ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่8 สวรรค์รำไร(?)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 446
      3
      30 ส.ค. 56


     

    บทที่8

    สวรรค์รำไร(?)

    ข้ากับฟรานเดินขึ้นบันไดสีขาวสะอาดตาที่สูงเสียดฟ้า นี่ข้าเดินมาเป็นชั่วโมงแล้วทำไมยังไม่ถึงอีกเล่า ข้าเดินจนจะหมดแรงแล้วเนี่ย

    ฟราน เมื่อไหร่จะถึงเนี่ยข้าบ่นอุบ

    ใกล้แล้วล่ะ

    เมื่อสิบนาทีที่แล้วก็พูดแบบนี้ข้ามุ่ยหน้า

    ฟรานที่เห็นข้ามหน้างอก็ยิ้มนิดๆพลางใช้มือพัดให้ข้าอามรมณ์ดี

    ที่จริงมีทางลัดนะ แต่เจ้าต้องยอมอย่างหนึ่ง

    ยอมอะไร?”

    มันคงไม่ขออะไรที่เกินกว่าข้า(และหนังหน้าข้า)จะรับได้หรอกนะ

    เจ้าต้องให้ข้ากอดเอว

    แค่เนี๊ย!มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว มันจะมามีความเป็นสุภาพบุรุษอะไรตอนนี้ฟระ

    งั้นก็รีบเลย

    ได้เหรอ

    ไม่ได้มั้งไอ้หัวหงอก ฮ่วย! หงุดหงิด ฟรานเดินเข้ามาโอบเอวข้าก่อนจะ....

    วูบ!

    ข้ารู้สึกเหมือนเราว๊าบมายังไงอย่างนั้น เพราะพอลืมตาอีกทีที่ที่ข้าและมันอยู่ก็กลายเป็นหน้าประตูซุ้มสีขาวเสียแล้ว ทำไมไม่ใช้วิธีนี่แต่แรกเนี่ย!!!!

    ท่านฟราน!!!”น้ำเสียงแตกตื่นที่ดังมาจากซุ้มทำให้ทั้งข้าและฟรานหันไปมอง บรรดาพรามณ์และชีพรามณ์...โอเคย์ บรรดาพวกชุดขาวต่างวิ่งกรูเข้ามาหาไอ้ฟรานชนิดที่ทำเหมือนกับมันเป็นของหายากติดอันดับโลกอย่างนั้นแหละ ข้าที่อยู่ใกล้มันเลยเข้าไปเป็นจุดศูนย์กลางด้วยอีกคน

    ท่านฟราน@#%^@$#%*(#_*(&^#%@^

    ยอมรับเลยว่าฟังไม่รู้เรื่อง จะพูดทีละคนไม่ได้หรือไงเนี่ย

    เดี๊ยวก่อนสิ ข้าฟังไม่ทัน

    แค่ฟรานพูดแค่นั้นพวกมันก็หยุดกึก และแล้วพวกมันก็เห็นข้าที่ยืนหัวโด่อยู่

    แม่นางนี่ใครเพคะยัยชีพรามณ์คนนึงเอ่ยถามพลางชี้หน้าข้า ข้าว่าเจ้าอยากเรียกข้าว่านังนี่มากกว่านะ

    เอ่อ นางเป็น...คนรักข้าน่ะฟรานพูดก่อนยิ้มเล็กพอให้เห็นลักยิ้มที่แก้ม ส่วนข้านะหรือ....

    เจ้าก็พูดตรงเกินไป ข้าก็เขินนะว่าแล้วข้าก็ตีมันเบาๆที่ไหล่

    ไม่ต้องตกใจว่าทำไมข้าถึงตกลงปลงใจยอมให้มันเรียกแบบนี้ เพราะมันบอกว่ามนุษย์ที่จะขึ้นมาบนสวรรค์ได้ต้องตายแล้วหรือไม่ก็ควบตำแหน่งคนรักของมันที่เป็นมนุษย์ เห๊? สงสัยคำว่ามนุษย์เหรอ เอาเป็นว่าข้าอธิบายสั้นๆว่าเพราะสร้อยคอที่เจ้าฟรานมันให้ก็แล้วกัน

    คนรัก!!!”เหล่าสมาคมคนชุดขาวต่างตะโกนลั่น เดี๊ยวพ่อก็พาไปให้เคลฟเบลอฟกินซะนี่

    ข้า เทียร์ร่า  อลาวดี้ค่ะข้ายกกระโปรงสีขาวที่เพิ่งซื้อมาเมื่อครู่ขึ้นเล็กน้อยก่อนย่อตัวทำความเคารพและแนะนำตัวด้วยนามสกุลท่านแม่

    ข้าเงยหน้าจากการทำความเคารพก่อนจะส่งยิ้มหวานบาดใจชนิดที่ผู้ชายหลงใหล ผู้หญิงเคลิบเคลิ้มกันเลยทีเดียว ฟรานเดินเข้ามาโอบเอวข้า

    เจ้าทำดีสุดๆเลยอลาวมันกระซิบเบาๆ

    ข้าซะอย่าง เจ้ายิงมาขนาดไหนข้าก็ตบได้หมดแหละข้ากระซิบตอบมัน โดยไม่รู้ว่าภาพตรงหน้ากลายเป็นภาพสวีตสุดๆ ประมาณว่าคู่รักกำลังกระซิบบอกรักกัน

    ข้าว่าเราเข้าไปหาท่านพ่อของข้าดีกว่านะ อลาวดี้ที่รักพูดจบมันก็หอมแก้มข้าทีหนึ่ง

    ก็ดีนะ

    ข้ายิ้มรับมือหนึ่งจับแก้มข้างที่โดนหอม ส่วนอีกข้างก็บิดเนื้อมันและใช้ส้นเท้าที่ถูกบังด้วยชายกระโปงย่ำไปที่เท้ามัน ยอมเล่นด้วยแล้วได้ใจนะเจ้านี่ จากนั้นข้ากับมันก็เดินเคียงเข้าไปในซุ้ม แต่ก็ยังได้ยินเสียงนินทรา เอ๊ย เอ่ยชมไล่หลังมา

