คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Chapter 32 : Thirteen Death (2)
Chapter 32 -- Thirteen Death (2 )--
“ฉันจะเป็นคนต่อไปเอง”
ฟิวส์คลี่ยิ้มจางคล้ายกับรอคำคำนั้นมานานแล้ว “ก็ดี”
...และแล้วก็ถึงช่วงเวลาสุดท้ายของเหตุการณ์ครั้งนี้!...
--Change! --
ดาบคู่อันเป็นอาวุธประจำกายของเขาถูกชักออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม นัยน์ตาคมสวยดุจเหยี่ยวปรายมอง ‘เป้าหมาย’ ของภารกิจครั้งนี้ด้วยดวงตาปรือคล้ายคนเพิ่งตื่นนอน ทว่า ทันใดนั้นเอง บรรยากาศรอบกายของชายหนุ่มก็พลันแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดและสร้างแรงกดดันขึ้นมาอย่างมหาศาล
สมกับที่เป็นหัวหน้า...
ฟิวส์ยิ้มกริ่มด้วยความพึงพอใจ ไม่มีใครที่มีฝีมือมากพอที่จะสู้กับเขาได้นานๆ สักเท่าไหร่ นัก เลือดแห่งนักสู้ในเวลานี้จึงร้อนเร่าขึ้นมาอย่างมิอาจจะหักห้ามใจไหว ทว่าพี่ชายผู้แสนดีก็ไม่ลืมจะก้มลงกระซิบบอกให้ร่างน้อยในอ้อมแขนถอยห่างจากบริเวณต่อสู้เพื่อความปลอดภัย ซึ่งฟรานก็มิได้อิดออดแต่อย่างใด ร่างเล็กๆ กระโดดออกจากอ้อมแขนของพี่ชายลงพื้นดังตุบ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้ รอเฝ้าชมเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสบายอารมณ์
การจับตัวประกันเพื่อใช้ต่อรองในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อความผิดพลาดของภารกิจสูงอย่างในเวลานี้นั้นถือเป็นความคิดที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกรณีนี้ที่ ‘ตัวประกัน’ ปล่อยตัวสบายเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอจะเดินไปลากคอร่างเล็กๆ นั้นมาอีกต่อไปหลังจากพบว่าไม่ควรดูคนจากหน้าตา!
สายลมส่งเสียงหวีดหวิววูบผ่านทั่วบริเวณแห่งนี้ราวกับรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น หลากชีวิตจับจ้องภาพเบื้องหน้าตาไม่กะพริบราวกับกลัวว่าจะพลาดฉากใดฉากหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย แตกต่างจากฝ่ายของผู้ที่กำลังจะประมือกันทั้งสองซึ่งกำลังตั้งท่าเตรียมต่อสู้พร้อมกับพิจารณาอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง
ราวกับมีสัญญาณบางอย่างดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้!
ร่างสองร่างกระโจนเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ดาบคู่ในมือของ เอิง ผู้มีดีกรีเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มสิบสามมรณะซึ่งชื่อกระฉ่อนเรื่องงานในโลกมืดทั้งหลายตวัดวูบเป็นการลองเชิง ซึ่งผลที่ออกมาก็มิได้ทำให้เขาแปลกใจสักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายสามารถหลบได้อย่างสบายๆ
ผู้ทรงดาบหมุนตัวอย่างรวดเร็วเป็นจังหวะเดียวกับที่ฟิวส์หมุนตัวมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างพอดิบพอดี ขาเรียวยาวตวัดสูงหวังเสยคางคู่ต่อสู้ให้ลอยค้างกลางอากาศ แต่อีกฝ่ายนั้นก็มิได้มีฝีมือต่ำต้อย ท่อนแขนแกร่งถูกยกขึ้นมากันไว้ได้อย่างแม่นยำ
ตาประสานตา ก่อนที่พวกเขาจะกระโจนละตัวออกมา ฟิวส์ยืนยิ้มกวนประสาทอย่างสบายๆ หลังจากที่ต้องมีภาพลักษณ์เป็นคนดีมานานแสนนานจนรู้สึกเก็บกด จึงเป็นเหตุให้เขาในเวลานี้สามารถกวนประสาทคนสิบกว่าคนให้รู้สึกอยากกัดลิ้นตายขึ้นมาพร้อมๆ กันได้อย่างง่ายดาย
เอิงซึ่งบัดนี้สลัดคราบของชายที่ดูไม่เต็มเต็งและไร้ความเป็นผู้นำไปโดยสิ้นเชิงปรายตามองชายหนุ่มอย่างไร้ความรู้สึก ไม่แปลกเลยแม้แต่นิดเดียวหากเขาคนนี้จะสามารถทำให้ผู้มีฝีมือชนิดหาตัวจับยากถึงสิบสองคนยอมสวามิภักดิ์อย่างโดยดีมาได้เสียนาน
“ต้องอย่างนี้สิถึงจะสนุก”
เจ้าของประโยคยิ้มกริ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่รับมุขของเขาเลยแม้แต่น้อย
“อย่าพูดให้มากความ”
ประโยคห้วนๆ นั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฟิวส์กระตุกอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะกลับกลายเป็นรอยยิ้มแสยะอย่างง่ายดาย เขาล้วงหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทางสบายๆ แล้วจึงชักบางสิ่งบางอย่างออกมาชูเด่นหรา
“รู้มั้ยว่านี่คืออะไร?”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ในขณะที่สิบสามมรณะเริ่มรู้สึกตงิดๆ ใจชอบกลเมื่อเหลือไปเห็นฟรานที่เผยรอยยิ้มหวานหยดย้อยออกมา มันเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับตอนที่ทุ่มวิทท์อย่างไม่ผิดเพี้ยน!
