คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7 ความวุ่นวายของสิบสองหัวหน้าหน่วย
บทที่7
ความวุ่นวายของสิบสองหัวหน้าหน่วย
หลังจากที่มองหัวหน้าของตนรับสายตาไปกับเจ้าชายสวรรค์ไม่นานประตูอีกบานที่อยู่ข้างๆกันก็เปิดออกเป็นสัญญาณว่ามีคนที่กำลังมาที่นี่อยู่
“ซีโร่~~~”น้ำเสียงแสบแก้วหูสุดๆที่ดังมาก่อนที่จะเห็นตัวของพี่น้องกำมะลออย่างชิลลี่และซัมวัน
ร่างสองร่างพุ่งออกมาจากประตูเป็นอันดับแรกก่อนจะโผลเข้าหาซีโร่ชนิดที่คนโดนกอดแทบล้มไปด้านหลังเลยที่เดียว
“กลับมาแล้วเหรอกไอ้เด็กขี้เก๊ก”แบล็กว่าก่อนหัวเราะหึๆ
“เออ ไอ้ก้อนมืดมนแห่งทศวรรษ”เบลเซ่ตอบกระชากเสียง
สตาร์ยืนมองไอ้คู่พี่น้องพ่อเดียวกันอย่างปลงๆ มันช่างเป็นบทสนทนาที่น่ารัก น่าฟัด น่ากระทืบให้จมดินจริงๆฟับฟ่าเซ่!!!
“กลับมาแล้วครับ คิดถึงจังเลย”เสียงแปดหลอดของคอรัสดังผ่าวง และแทบจะผ่าหูทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นออกเป็นเสี่ยงๆ
ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมคนด้วยเสียงเดินไปหยุดนิ่งอยู่หน้าพี่ชายของตน ก่อนสองพี่น้องสุดขั้วจะจ้องหน้ากันสิบวิ
“สบายดี”เจลาโต้เป็นผู้เอ่ยก่อน แต่เพราะไม่มีคีย์ในน้ำเสียงนั้นทำให้คนฟังคนอื่นๆแทบแยกไม่ออกว่าเป็นประโยคคำถาม คำตอบ หรือบอกเล่า
“อืม”
“ไม่ป่วย”
“อืม
“ก็ดีแล้ว”
“อืม”
เป็นอันว่าจบบทสนทนาพี่น้องที่น่ารัก(?)ไว้เพียงเท่านี้พอ
“เอ่อว่าแต่องค์….ท่านอลาวดี้ล่ะขอรับ”จัสตินที่ใช้สายตาสอดส่ายไปมาพลางถามหาผู้เป็นนาย
“เอ่อ….”
เหล่าหกหน่อที่อยู่ในนรกมาหนึ่งเดือนยืนหลบสายตาของอีกหกหน่อที่ติดแหง็กอยู่ด้านบนมานาน เดฟทอดสายตานิ่งๆไปรอบๆก่อนจะเอากำปั้นทุบลงบนมือตัวเอง
“นั้นสิเนาะ อลาวไปไหนล่ะ”
“คือว่า….”สตาร์เป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยออกมาเป็นคนแรก แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยได้จบประโยคดี เจ้าเสียงไม่รักดีก็หายเข้าไปในลำคอดื้อๆเพียงเพราะเดฟมองเขาที่อยู่ด้านข้างด้วยหางตา
“เดฟๆ นี่อย่าโกธรพวกเราเลยนะ”ซีโร่เอ่ยปรามเมื่อเห็นเดฟมองสตาร์ด้วยหางตา
“ใครโกธร…?”คนผมส้มปลายตากลับมาที่อดีตเทพแห่งความตาย
“ก็แล้วเจ้ามองสตาร์ด้วยหางตาทำไมเล่า?”สมายด์ที่ยืนนิ่งมานานเอ่ยขึ้นบ้างเพื่อสถานการณ์จะคลายลง
“ข้าไม่ได้มองด้วยหางตาเพราะโกธร แต่…..”