    ถึงจะอิจฉา แต่ว่าแม่นางคนนั้นดูเหมาะกับท่านฟรานมากเลยนะ

    ข้าควรดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยที่เหมาะกับเจ้าฟราน

    ฟรานมันเดินตรงเข้าไปยังปราสาทสีขาวงาช้างที่ลงลายสีทองงดงามสมกับเป็นสวรรค์ มันก้าวเท้าตรงไปด้านหน้าพลางจูงมือข้ามาด้วย ข้าก็ยอมให้มันจับเพราะข้ากลัวหลง ปราสาทมันกับของข้าพอๆกันแต่ไม่รู้ของมันจะมีซอยอะไรนักหนา นี่ข้ากำลังจำอยู่เนี่ยว่าตรงมาอย่างเดียวไม่ได้เลี้ยวไหน เผื่อหลงทางจะได้กลับถูก

    อ๊ะ! ท่านพี่ฟรานเอ่ยเสียงดีใจ เมื่อระหว่างที่เดินมามีชายสองคนตัดหน้ามัน คนแรกมีผมสีทองยาวสลวยถึงกลางหลัง แถมบนหัวก็มีลัดเกล้าเส้นเล็กคาดไว้ ดวงตาสีอเมทิตส์คู่สวยเรียวยาวดูน่าหลงไหลและแยกเพศไม่ออก-_-“ เขาอยู่ในชุดคลุมยาวกรอมพื้น ทุกอย่างดูดีหมดยกเว้นสีหน้านี่พี่ท่านจะหน้านิ่งไปไหนไปอยู่กับเจลาโต้เลยไป๊ ส่วนอีกคนสูงน้อยกว่าคนแรกเล็กน้อยเส้นผมสีขาวรวบเป็นหางม้ายาวเล็กน้อย นัยน์ตาสีไพลินดูนิ่งๆหรือเรียกได้ว่าหน้าตายชุดสูทสีขาวที่ถูกสวมทับด้วยผ้าคลุมสีขาวปักเลื่อมทองทำให้ข้าแยกออกว่าเพศอะไร

    ท่านพี่~~~~”ฟรานลากเสียงยาวก่อนที่จะ...กระโดดถีบเข้ากลางหน้าของทั้งคู่ จนทั้งสองหงายหลังลงไปกับพื้นชั่งเป็นการทักทายที่ดูกลมเกลียวดีจัง

    โฮ้ยๆ อะไรกันเนี่ยเจ้าฟราน มาถึงก็กระโดดถีบกันอย่างไม่เลือกพี่เลือกน้องเลยนะ เจ้าน่ะมันมีความเป็นผู้ดีบ้างหรือเปล่าที่ประเทศชาติร่มจมเพราะเจ้า แล้วอย่างนี้จะร้องเพลงชาติให้ใครฟัง

    ดูจากการพูดแล้วคนนี้น่าจะเป็นพี่คนรอง เพราะ...พูดมากเกินความจำเป็นตามคำบอกเล่า คุยเรื่องถีบลามไปยังเรื่องร้องเพลงชาติ มันเกี่ยวตรงไหนเนี่ย

    เจ็บ

    อันนี้พี่คนโตแน่นอน ท่านพี่คนโตเอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆก่อนจะ...

    พลั่ก!

    ฟรานโดนต่อยหมัดเดียวลอยละลิ่วปลิวไปไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้คงเข้าตำราพูดน้อยต่อยหนักสินะ

    ฟราน เจ้ายังไม่ตายใช่ไหม

    สบายดี....มั้งเสียงไอ้ฟรานดังไกลลิบๆ มันไปตกที่ดาวอังคารหรือไงฟระ

    ฟราน ผู้หญิงนี่ใคร?”พี่คนลองเอ่ยพลางชี้มาที่ข้า

    ไอ้ฟรานทึ่เดินมายิ้มรับคนรักข้า

    โลกแตก! เจ้ารู้ไหมมันเหมือนดาวกับอุกาบาตรเลยนะ คนสวยๆดูดีอย่างนี้ได้กับเจ้า มนุษยชาติถึงคราวปาวสารแน่ ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง อาเมน

    เอ่อ การที่ข้ากับมันเป็นแฟนกันมันถึงขั้นโลกแตกเลยเหรอแล้วพระเจ้านั่นพ่อท่านไม่ใช่หรือ

    โกหกพี่คนโตพูดบ้าง เอ่อ แค่นี้พี่ท่านไม่ต้องพูดก็ได้

    ข้าพูดจริงนะ นี่อลาวดี้ที่น่ารักของข้า

    ข้าเทียร์ร่า อลาวดี้ ยินดีที่ได้รู้จักท่านทั้งสอง

    เฟรนด์ นามสกุลเหมือนมันพูดจบก็ชี้ไปทางฟราน

    ข้าว่าท่านบอกไปเลยก็จบแล้วนะ จะทำให้มันยุ่งยากทำไมเนี่ย

    ไวท์ทีเซอร์ ฟีน องค์ชายอันดับที่สองของแดนสวรรค์ ชอบกินมะพร้าว มะนาว และส้ม เกลียดแมลงสาป หนู ตุ๊กแก จิ้งจก ชอบร้องเพลง ฟังเพลง เล่นเกมส์ นอนกลางวัน เครื่องดื่มที่ชอบน้ำพันช์และสุดท้าย ข้าไม่ใช่คนพูดมาก

    เหรอ~~  ข้าต่อทันทีที่เขาพูดจบ ถ้าท่านไม่พูดมาก ฟรานมันคงเป็นคนที่เงียบเลยแหละ ท่านพี่คนโตก็คงเป็นใบ้ไปเลย

    ข้าออยากให้เจ้าคิดดูดีๆอีกทีนะน้องสะใภ้เจ้าอยากได้ฟรานมันทำแฟนจริงๆน่ะเหรอ สงสารลูกที่จะออกมาบ้างนะ ดีไม่ดีอาจกลายเป็นปัญหาของสังคม ของโลก ของจักรวาลเชียวนะ

    สรุปพี่ท่านอยากให้ข้าเป็นแฟนเจ้าฟรานหรือไม่เนี่ย เล่นเรียกข้าน้องสะใภ้ขนาดนี้เนี่ย อีกอย่างข้ามีลูกไม่ได้ดังนั้นเรื่องเด็กเป็นปัญหาสังคมตัดไปได้เลย แค่เบลเฟ่ที่มีปัญหาสังคมไม่ชอบสุ่งสิงผู้คนก็พอแล้ว(ฮัดชิ่ว!//เบลเฟ่จาม)

