คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 คนเก่งมักโรคจิต !!!!!
บทที่3
คนเก่งมักโรคจิต
“!!!!!”
ข้าร้องไม่ออก หลับตาแน่นตามสัญชาตญาณและวาดหวังเป็นอย่างสูงว่าพวกลูกน้องข้าจะเคลื่อนไหวมาทันรับข้า
หมับ!
ข้าสึกได้ว่าถูกอุ้มอยู่ในท่าหญิง ทำไต้องท่านี้! ข้าลืมตาขึ้นพบว่ามือของตนเองโอบรอบคอคนที่มาช่วยข้าอย่างที่ไม่ทันรู้ตัว และคนที่มาช่วยข้า พวกเจ้าไม่ต้องเดาให้เปลืองสมอง เจ้าฟรานแบบจริงแท้แน่นอน มันลงสู่พื้นด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ผ้าคลุมของมันผลิ้วไสวเบาๆ มันเอียงคอทำหน้าคล้ายเหมือนสงสัย ก่อนทำจมูกฟุดฟิดๆ
“ข้าคาดว่าที่บันไดพังมันมาจากเวทย์มนตร์ เพราะข้าได้กลิ่นพลังเวทย์แถวนี้”มันเดินทำจมูกฟุดฟิดๆเข้าไปในดงขุนนาง ก่อนท่าหยุดอยู่หน้าขุนนางคนหนึ่งที่หน้าซีดเป็นสำลีแช่น้ำยาฟอกขาว
“และกลิ่นนั้นคลายกลิ่นที่มันลอยออกมจากตัวท่านนะ ท่านขุนนางคาวร์นี่”นี่เจ้าฟรานมันรู้ชื่อขุนนางของข้าได้ไงเนี่ย เจ้าขุนนางผู้ถูกกล่าวถึงดุ้งเฮือกรอบหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงพลั่กดังขึ้น ใช่ที่ว่าเจ้าฟราโดนทำร้ายแต่ไม่ใช่จากขุนนางแต่จากกข้าเองต่างหาก
“จะปล่อยข้าลงได้หรือยัง? ฟราน”ข้าเอ่ยเสียงหวานในขณะที่ข้าง้างมือขวาเตรียมทุบอกมันอีกรอบ มันถึงได้ยอมปล่อยข้าลงด้วยใบหน้าเสียดาย เจ้านี่มันเกินเยียวยาจริงๆ
“ท่านคาวร์นี่”ข้าเรียกเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ทราบว่อาการปวดท้องที่ท่านเป็นหายแล้วหรือยัง”
อากรปวดท้องที่เกิดจกการเสกหนังมังกรเข้าท้องที่ข้าให้แบล็กทำไง ว่ะฮ่าๆ
“ท่าน..ท่านรู้ได้อย่างไรกัน”เจ้าขุนนางพยายามพูดให้เป็นปกติที่สุด ทำได้แค่นี้เหรอ?
“รู้สิ ไม่มีอะไรที่เราไม่รู้หรอก แล้วเรื่องวิญญาณอาฆาตที่ตามท่านอยู่หากมีปัญหาจะไปปรึกษาท่านแบล็กก็ได้นะ เขาพร้อมให้คำปรึกษา”เพราะทั้งสามตัวที่เจ้าเจออยู่นั่นของแบล็กล้วนๆเลย ฮุฮุ
มันเริ่มสอดส่ายสายตาไปมาเหมือนหาคนช่วย ก่อนสุดท้ายจะก้มหน้ามองพื้น
“พวกท่าน ข้าจะประชุมสิบสามหน่วยยมทูต”คราวนี้ข้าไม่เชิญใครออกไปแถมยังยิ้มสดใสให้อีก เพียงแต่ข้าแค่หยิบเคียวสีดำอันยักษ์ของข้าขึ้นมาเท่านั้นเอง พวกนั้นเพ่นออกจาห้องภายในเวลาที่แค่ข้ากระพริบตาแล้วลืมตาขึ้นมันก็หายกันไปเกือบหมด นี่พวกเจ้าเป็นภาพลวงตาหรือไงกัน
“ท่านอลาวดี้ เกรงว่าท่านต้องชี้แจงอะไรกับพวกเราโดยด่วน”
