คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ความเจ็บที่มากกว่า100%
ความเจ็บที่มากกว่า
เวลา 03.15 น.
ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างได้จบลงแล้ว โดยการที่พวกคนที่ก่อปัญหาถูกจับแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยสรุปสาเหตุนั้นเกิดจากความเมาจนขาดสติ ทำให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันขึ้น ส่วนการที่คริสถูกยิงนั่นก็คือลูกหลงจากปืนที่อีกฝ่ายพกมาด้วยและเกิดการลั่นขึ้นมาในคลับ ทำให้กลุ่มโต๊ะข้างๆอย่างโต๊ะพวกผมโดนลูกหลงกันโดยง่าย และการที่เกิดลูกหลงนั้น ก็เกิดจากคริสที่เข้าไปห้ามและพยายามแย่งปืนมา แต่มันกลับลั่นขึ้นมาเสียก่อน
อย่างน้อยตอนนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะไม่ได้ถูกยิงโดนจุดสำคัญของร่างกาย ทำให้คริสรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่ก็เสียเลือดไปไม่น้อย แต่ก็ยังดีที่ทางโรงพยาบาลมีเลือดสำรองไว้ จึงไม่เกิดอันตรายใดๆ แต่ก็ยังคงต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลต่ออีกสักระยะ
และตอนนี้ทุกคนก็กลับกันไปหมดแล้ว หลังจากที่รู้ว่าคริสปลอดภัย ทุกคนก็ต่างโล่งอกและทรุดฮวบกันไปเป็นแถบๆ หลังจากรอหมอมานานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ขอตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปทำงานกันแต่เช้า
เหลือแค่ผมกับพอลในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่มีร่างของคริสนอนอยู่บนเตียงกับสายน้ำเกลือ และเครื่องตรวจชีพจร ผมและพอลก็ได้แต่นั่งบนโซฟาสีเขียวอ่อนอย่างเศร้าใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้จะโล่งใจที่คริสไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ เพราะผมไม่รู้ว่าแวร์วูฟจะกลับมาทำอะไรคริสในเวลาที่ผมไม่อยู่อีกหรือเปล่า
“นี่ไลแคนท์ นายไม่ต้องเศร้าขนาดนั้นก็ได้ มันไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย”เสียงของพอลเองก็เศร้าไปไม่น้อยกว่าผมเลยสักนิด ยังมีหน้ามาปลอบคนอื่นอีก เป็นห่วงคนอื่นเขาเกินไปแล้วนะ
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นผมก็อดเศร้าและโกรธในใจไม่ได้อยู่ดี ก็คนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้น่ะ มันเกิดจากฝาแฝดของผมไงล่ะ ผมรู้ว่าแวร์วูฟเองก็คงโกรธแค้นไปไม่น้อยกว่าผมตอนนี้เลย แต่ผลกระทบที่ได้รับมันแตกต่างกันนะ แวร์วูฟมีผลกระทบต่อจิตใจ แต่ของคริสมีผลกระทบทางร่างกาย ผมรู้ว่าคริสเองก็ผิด แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนคนสำคัญของผมต้องมาตายทั้งๆที่รู้แต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้หรอกนะ
ถ้าผมทายถูกว่าเป็นคริสตั้งแต่แรก และไม่มุ่งเป้าหมายไปที่เวอร์มูธ เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ทั้งที่รู้แต่ผมก็ห้ามแวร์วูฟไม่ได้ ผมนี่มันเป็นเพื่อนที่แย่จริงๆ!