    ข้าไปหาท่านพ่อก่อนดีกว่านะพูดจบฟรานมันก็ดึงข้าไปแบบไม่ทันตั้งตัวจนข้าเซถลาไปด้านหน้า ดีที่มันเข้ามารับทันเลยเกิดซีนหวานไปอีกซีน

    ข้าขอโทษเจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”

    ไม่ล่ะ ขอบใจ

    ว้าวๆๆ หวานแบบไม่มีตัวแสดงแทนเลยนะเนี่ย ถ้าต้องการตัวแสดงบอกข้านะข้าพร้อมเชียวล่ะ

    เกี่ยวไหมท่าน

    เลี่ยน

    จ๊ะ-_-

    ฟรานยิ้มแห้งๆก่อนดึงมือข้าไปอีกรอบ ข้าเดินไปพร้อมๆกับมัน ระหว่างทางมีคนก้มลงเคารพมัน พอเงยหน้าเห็นข้าก็ทำหน้าสงสัย ข้าเลยแยกยิ้มฟรีให้พวกมันเคลิ้มไป

    อย่ายิ้มมากนักสิ ข้าหึงนะมันว่าทีจริงที่เล่น ซึ่งคือมันกำลังตบมุกมานั่นเอง

    จะหึงอะไรล่ะยังไงข้าก็รักเจ้าคนเดียวอยู่แล้วข้ากัดฟันพูดอย่างเต็มกำลัง

    เสี่ยวเหมือนกันนะเจ้าน่ะ

    แล้วมันเพราะใครล่ะ(ฟระ)

    ประตูห้องโถงเปิดออกช้าๆ ทันทีที่เดินเข้าไปประตูห้องโถงก็ปิดทันที ข้ารู้นะที่ช้าเพราะอะไร ไม่ใช่ให้ดูอลังการหรอก แต่ว่ามันหนักไง เชื่อข้าเถอะข้ายกมาแล้ว

    ถวายบังคมเสด็จพ่อฟรานย่อตัวทำความเคารพ ข้าเลยย่อบ้าง

    พวกเจ้าน่ะออกไปก่อนไป

    ราชาสวรรค์ที่อยู่สูงเอาการออกปากไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไป และทันทีที่พวกนางออกไปท่านราชาสวรรค์ก็ถามขึ้นทันทีไง ไปเที่ยวแดนนรกมาสนุกไหม?”

    ก็....เฮ้ย! ท่านรู้ได้ไงเนี่ย!

    ข้าเก่ง

    พอกันทั้งพ่อทั้งลูกเลยเชียว

    อ้าว แล้วแม่นางคนนั้นคือใครกัน

    ข้าคือ....

    เขาคือเจ้าหญิงนรก

     ข้ายิ้มให้ราชาสวรรค์จนตาหยีก่อนหันไปหาเจ้าฟราน แล้วเอาหัวมันโขกเข้ากับเสาต้นที่ใกล้ทีสุด ชนิดที่ไม่สนว่าพ่อไอ้คนที่ข้าเพิ่งเอาหัวมันโขกเสาจะนั่งอยู่ตรงนี้

    ทำอะไรเนี่ย อลาวดี้!?”มันขึ้นเสียงสูง

    ข้าต่างตากที่ควรถามว่าเจ้าเล่นบ้าอะไร ถ้าจะบอกแล้วให้ข้าใส่สร้อยนี่มาทำขนมหม้อแกงอะไร ห๊ะ?”ข้าวีนมัน ก็ดูมันทำดิให้ข้าใส่สร้อย ให้เล่นเป็นคนรักของมัน แต่พอมาอยู่ต่อหน้าพ่อ มันก็บอกเลย ว๊ากกกกกก ข้าจะบ้าตายแล้วแกจะให้ข้าทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรฟระ!!!

    ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ลูกของเจ้าอลันสินะเจ้านะเสียงที่แทรกขึ้นทำให้ข้าหยุดไป

    อ่ะ เอ่อ เพคะ

    ไม่ต้องพิธีรีตองหรอกอลาวดี้ เจ้าก็เหมือนหลานข้า เรียกว่าท่านลุงก็ได้ท่านลุงยิ้มให้ข้าอย่างอ่อนโยน

    ซึ่งข้าไม่เห็นว่าจะเหมือนกับที่ไอ้ฟรานมันเล่าเลยสักนิด ไหนบอกพ่อมันน่ากลัว โหดร้าย ทารุณ นี่ที่ข้าเห็นท่านก็ไม่ได้ต่างกับพ่อข้าเท่าไหร่เลยนะเนี่ย

    ท่านลุงเป็นชายรูปร่างสมส่วน ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ทำให้ข้าเอาอายุไม่ออกจริงๆ เส้นผมสีขาวและนั้ยน์ตาสีม่วงเหมือนได้ฟรานเด๊ะ  แต่ว่านัยน์ตาสีม่วงนั้นข้ารู้สึกเหมือนมันสามารถมองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่งจนข้ารู้สึกหวั่นเกรงแปลกๆ

    อลาวดี้ เจ้าไปรอข้าที่สวนด้านนอกก่อนแล้วกัน เจ้าเป็นแขกขอคงต้องต้อนรับเสียหน่อย ส่วนเจ้า….ฟราน ข้ามีอะไรจะคุยกับเจ้านิดหน่อยพูดเสร็จท่านลุงก็กระโดดลงมาจากบรรลังอันสูงสุดทีนข้าว่าของข้าสูงแล้วเจอของท่านลุงไปแพ้เลย

    ข้าคำนับเล็กน้อยก่อนเดินออกไปตามที่ท่านลุงว่า ก็พ่อลูกจะคุยกันข้าไม่คิดไปฟังหรอก ข้าทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในสวยสวย แสงแดดจริงๆนี่มันก็ดีอย่างนี้นี่เองสินะ สมองคิดถึงคำนิยามเรื่องพ่อของเจ้าฟรานข้าไม่เห็นว่าจะเป็นดังมันว่า ท่านออกจะยิ้มแย้มสดใส…..