“ขอข้านั่งก่อน”ว่าจบข้าก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ที่ไม่มีบันไดโดยมีเจ้าฟรานตามมาด้วย พอข้ามองจากที่สูง เฮ้ยนี่สิบสองสหายข้าหรือแค่ครึ่งเดียวเอง จากสิบสองเหลือหก พวกแกจะพร้อมใจไปติดอยู่ข้างบนกันทำไมเนี่ย~
“อธิบายโดยด่วน ทำไมหมอนั่นถึงได้มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยหนึ่งได้กัน”แบล็กเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
“เพราะข้าแต่งตั้งน่ะสิ”
“ท่านอลาวดี้ นั่นไม่ใช่ประเด็น ท่านเลิกโยกโย้แล้วตอบมาเสียที ท่านผู้นั้นเขาเป็นใครกัน เรื่องที่ท่านพูดให้พวกขุนนางสมองทึบฟัง ท่านกรุขึ้นใช่ไหมขอรับ”สมกับที่รู้จักข้าดีนะเจ้าเดม่อนนี่
“พวกเจ้าตั้งใจฟังข้าให้ดี”
พวกมันทำหน้าลุ้นระทึกราวกับรอหวยออกอยู่ มันจะเว่อร์ไปไหนกันเนี่ย
“ฟรานเป็นเจ้าชายของแดนสวรรค์”
เจ้าพวกนั้นยกเว้นเจ้าซีโร่พร้อมใจกันอ้าปากจะร้องหา ข้าจึงได้รีบเบรกหัวทิ่ม
“ใครร้องหาออกมา ข้าจะเอาไปเป็นของแทะเล่นของเคลเบลอฟ ช่วงนี้ไม่ต้องเฝ้าประตูมันยิ่งว่างอยู่”
ห้าสหายพากันหุบปากฉับพร้อมยกมือขึ้นตะครุบปากตนเองกันเป็นแถบๆ
“ฟราน ถึงข้าจะไม่อยากทำหน้าที่นี้เท่าไหร่แต่ข้าจะแนะนำเจ้าพวกนั้นให้เจ้ารู้จัก”ข้าทำเสียงแข็งใส่มัน มันเดินมาหยุดอยู่หน้าข้าก่อนจะใช้มือปัดผมขาวๆของมันให้พ้นหน้า
“แหม อลาวดี้ที่น่ารัก อย่ามาทำเสียงเย็นชาไปหน่อยเลย ทีเมื่อคืนเจ้ายังเรียกชื่อข้าซะหวานเชียว”
“เจ้าอย่ามาพูดจาอะไรที่มันชวนเข้าใจผิดจะได้ไหม!”ข้าตะโกนออกไปอย่างลืมตัว เห็นเจ้าพวกหกคนอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งที่เจ้าฟรานพูดหรือไม่เคยเห็นอาการฟิวส์ขาดของข้ากันแน่
“จะ...เจ้าจะมาเรียกอลาวดี้ที่น่ารักไม่ได้นะ มันซ้ำกับข้า”เฮ้ๆสมายด์ข้าว่านี่ไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่นะ
“ซ้ำงั้นเหรอ”มันก้มหน้ากุมขมับคิด ดูมันทำท่าราวกับนักเรียนที่สอบปลายภาคแล้วปรากฏว่าที่อ่านมาไม่ออกสอบอย่างนั้นแหละ (รู้สึกแบบไหน พวกเจ้าน่าจะรู้นะ)
“งั้นข้าจะเรียก อลาวดี้ที่น่ารักของข้า ก็แล้วกัน”
พลั่ก!!
ไม่ต้องรอให้มากพิธีหรือใช้เซลล์สมองสีเทาของข้าคิดอะไร ข้ายกเท้าขวาขึ้นถีบก้นมันเต็มๆ จนฟรานที่น่ารัก(คงรู้ว่าข้าประชด)หน้าทิ่มแล้วล่วงลงไปด้านล่าง แต่ว่ามันกลับหมุนตัวกลางอาการสามตลบแล้วลงไปยืนกับพื้นอย่างสง่างาม
“เจ้าทำบ้าอะไรน่ะอลาว!”