“ข้าแค่ขี้เกรียจหันไปมองแค่นั้น”
คำตอบที่ได้มาเล่นเอาเหล่าหัวหน้าหน่วยแทบลงไปนอนวัดพื้นให้รู้แล้วรู้รอดไป ส่วนต้นเหตุของปฏิกิริยากลับปลายตามองคนอื่นๆอย่างเงียบๆ ก่อนจะทำหน้ามึนต่อไป
“แล้วสรุปอลาวดี้ไปไหน”
“นั่นสิไปไหน”
ไอ้ตัวปัญญาอ่อนเบอร์หนึ่งและเบอร์สองถามขึ้น นี่ถ้ามันเติมคำนี้เข้าไป’นายคิดเหมือนฉันไหมบีหนึ่ง’
และ’ฉันคิดเหมือนนายเลยบีสอง’ จะเอามันไปเล่นกล้วยหอมจอมน่าจิ้นให้รู้แล้วรู้รอดไป อ้าวจะไม่ให้ชื่อนี้ได้ไงก็ในเมื่อแค่มันมองตามันก็รู้ใจกัน แล้วทำไมไม่มีใครจิ้นคู่นี้บ้างฟระ
“เอ่อ…อลาวดี้ไปกับ….”เสียงที่ดังในตอนต้นค่อยๆแผ่วลงในตอนปลาย
“หา? อะไรนะสตาร์ดังๆดิ”เบลเฟ่โวยพลางเอียงหูเข้าไปใกล้
“สรุปว่าไงเดม่อน ข้าว่าท่านน่าจะให้คำตอบได้นะ”เมื่อสตาร์ยังทำเสียงเหมือนกระซิบมดอยู่จัสตินจึงหันไปถามคุณพ่อบ้านตัวอย่างแทน
“เอ่..คือผมว่า…เอ่อ..มันไม่สำคัญเท่าไหร่มั้ง”
“ถ้าข้ารู้ด้วยสายข่าวของข้าพวกท่านคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”จัสตินพูดตามปกติแต่เหล่าคนฟังทั้งหกกลับสะดุ้งเฮือก
‘ซวยเฟตติวอล ดันลืมไปว่ามันเป็นหน่วยข่าวกรอง’
คน เฮ้ย! ยมทูตหกตนคิดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายแต่อย่างใดพลางมองอีกหกตนที่เหลือด้วยสายตาปริบๆ ก่อนจะเบนสายตาไปทางราชานรกที่ยืนเป็นตัวประกอบมานานมากแล้ว ท่านจ้าวนรกที่ยืนชมนกชมไม้ผิวปากอย่างสบายจิตกลับชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาหกคู่ที่มองมาทางเขา
“อลาวดี้ไปไหนครับท่านอลัน”เบลเฟ่เอ่ยถาม
อลันเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นคำถามก่อนจะยิ้มแล้วตอบออกไป
“อลาวไปสวรรค์กับฟรานน่ะ”
“ใครกันขอรับท่านอลัน?”:ซัมวันว่าพลางเอียงคอไปทางขวา
“นั่นสิใคร?”ชิลลี่ว่าตามพลางเอียงคอไปทางซ้าย
“ถามพวกเขาดูสิ”ว่าจบอลันก็เดินตัวปลิวไป ปล่อยให้หกสหายชะตาใกล้ขาดยืนอ้าปากพะงาบๆเป็นปลากระโห้ขึ้นบก
“ใครเหรอ บอกหน่อยสิท่านพี่ครับ”คอรัสเลือกถามกับพี่ชายอย่างเจลาโต้ และที่ได้กลับมาคือ....
“…..”แน่นอนความเงียบไง
“ฟราน..”เดฟเรียกชื่อนั้นนิ่งๆ
“อ๋อ…อาบังเงินกู้นี่เอง”ว่าพลางเอากำปั้นทุบมือตัวเอง
“เจ้าชายสวรรค์ต่างหากเจ้าบ้า!!! อุ๊บ!”หกหน่อกระโดดปิดปากกันและกันอย่างวุ่นวาย ก่อนเหล่ไปทางเดฟที่....ยืนมองด้วยสายตาที่เหนือกว่ากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่างไว้ใจทาง อย่างวางใจคนหน้ามึนเพราะมันอาจเป็นคมในฝัก น้ำนิ่งไหลลึก เสือซ่อนเล็บหรืออื่นๆ
“อ๋อหรอ เจ้าชายสวรรค์อย่างนั้นเหรอ”ที่เหลือนอกจากเดฟว่าพลางยิ้มสดใสน่ารัก น่าพาไปถามปกนิตยาสารชื่อ’ฆ่าอย่างไรไม่ให้เห็นศพ’จริงๆ
“เฮ้อ!”สตาร์ถอนหายใจยาวเหยียดหลังจากที่เคลียร์กับหกหน่อที่รอฆาตกรรมพวกเขาอยู่ทุกนาทีหากตอบไม่ตรงคำถาม ถามไม่ตอบ ตอบแล้วเกินความจริง หรือไม่มีเรื่องจริงอยู่เลย
“ป่านนี้อลาวดี้จะเป็นไงบ้างหนอ”ว่าพลางแยกวิญญาณไปพลาง และเขาก็บ่นแบบนี้มาสิบกว่ารอบแล้วจนลูกน้องข้างๆอยากจะบอกว่า ‘แล้วพี่ท่านจะปล่อยเขาไปทำไมครับผม?’