    โครม!!!

    จ๊ากกกกกก ท่านพ่อ ข้าจะไม่หนีไปเที่ยวที่แดนนรกอีกแล้ว!!!!!

    ….ซะเมื่อไหร่เล่า

     ข้าสะดุ้งทุกครั้งที่มีเสียงโครมคราม ไอ้ฟรานมันจะรอดออกมาครบสามสิบสองประการไหมเนี่ย เพียงไม่นานที่เสียงโครมคราม ปึงปัง ประหนึ่งสร้างบ้านเงียบลงท่านลุงก็เดินออกมาพร้อมกับเจ้าฟราน ท่านลุงยิ้มแย้มแจ่มใสให้ข้า ข้าก็เลยยิ้มแห้งๆตอบ และหากมองไปทางเจ้าฟรานที่เดินตามมาข้างหลังมันมีสภาพที่ไม่ได้ต่างกับการผ่านสมรภูมิรบมาเลยเชียวล่ะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า….อย่ามองใครที่หน้าตา อาจจะพาเอารับความจริงไม่ได้

    ท่านลุงทรุดตัวนั่งลงโดยมีเจ้าฟรานที่นั่งตาม ท่านลุงเสตามองเจ้าฟรานเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วโบกมือผ่านหัวมัน ชั่วพริบตาสภาพไอ้ฟรานก็กลับมาหล่อปิ๊งเหมือนเดิม

    แล้วเจ้าคิดยังไงถึงได้ตามเจ้าฟรานขึ้นมาล่ะนั่น?”ท่านลุงหันมาถามข้าที่นั่งอึ้งในการใช้เวทย์มนตร์ของท่านลุงอยู่

    อ่อ มันฉุดข้ามาข้าตอบไปตามจริง

    ท่านลุงเบิกตาก่อนหันกลับไปมองไอ้ฟราน มันหัวเราะแห้งๆ

    แหม ท่านพ่อก็เห็นอลาวดี้ที่น่ารักของข้าน่ารักขนาดไหน แล้วข้าเห็นเจ้าหงอยๆนึกว่าอยากมากับข้าเสียอีก

    เจ้าบ้านี่อย่ามาคิดเองเออเองได้ไหม ข้าไปพูดตอนไหนว่าอยากมากับเจ้าน่ะ!

    ข้าตวาดกลับในทันที แบบนี้ข้าเสียหายนะเนี่ย

    น่ารัก?”ท่านลุงทวนพลางเอามือลูบคางตัวเอง

    ท่านพ่อไม่รู้เหรอว่าแม่นางคนนี้เป็นคนรักของเจ้าฟรานเสียงที่เคยได้ยินเมื่อไม่นานมานี้แว่วขึ้นมา

    ทั้งข้า เจ้าฟราน และท่านลุงหันไปมองเสียงแทรกที่ไม่ได้บอกอารมณ์และกำหนดว่าประโยคที่พูดมามันเป็นประโยคคำถาม บอกเล่า หรืออะไร

    ขออภัยท่านพ่อที่เสียมารยาทท่านพี่ฟีนคล้อมหัวหน่อยๆโดยมีท่านพี่เฟรนด์คล้อมตาม

    คนรัก?”ท่านลุงหันกลับมามองที่เจ้าฟรานและข้าเหมือนต้องการถามว่าจริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่

    เอ่อเดี๋ยวข้าเล่าให้ท่านฟังนะท่านพ่อฟรานทำตาปริบๆเหมือนจะให้ท่านลุงสงสาร

    แต่อลาวดี้เป็น….ช่างเหอะท่านลุงเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกเงียบเอาไว้แทน นี่ท่านรู้อะไรเหรอ

    ข้าเห็นเจ้าม่อไปเรื่อยไม่นึกว่าจะมีตัวจริงกับเขาได้ท่านพี่ฟีนพูดด้วยใบหน้าตายสนิท ก่อนจะวางรายงานฉบับหนึ่งให้ท่านลุง

    ข้าไม่ได้ม่อไปเรื่อยนะท่านพี่ ข้าแค่กำลังหาคนที่ใช่เท่านั้นและอลาวดี้ก็คือคนนั้น

    มุกเยอะเนาะเจ้านี่

    บ้า!”

    เพี๊ยะ!!

     นอกจากที่ข้าจะตบมุกด้วยแล้วข้าก็ยังตบหน้ามันไปอีกทีหนึ่ง มันไม่พูดคงไม่มีใครว่าเป็นใบ้ดูสิท่านลุงเข้าใจผิดไปใหญ่แล้วเนี่ย

    หลังจากที่ท่านพี่ทั้งสองขอตัวออกไป เจ้าฟรานก็ต้องนั่งเคลียร์เรื่องความรัก(?)ยาวเหยียดให้ท่านลุงเข้าใจ โดยมีข้าคอยส่งสายตาอาฆาตรเป็นระยะๆทุกครั้งที่มันมั่วเรื่อง

    จะเรียกว่าเจ้าเล่ห์หรือขี้โกงดีนะเจ้าน่ะท่านลุงว่าอย่างปลงไม่ตกกับนิสัยลูกชายคนสุดท้องของท่าน

    เขาเรียกว่าฉลาดต่างหากท่านพ่อ

    คำว่าฉลาดสำหรับเจ้ามันดูดีไป ฟรานข้าแขวะ

    อลาวดี้ มีคนเคยบอกไหมว่าเจ้าเหมือนพ่อเจ้ามากจู่ๆท่านลุงก็เอ่ยขึ้น

    ข้าเคียงคอมองฟ้า ใช้ความคิดระลึกอดีต(เว่อร์ไป)ว่ามีคนเคยพูดแบบนี้กับข้าบ้างหรือเปล่า ก่อนที่จะส่ายหัว

    ไม่นะท่านลุง มีแต่คนบอกว่าข้าเหมือนท่านแม่

    ท่านลุงพยักหน้าพลางเอามือลูบคาง

    อลิซน่ะเหรอ

    ท่านรู้จักท่านแม่ข้าด้วยงั้นเหรอ?”