“ข้าก็ถีบเจ้าไง อย่ามาถามโง่ๆน่า”ข้าบอกปัดเสียงนิ่ง
“ถ้าข้าตายไปจะทำยังกันล่ะ”
“ก็เผา คืนแรกจะเอาอะไรก็บอกข้า เดี๋ยวข้าให้คนเตรียมข้า อ่อ แล้วเดี๋ยวข้ารัดคิวรายงานตัวพิเศษให้เจ้าไปรายงานตัวกับท่านพ่อข้าแบบเร็วที่สุดด้วย”ข้าลอยหน้าลอยตาพูด
“อลาว…”มันเรียกข้าเสียงซาบซึ้ง อย่าบอกนะว่าเจ้าซึ้งที่ข้าพร้อมจะจัดงานศพให้ แถมยอมรัดคิวรายงานตัวกับท่านพ่อให้น่ะ
“ที่แท้ที่เจ้าจะฆ่าข้า เพราะเจ้าต้องการพาข้าไปพบท่านพ่อเจ้านี่เอง ไม่เห็นต้องปากแข็งเลยที่รัก”
นี่แกใช้อะไรคิดเนี่ย ห๊า?!! ข้าชักไม่เข้าใจพวกชาวสวรรค์มากขึ้นแล้วนะเนี่ย
“ข้าว่าเรื่องนั้นพักไปก่อนไหมท่านอลาวดี้ ท่านฟราน”ซีโร่เอ่ยขัดด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“เหอะ! ข้าไม่แนะนำแล้ว พวกเจ้าแนะนำตัวกันเองเถอะ”ข้าพูดกระชากเสียงก่อนเชิดหน้าขึ้น
เจ้าฟรานหรี่ตามองข้าก่อนจะหันไปมองเจ้าพวกหกสหายที่เหลืออยู่
“ใช่ข้าจะง้อเจ้า ข้าชื่อไวท์ทีเซอร์ ฟราน เจ้าชายอันดับสามแห่งแดนสวรรค์ ยินดีที่ได้รู้จักพวกท่าน ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าที่ควร ฝากพวกท่านแนะนำข้าด้วย”เจ็ดสหาย (รวมข้าด้วย)อ้าปากค้างนิ่ง ก็ใครจะไปคิดว่าเจ้า
ฟรานมันจะพูดดีๆเป็น แถบยังมารยาทดีแบบไม่น่าเชื่ออีกด้วย
“ข้าเซนส์ดิเฮลเลอร์ สตาร์ หัวหน้าหน่วยสองหน่วยพยาบาลของที่นี่”สตาร์มองฟรานอย่างนิ่งๆเหมือนไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่
“อ้าว ท่านเป็นพี่น้องกับอลาวงั้นเหรอ”เจ้าฟรานเอียงคอถาม
“เปล่า แต่หัวหน้าหน่วยทั้งสิบสองคนที่เหลือต้องผ่านการสาบานแล้วใช้นามสกุลของราชวงศ์ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันและจะไม่ทรยศกัน”สตาร์อธิบาย
ข้ารู้สึกว่าเจ้าฟรานมันทำตาเป็นประกาย หรือมันหวังจะใช้นามสกุลข้ากันล่ะเนี่ย
“ข้าแบล็ก หน่วยสาม หน่วยลับและรอบสังหาร”เจ้าแบล็กแสยะยิ้ม’สะดุ้งโหยง’ให้เจ้าฟราน แต่เจ้าฟรานมันกลับยิ้มตอบอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ ข้าถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เลย
“ซีโร่ ข้าหาคนที่จะชกหน้าเจ้าได้แล้ว!”
“ท่านอลาวดี้ นี่ท่านยังไม่ลืมอีกหรือ”ซีโร่โพลงกลับมาแทบจะในทันที เจ้าพวกที่เหลือได้แต่มองว่าพวกข้าสองคนคุยอะไรกัน
“ซีโร่”ฟรานเรียกเสียงดีใจ
“ท่านฟราน”แต่เจ้านี่กลับตอบเสียงอ่อย
“เจ้าอยู่หน่วยไหน”
“หน่วยห้าครับ”
“อลาว ข้าจะขึ้นเงินเดือนหน่วยห้า”
“ได้สิ แต่เอาจากเงินเดือนเจ้าทั้งหมดนะ นั่นหมายความว่าเจ้าจะต้องกินแกลบ!”