“ข้าเบื่อ ออกไปข้างนอกนะ”
ไม่รู้ว่าบอกลม บอกฟ้า บอกฝน หรือบอกใครเพราะพูดจบเจ้าตัวก็จรลีออกจากห้องไปในทันที
แอ๊ดด
เสียงประตูห้องเปิดอย่างเงียบ สาบานเลยเอ้าว่าเงียบแล้วแต่เพราะประตูมันฟืดสนิทและรักกับกรอบประตูอย่างกลมเกลียวเลยยากที่จะแยกมันออกจากกันซักหน่อย
กึก กึก
เสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินช้าๆเรียกให้สตาร์หันไปมองก็พบกับเจ้าของฝีเท้าที่เดินถือกองเอกสารที่ท่วมหัวมา ดีที่มีช่องว่างพอให้เห็นหัวส้มๆจึงเดาได้ไม่ยากว่าใครที่เดินมา
“เดฟ นี่เจ้าจะแบกมาทำไมเยอะแยะเนี่ย”สตาร์บ่นคนที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกน้องในเวลาเดียวกัน
“ข้าขี้เกรียจเดินหลายรอบ”
“แต่เจ้าทำข้าประสาทกิน! ข้านึกว่ากองเอกสารเดินได้ เวรกรรมผีหลอกยมทูต”สตาร์บ่นงึมงำ
“หัวหน้ายมทูตต่างหาก”
“เออ!”
และดูเหมือนเจ้าตัวบังเอิญจะวิ่งชนสตาร์เข้าอย่างจังเมื่อพ่อหนุ่มจอมมึนเสนอหน้าแบบที่ไม่มีใครต้องการ สะดุดชายผ้าคลุมตัวเองจนกองเอกสารเอนมาด้านหน้า
งานเข้า!
“แว๊กกกกกกกกก”สตาร์แหกปากหลับตาพลางยกมือขึ้นกันโดยสัญชาตญาณ
กึก
เมื่อไม่รู้สึกถึงการถูกกองเอกสารหล่นทับสตาร์จึงค่อยเปิดเปลือกตาขึ้น พบว่าเอกสารมากมายลอยละล่องอยู่กลางอากาศ
“สตาร์”น้ำเสียงเอือมสุดชีวิตที่ดังขึ้นทำให้คนผมสีเขียวทะเลค่อยๆหันกลับไปมองทางด้านหลัง
ซีโร่ทำสีหน้าปลงตกแบบสุดความสามรถก่อนเอ่ยขึ้น”ทำไมเจ้าไม่ใช้เวทย์มนตร์ช่วยเล่า เป็นผู้รักษาการแทนหัวหน้าสิบสามหน่วยยมทูตแต่การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเจ้าถึงได้ เฮ้อ!”
ไม่รู้ว่าเพราะเอือมที่จะพูดหรืออะไรทำให้คุณพ่อแห่งสิบสามหน่วยได้แต่ถอนหายใจ สตาร์ก็ได้แต่ยิ้มแห้งพลางมองเอกสารที่เริ่มลอยไปอยู่บนมือเดฟอย่างเป็นระเบียบแถมแยกประเภทให้อีกแน่ะ
“ข้าว่าข้าขอตัวดีกว่า”ว่าจบร่างนั้นก็หายไปด้วยเวทย์หายตัว
“ทีอย่างนี้ล่ะใช้เวทย์มนตร์”ซีโร่บ่นพลางส่ายหน้าก่อนเดินตรงเข้าไปหาเดฟ
“มาข้าช่วยถือ”
“ถืออะไร?”
“ก็เอกสารในมือเจ้าไงเล่า-_-“ “
ยมทูตที่เกือบติดคุกนรกข้อหา’ฆ่าหัวหน้ายมทูตตายด้วยเอกสาร’ทำหน้ามึนก่อนส่งเอกสารให้ซีโร่ช่วยถือ
“ทีหน้าทีหลังก็หัดระวังมั่งล่ะ”ซีโร่ว่าหลังจากที่ออกเดินมาได้สองสามก้าว
“อืม”
ซีโร่หันไปมองเดฟอย่างงงๆ พูดรู้เรื่องเร็วกว่าปกติ มันตงิดๆนะ
“ว่าแต่…ระวังอะไรล่ะ”
นั่นไง! แม่นยิ่งกว่าหมอดูไหนๆ
“เฮ้อ! ก็ระวังเรื่องเอกสารนี่แหละ”
ซีโร่ว่ายิ้มๆ เขานึกเอ็นดูความไม่รู้เรื่องของเดฟมากกว่าที่จะรำคาญ เพราะเดฟน่าสนใจตรงที่เป็นพวกคมในฝักที่ยากจะหาตัวเจอ
“เจ้านี่ดีจังนะ คนอื่นๆคอยแต่ตวาดข้า”เดฟพูดลอยๆ
“ข้าชอบเจ้าจัง แต่งงานกับข้าไหม?”