    ไม่ใช่แค่รู้จัก ข้าเนี่ยเคยชอบอลิซเลยล่ะ

     ง่ะ! แบบนี้ที่ท่านพ่อรู้จักท่านลุงคงไม่ใช่ว่าแย่งท่านแม่กันนะ นึกว่าเป็นเพื่อนกันดันกลายเป็นศัตรูหัวใจกันไปซะได้

    เจ้าไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นอลาวดี้ แม่เจ้าเลือกพ่อเจ้าข้าก็ถอย ข้าน่ะลูกผู้ชายพอนะจะบอกให้ แล้วอีกอย่างนานๆทีจะมีผู้หญิงมาชอบมันบ้างข้าเลยหลีกเต็มที่

    ข้างงกับประโยคที่ท่านลุงพูดมามากมาย

    มันหมายความว่าไงเนี่ยท่านพ่อ มีผู้หญิงมาชอบท่านอา

    เจ้าฟรานถามในสิ่งที่ข้าอยากรู้เป็นอย่างมาก ตอนนี้ข้าต้องการคำอธิบายก่อนที่อกจะแตกตายไปเสียก่อน

    ก็ตามนั้นนั่นแหละ อลาวดี้พ่อเจ้าน่ะเจ้าอลันน่ะ…”ท่านลุงดูทำใจลำบากในการพูดออกมา

    เจ้าอลันน่ะ ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชายมาชอบ ตอนแรกข้านึกว่ามันจะขึ้นคานซะแล้วก็เล่นสวยกว่าผู้หญิงขนาดนั้นท่านลุงเอ่ยย่างปลงตก

    ตอนเด็กๆมันเตี้ยจะตาย ข้ายังบังคับให้มันใส่รองเท้าเสริมส้นอยู่เลย ตอนนี้ก็ด้วยเพราะมันดันสูงไม่ถึงร้อยแปดสิบห้า

    นี่ท่านพ่อตอนเด็กนั้นสวย(?)จนท่านลุงคิดว่าจะหาแฟนไม่ได้เลยเหรอเนี่ย เหอะๆข้าชักหวั่นว่าหน้าข้าร่างผู้ชายจะเหมือนท่านพ่อจังแหะ

    ว่าแต่ท่านแม่ข้าเป็นใครกัน?”

    อ้าว! เจ้าอลันมันไม่ได้เล่าให้เจ้าฟังหรอกเหรอ

    ถ้าเล่าอลาวดี้ที่รักของข้าจะถามหรือท่านพ่อฟรานว่าก่อนจะเอี้ยวหัวหลบฝูงมีดบินที่ท่านลุงส่งมา ช่างเป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นเสียจริง

    คือข้าไม่อยากจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจท่านพ่อน่ะ ก็เลยไม่ได้ถามเลยสักครั้ง ว่าจะถามซีโร่อยู่เหมือนกันแต่ก็ดันลืมทุกทีข้าตอบตามตรง แค่เพราะข้าเกิดมาท่านพ่อถึงต้องเสียท่านแม่ไปแค่นั้นก็แย่พออยู่แล้ว

    พอกันท่านพ่อทั้งลูก ว่าแต่เจ้าซีโร่มันอยู่กับเจ้างั้นเหรอ!?”

    เอ่อ ใช่ค่ะท่านพ่อไม่ได้บอกท่าน?”

    ก็ใช่น่ะสิ เดียวนี้เยอะนะเจ้านี่ เดี๋ยวพ่อเอาชีปะขาวไปปล่อยในห้องเลยนี่ท่านรู้ด้วยเหรอว่าพ่อข้ากลัวชีปะขาว

    ว่าแต่ท่านแม่ข้าเป็นใครกันแน่ ท่านลุง

     แม่เจ้าเป็นเอ่อ….”ท่านลุงเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเริ่มนับนิ้ว นับทำไม?

    แม่ข้าเป็นอะไรงั้นเหรอท่านลุง ถึงได้ดูท่านพูดออกมาลำบาก แต่ไม่ว่าแม่ข้าจะเป็นอะไรข้าก็พร้อมจะรับบทพระเอกเชียวแหละข้า

    ไม่ๆๆ แม่เจ้าจะเรียกว่าประหลาดก็ได้อยู่ แต่ก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจอะไรหรอกแต่แค่ส่วนมันเยอะจนข้าต้องนับน่ะ

    ส่วนเยอะ?!!”ข้ากับไอ้ฟรานหันมองหน้ากัน

    เอ่อ ฟังนะ แม่เจ้าเป็นแวมไพร์สามในแปด มีเลือดนางฟ้าสองในแปด เลือดปีศาจอีกสองในแปด แล้วอีกหนึ่งส่วนก็เป็นมนุษย์

    เอ่อเยอะไปไหมนั่นแม่ข้า

    อ้าวท่านพ่อ แวมไพร์กับปีศาจมันคนล่ะสปีชี่ร์กันหรือไง?”

    ท่านลุงนิ่งไปครู่หนี่งก่อนจะถอนหายใจ

    เลือดปีศาจในตัวแม่เจ้ามันใช่ปีศาจธรรมดาซะที่ไหน ที่มันแยกจากแวมไพร์เพราะว่า….เลือดนั้นเป็นเลือดของปีศาจที่อยู่เหนือปีศาจ ซาตานไง แม่เจ้าเป็นธิดาองค์ที่หนึ่งแห่งราชาปีศาจที่สิบเอ็ด

    ช๊อคครับพี่น้อง นี่แม่ข้าเป็นถึงลูกสาวของราชาปีศาจ งั้นข้าก็มีเลือดปีศาจด้วยน่ะสิ ตั้ง ตั้ง สองในสิบหกแน่ะ! โวะ! ส่วนมันออกแนวมากไปนะข้ารู้สึกได้เลย

    แต่ว่าแม่เจ้านะเป็นคนที่ใจดีนะ เจ้าเองก็ลักษณะเหมือนแม่เจ้าอยู่บ้างท่านลุงว่ายิ้มๆก่อนเอ่ยต่อ ถึงแม่เมื่อเจ้าเกิดนางจึงต่อจากไปก็อย่าได้โทษตัวเองเลย พ่อเจ้าก็คงไม่โทษเจ้าเป็นแน่ เหมือนข้านั่นแหละ

    ที่ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าพอเจ้าฟรานเกิดมาท่านป้าก็เสียเหมือนกันงั้นเหรอ ข้าหันไปมองหน้าเจ้าฟรานเพื่อเป็นการแน่ใจในคำตอบ มันเพียงพยักหน้าเล็กๆแล้วยิ้มมาให้ข้าเท่านั้น

    จริงสิท่านพ่อ ท่านเคยได้ยินเรื่องสงครามศักสิทธิ์ไหม?”เจ้าฟรานหาเรื่องมาเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาได้ด้วยความเร็วแสง ขอยกรางวัลเปลี่ยนสีเร็วอวอร์ดให้มันไปเลย!