ฟิวส์หันรอยยิ้มแสยะไปหาฟรานที่ยิ้มหวานรับจนชวนให้คนมองรู้สึกขนลุกชอบกล
“มันเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่พ่อของฉันสร้างขึ้นมาปาเล่น...” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง “ระเบิดสงครามชนิดตายหมู่โดยที่ไม่ทันแม้แต่จะอ้าปากเตรียมร้องขอชีวิต!”
สมาชิกกลุ่มสิบสามมรณะถลึงตาใส่ชายหนุ่มด้วยความรู้สึกว่าชายหนุ่มคงจะบ้าไปแล้ว เพราะว่าหากระเบิดชิ้นโบว์แดงในมือของชายหนุ่มดีเลิศสมคำบรรยายสรรพคุณ ร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกันในรัศมีของระเบิดก็คงจะได้แหลกเหลวไปพร้อมๆ กัน!
เห็นจะมีแต่ แซ็ง (Cinq) ผู้อยู่ในลำดับที่ห้าและใช้ระเบิดเป็นอาวุธ ซึ่งกำลังทำตาเป็นประกายคล้ายอยากวิ่งไปขอระเบิดในมือของชายหนุ่มมายังไงยังงั้น
รอยยิ้มแสยะของฟิวส์กว้างขึ้นเรื่อยๆ เป็นอันว่าเขาคงสติแตกไปโดยบริบูรณ์แล้ว
ตายแน่
สิบสามมรณะคิดในใจพลางท่องพุทโธ สังโฆ ในใจอย่างเอาเป็นเอาตาย
มือของชายหนุ่มเลื่อนเข้าหาสลักระเบิดใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นักฆ่าทั้งสิบสามชีวิตทำท่าคล้ายอยากขุดหลุมหลบภัยใจจะขาด ในขณะที่ฟรานยังคงยิ้มกว้างเอนศีรษะไปมาอย่างสบายอารมณ์
“สาม...สอง...”
เสียงนับถอยหลังที่แฝงเสียงหัวเราะในลำคอเข้าไปด้วยนั้นทำให้ฟิวส์ยิ่งดูโรคจิตเข้าไปใหญ่
ผู้ที่กำลังจะตายหมู่เริ่มทำใจมากขึ้นทุกทีว่าตนคงไม่รอดเป็นแน่แท้ โดยที่พวกเขาลืมไปเสียสนิทว่าหากรีบกระโจนหลบหรือวิ่งเผ่นราบไปในเวลานี้ก็ยังทัน
“สต็อป!”
ดุจดั่งเสียงสวรรค์ ทว่าอันที่จริงมันก็เป็นแค่เสียงทุ้มของชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่มันจะไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่า...
เขาคือนายใหญ่แห่งตระกูลแฟทัลนั่นเอง!
“พ่อ?”
ผู้ถูกเรียกส่ายศีรษะไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ลูกก็แอบหยิบมา ‘เล่น’ นี่เอง”
นั่นเป็นประโยคที่ทำให้สิบสามมรณะพร้อมใจกันถลึงตาใส่ชายวัยกลางคนอย่างพร้อมเพรียง
ประทานโทษเถอะ! ระเบิดชาวบ้านโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่บ้านคุณมันเป็นการ ‘เล่น’ หรือไงกัน!
นายใหญ่แห่งตระกูลแฟทัลผินหน้าหันมามองเหล่าสิบสามมรณะที่สะดุ้งไปเล็กน้อยเนื่องด้วยเหตุผล ‘บางอย่าง’ ใบหน้าหล่อเหลาที่มิได้แสดงร่องรอยแห่งความชราภาพเลยแม้แต่นิดเดียวปรากฏรอยยิ้มใจดีขึ้นมาในบัดดล
“ดิซัสเทอร์ (Disaster) ส่งมาใช่มั้ย?”