พรืด~
ซีโร่เหยียดชายผ้าคลุมตัวเองแทบลื่นล้มดีที่ทรงตัวเก่งเอกสารถึงยังอยู่ดีมีสุข
“เจ้าจะบ้าเหรอ! ข้าเป็นผู้ชายนะ แล้วข้าก็แก่กว่าเจ้าตั้งเป็น.....”ซีโร่สะอึก เขาเกือบเผลอพูดเรื่องอายุไปแล้วไหมล่ะ มันเป็นคำสั่งที่ตรงมาจากทั้งราชาสวรรค์และราชานรกที่เขาห้ามบอกอายุ เพราะทุกคนรู้แล้วว่าเขาเด็กกว่าฟีเนอร์แปดปี และเด็กกว่าอลันสามปี ถ้ารู้อายุเขาก็รู้อายุสองคนนั้นแน่
“เจ้าไม่เคยได้ยินเหรอ คนเราจะรักกันเหตุผลอะไรก็ไม่สำคัญ”
หลังจากนั้นซีโร่ก็ต้องปากเปียกปากแฉะอธิบายเรื่องทุกอย่างแทบตาย และสุดท้ายเดฟก็ยอมเลิกราไปเพียงเพราะซีโร่ไปตวาดเข้าให้
ก๊อกๆ
แอ๊ดดดดด
“เหวอ!”
ซีโร่ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผู้ที่มาเปิดประตูให้เขา
“ดะ เดม่อนทำไมเจ้าถึงได้หน้าตายังกับซอมบี้ดองเค็มอย่างนี้ล่ะ”
ซีโร่มองสะภาพโทรมๆของหัวหน้าหน่วยสิบอย่างเหวอๆ มันหน้ากลัวหยอกเรอะนี่ผ่านไปแค่ครึ่งวันทำไมสภาพยังกับผ่านไปครึ่งชาติอย่างนี้เล่า!
“เข้า มา ก่อน สิ”คนผมน้ำเงินเอ่ยปากชวน ดวงตาสีแดงที่โหลจนไม่รู้จะโหลยังไงพยายามสื่อแววว่า’มิตร’ออกมา
“ไม่ต้องมาลากเสียงเลย เดี๊ยวข้าก็จับเจ้าถ่ายหนังหารายได้เข้ากองทุนพัฒนาอาวุธซะหรอก”
ซีโร่เอ่ยเซ็งๆพลางผลักประตูเข้าไป
“แหว๊กกกกก”
แต่พอหันไปมองเดม่อนก็ต้องร้องเสียงหลงอีกรอบ แปลว่าหน้ากลัวจริงนะเนี่ย
“เจ้านี่อยู่กับวิญญาณชั่วร้ายมากไปหรือเปล่า จะกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายอยู่แล้วนะเจ้าน่ะ”ซีโร่เอ่ยเอือมๆพลางแยกวิญญาณชั่วร้ายที่ลอยอยู่
“เจ้า..ก็...มา...ช่วย...บ้าง...สิ...ข้า..จะ..ได้...ไม่...เป็น...วิญ...ญาณ...ชั่ว...ร้าย”
“ก็ช่วยอยู่เนี่ย แล้วก็เลิกพูดเสียงยานๆได้แล้ว”ซีโร่พูดเสียงสังกะตาย
“เอ้านี่”
“อะไร”เดม่อนก้มลงมาขวดใสที่บรรจุน้ำสีทองอร่ามน่าขาย
“ยาฟื้นพลัง”
พูดจบเดม่อนก็ยกมันกระดกทันที
“จากหน่วยสี่”
“อุบ แค่กๆๆๆ ท่าน ท่านว่าอะไรนะ”
“ยาหน่วยสี่เพิ่งทำเสร็จเมื่อวาน”
“นี่เจ้าให้ข้าเป็นหนูลองยา”
“อ่า”
“ท่าน!”
เดม่อนอยากจะให้คนทุกหน่วยมาอยู่ตรงนี้จริงๆ ใครพูดว่าซีโร่เป็นพ่อพระเขาคนนึงล่ะที่ไม่ใช่ ไอ้นี่มันร้ายลึกแถมร้ายกับเขาคนเดียวอีก หรือว่าจะได้โปรโมชั่นพิเศษเนี่ย
“เจ้าเป็นอะไรนักหนาเนี่ย”เดม่อนถามเสียงปกติพลางยิ้มสดใส
“ข้าเกลียดปีศาจ”
“.......”