    สงครามศักดิ์สิทธ์? เจ้าไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหนกัน ข้าจำได้ว่าไม่เคยเล่าให้เจ้าฟังนะ

    พวกขุนนางนรกไงท่านพ่อ พวกนั้นเล่าให้ข้าฟังแต่ได้แต่น้ำไม่ได้เนื้อเลย

     เออนั่นแหละขุนนางข้าตัวจริงเสียงจริง ถ้าพวกเจ้าถามอะไรมันแล้วได้เนื้อเน้นๆเมื่อไหร่ล่ะก็ แปลว่าพวกมันต้องเป็นตัวปลอมชัวร์!

    สงครามนั่นเกิดขึ้นมาราวๆกว่าสี่พันปีได้แล้วนะท่านลุงลูบคางก่อนเล่าต่อตอนนั้นตัวแปรสงบศึกสำคัญมีสี่คน พ่อข้าหรือปู่เจ้า พ่อเจ้าอลันหรือปู่ของอลาวดี้ แล้วก็มนุษย์อีกสองคน เซนส์ดิลอฟ บลังซ์และทาเอลซัส นัวร์

    บลังซ์เป็นลูกของดยุคบราเธอร์อาแซงค์ ลูกคุณหนูอย่างบลังซ์น่ะไม่เคยสนใจสิ่งใด ไม่มีคำว่าเพื่อนสำหรับเขา ทุกอย่างคือเงินตราเท่านั้น แต่พอได้พบกับนัวร์ความคิดเขาถึงได้เปลี่ยนไป บลังซ์ได้รู้จักคำว่าเพื่อนจากนัวร์ที่เป็นเด็กกำพร้า เป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้งจริงๆท่านลุงพยักหน้ากับตัวเอง

    แล้วสี่คนนั้นไปเจอกันได้ยังไงเล่าท่านพ่อฟรานเร่ง

    ข้าว่านี่มันคงอยากรู้จริงๆแล้วล่ะคงไม่ใช่แค่เปลี่ยนหัวข้าการสนทนาเฉยๆ

    ก็หลังจากที่บลังซ์กับนัวร์เป็นเพื่อนกันแล้วสงครามก็เกิดขึ้น สงครามนี้คือสงครามของนรกและสวรรค์ บลังซ์ถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ฝั่งสวรรค์ส่วนนัวร์เพื่อความอยู่รอดจึงไปอยู่ฝั่งนรก แต่ทั้งคู่ก็ใช่ว่าอยากจะทำสงครามกันเอง พวกเขามีความคิดเดียวกันคือเขาไปหาหัวหน้ากองทัพของตนเองคือพ่อข้ากับพ่อเจ้าอลัน แล้วปรากฎว่าไม่ว่าจะพ่อข้าหรือท่านอาก็ไม่อยากทำสงคราม ทั้งสี่เลยร่วมมือกัน แต่ว่าปีศาจแห่งสงครามมันบ้าคลั่งไม่ฟังใครไม่มีใครคิดที่จะหยุด สุดท้ายนัวร์จึงใช้สิ่งที่เป็นสิ่งต้องห้ามของตนเอง มนตร์ชำระด้วยวิญญาณของเผ่าพันธุ์ศักสิทธิ์

    ท่านลุงเว้นให้พวกข้าลุ้นกันเล็กน้อย

    บทสรุปคือ นัวร์ได้เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อทุกคน ชื่อของเขายังมีจารึกไว้ข้างๆบลังซ์เลย เพราะว่ามนตร์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมันใช้วิญญาณผู้ใช้เป็นเครื่องสังเวย ทั้งร่างและดวงจิตจะกลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับมนุษย์ เพียงน้ำตาหยดเดียวก็หนักเกินไป ท่านลุงเอ่ยแล้วหลับตาลง

    หมายความว่าไงท่านลุง น้ำตาหยดเดียวก็หนักเกินไปข้าไม่เข้าใจจริงๆนะเนี่ย

    ร่างของนัวร์กลายเป็นสิ่งต้องห้ามของมนุษย์ เพียงแค่น้ำตาหยดเดียวของมนุษย์ก็มากพอจะทำให้ร่างของนัวร์สลายไป เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น และยังยอมให้บลังซ์สัมผัสเขาทั้งๆที่รู้ว่าตนต้องสลายไป สุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดก็กลายเป็นบลังซ์ เขาให้พ่อข้ากับท่านอาเชื่อมวิญญาณของเขากับนัวร์เพื่อให้ตนสลายตามอีกฝ่ายไป สุดท้ายที่รู้คือทั้งคู่ได้ไปเกิดเป็นลูกหลานของพ่อข้ากับท่านอา

    อ้าวแบบนี้ท่านก็อาจจะเป็นบลังซ์กลับชาติมาเกิดก็ได้นี่ฟรานชี้หน้าพ่อตัวเอง เจ้านี่มันไร้มารยาทจริงๆ

    ไม่ใช่แน่นอน พวกเจ้าเห็นแหวนที่นิ้วพวกเจ้าไหมล่ะ  

    ข้ากับเจ้าฟรานก้มลงมองแหวนตัวเองก่อนเงยขึ้นมองงหน้าท่านลุง

    มันเป็นแหวนของนัวร์กับบลังซ์ พ่อข้าบอกเอาไว้ว่าถ้าหากใช่บลังซ์กับนัวร์ตัวจริง แหวนนี่จะไม่หลุดออกจากเจ้าของ

    งั้นคงไม่ใช่ข้ากับอลาวดี้เช่นกันเจ้าฟรานเลื่อนแหวนเข้าออกนิ้วตัวเองให้เห็นว่าเอาออกได้ แหวนข้าก็ถอดออกบ่อยเวลาอาบน้ำอะไรประมาณนี้