“นายกลับไปเถอะ เดี๋ยวคริสฉันดูแลเอง คนอื่นกลับไปแล้ว นายเองก็ควรจะพักผ่อนนะ”พอลเอามือมาวางที่ไหล่ของผม ผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือนั้นและการสั่นเทาของมือพอล ซึ่งพอลเองก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผมสักเท่าไหร่ เพราะคนที่คริสสนิทมากกว่าผม นั่นก็คือพอลเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กของคริส
ผมเงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตากับดวงตาที่บวมเป่งมองไปที่ใบหน้าของพอลในตอนนี้ ถึงแม้พอลจะพยายามเบือนหน้าไปทางอื่น แต่ผมก็ตาไวแอบเห็นดวงตาคู่นั้นของพอลแดงก่ำแต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมา จงเจ็บมากสินะ ก็สนิทกันถึงขนาดนั้น
“ถึงจะไม่อยากไปก็เถอะ แต่ฉันก็ฝากทางนี้ด้วยนะ”ถึงแม้จะอยากอยู่ต่อแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงมีเรื่องต้องสะสางอยู่ดี อีกอย่างผมว่าพอลตอนนี้คงอยากอยู่เงียบๆในห้องนี้มากกว่า เพราะดวงตานั้นคงจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ
“อืม”พอลครางในลำคอเป็นคำตอบ ก่อนจะหลับตาลงแล้วเอนหัวลงบนโซฟาเพื่อไม่ให้น้ำตานั้นไหลออกมาต่อหน้าผม หลายคนอาจจะคิดว่าโอเวอร์ไปหรือเปล่าทั้งๆที่คริสก็ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ลองให้เพื่อนหรือคนสำคัญคุณโดนยิงต่อหน้าต่อตาโดยที่เราไม่สามารถช่วยอะไรได้ หรือต่อให้เป็นแค่อุบัติเหตุรถคว่ำบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆก็คงจะอยู่ไม่สุขแล้วเหมือนกัน ถ้าใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คงจะเข้าใจ…
ส่วนตอนนี้ผมคงต้องกลับบ้าน เพื่อไปคุยกับแวร์วูฟให้รู้เรื่อง ผมรู้ว่าแวร์วูฟหวังที่จะแก้แค้น แต่นี่มันถึงกับเกือบเอาชีวิตกันเลยนะ ผมยอมไม่ได้แน่ตอนแรกผมคิดแค่ว่าจะขู่ให้ขวัญเสียเล็กน้อยเท่านั้น แต่นี่มันเกินสิ่งที่ผมคาดหมายเยอะเกินไปแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเพื่อนของผมอีกแน่ ตราบใดที่ผมรู้ว่าแวร์วูฟยังต้องการจะแก้แค้นอยู่
ฉันจะต้องพานายออกไปจากชีวิตฉันและเพื่อนๆของฉันให้ได้ ถึงแม้จะต้องทำให้นายตายอีกรอบฉันก็จะทำ!!
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านของผม ผมก็ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อจะไปที่กระจกบานนั้น กระจกในห้องนอนของผม ที่เป็นสถานที่ปรากฏตัวของแวร์วูฟในวันนั้น !! แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกับแผ่นโน๊ตที่แปะไว้หน้าห้องของผม
แม่ไม่อยู่บ้านประมาณอาทิตย์นึงนะ ดูแลตัวเองด้วยนะลูกรัก
ดีเลย! ที่นี่ผมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าแม่จะได้ยินในสิ่งที่ผมจะพูดและกระทำต่อจากนี้!!
ปึง!
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้น้องบ้า ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก ออกมาสิ ออกมาสิโว๊ย!!”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็รีบวิ่งไปที่กระจกบานใหญ่ในห้องอย่างไม่รีรอ พรางตะโกนเรียกอีกฝ่ายด้วยความโมโหอย่างร้อนรน
…….
แต่ก็ไร้วี่แววของอีกฝ่าย กลับมีแต่เพียงความเงียบและเสียงหอบหายใจของผมเท่านั้นที่ดังขึ้นในห้องแห่งนี้ ผมเงยหน้ามองกระจกตรงหน้า ก็พบแต่เพียงตัวของผมเองที่ดูโทรมกว่าอาทิตย์ก่อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากการนอนน้อย กินอะไรไม่ค่อยลง รวมไปถึงการร้องไห้ในวันนี้อีกด้วย ทำให้สภาพของผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนป่วยที่กำลังจะตายในอีกไม่กี่วัน ใบหน้าขาวซีดเซียว ปากที่เคยสีชมพูฉ่ำตอนนี้ก็ซีดจนกลายเป็นสีชมพูอ่อนจนแทบไร้สีเลือด ดวงตาก็บวมเป่งแต่ยังดีที่ตาไม่ค่อยแดงเท่าตอนแรกแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมควรจะสนใจในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้ผมโมโหมากกว่านั่นก็คือความเงียบที่แวร์วูฟไม่ยอมปรากฏตัวออกมาให้ผมเห็น ทั้งๆที่ทุกครั้งโผล่ออกมาได้โดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยเรียก แต่ทำไมเวลาแบบนี้ถึงไม่ออกมา!
“ออกมาสิโว๊ย! อย่ามาทำตัวขี้ขลาด ทำอะไรไว้แล้วคิดจะหนีงั้นหรอ แกมันไอ้หน้าตัวเมีย! ถ้าแกไม่ออกมาฉันจะทุบกระจกนี่ทิ้งแล้วนะ ออกมาสิวะ!!”