“.......”
“งั้นข้าไปเดินเล่นข้างนอกนะ เจ้าก็เอาวิญญาณที่ต้องส่งไปเกิดกลับไปด้วยล่ะ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตกลง เดม่อนรีบออกมาจากตรงนั้นในทันที
“ไม่มีคนเห็นเรานะ”
“ปลอดภัยแน่นอน”
เดม่อนมองปัญญาอ่อนเบอร์หนึ่ง กับปัญญาอ่อนเบอร์สองที่หลบอยู่หลังเสาต้นเดียวกัน อยากจะบอกเสียเหลือเกินว่ามีเขายืนหัวโด่เห็นพวกมันอยู่ทั้งตน แล้วที่จะบอกอีกอย่างคือคือหัวพวกเจ้าเด่นโคตร!!!!! ซัมวันสีคาราเมล ชิลลี่สีเงินไฮไลท์ฟ้า ใครมั้นมองไม่เห็นก็ไหว้เลยเอ้า!
“ทีนี่ล่ะเราจะได้หนีเที่ยวกัน”ชิลลี่ว่าเสียงใส
“เย้ๆทะเล ทะเลนรก”ซัมวันเอ่ยสมทบก่อนมองซ้ายมองขวา...แต่ลืมมองหลัง
“มีแต่เดม่อนคงไม่เป็นไรหรอกเนาะเดม่อน”ชิลลี้หันไปถามคนที่ยิ้มแหยยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง
“อ้าวทำไมยิ้มแปลกๆล่ะ เดม่อนเส้นประสาทอักเสบเหรอ”ซัมวันเอียงคอถาม
“เอ่อ...ไม่ใช่..แต่...”
ชิ้ง!
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าฝึกบริหารหน้าน่ะ”
“หรอๆ หรือว่าเราจะไปสปาที่เมืองวิญญาณดี”
“นั่นสิข้าก็อยากทำหน้าบ้างนะ”
“เอาสปาแบบเย็นหรือร้อนดีล่ะ”
“ก็ต้อง.....เอ๋?”สองเสียงร้องประสานก่อนมองหน้ากันเมื่อเสียงที่เอ่ยถามไม่ใช่เสียงใครในสองคน
หัวหน้าหน่วยดูแลนักโทษทั้งสองค่อยๆหันหลังหลับไปมองด้านหลัง แล้วก็พบกับนักฆ่าหน้ากากตุ๊กตา...สมายด์นั่นเอง
“ว่าไง เอาร้อนหรือเย็นดีล่ะ ชิลลี่ ซัมวัน”
“ถ้าร้อนล่ะ”ซัมวันถาม
“จะพาไปคุกชั้นสี่”
“แล้วเย็นล่ะ”ชิลลี่ถามบ้าง
“พาไปคุกชั้นแปด”
สองคนมองหน้ากันก่อนจะออกวิ่ง
หมับ!
ฮูดคลุมหัวถูกคว้าจะด้านหลังก่อนทั้งคู่จะโดนลากไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่จะไป เดม่อนโบกมือลาพลางภาวนาให้ทั้งคู่ได้ออกจากคุกนรกในเร็ววัน
“พวกเจ้ารู้ไหมการหนีงานออกไปเที่ยวเล่นมันผิดกฎข้อที่แปดร้อยสามสิบเอ็ดของสภาหน่วยยมทูตว่าด้วยหากผู้ใดฝ่าฝืนกฎหนีออกไปเที่ยวในเวลาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือขอลาไว้ล่วงหน้าจะต้องโดนขังสิบวัน”สมายด์ว่าพลางลากสองหน่อจอมหนีเที่ยวมากับพื้นอย่างสบายใจ
“ไม่รู้คร้าบ~~”
“มันไม่ใช่ประโยคคำถามมันคือประโยคบอกเล่าดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องตอบ เข้าใจไหม?”
“ครับ”
สมายด์ยังคงลากและลากทั้งคู่ต่อไปดูท่าว่าจะไม่ได้ลากเพื่อไปคุกนรกอย่างเดียวแล้วล่ะ คงจะลากประจานไปด้วยแล้วล่ะ
พลั่ก!