    งั้นก็เป็นรุ่นลูกของเราเจ้าฟรานว่าพลางมองหน้าข้า

    อย่ามาใช้คำว่าลูกของเรา ข้าไม่คิดจะมีแฟนข้าเถียง

    เจ้าไม่คิดจะมีแฟน แล้วข้าล่ะ แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรกัน

    กิ้งกือข้าตอบหน้าตาย สกิลนี้ได้มาจากท่านพี่ฟีนเชียวนะเธอ

     

    ข้าเดินตามเจ้าฟรานไปยังห้องพัก แต่ที่สงสัยคือไอ้คนด้านหน้ามันกำลังท่องบทสวดสรภัญญะอยู่หรืออย่างไร เห็นมันเอามือลูบคางตัวเองพลางบ่นอะไรพึมพัมๆ หรือนี่มันเรียนคุณไสยมาจากเจ้าแบล็ก มันเดินพึมพัมเหมือนสาปแช่งใครไปเรื่อยๆก่อนจะ….

    ปัง!

     เดินชนเข้ากับประตูแล้วลงไปนอนนับดาวอยู่กับพื้นหน้าประตูห้อง

    มัวแต่บ่นอะไรอยู่ได้เจ้าน่ะข้าดึงมือมันลุกขึ้น มันปัดฝุ่นเล็กน้อยพอเป็นพิธี

    ข้ากำลังคิดว่าชื่อบลังซ์กับนัวร์มันคุ้นหูยิ่งกว่าอะไรดีซะอีกมันว่าพลางเปิดประตูห้องนอน

    เจ้าก็คงได้ยินจากพวกขุนนางนั่นน่ะแหละข้าที่เดินตามมันเข้ามาบอกเรียบๆ

    เจ้าฟรานทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาห้องของมัน ห้องมันเองก็กว้างพอๆกับข้าแต่ว่ามีเฟอร์นิเจอร์เต็มไปหมด แถมมีตู้หนังสือสูงท่วมหัวอีกสี่ห้าตู้ ห้องนอนเจ้านี่คงเป็นห้องเอนกประสงค์เลยสินะ

    ไม่ๆๆ ข้าว่าข้าคุ้นกว่านี้นะ

    เจ้าคงเจอในหนังสือเล่มนี้มั้งข้าหยิบหนังสือที่เขียนที่สันว่าสงครามศักดิ์สิทธิ์มาเปิดผ่านๆ

     เจ้าฟรานเลิกคิ้วสูงพลางมองที่หนังสือในมือข้าอย่างพิจารนา

    ถึงมันจะอยู่ในห้องข้า ข้าก็ไม่เคยเปิดอ่านมันเลยสักนิด

    ข้าเสรตามองมันนิดหน่อยก่อนกลับมาอ่านเนื้อหาในหนังสือบางส่วน ข้ารู้สึกว่าคำว่าเพื่อนของทั้งคู่ดูสำคัญมากกว่าสิ่งไหนๆ เพื่อนไม่มีขอบเขตไม่มีพรมแดน ไม่แบกแยกสูงต่ำ ของเพียงต้องการจะเป็นเพื่อนกันเท่านั้น

    ข้าเองก็อยากมีเพื่อนที่ดีแบบนี้บ้างนะข้าว่าลอยๆพลางมองเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้น

    ข้าเป็นให้ได้นะ

    ข้าหันมองหน้าเจ้าฟรานที่ยิ้มแป้นแล้วก็มีฟองสบู่กับดอกกุหลาบอีกแล้ว! มันกลับมาแล้วครับท่าน คนเป่าฟองสบู่กับคนปลูกกุหลาบมันกลับมาแล้วครับท่าน!

    ฟรานก้าวช้าๆมาหยุดตรงหน้าข้าก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือขวาแนบอกส่วนมือซ้ายจับไว้ที่มือซ้ายข้า

    ข้าไวท์ทีเซอร์ ฟิวส์เรียอาเนล ว่านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่คิดคนทรยศต่อมิตรแห่งข้า เซนส์ดิเฮลเลอร์ อลาว จะใช้ทั้งชีวิตปกป้อง ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ในจุดที่ตำสุดหรือสูงสุดข้าพร้อมจะไปกับเจ้าไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม และขอยกให้เจ้าเป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของข้า ข้าขอสัญญา

     ข้ายิ้มเล็กๆ

    ข้าเซนส์ดิเฮลเลอร์ อลาว จักขอสัญญาว่าต่อให้โลกนี้สลายไปมิตรภาพของเราจักไม่หายตาม แม้ข้าไม่ใช่คนที่ดีที่สุดแต่จักเป็นเพื่อนของเจ้าที่ดีที่สุด ข้าจะไม่ทรยศเจ้า ไม่ทิ้งเจ้า และเจ้าเท่านั้นที่ห้ามทรยศข้าและห้ามทิ้งข้าไปไหนทั้งนั้น เพราะเจ้าเท่านั้นที่ข้าจะไว้ใจที่สุด ข้าขอสัญญา

    ข้ากับมันมองกันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มและเอ่ยออกมาพร้อมกัน

    ข้ารับสัญญาและข้าขอสาบาน

     สิ้นเสียงที่เอ่ยขึ้นพร้อมแสงจากแหวนที่สว่างขึ้น ภาพที่ไม่คุ้นเคยเข้ามายังสมองของข้าจะกลายเป็นภาพที่คุ้นเคย เสียงและถ้อยคำที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นเรื่อยๆ

    เจ้าเท่านั้นที่สำคัญที่สุด

    ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องตายเพียงผู้เดียว

    เจ้ารู้อยู่แล้วเหตุใดจึงไม่บอกข้า

    ต่อให้เจ้าตายหรือข้าตายไป ข้าก็มั่นใจว่ามิตรภาพของเราจะยังอยู่

    จำคำข้าไว้ไม่ว่าเจ้ายืนข้างใคร ข้าจะเป็นคนสุดท้ายที่ยืนข้างเจ้า

    หากเพื่อนข้าเป็นอะไรไป ข้าไม่ยอมปล่อยแน่

     แสงสว่างดับลงพร้อมกับเสียงที่เงียบลง ข้ากับมันมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะยืนขึ้น

    ฮ่ะๆ นึกแล้วเชี่ยวมาทำไมคุ้นจัง ชื่อเจ้ากับชื่อข้านี่เองมันยิ้มแห้งๆ

    ข้าที่กำลังพยายามถอดแหวนดูได้แต่พยักหน้าให้

    นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกเรานี่เองเนาะข้ายิ้มแห้งไม่แพ้มันแล้วเลื่อนแหวนให้มันดู

    ฮ่ะๆๆๆ

    ว่าแต่ ไวท์ทีเซอร์ ฟิวส์เรียอาเนล เนี่ยใครกัน

    ชื่อเต็มข้าเอง

    “!!!”