‘แกน่ะสิบ้า ฉันยืนอยู่ข้างหลังแกตั้งนานแล้ว มัวแต่มองในกระจกอยู่ได้ คิดว่ามันจะสะท้อนวิญญาณฉันในนั้นได้หรือไง?’
อ่ะ อ้าว อยู่ข้างหลังหรอกเหรอ? ก็ใครจะไปรู้ว่าคราวนี้แกจะมาปรากฏตัวข้างนอกกันนน่ะ ปกติจะโผล่ออกมาจากกระจกนี่นา ผมบ่นกับตัวเองในใจ
“ทำไมถึงทำแบบนี้?!”หลังจากที่หันมาเผชิญหน้ากันแล้ว ผมก็โพร่งถามคำถามที่ค้างคาในใจทันที
‘ฉันบอกนายแล้วว่าฉันจะกลับมาแก้แค้น’ยิ่งเสียงนั่นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเท่าไหร่ นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรน
“แต่นี่นายเกือบฆ่าคนเลยนะ!!”
‘แล้วไง แล้วที่พวกนายทำกับฉันล่ะ!?’แวร์วูฟทำสีหน้าเหมือนไม่ใส่ใจ พร้อมกับแววตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่ผมเหมือนกับสิ่งที่ผมพูดนั้นไม่มีความหมายให้ต้องใส่ใจ
“แต่นี่นายตายไปแล้ว! ผีก็อยู่ส่วนผีสิ จะกลับมายุ่งกับพวกฉันอีกทำไม เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสักทีสิ เพราะไม่ว่ายังไงนายก็กลับมาเป็นคนไม่ได้อีกแล้ว นาย-ตาย-แล้ว แวร์วูฟ ได้ยินไหม!”ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดมันแรงเกินไปหรือเปล่า แต่นั่นคือความรู้สึกของผมตอนนี้ และนั่นมันกำลังทำให้แวร์วูฟแสดงทีท่าสนใจในคำพูดของผมมากขึ้นกับอารมณ์ที่เริ้มครุกรุ่น
‘ใช่ ฉันตายแล้ว และเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว….’
คำพูดนั้นดูเหมือนจะธรรมดาและเหมือนจะยอมรับความจริง แต่เมื่อพูดกับน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนั้น กับน้ำเสียงที่เงียบไปชั่วครู่ เหมือนกับยังพูดไม่จบประโยคนั่น ยิ่งทำให้ผมเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก
‘งั้นถ้าฉันฆ่าเพื่อนนาย แล้วบอกเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วเหมือนกันล่ะ นายจะรู้สึกยังไง!!’
และก็เป็นอย่างที่ผมคิด แวร์วูฟกำลังโกรธ โกรธมากด้วยจนถึงขั้นตะโคกใส่ผมเต็มน้ำเสียง จนผมเผลอถอยหลังไปหนึ่งเก้าด้วยความกลัวและตกใจ เพราะดวงตาของแวร์วูฟตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวมรกตเป็นสีแดงเพลิงแล้วน่ะสิ! แต่ผมจะมามัวกลัวไม่ได้ ชีวิตเพื่อนผมอยู่ที่ผมคนเดียวแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ตั้งห้ามแวร์วูฟให้ได้
“นายอย่าคิดที่จะทำแบบนั้นเชียวนะ ฉันต้องการมีพวกนั้นเพราะพวกนั้นเป็นเพื่อนรักที่ไม่เคยทิ้งฉัน!”
‘แล้วกับฉันล่ะ นายจะไปเข้าใจอะไร คนที่ได้รับความรักทุกอย่างทั้งกับครอบครัว และเพื่อนฝูง แล้วฉันล่ะ เคยได้รับความรักจากใคร ตั้งแต่เล็กจนโต จนฉันตาย ฉันต้องทนอยู่กับความเงียบเหงา เก็บตัวอยู่คนเดียว ได้แต่อิจฉาผู้คนมากมายที่มีความสุขจากการได้รับความรักจากครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่ฉันกลับต้องมาทนทุกข์คนเดียวกับความมืดและความเดียวดาย นายเคยเข้าใจฉันบ้างไหม คนที่มีแต่คนรักอย่างนายน่ะ!’
อึก!
ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก กับความรู้สึกของแวร์วูฟที่ปะทุออกมาผ่านคำพูดพวกนั้น ไม่ช่ว่าผมไม่เคยเห็นตอนที่แวร์วูฟต้องอยู่คนเดียวลำพัง ไม่ว่าจะตอนวันเกิดของพวกเรา ที่แม่ซื้อของขวัญให้กับผมคนเดียว หรือตอนที่ไปสนามเด็กเล่นกันตอนเด็กๆแล้วแวร์วูฟนั่งอยู่บนชิงช้ามองผมเล่นกับเพื่อนๆด้วยแววตาโศกเศร้า
‘ฉันเคยคิด ว่านายคือคนที่ดีกับฉันเพียงคนเดียวแม้มันจะเป็นเพียงแค่เวลาไม่กี่นาทีต่อวันที่นายดีกับฉัน แต่ฉันก็เชื่อมั่นอย่างนั้นมาตลอดว่านายคือพี่ชายที่ดีที่สุดของฉัน จนมาถึงวันที่นายพาไอ้พวกเลวนั่นมาข่มขืนฉัน และวันนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของฉันที่คิดจะแก้แค้นพวกนาย ที่ดีแต่ย่ำยีคนอื่น นายเคยรู้บ้างไหม? ตั้งแต่วันนั้นที่พวกเพื่อนนายข่มขืนฉันและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าฉันเป็นพวกฮิสทีเรีย (โรคขาดความอบอุ่นหรือขาดผู้ชายไม่ได้) ทุกคนที่ได้ยินข่าวก็เริ่มเข้ามาหาฉันเพื่อข่มขืน!...’
ผะ..ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ว่าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับแวร์วูฟด้วย!!
‘ฉันต้องทนให้พวกคนแปลกหน้าทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก คอยตามข่มขืนแทบไม่เว้นวันตั้งแต่นั้นจนฉันอายุ 15 ฉันต้องทนข่มขื่นอยู่แบบนั้นมาตลอด 2 ปี มันเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่ทรมานและน่าขยะแขยงที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา และนายรู้อะไรไหม ว่าทำไมฉันถึงเลือกคริสเป็นคนแรก ทั้งๆที่เวอร์มูธคอยกลั่นแกล้งฉันมากกว่าคริสด้วยซ้ำ?’
คำพูดนั้นยิ่งทำให้ผมสนใจในคำพูดของแวร์วูฟยิ่งกว่าเก่า เพราะผมก็คาใจเรื่องนี้อยู่ทั้งที่ผมคิดว่าการที่แวร์วูฟจะเลือกเวอร์มูธเป็นคนแรกไม่ผิดแล้วแท้ๆ แต่ทำไมกลับเลือกคริสเป็นคนแรก
‘เพราะมันคือคนที่คอยมาดักรอข่มขืนฉันเกือบทุกเย็น เพราะคิดว่าฉันเป็นตัวแทนของนายยังไงล่ะ!!’
“นะ..นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…ไม่จริงใช่ไหม?”ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยคริสทำแบบนั้นจริงๆอย่างนั้นหรอ ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องกันล่ะ อยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาแท้ๆ?
‘ฉันไม่ได้ขอให้นายเชื่อหรอกนะ เพราะคำพูดของฉันมันคงไม่มีค่าสำหรับนาย แต่แค่อยากให้รู้ไว้ ว่าทุกเย็นหลังเลิกเรียนคริสมักจะดักรอฉัน และทำกันที่ป่าหลังโรงเรียน….’
“แล้วทำไมนายไม่ขัดขืน!!”บอกตามตรง ตอนนี้มันโมโหมากจริงๆ ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งที่คริสทำหรือเพราะแวร์วูฟไม่เคยบอกผมเลยทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกันแท้ๆที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอนห้องเดียวกัน แต่ที่รู้ๆตอนนี้ผมโกรธมาก
‘เพราะฉันขัดขืนไม่ได้ไงล่ะ! เพราะทุกครั้งที่ฉันขัดขืนมันก็ขู่ว่า ถ้าฉันไม่ยอม มันจะไปทำกับนายแทน เพราะงั้นฉันถึงต้องทน!!’
