คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 33 : Accident
Chapter 33 -- Accident --
ในยามรุ่งอรุณวันหนึ่งที่เหล่านกน้อยทั้งหลายพร้อมใจกันส่งเสียงขับขานบทเพลงหวานหู ซึ่งยามรุ่งอรุณในวันนี้นั้นควรจะเป็นเหมือนดังเช่นทุกวันวาน
แต่มันกลับไม่ใช่!
นัยน์ตาหลากสีหกคู่เบิกกว้างราวกับจะถลนออกมาเบื้องนอกเป็นผีดิบตายซากได้ทุกเมื่อ ซึ่งมันก็มิได้แตกต่างไปจากสายตาของทุกชีวิตซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณโรงเรียนแห่งนี้ไปสักเท่าไหร่นัก พวกเขาล้วนแล้วแต่กำลังจับจ้องภาพเบื้องหน้าด้วยความตื่นตระหนก รู้สึกฉงนสงสัยเหลือคณานับ ในใจพานคิดสงสัยไม่หยุดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ภาพที่พิสูจน์ได้ว่ามิใช่ภาพลวงตาเพราะขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแดงเถือกมันก็ยังคงไม่เลือนหายไป และพวกเขาก็คงไม่เก่งกาจขนาดจะยืนหลับได้
...ภาพของชายในชุดสูทสีดำทมิฬจำนวนมากราวกับเป็นมาเฟียหลงถิ่นก็ไม่ปาน!
เมื่อลองมีสติพินิจพิจารณาดูดีๆ พวกเขาก็พบว่าในบรรดาชายชุดดำจำนวนมากนั้น มีเพียงสิบสี่คนที่แลดูโดดเด่นกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรังสีอำมหิตหรือ...หน้าตา
รังสีอำมหิตนั้น การันตีโดยเหล่านักเรียนชายที่ยืนขนลุกวูบ ลูบแขนไปมาอย่างสยดสยอง
ส่วนเรื่องหน้าตานั้น พิสูจน์ได้จากเสียงกรี๊ดและเสียงซุบซิบนินทาจากเหล่านักเรียนหญิง
แต่คงจะไม่มีใครยืนช็อกค้างได้ละม้ายคล้ายรูปปั้นหินไปมากกว่าหกชีวิตที่ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเบื้องหน้านั้นคือ ‘ใคร’ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสองพี่น้องตระกูลแฟทัลซึ่งได้ประสบพบเจอมาแบบตัวต่อตัว
ดิซัสเทอร์ เจ้าพ่อแห่งวงการมืด และกลุ่มนักฆ่าที่เลื่องลือนาม สิบสามมรณะ!
หากลองสังเกตดูให้ดีกว่าเดิม คุณจะพบเข้ากับร่างของผู้อำนวยการโรงเรียนที่ยืนเหงื่อตกซกๆ อย่างน่าสงสาร ทว่าก็ไม่มีใครเปี่ยมไปด้วยความเมตตามากพอที่จะเข้าไปช่วยเขาออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้นเพราะต่างก็รักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น ผู้อำนวยการโรงเรียนผู้น่าสงสารจึงยังคงจำต้องยืนเจรจาบางอย่างกับดิซัสเทอร์ต่อไป
สักครู่หนึ่งถัดมา ดิซัสเทอร์ก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนผงกศีรษะงกๆ ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ในขณะที่สิบสามมรณะบางคนคลี่ยิ้มบางเบาเล็กน้อยจนสร้างความสงสัยให้กับทุกคนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ที่สุดฟิวส์ก็ทนที่จะยืนมองอยู่เฉยๆ ในขณะที่ความสงสัยแทบจะทะลักออกมาไม่ไหว เขาคว้ามือฟรานที่ยืนอยู่ข้างกาย ก่อนจะพากันเดินดุ่มๆ ทะลุฝูงชนเข้าไปหาสิบสี่คนที่โดดเด่นที่สุดอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไรนัก
“อ้าว! ว่าไง? เจอกันอีกแล้วนะ”
คราแรกฟิวส์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าเหล่าสิบสามมรณะในยามนี้นั้นต่างปลดผ้าคลุมหน้าอันเป็นสัญลักษณ์ของนักฆ่าออกไปทั้งหมดแล้ว
ตอนแรกเห็น ฟิวส์นั้นแสนจะสงสัย แต่ในยามนี้เขาพอจะจำได้แล้วว่าชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างปราดเปรียวในชุดสูทสีดำที่แสนจะเข้ากันกับเรือนผมยาวสลวยถึงกลางหลังสีนิลกลมกลืนกับชุด รวมไปถึงนัยน์ตาเรียวสีมหาสมุทรรับกับใบหน้าคมสวยนั้นก็คือ เอิง หัวหน้ากลุ่มสิบสามมรณะที่ใครๆ ต่างก็ยำเกรง!