สมายด์ที่เดินลากสองหัวหน้าปัญญาอ่อนชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่เดินตัดหน้าเขา จนเซถลาไปด้านหลังเล็กน้อยและเกือบจะล้มทับสองหน่อบ้าบอคอแตกที่นอนทำตัวขนานกับพื้นอยู่
“เดินไม่ค่อยระวังเลยนะ เจ้าหน้าแป๊ะยิ้ม หึหึหึ”
สมายด์มองคนที่ชนเขางงๆ หน้าไม่เคยเห็นแต่ทำไมถึงได้เรียกเขาแบบนี้
“นี่เจ้าน่ะหัดให้ความเคารพรุ่นพี่ที่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยบ้างสิ แบบนี้มันผิดกฎข้อที่......”
“เลิกแพล่มกฎอะไรนั่นให้ข้าฟังเถอะ แล้วอีกอย่างนะ หึหึ ข้าจำได้ว่าข้ากับเจ้าเข้ามาพร้อมกันนะเจ้าบ้าคุมกฎ”
“เจ้า......”สมายด์ที่กำลังจะเอ่ยถามว่าเจ้าเป็นใครต้องชะงักเมื่อซัมวันแทรกขึ้น
“เจ้า...แบล็ก!”
“ก็ข้าน่ะสิ”แบล็กเอียงคอลงเล็กน้อย
จะให้มองว่าเป็นแบล็กคงยากเพราะคนตรงหน้ามันเล่นเก็บผมที่ปิดตาขึ้นไปเหน็บกิ๊บไว้ แถมยังสวมแว่นสายตากรอบดำตัดกับใบหน้าขาว แล้วไอ้รังสีคุณไสยรอบๆมันหายไปไหนหมดฟระ หรือถ้าเปิดตาแล้วปล่อยรังสีไม่ได้ อืมน่าคิดนะ
“จะจ้องหน้าข้าอีกนานไหม หึหึ พวกประสาทกิน”ว่าจบแบล็กก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
‘หล่อโคตร!!!!!’
ก็สมกับที่หน้าตาดีอันดับสามล่ะนะ รู้แล้วว่าทำไมอลาวดี้ถึงยกอันดับนี้ให้มัน
“แล้วทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้ล่ะแบล็ก”ชิลลี่ที่เก็บความสงสัยไม่ไหวเอ่ยถาม
“ไอ้ขี้เก๊กมันให้ไหช่วยงานมันนิดหน่อย”
สมแล้ว เจ้าพ่อที่สามนอกจากหน้าตา น้ำเสียงแล้วสมองก็อยู่ที่สามกับเขาด้วย
“ข้าไปล่ะ”
“ชะ..โชคดี”
แบล็กเดินตรงไปยังห้องของน้องชายตัวแสบโดยแอบส่ายหัวเบาๆกับความไม่สมประกอบของหัวหน้าหน่วยแต่ละคน พอถึงหน้าห้องก็เคาะประตูพอเป็นมารยาท
แอ๊ดดดดด
“เจ้าเป็นใครน่ะ”ประโยคแรกที่ถามมาเล่นเอาแบล็กเลิกคิ้วสูง
“นี่เจ้า...จำพี่ตัวเองไม่ได้เหรอ?”แบล็กถามก่อนระเบิดหัวเราะลั่น
“เจ้า ๆๆๆๆๆ แบล็กเหรอ”
“พี่เจ้ามีหลายคนหรือไง หึหึหึ”คนพูดว่าพลางดันกรอบแว่นเลียนแบบน้องตัวเอง พลางเดินเข้าห้องไปพลางขำไปพลาง ส่วนเบลเฟ่ก็ยังทำหน้าเหวอๆก่อนจะรีบตรงเข้าห้องตามไป
“........”
“หึหึ จะยืนมองอีกนานไหมหรือรับไม่ได้ที่ข้าดูดีกว่า หึหึ”แบล็กว่าพลางอ่านรายงานที่เบลเฟ่สรุปไว้คร่าวๆ
“เจ้า! ไปติดโรคหลงตัวเองมาจากไหนกันเนี่ย”
“หือ?”
แบล็กวางรายงานในมือลงบนโต๊ะก่อนจะยืนหน้าเข้ามาใกล้ เอ่อ เรียกก้มดีกว่ามั้งเพราะเบลเฟ่เตี้ยกว่า
“ถามว่าติดมาจากใครนะเหรอ”แบล็กแสยะยิ้มตามปกติแต่มันดันกลายเป็นรอยยิ้มเทพบุตรไปซะงั้น
“ก็เจ้าไง”พูดจบก็เอานิ้วชี้จิ้มไปทีหน้าอกเบลเฟ่
“เจ้านี่นิ!”เบลเฟ่เสยหมัดเข้าใต้คางอดีตก้อนมืดมน แต่แค่แบล็กเอี้ยวไปด้านหลังก็พ้นแล้ว
หมัดของเบลเฟ่ถูกจับไว้อย่างง่ายดาย
“ที่สามกับสิบสามมันห่างกันเยอะนะเบล”แบล็กเอ่ยเสียงรื่น
“ว๊ากกกกกกกกก”เบลเฟ่แหกปากก่อนจะทั้งเตะทั้งต่อยแบล็กแต่แค่แบล็กดันหัวไว้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“เตี้ย”
ปึ๊ด!