มันมุ่ยหน้าลงแล้วบ่นอุบอิบขมุบ
“ข้าชื่อสมายด์อยู่หน่วยที่เก้า เป็นหน่วยคุมกฎน่ะ”
“เจลาโต้”
สั้น ง่าย ได้ใจความ=_=”
“ส่วนข้าเดม่อนหน่วยสิบ หน่วยปราบวิญญาญอาฆาตรขอรับ”เดม่อนโค้งตัวลงเล็กน้อยตามมารยาทของคุณพ่อบ้านตัวอย่าง
ฟรานพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม
“เอาล่ะๆ วันนี้คงไม่มีอะไรจะแจ้งพวกเจ้ามากไปกว่านี้เท่าไหร่นัก มีเรื่องอีกแค่สองเรื่องเท่านั้น”ข้าเอ่ยปากบอกกับเจ้าหกคนที่เหลืออยู่ เห็นแล้วเศร้า
“เรื่องแรก แบล็กข้าอยากให้เจ้าเสกอะไรก็ได้ที่มันร้ายแรงกว่าหนังมังกรเข้าท้องเจ้าขุนนางนั่นที แล้วก็เตรียมไว้อีกชุดเผื่อรองหัวหน้าหน่วยหนึ่งของเราด้วย”ข้าว่าเสียงเรียบก่อนแสยะยิ้มเรียนแบบแบล็กในตอนท้าย ข้าว่าน่าจะให้ผลที่ใกล้เคียงกันนะ
“ส่วนเรื่องที่สอง งานทั้งหมดของเจ้าหกคนที่ต้องติดแหงกอยู่ด้านบน เดี๊ยวข้าจะทำแทนเอง”
หกสหายหันมองหน้าข้ากันเป็นทิวแถว พร้อมส่งรังสีไม่เห็นด้วยออกมา
“ได้ไงอลาวดี้ที่น่ารัก งานทั้งหมดเหตุใดจึงต้องเป็นของเจ้า ให้พวกเราช่วยก็ได้นี่”สมายด์แย้งขึ้นมาเป็นคนแรก
“ไม่ได้หรอก ที่ประตูทั้งสองเสียข้าว่าสาเหตุต้องมาจากที่เจ้าฟรานมันดัดแปลงประตูสวรรค์เพื่อมาที่นี่ แล้วกระแสมิติเกิดแปรปรวน ประตูถึงได้เดสสะมอเร่แบบนั้น ส่วนหนึ่งสาเหตุที่มันมาที่นี่เพราะมันมาหาข้า ข้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย”ข้าเอ่ยเสียงเนือยที่สุดในชีวิต ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่เจ้าบ้านั่นมันต้องมาหาข้าแน่นอน
“แต่…”
“ไม่มีแต่ อย่ามาขัดข้าได้ไหม ข้ามันคนเอาแต่ใจนะ!!”ข้าตวาดกลับพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างบอกให้รู้ว่าถ้าไม่ได้ที่ข้าเอ่ยข้าก็ไม่ยอม จะมีหัวหน้าที่ไหนที่เอางานที่ตนต้องทำมาทำแล้วโดนลูกน้องขัดบ้าง เอาล่ะอย่างน้อยๆก็มีข้าคนหนึ่งล่ะ
“ท่านอลาวดี้ ข้ามีคำถาม”ซีโร่ยกมือขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ว่ามา”
“วันนี้อะไรเข้าฝันให้ท่านใส่ชุดปิดคอได้”ข้าว่าไม่มีใครสังเกตแล้วนะ พอเจ้าบ้าซีโร่พูดขึ้นคนอื่นๆเลยเออออห่อหมกด้วย ข้าเบนหน้าหนีไม่อยากจะตอบคำถามเท่าไหร่ จะให้ข้าพูดออกไปได้ไงล่ะ
“ที่รัก หน้าเจ้าแดงเป็นลูกตำลึงแล้วนะ”จู่ๆเจ้าฟรานที่ข้าคิดว่ามันยังอยู่ด้านล่างก็มากระซิบที่ข้างหูข้า