“แต่ฉันไม่ค่อยอยากเห็นหน้านายสักเท่าไหร่หรอกนะ”
ฟิวส์เอ่ยกัดกลับ หากเป็นคนอื่นคงมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดไปแล้ว แต่เขาคือ ‘เอิง’
...ผู้ซึ่งกำลังยืนหัวเราะร่าทั้งๆ ที่ถูกกัดไปอย่างเจ็บแสบถึงเพียงนั้น
“ว้าว...พี่เค้าสวยจังเลย!”
ฟรานทำตาโตพร้อมอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงน่ารักน่าเอ็นดู ในขณะที่คาร์และคิริวพยักหน้าเห็นด้วยอย่างสุดซึ้ง ทุกคนชะงักค้างไป มีเพียงเอิงที่หันมายิ้มหวานให้กับฟรานอย่างใจดี
สามเกลอหนุ่มน้อยหน้าสวยเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปสนทนากับเอิงไม่หยุดด้วยท่าทางสนิทสนมราวกับรู้จักกันมาหลายปีทั้งๆ ที่แทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ และนั่นทำให้ฟิวส์ แบล็ค และโซลได้แต่ยืนกุมขมับด้วยท่าทางจนใจ ก่อนที่จะต้องตีสีหน้าฉงนเมื่อได้ยินฟรานตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
“เอ๋! จริงเหรอฮะ?!”
“อืม...พวกเราสิบสามมรณะจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้”
เอิงตอบด้วยสีหน้าสดใส แตกต่างกับฟิวส์ที่ทำหน้าราวกับจะขาดอากาศหายใจตายโดยลิบลับ
ยังอุตส่าห์ตามมาวุ่นวายกันต่ออีกเรอะ?!
...ก่อนที่หนึ่งวันในโรงเรียนจะจบลงด้วยความฮือฮากับข่าวที่ว่าจะมีชายหนุ่มหน้าตาดีแบบหาตัวจับยากถึงสิบสามคนย้ายเข้ามา...
...และความคิดดังก้องโลกของฟิวส์ที่ว่า ‘จะขอเรียนจบแบบสงบสุขไม่ได้เลยหรือไงหา!’...
--Change! --
นัยน์ตากลมโตบ๊องแบ๊วสีเงินทอประกายวาววับแสนจะน่ารักอันเป็นเอกลักษณ์ของลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลแฟทัลลอบสอดส่องมองใบหน้าบูดบึ้งของผู้เป็นพี่ชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ร่างเล็กในชุดนอนสีหวานกับตุ๊กตาโลมาสุดรักสุดหวงในอ้อมกอดนั้นกำลังลังเลใจเป็นอย่างมากว่าควรจะเดินเข้าไปหาพี่ชายสุดที่รักตอนนี้ดีหรือไม่
ทว่าสถานการณ์ก็แปรผันอย่างรวดเร็วเมื่อนัยน์ตาคมกริบของฟิวส์กวาดมาพบกับร่างบอบบางที่แสนจะน่ารักสุดจะเกินห้ามใจไหว มือหนาตบดังปุลงบนฟูกบริเวณข้างกาย ฟรานไม่รอช้าที่จะพุ่งตัวเข้าไปนั่งอิงแอบพี่ชายของตนอย่างรวดเร็ว
“พี่ยังไม่หายหงุดหงิดอีกเหรอฮะ?”
“หายแล้วครับ ก็ฟรานของพี่ออกจะน่ารักขนาดนี้นี่นา”
หยอดคำหวานชวนอ้วกพร้อมกับอุ้มร่างเล็กๆ มาหอมซ้ายทีขวาทีอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงใสหัวเราะคิกคัก ใช้ตุ๊กตาโลมาในมือตีไหล่ร่างสูงอย่างเคอะเขิน ในขณะที่ฟิวส์เองก็หัวเราะร่าขยับมือปัดตุ๊กตาโลมาเป็นพัลวัน
สองพี่น้องเล่นกันอย่างสนุกสนานจนกลิ้งไม่เป็นท่าบนเตียงสุดหรูขนาดใหญ่ ก่อนที่สงครามย่อยๆ จะจบลงเมื่อพี่ชายผู้มีหางมารโผล่แบบลับๆ พลิกตัวตะปบแย่งตุ๊กตาโลมาจากมือน้อยมาได้ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าน่ารักพองลมอย่างงอนสุดโต่งจนต้องโอ๋กันเสียยกใหญ่
“พี่บ้า” แม้ว่าจะได้ตุ๊กตาสุดที่รักกลับคืนมาแล้วแต่ปากน้อยๆ ก็ยังไม่หยุดพร่ำบ่นอย่างชวนหมั่นเขี้ยว “ฟรานโกรธพี่ฟิวส์แล้ว”
ฟิวส์หัวเราะในลำคอกับคำพูดประกาศงอนกันเสียเป็นทางการ
“แล้วทำยังไงฟรานถึงจะเลิกโกรธพี่ฟิวส์คนนี้ล่ะครับ?”