“ตายซะเถอะแบล็ก!”
“หืม?”
“ข้าแด่สายเลือดบริสุทธิ์แห่งผู้อันเชิญ จงประจักษ์แก่สายตาข้า มังกรวารี เวทย์ประทับ!”
เสร็จการส่ายคาถาอันเชิญที่ถูกย่อซะจนเหลือนิดเดียว มังกรสีฟ้าตัวยักษ์ก็ทะยานขึ้นด้านบนและ...พังเพดานห้องทดลองไปเฉยชิบ ถึงจะบอกว่าที่สิบสามแต่ว่าอัจฉะริยะก็คืออัจฉะริยะวันยันค่ำ ที่อยู่ที่สิบสามเพราะเจ้าตัวไม่คิดสนในจะไปทดสอบฝีมือต่างหากเล่า แอบกระซิบเล็กน้อยที่แบล็กชอบข่มเรื่องลำดับที่ฝีมือปล่อยๆเนี่ยเพราะอยากให้น้องตัวเองไปทดสอบบ้างก็เท่านั้นแล.....
“หึหึ ข้าแด่สายเลือดผู้ศัทราความมืด จงสำแดงฤทธิ์แก่สายตาผู้เดินดิน จนตอบรับเสียงของข้าวิหคทมิฬ เวทย์ประทับ!”
แล้ววิหคสีดำสนิทก็พุ่งทะยายขึ้นท้องฟ้า(จากเพดานที่พังเพราะมังกรวารี)ก่อนที่มันจะ......!
“กี๊ก กี๊ดดด ก็(แปล:สบายดีไหมมังกรวารี)”
“ก๊าซซซซซซซ(แปล:ก็ดีนะ)”
“เฮ้ย! อย่าเพิ่งญาติดีกันซิว่ะ!”สองเสียงตวาดพร้อมกันก่อนหันมองหน้ากัน
“เลียนแบบข้าทำไม!”พูดพร้อมกันอีกแน่ะ
“เจ้านั้นแหล่ะ”แน่ะยังไม่เลิก
แชะ!
เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นบนต้นไม้ต้นที่อยู่ไกลจากบริเวณนั้นพอควร
“แหมให้ข้าส่องที่หน้าต่างซะตั้งนาน พังเพดานแต่แรกก็จบและ”จัสตินบ่นขำๆ
“ เป็นพี่น้องที่น่ารักอีกคู่นะ”จัสตินว่าพลางมองรูปในก้องถ่ายรูปที่ตนเป็นคนถ่ายเองกับมืออย่างภาคภูมิใจ
“แล้วอีกคู่จะเป็นไงบ้างหนอ”
ร่างเพรียวห้อยโหน กระโดดปีนไปยังต้นไม้ต้นต่างๆตามแบบฉบับนินจาสายข่าว ร่างในชุดดำสนิทมาหยุดที่ห้องอีกห้องที่อยู่ห่างจากตรงนั้นไม่มากนัก สายตาจ้องมองจากด้านนอกหน้าต่าง ส่วนหูก็รับฟังบทสนทนาที่แว่วมา
“สบายดีมั๊ย?”
“สบายดีไหม?”
“โอ๊ย! ท่านพี่ข้าบอกให้ขึ้นเสียงสูงไง ประโยคคำถามน่ะ”คอรัสโวยวาย
“ขี้เกรียจ”
“แว๊กกกกกกก อย่ามาใช้เหตุผลเดียวกันกับเจ้าเดฟนะ!!!!”
“งั้นก็เลิกโวยวาย”
เจลาโต้ทำสีหน้าเหม็นเบื่อเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนตายดันไปทำต่อมความรู้สึกหล่นหายไปหรือเปล่า คอรัสมองคู่นั้นก่อนจะเริ่มเก็บรูปถ่าย
“คู่นี้ก็คงได้ความนิยมไม่น้อย”
หัวหน้าหน่วยสายข่าวอมยิ้มพลางนึกถึงคอลั่มพิเศษของนิตรยาสารประจำนรกเดือนนี้ กับหัวข้อ’พี่น้องน่ารัก’
แต่ก็แทบลมจับเมื่อนึกถึงหัวข้อที่ได้มา มันตรงกับเหยื่อของเขาสักคู่ไหมเนี่ย น่ารัก หึหึ น่ารัก น่าฟัด จนน่าถีบ แถมด้วยน่าเอาอิฐทุ่มล่ะสิไม่ว่า ทะเลาะกันยังกับชาติที่แล้วมีใครไปวางเพลิงบ้านใครไว้
“เอาน่าอย่างน้อยๆคู่นี้ก็คง.......”