“หุบปากน่า!”ข้าตวาดพลางผลักอกมัน มันยิ้มร่าก่อนจะเอ่ยอะไรที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตข้า
“ก็บอกพวกเขาไปซิ เพราะข้าไซร้คอเจ้าจนคอเจ้าแดงเลยต้องใส่ชุดปิดคอน่ะ”มันพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในสามโลก พูดเหมือนมันกำลังรายงานข่าว พูดเหมือนคนอย่างมันมันไม่มียางอาย!! หกสหายที่ยืนอยู่อ้าปากค้าง พวกเจ้าลองนับสิเจ้าพวกนี้มันอ้าปากค้างกันไปกี่รอบแล้ว
“ท่าน…มันไม่จริง”สภาพเดียวกันทั้งนั้น ขนาดเจ้าแบล็กยังอึ้งจนลืมปล่อยรังสีคุณไสยออกมาเลย
“เจ้าบ้า เจ้าฟราน แกพูดอะไรออกมาไม่ทราบ นี่เจ้ามันเป็นเป็นยังไงนะถึงได้หน้าด้านแบบไร้ขอบเขตแบบนี้”ข้าทั้งทุบทั้งตีใส่มันสุดแรงที่มี
“นี่อลาวเจ้าเคยได้ยินคำว่า ตบจูบ ไหม”
“หะ….”ยังไม่ทันที่ข้าจะไห้อุทานอะไร เจ้าชีกอฟ้าประทานก็รวบมือข้าก่อนจะดึงข้าไปจูบปาก อ๊ากกกกกกกก แล้วข้าก็สลบคาอ้อมแขนมันไปตรงนั้นแหละ
ข้าลืมตาขึ้นด้วยอาการมึนงงเล็กๆ สิ่งแรกที่ข้าเห็นแทนที่จะเป็นเพดานลายประหลาดที่วกวนไปมากลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ข้าเห็นเป็นอันดับแรกคือ ดวงตาสีม่วงเข้มที่เกือบดำ เจ้าของใบหน้ายิ้มให้ข้าชนิดที่เป็นมิตรที่สุด ชนิดที่ใครต่อใครก็ต้องจำยอมโดยไร้ข้อกังขา
“ตื่นแล้วเหรอ เจ้าสลบไปนานพอดูเลยนะ”เสียงที่เอื้อนเอ่ยไพเราะชนิดที่คนฟังต้องเคลิบเคลิ้มไปกับน้ำเสียงทุ้ม
นุ่มลึกนั่น
แต่มันไม่ใช่กับข้า
ข้าใช้มือผลักหน้ามันออกแบบที่ไม่กลัวดั้งของมันบุบสลายแม้แต่สักนิด ก่อนที่จะลุกขึ้นขยำคอเสื้อเนื้อดีที่ข้าอยากใส่ของมันจนเป็นรอยยับ พร้อมเค้นเสียงถามอย่างเดือดดาล
“เจ้ารู้ตัวไหมว่าเจ้าทำอะไรไปต่อหน้าหัวหน้าหน่วยทั้งหกคนของข้า!!”ข้าตะโกนใส่หน้ามันเสียงดังสนั่น
“ข้าก็แค่จูบเจ้า”มันยังมาพูดเสียงเรียบ ข้าฉุนกึกกับคำว่าแค่ของมันอย่างแรง
“แค่เหรอ เจ้าพูดว่าแค่อย่างนั้นเหรอ!!”ข้าปล่อยมือจากคอเสือของมันแล้วผลักมันจนมันล้มลงไปกองกับพื้น ข้าไม่สนใจอะไรเดินกระแทกเท้าเปิดประตูห้องน้ำแล้วเข้าไปอยู่ในนั้นเสียงปิดประตูดังโครมจนข้าที่เป็นคนปิดยังปวดหู ไหงข้าถึงมาทำตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้เล่า แค่ถูกจูบข้าก็โกธรเป็นฟื้นเป็นไฟ ทั้งที่ก่อนหน้าข้าไม่เป็นอะไรเท่านี้ อาจเพราะโดนจูบต่อหน้าคนใต้บัญชาหรือเพราะมันไม่ใส่ใจว่าจูบที่มันทำพั่มเพื่อ