“แล้วทำไมต้องทน ฉันไม่ได้ขอให้นายมาช่วยด้วยการเอาตัวเข้าแลกแบบนี้!”ผมแอบเห็นแววตาของแวร์วูฟวูบไหวอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ผมให้ความสนใจกับการกระทำของแวร์วูฟที่ไม่ยอมขัดขืนคริสเพื่อช่วยผมมากกว่า
‘ฉัน…ฉันยังพูดมันไม่ได้’เสียงนั่นแผ่วลงไม่เหลือเค้าความโกรธของเมื่อครู่นี้อยู่เลยแม้แต่น้อย พร้อมกลับดวงตาที่วูบต่ำลงอบ่างคนคิดไม่ตก
“ตอบมาสิวูฟ! ฉันเป็นพี่นายและคนที่ทำกับนายคือเพื่อนรักของฉัน ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เลยหรือไงกัน ห๊ะ!”ถึงแม้แวร์วูฟจะคลายความโกรธลงมาบ้างแล้ว แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่ได้ลดลงเลย เพราะผมยังคงสงสัยกับสิ่งที่แวร์วูฟทำ ทำไมต้องปิดบัง ทำไมถึงไม่ยอมพูดความจริง
‘ฉันพูดไม่ได้…ตราบใดที่นายไม่ได้รู้สึก…แบบเดียวกับฉัน’คำพูดนั้นขาดช่วงนิดหน่อย แต่ผมก็คงยังไม่เข้าใจในความหมายนั้นอยู่ดี
“หมายความว่ายังไง แล้วแบบไหนที่นายรู้สึก?”ผมจับไหล่ของแวร์วูฟให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม แต่แวร์วูฟก็ยังคงหลบสายตาผมมองไปที่อื่นอยู่ดี
‘ฉันบอกไม่ได้…’
“โอเค! งั้นฉันจะไม่ถามนายว่ามันคืออะไร แต่ฉันต้องการคำตอบว่าทำไมนายถึงปิดบังฉัน และจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายแบบนี้?”ผมพยายามกัดฟันพูดเพื่อลดระดับความโมโหลงเมื่อเห็นว่าแวร์วูฟลดความโกรธลงไปมากแล้ว
‘มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?’
“อะไรนะ?”ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไงกัน ยิ่งพูด ผมก็มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ
‘มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่ฉันตาย ฉันจะได้ไม่ต้องทนให้เพื่อนนายหรือใครต่อขายขืนใจฉันอีกไงล่ะ จะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บทนอิจฉานายที่มีคนรัก คนแคร์มากกว่าฉัน และที่ฉันไม่ยอมบอกนายเรื่องของคริส เพราะฉันคิดว่าต่อให้พูดไปยังไงนายก็ไม่ฟังอยู่ดี จะบอกหรือไม่บอกก็คงไม่ต่างกัน เพราะนายพูดเองว่าฉันเป็นฝาแฝดที่ร่านไม่เหมือนกับ….นาย’
คำพูดเหล่านั้นเหมือนมันกำลังเสียดแทงความรู้สึกผมยังไงไม่รู้แฮะ ยิ่งแวร์วูฟพูดความรู้สึกตัวเองให้ผมฟังมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าผม เป็นพี่ชายที่เลวมากเท่านั้น และก็จริงอย่างที่แวร์วูฟว่าต่อให้ผมรู้ผมก็คงไม่ห้ามอยู่ดี ไม่งั้นผมคงไม่ตามพวกนั้นมาข่มขืนแวร์วูฟแต่แรก แต่ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะตามมาด้วยเรื่องแย่ๆ จนทำให้แวร์วูฟต้องฆ่าตัวตายแบบนี้ ผมก็คงไม่ยอมเหมือนกัน
“ฉัน…ขอโทษ”ในตอนนี้ผมคงพูดได้เพียงเท่านี้สินะ ขอโทษกับความเป็นพี่ชายที่ผมไม่เคยมอบมันให้กับแวร์วูฟเลย
‘ฉันไม่รับคำขอโทษของนายหรอกนะ เพราะคำที่ฉันต้องการมันไม่ใช่คำนี้…และฉันพอจะรู้ว่าสิ่งที่นายต้องการในตอนนี้คืออะไร…’
เสียงของแวร์วูฟขาดช่วงไป ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างงงงวย ก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
‘ฉันจะไปจากที่นี่ และจะไม่กลับมาที่นี่อีก ต่อให้นายจะตะโกนเรียกฉันอย่างวันนี้ฉันก็จะไม่กลับมา…’
จุ๊บ
‘ลาก่อน พี่ชายของผม…’
สิ้นสุดคำพูดเพียงเท่านั้น ก่อนที่แวร์วูฟจะเดินผ่านร่างกายของผมทะลุไปที่กระจกเงาบานใหญ่ด้านหลังผม เมื่อได้สติผมพยายามที่รีบไขว่คว้าข้อมือของแวร์วูฟเอาไว้ แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ร่างของแวร์วูฟหายเข้าไปในกระจกแล้ว และคงจะไม่กลับมาหาผมอีก….
.................................................
ตอนนี้มายด์ไม่สบายอ่ะ อาจจะอัพช้าหน่อยนะคะ
แต่ก็จะพยายามแต่งเท่าที่ทำได้ค่ะ ขอโทษนะ
ความคิดเห็น