นิ่งครับนิ่ง จะไม่นิ่งได้ไงก็ในเมื่อคู่พี่น้องที่เขากำลังจะบอกว่ามันคงไม่ทะเลาะกันรุนแรงหรอก กำลังซัดกันอย่างเมามันส์ คนพี่ซัดน้ำแข็งใส่น้อง ส่วนคนน้องก็เสกทั้งฝืน ทั้งไฟใส่ พ่อแม่ไม่เคยสอนเรอะว่าไม่ให้เล่นฝืนไฟน่ะ!! นี่มันก็จะฆ่ากันให้ตายเลยใช่ไหม แท่งน้ำแข็งใสแจ๋วเย็นเจี๊ยบพุ่งไปเตรียมตัวเสียบคอรัสเต็มที่ แต่ยังไม่ทันเข้ารัศมีสองเมตรก็ละลายไปก่อน สูสีจริงๆ
“เฮ้ย!!!!!”จัสตินร้องลั่นเมื่อลูกหลงหลุดมาถึงตัวเอง
“อ้าว!/อาว จัสตินเจ้ามาทำอะไร”
“เอ่อ ข้ามาตามไปกินข้าวน่ะ”
หัวหน้าหน่วยสิบสองคนนั่งล้อมโต๊ะอาหารตัวใหญ่ ที่นานๆทีจะมีคนมานั่งครบองค์สักที เอ่อ จะว่างั้นก็ไม่ถูกหรอกนะเพราะที่จริงก็ไม่ครบหรอก
“ว้าวนานๆทีจะมีคนมาเกือบครบนะเนี่ย”สตาร์ว่าเสียงใสแจ๋ว
“นั่นสิ อลาวดี้อยู่ก็คงดี”เบลเฟ่ว่าเสียงเรียบ
“ถ้าไม่มีใครปล่อยอลาวไปคนคงครบสิเนาะ”จัสตินเสริม
เดม่อนปลายตามองไปทางสตาร์ประมาณว่าจะพูดให้โดนตัวเองทำไมเนี่ย
“ข้าว่าเรามากินข้าวกันดีกว่านะ”ซีโร่ขัดขึ้นเพราะเกรงว่าจะมีสงครามกลางโต๊ะแล้วอาหารมื้อนี้จะไม่ได้กิน กลายเป็นได้กินข้าวต้มงานศพแทนน่ะสิ
แม่ครัวนำกับข้าวนับสิบมาวางเรียงบนโต๊ะตัวยาว เรียกน้ำลายให้เหล่าหัวหน้ายมทูตไม่น้อย แล้วบรรยากาศก็กลับมาดีดังเดิม อาหารช่วยคุณได้
“ปลานี่อร่อยดีนะ”ชิลลี่ว่าพลางเคี้ยวแก้มตุ่ย
“ตัวใหญ่ด้วยนะ”ซัมวันก็ท่าเดียวกับชิลลี่
เดฟลูบหัว(ซาก)ปลาไปพลางฟังบทสนทนาไปพลาง ดวงตายังคงจ้องที่ตัวปลาที่น่าสงสารจับใจ(เดฟ)
“แน่ล่ะ ก็ข้าตกมานี่”คอรัสเอ่ยอย่างภูมิใจ
เดฟมองหน้าคอรัสสลับไปมากับหัวปลาก่อนจะ...ชักดาบคู่สามง่ามของตัวเองออกมา แล้วยืนขึ้น
“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ยเดฟ”หลายคนต่างส่งเสียงร้องลั่น
เดฟไม่พูดแต่ตรงข้ามโต๊ะกะจะเอาดาบสามง่ามทิ่มคอคอรัสอย่างเดียว จนหลายคนต้องโบกมือลาอาหารสุดหรูมาห้ามเดฟไว้ก่อน....
“มีอะไรหรือเปล่าอลาวดี้?”ฟรานถามข้าที่ยืนนิ่งอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าขณะรอมันจ่ายตังค์
“เอ่อ ข้ารู้สึกเป็นห่วงเจ้าพวกหัวหน้าหน่วยยังไงไม่รู้สิ หวังว่าคงไม่มีอะไรนะ”
***********************************************************TBC.******************************************
ความคิดเห็น