ข้าถูกสอนมาในฐานะเจ้าหญิงที่ข้าไม่ต้องการ แต่การเป็นเจ้าหญิงทำให้ข้าได้รู้อะไรในมุมมองที่แตกต่าง ถูกสอนว่าจูบนั้นสำคัญจะมอบให้กับเพศตรงข้ามที่รัก แต่นี่ข้ากลับถูกเพศเดียวกันจูบแบบนับครั้งไม่ท้วน! แถมไอ้คนจูบมันก็ดันขี้หลีเป็นสุดโต่งอีก ข้านั่งกุมขมับความคิดที่อยากเป็นไส้เดือนแว๊บเข้ามาในหัวข้าเป็นว่าเล่น
ก๊อก ก๊อก
“อลาว ข้าขอโทษ”เรียกที่แว่วมาจากอีกฝั่งของประตูไม่ได้ทำให้ข้าเลิกคิดที่จะเป็นไส้เดือนแต่อย่างใด
“นี่นอลาวข้าไม่ได้ต้องการทำให้เจ้าโกธร ข้าขอโทษ”
“อย่ามายุ่งกับข้า”ข้าเอ่ยเสียงเย็นที่สุดในชีวิต
“ข้าเห็นว่าก่อนหน้าเจ้าไม่ได้จะโกธรอะไรเสียขนาดนี้”
“ออกไปให้พ้นน่า!!”ข้าเพิ่มความดังของเสียง ข้ามั่นใจว่ายังไงมันก็ได้ยิน
“อลาวดี้เจ้าให้อภัยข้าเถอะ ข้ารู้แล้วว่าผิด”
ข้ากระชากประตูห้องน้ำออกก่อนจะตะโกนใส่หน้ามันแบบไม่มียั้ง
“ข้าบอกว่าอย่ามายุ่งกับข้าไง !”
แทนทีที่มันจะปิดหูหรือทำหน้ามุ่ย….มันกลับยิ้มออกมาก่อนจะดึงตัวข้าให้ออกมาจากห้องน้ำ
“อลาว ข้าคิดว่าเจ้าจะ…..”
“ท่านอลาวดี้ครับ”เสียงเรียกดังออกมาจากหน้าประตู หรือข้าตะโกนดังเกินไปอีกล่ะเนี่ย
“มีอะไร”ข้าปรับเสียงให้เป็นปกติแล้วถามกลับไป
“นักโทษนรกหมายเลข 8027 หลุดออกมาจากคุกนรก ตอนนี้เราต้านไว้ไม่อยู่แล้วครับ”
“แจ้งพวกหกหัวหน้าหรือยัง”
“ยังครับ”
“งั้นไม่ต้องบอกให้เจ้าพวกนั้นรู้ เดี๋ยวข้ากับรองหัวหน้าหน่วยของข้าจะไปจัดการเอง”ข้าพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินไปเปิดประตูโดยมีเจ้าฟรานตามมาแบบติดๆ
เพียงไม่นานนักข้าก็มาถึงคุกนรกที่ปกติแล้วมันเป็นหน้าที่ของเจ้าพี่น้องไม่แท้แสนปัญญาอ่อนชิลลี่กับซัมวัน แต่ว่าตอนนี้มันไม่อยู่ข้าที่รับหน้าที่ทำงานทั้งหมดของพวกหกตัวที่อยู่ด้านบนเลยต้องมาจัดการ ตอนนี้ข้ายิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วยนะจะบอกให้ ข้ามองไปยังเบื้องหน้าที่เป็นลานน้ำแข็ง โดยมีอสูรกึ่งกระทิงกึ่งคนตัวเท่าช้างแมมมอสยืนเหวี่ยงขวานอยู่ ข้านิ่วหน้าเล็กๆไม่ให้ชัดเจนพอที่เหล่าลูกหน่วยที่เหลืออยู่น้อยนิดของสิบเอ็ดและสิบสองเห็น ข้าสะบัดมือออกในมือก็ปรากฏเคียวสีดำเล่มยักษ์ ชุดที่ข้าใส่ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อโอเว่อร์โค้ชยาวถึงเข่าสีดำ กางเกงหนังขายาว กับรองเท้าบูทหนังที่ยาวครึ้งแข้ง มันก็ยังหนาวอยู่ดีน่ะแหละ!!
