราด้วยสีหน้าเรียบนิ่งมาที่ตนเองอย่างไม่ลดละสายตา จะมีใครบ้างที่ไม่หลอน
“เจ้าหนุ่มนั่นคงเป็นแฟนนายที่แวร์วูฟเคยพูดถึงสินะ”และแล้วเคนเนธก็เอ่ยขึ้นถึงลีวายส์ แต่ประโยคที่ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมานั่งเพื่อฟังอีกฝ่ายพูดชัดๆกลับเป็นประโยคที่ว่า แวร์วูฟเคยพูดถึงนั่นมากกว่า
“แวร์วูฟเคยพูดถึงลีวายส์ว่ายังไง”
“แวร์วูฟเคยมาเล่าให้ฉันฟังว่านายมีคนที่นายรักแล้ว พร้อมทั้งร้องไห้เสียใจทั้งที่เขาควรจะมีความสุขที่ได้กลับมาเจอนายอีกครั้ง....”
ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่นายตายไป นายคงทรมานมากสินะแวร์วูฟ แต่ในขณะเดียวกันฉันกำลังมีความสุขอยู่บนโลกมนุษย์นี้โดยที่ไม่ได้คิดถึงนายเลย ฉันไม่รู้ว่านายต้องทนทุกข์เสียใจกี่ครั้งตอนมีชีวิตอยู่ฉันเคยไม่รู้ว่านายเป็นยังไงบ้างหลังจากที่นายตายไป และฉันก็ไม่เคยรู้เลยว่านายรักฉันมากขนาดนี้ ฉันเอาแต่คิดว่านายต้องการจะกลับมาแก้แค้นฉัน โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือการทำพันธสัญญาระหว่างฉันกับนาย และฉันทำให้นายต้องกลับไปทุกข์ทรมานอีกครั้งจากการขับไล่ของฉัน...
“เคนเนธฉันต้องการจะไปหาแวร์วูฟ”
ความคิดเห็น