     

    ร่างที่แอบยืนมองอยู่นานหันหลังกลับออกไปอย่างเงียบๆ สองเท้าก้าวไปตามทางเดินที่ต่างมีผู้คนทำความเคารพเขาไปตลอดทาง มือเรียวเสยเส้นผมสีขาวที่ปรกหน้าให้ขึ้นไป

    อลันเสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายที่อยู่อีกด้านของกระจกทันทีที่เดินมาถึงห้อง

    ไอ้อลัน! ถ้าแกไม่รีบออกมาภายในสิบวินาที ข้าจะเอาชีปะขาวไปปล่อยไว้ที่ห้องเจ้า!”

    ไม่ได้ขู่นะเออเรื่องแค่นี้ทำง่ายจะตาย

    มาแล้วๆๆๆ จ้า โหย ประจำเดือนไม่มาเหรอฟีเนอร์อีกฝ่ายเมื่อมาถึงและเริ่มกวนบาทาคนฟังในทันที

    ไปตายซะ

    เฮ้ยๆ เรียกข้ามาเพื่อไล่ไปตายหรือไงกันน่ะท่านน่ะ

    เจ้าก็เลิกปล่อยหมามากัดข้าสักทีได้ไหมคนไล่คนอื่นไปตายบ่นอย่างปลงๆ

    แล้วท่านมีอะไรล่ะเนี่ย ถ้าเรื่องลูกข้าล่ะก็รู้แล้ว

    เรื่องลูกเจ้าแน่แต่ไม่ใช่เรื่องที่ลูกเจ้ามาที่นี่ แถมเกี่ยวกับลูกข้าด้วย

    หา? ทำไมล่ะลูกท่านปล้ำลูกข้าหรือไง เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงท่านก็รู้ลูกข้าเป็นผู้ชาย

                      คำพูดเหมือนจะตกใจเล็กน้อยแต่คนพูดกับทำท่าทางชิลล์เกินกว่าเหตุ

    ไม่ใช่เรื่องนั้น เรื่องบลังซ์กับนัวร์ต่างหากเจ้าทึ่มฟีเนอร์ชักหงุดหงิดเล็กๆที่อีกฝ่ายทำให้เขาเข้าไม่ถึงประเด็นสักที

    บลังซ์กับนัวร์ แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกของพวกเราจากที่นอนชิลล์เลยเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นนั่งเพื่อตั้งใจฟัง

    สองคนนั้นคือบลังซ์กับนัวร์

    ก็อตจี้โม้ จะใช่ได้ไงก็ในเมื่อตอนที่ฟรานเสียพลังวิญญาณที่นี่ อลาวก็ไม่เห็นเป็นอะไร

    ข้าไม่ได้โม้ แต่พันธะสัญญามันเพิ่งเริ่มทำงานตั้งหากเล่า

    อลันยิ้มแหยๆก่อนจะเอามือลูบคางตัวเอง

    เดียวข้าลองติดต่อท่านพ่อก่อนนะ ไม่รู้ไปเที่ยวอยู่ที่ไหน เจ้าก็ติดต่อท่านลุงซะล่ะพูดจบอีกฝ่ายก็ตัดการติดต่อไปจนฟีเนอร์อยากจะพังกระจกทิ้ง ถ้าไม่ติดว่านี่คือบานที่สี่สิบในรอบสองเดือนเขาก็คงทำไปแล้ว

       แต่ที่น่าหงุดหงิดคือนี่เขาต้องติดต่อกับพ่อบ้านั่นด้วยเหรอ!

     

    ร่างในเงามืดนั่งคนไวน์ในแก้วอย่าเบามือ รอยยิ้มเย้ยหยันเกิดขึ้นที่มุมบาง

    หึ ตอนนี้ไอ้อลาวมันไม่อยู่แล้วสินะ

    ก็ใช่ ทีนี้แหละเราจะได้ทำตามแผนที่เราวางไว้สักที นี่มันก็ช้ามาเป็นสิบปีแล้ว ใครจะไปคิดว่ามันจะทนทำตัวเป็นผู้หญิงมาได้ขนาดนี้  ข้านึกว่ามันจะทำความลับแตกตั้งนานแล้ว เราจะได้หาเรื่องไล่มันออกจากที่นี่ชายอีกคนกล่าวด้วยน้ำเสียงขำขัน

    หึ อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่มีเวทย์มนตร์แบบนั้น แถมยังติดต่อกับเจ้าชายสวรรค์อีก เราจะใช้ไอ้หัวขาวนั่นเป็นเครื่องมือชั้นยอดเลยล่ะไวน์สีแดงเข้มถูกกระดกเข้าปากไปพร้อมรอยยิ้มของผู้ดื่ม

    ใช้เวลาอีกแค่สามอาทิตย์เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในมือเรา

    สมน้ำหน้าไอ้ราชานรกหน้าโง่มัน หลงเชื่อพวกเราอยู่ได้

    สงครามจะต้องเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยมีพวกเราเท่านั้นที่ยืนอยู่ในตอนจบของสงคราม

    เสียงหัวเราะสองเสียงหัวเราะประสานกันท่ามกลางความเงียบของยามราตรี โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีแขกอยู่บนต้นไม้ แล้วแขกนั้นก็จากไปกับรอยยิ้ม

    เรื่องนี้ขออุบไว้ก่อนนะอลาวดี้ เดี๋ยวพวกเราสิบพ่อบ้านของอลาวดี้จะจัดการเอง

     

    *********************************************************TBC.*********************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×