ข้าถีบตัวขึ้นอย่างไม่สนใจเสียงเรียกของเจ้าฟรานแม้แต่น้อย ข้าถีบเข้าหลังหัวของเจ้าอสูรวัวกระทิงนั่นพอดี มันหันกลับมาทางข้าแล้วคำรามก้อง ข้าหาได้สนใจตวัดขาเตะเสยปลายคางมันไปแบบเต็มแรงก่อนลงมาตั้งหลักที่พื้น มันเซเล็กน้อยก่อนคำรามก้องอีกครั้งพร้อมเหวี่ยงขวานในมือ ข้ากระโดดหลบจากบริเวณตรงนั้น พื้นน้ำแข็งแหลกละเอียดเป็นฝุ่นผง อย่ามาทำคุกที่ข้ากับเจ้าพวกสิบสองสหายทำพังสิฟระ!
“ปีกแห่งความมืด”ข้าเรียกปีกสีดำสนิทออกมา ปีกถูกสะบัดออกเล็กน้อยเส้นขนสีดำทมิฬปลิ้วว่อนไปทั่ว ให้ความน่าเกรงขามของข้าพุ่งสูงขึ้นอีกเป็นเมตร ข้ากระพือปีกบิดเข้าไปปะทะกับเจ้าวัวกระทิงนั่น เคียวในมือตวัดฟันเขาที่งองุ่มของมันขาดแล้วลวงลงสู่พื้นเบื้องล่าง ดูท่าว่าการกระทำของข้าอาจไปยั่วโมโหมันแบบจังเบอร์มันถึงได้กำเข้ากับปีกข้าในขณะที่ข้าบินหลบเพราะคิดว่ามันจะโจมตีที่ตัวข้า ไอ้บ้านี่นึกว่าเป็นแค่พวกก้อนเนื้อไร้สมอง ฉลาดเหมือนกันนี่หว่า ข้าสลายปีกแห่งความมืดที่เรียกมาใช้ได้ไม่เท่าไหร่เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นข้าจะจะต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้
ตัวข้าที่ไร้ปีกทิ้งดิ่งลงสู่พื้นเปลืองล่างตัวความเร็ว แต่แล้วเจ้าฟรานที่ข้าไม่เห็นมันอยู่ในสายตามานานก็โฉบเอาข้าไปไม่ให้ตัวแตะถึงพื้น มันวางข้าลงอย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้ม แต่แทนที่ข้าจะยิ้มตอบหรือเอ่ยขอบคุณข้ากลับเรียกปีกแห่งความมืดออกมาแล้วบินกลับไปสู้ต่อท่ามกลางสายตาประหลาดใจของพวกยมทูตคลุมกฎและสายตาหงอยสุดติ่งของเจ้า
ฟราน คิดว่าแค่นี้ข้าจะหายโกธรเหรอ ฝันกลางวันน่า!
แต่แทนที่ข้าจะได้เข้าไปจัดการเจ้าวัวกระทิงนั่นอย่างที่ตั้งใจ ข้ากลับถูกฉุดมือไว้ก่อนที่จะถึงตัวเจ้าวัวบ้านั่นพร้อมกับถูกเหวี่ยงไปในทิศทางตรงกันข้ามในเวลาเดียวกัน ตัวข้าลอยหวืดไปก่อนหยุดได้เพราะชนเข้ากับบาเรียที่นุ่มนวล ข้ามองไปยังไอ้บ้าที่กล้าขัดใจข้า แล้วยังเหวี่ยงข้ามาอีก แล้วไอ้บ้าที่ว่าก็คือ ฟราน! มันควงสามง่ามของมันอยู่กลางอากาศ ท่าทีดูสงบนิ่งแต่กลับดูน่าเกรงขามได้พอๆกับข้า นัยน์ตาสีม่วงเข้มจ้องมองเจ้าวัวเมายาบ้าอย่างไม่วางตา ใบหน้ามันยามสงบนิ่งดูน่ากลัวราวกับเป็นยมทูตอย่างนั้นแหละ!