เอ่ยยุแหย่อย่างขำขันแม้ว่าจะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ ฟรานทำท่าชำเลืองมองมาอย่างงอนๆ มือเล็กชูสามนิ้วก่อนจะเอ่ยตอบมาอย่างตรงกับคำตอบในใจของฟิวส์เป๊ะๆ
“ไอศครีมซันเดย์แบบพิเศษสามถ้วย”
ฟิวส์หัวเราะก๊ากนำไปแล้วในใจ เขาเอ่ยถามกลั้วหัวเราะว่า “สามถ้วยพอแล้วเหรอครับ?”
ฟรานหันหน้ามาสบตากับพี่ชาย ทำปากยื่นก่อนจะพูดเจื้อยแจ้ว “คุณแม่บอกว่ากินไอศครีมมากไปจะท้องเสีย”
ฟิวส์เหนี่ยวรั้งร่างน้อยที่งอนตุ๊บป่องมากอดแน่นแล้วหอมแก้มแรงๆ อย่างเอาใจ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจำต้องยอมแพ้แต่โดยดีเมื่อร่างสูงขู่ว่าจะไม่ให้กินไอศครีมสุดโปรด
“สัญญานะฮะ”
“พี่เคยผิดสัญญากับฟรานซะเมื่อไหร่ล่ะครับ”
ฟรานนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคล้ายกับว่ากำลังประมวลคิดตามคำเอื้อนเอ่ยของร่างสูง ก่อนจะแย้มยิ้มบางออกมาในที่สุด ศีรษะทุยๆ ซบลงกับอกแกร่งของพี่ชายอย่างอารมณ์ดี
เข้าใจหาผลประโยชน์ให้ตัวเองเหมือนกับเขาเป๊ะ!
นายใหญ่แห่งตระกูลแฟทัลเคยเปรียบเปรยให้พวกเขาฟังอยู่เป็นประจำว่าฟิวส์กับฟรานนั้นช่างถอดแบบมาจากตนเกือบแทบทุกอย่าง และสิ่งที่เด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นหัวการค้าที่ช่างคิดช่างเจรจา หากได้มาเป็นตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญคงไม่แคล้วคลาดได้ผลประโยชน์อย่างท่วมท้น
คิดเพลินๆ พลางลูบเรือนผมสีเพลิงที่แสนจะอ่อนนุ่มอย่างเบามือ
“ฟรานรักพี่นะฮะ”
นัยน์ตาคมฉายแววอ่อนโยนและนุ่มนวล ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูร่างเล็กในอ้อมกอด “รักเหมือนกันครับ”
ริมฝีปากของทั้งสองประกบเข้าหากันอย่างแผ่วเบา ไม่มีการล่วงล้ำมากเกินไปกว่านั้น การแสดงความรักไม่จำเป็นต้องทำอย่างโจ่งแจ้งเสมอไป ขอเพียงแค่ทั้งสองรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเขารักกัน...มันก็เพียงพอแล้ว
ทว่า คิดถึงพ่อ พ่อก็ดันมาจริงๆ!
“ทำอะไรน่ะ? ฟิวส์ ฟราน...”
เสียงเย็นยะเยือกอันหาได้ยากจากบุพการีผู้แสนใจดีดังขึ้นมาอย่างเด่นชัด ร่างทั้งสองร่างสะดุ้งเฮือกผละออกจากกันในทันที และยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อพบร่างของบุพการีทั้งสองที่กำลังทอดสายตามองพวกเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อตาตนเอง
... ‘ซวย’ ...
...ไม่มีคำอื่นใดที่จะผุดขึ้นมาในใจของทั้งคู่ได้มากไปกว่าคำคำนี้อีกแล้ว...
To Be Continue
กำแพงมีหู ประตูมีช่อง ในที่สุดความลับที่ ‘ลับ’ แบบไม่ธรรมดาก็ถูกเปิดเผย และแย่ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคนที่รู้ไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากพ่อแม่ของตนเอง มันจะวุ่นวายขนาดไหนก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปละกันนะคะ ^^
4/ก.ค./53 อัพ
7/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น