นามที่หลุดออกมาจากปากชายวัยกลางคนทำให้สิบสามมรณะแสดงอากัปกิริยางุนงงมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เหตุใดชายตรงหน้าจึงรู้จักนายใหญ่ของพวกเขา ทว่าทั้งหมดก็จำต้องพยักหน้ารับไปอย่างเสียมิได้
มิสเตอร์แฟทัลยกมือขึ้นกุมขมับอย่างจนใจ “ว่าแล้วเชียว”
“อะไรเหรอฮะ? คุณพ่อ”
ฟรานเอ่ยถามเสียงใสพลางกอดรัดฟัดเหวี่ยงบิดาของตนให้หายคิดถึง โดยที่มิสเตอร์แฟทัลก็ไม่ได้ทำให้ลูกรักผิดหวังด้วยการกอดรัดร่างเล็กแน่นพอๆ กัน
“ดิซัสเทอร์หรือซัสเทอร์น่ะ...เป็น คู่กัด ของพ่อเอง”
ฟิวส์เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เป็นคู่กัดของพ่อแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกผมล่ะ เล่นถึงขนาดส่งนักฆ่ามาถึงที่อย่างนี้เลยเนี่ยน่ะ”
มิสเตอร์แฟทัลมีสีหน้าเบื่อโลกหนักขึ้นไปอีกคูณสอง
“หมอนั่นน่ะชอบเล่นอะไรแรงๆ เป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ในวงการมืด วิธีการออกจะรุนแรงไปนิดแต่ก็ไม่ได้อันตรายเท่าไหร่หรอก แค่หยอกเล่นน่ะ...”
หยอกเล่น!
อยากถามเหลือเกินว่า ‘หยอกเล่น’ แบบชาวบ้านทั่วๆ ไปไม่เป็นหรือไงกัน!
“นินทาใครกัน...”
เสียงเย็นๆ อันแสนคุ้นเคยเป็นเหตุให้สมาชิกสิบสามมรณะเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง พวกเขาพากันสะบัดหน้าไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็วราวกับไม่กลัวคอจะหักตาย ก่อนจะต้องตกใจจนแทบช็อกค้าง
ภาพที่ปรากฏสู่สายตาก็คือภาพของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งไร้ร่องรอยของความชราภาพเช่นกัน เรือนผมยาวสลวยสีนิลถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย นัยน์ตาคมกริบสีเดียวกันกับสีผมมีความเย็นชาแฝงอยู่อย่างเด่นชัด ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสนิทนั้นถูกห้อมล้อมด้วยบอดี้การ์ดในชุดดำจำนวนมาก
สิบสามมรณะรีบคุกเข่าลงในทันทีจนได้ยินเสียง ‘ตึง’ ที่ดังมากจนรู้สึกเจ็บแทน
นัยน์ตาคมต่างสีสองคู่สบกันอย่างไว้ท่า ก่อนที่บทสนทนากัดกันทางอ้อมจะถูกเริ่มขึ้น
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เจ้าตัวอันตราย”
“เหมือนกันนั่นแหละ ผู้นำพาความหายนะ”
นัยน์ตาคมต่างสีสบกันอีกวูบหนึ่ง ก่อนที่ร่างแกร่งสองร่างจะโผเข้ากอดกันเสียเต็มรักท่ามกลางดวงตาหลากคู่ที่ถลึงใส่ภาพเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกอยากจะบ้าตาย
“ฮ่าๆๆ ไม่ได้เจอกันนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ แฟทัล!”
“นายก็ยังหน้าโหดเหมือนเดิมเหมือนกันนั่นแหละ ซัสเทอร์!”
ชายวัยกลางคนทั้งสองตบหลังกันดังป้าบๆ พร้อมกับหัวเราะไม่เลิกท่ามกลางสายตางุนงงของผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว
ก่อนที่พวกเขาจะได้รับรู้ในภายหลังว่า ชายผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ทั้งสองนั้นเป็นทั้ง ‘คู่กัด’ และ ‘เพื่อนรัก’ ในเวลาเดียวกัน ส่วนเหตุผลที่ส่งนักฆ่ามาตามล่าลูกชายทั้งสองนั้นก็เพราะว่า...แค่อยากลองเชิง!
เรื่องความแค้นบ้าบออะไรนั่นก็แค่กุขึ้นมาบังหน้า!
มันน่ากัดลิ้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด
...และแล้วเหตุการณ์วุ่นวายก็จบลงอย่างไม่น่าให้อภัย...
To Be Continue
มาอัพต่อแล้วค่า~ จบเหตุการณ์วุ่นวายลงอย่างพิกลๆ - -^ แต่ท่านอย่าเพิ่งวางใจไป...ขอบอกว่าหลังจากนี้จะวุ่นวายกว่านี้อีกค่ะ! และก็คงต้องรอให้ไรเตอร์เลิกนอนตายทุกวันหลังจากกลับจากโรงเรียนก่อนล่ะค่ะถึงจะมากอัพต่อได้ =_=
12/มิ.ย./53 อัพ
7/มี.ค./55 Re-write
ความคิดเห็น