มันมองเจ้าวัวนั่นอยู่ที่เดิมก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยมชนิดที่เหล่ายมทูตคุมกฎยังเกรงกลัว ถ้อยหนีออกมาจากรัศมีโดยรอบ
“เจ้ามันทอร์นี่นา ข้าเคยเจอเจ้าที่ไหนกันหนา อ่อจำได้แล้วตอนที่เจ้าบุกสวรรค์จะไปฆ่าพี่ข้าแล้วโดนข้าถีบลงมาที่โลกมนุษย์นี่เอง จำได้แล้วๆ”
หา! เจ้าเนี่ยนนะที่ถีบเจ้าบ้าวัวเมายาบ้าลงมาจากสวรรค์ จำได้ว่าเจ้านี่มาเป็นนักโทษเมื่อแปดปีก่อน ตอนนั้นข้าเพิ่งได้เป็นหัวหน้ายมทูตได้ปีกว่า เองและตอนนั้นข้าเองก็สิบขวบแถมดูท่าแล้วเจ้าฟรานก็ไม่น่าแก่กว่าข้าเท่าไหร่ ข้ามองเจ้า
ฟรานอย่างทึ่ง มันโม้ใช่ไหม คำถามที่ข้าถามในใจกลับถูกตอบกลับมาเป็นเสียงคำรามของเจ้าวัวบ้า ก่อนมันจะเหวี่ยงขวานมาทางข้า อย่ามาบ้าน่าข้ายืนดูอยู่นะเนี่ย(เมื่อกี๊ยังอยากลุยอยู่เลยไม่ใช่เรอะ?) เจ้าบราเรียนั่นมันก็ตรึงข้าไว้กับที่ไม่ให้ข้าขยับสักแอะ! เจ้าฟรานตัวต้นเหตูพุ่งมาผลักข้าไว้ได้พอดี แต่ขวานนั่นก็เฉี่ยวแขนเจ้าฟรานไปเป็นทางยาว โอ่ยยย นิยายมันต้องเป็นแบบนี้ทุกเรื่องเลยหรือไง ไม่มีแบบหลบพ้นแบบสุดกรู่หรือหลบไม่พ้นแล้วตายคาที่บ้างฟระ!
“เจ้าเป็นไรไหม?”
“ยังจะมีหน้ามาถามข้า เจ้าเป็นคนโดนเองแท้ๆ”ข้าว่ากลับไป แต่ว่ามันกลับยิ้มก่อนจะพุ่งตัวไปทางเจ้ากระทิง
“บัญชาจากข้าผู้เป็นนิรันดิ์ กักขังผู้ซึ่งต่อต้านตัวข้า ให้ตัวข้าเป็นดั่งสายลมที่ผูกมัด โซ่ตรวนเหมันต์”
ห๊า! นี่เจ้าไปรู้จักบทผนึกที่เป็นของนรกได้ไงกันเนี่ย ฟรานตรอกด้ามสามง่ามเข้าไปที่กลางตัวเจ้ากระทิง มันจึงหยุดอยู่กับที่แล้วถูกขังอยู่ในน้ำแข็งรูปทรงแปดเหลี่ยม เฮ้ยๆอย่ามาจบดื้อๆแบบนี้สิฟระ แล้วที่ข้าโชว์พาวล์กับที่เจ้าฟรานเก๊กหล่อมาตั้งหลายหน้าเนี่ยเพื่อโชว์ว่าฟรานมันใช้บทผนึกของนรกได้แค่เนี๊ย? เดี๊ยวข้าก็ก่อม๊อบประท้วงซะให้เข็ดหรอก
เปรี๊ยะ!
เสียงน้ำแข็งราวเบาๆ โอเคย์ จบก็จบ ข้าไม่ประท้วงหรือก่อม๊อบใดๆแล้ว อย่าให้มันหลุดออกมาอีกเลย พลีส~ ข้าเดินไปดูเจ้าฟรานช้าๆ ใช่ว่าเป็นห้วงนะแต่ข้าแค่…แค่..แค่…เออเป็นห่วงก็ได้ฟระ! มันเดินกุมไหล่หัวเองมาหาข้า ก่อนจะล้มทับข้าดังตุ้บ พอมันอยู่ใกล้ข้าถึงได้รู้ว่ากลิ่นไอวิญญาณของมันกำลังปั่นป่วน
“พวกเจ้า! มาพารองหัวหน้าข้าไปที่ห้องข้าที!”
*******************************************************************TBC.****************************************
TBC.
ความคิดเห็น