คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่3 ครัววุ่นวาย หัวใจโครมคราม
บทที่3
ครัววุ่นวาย หัวใจโครมคราม
“ความบังเอิญ ไม่มีหรอกนะ จะมีก็แต่…พรหมลิขิต….”
“ไงยัยดี ทำไม ทำหน้าเบื่อโลกจังล่ะ”เสียงทักจากเพื่อนสาวคนสนิทของฉันแม่นางเชอรีน สาวน้อยเชื้อสายจีน-ไทย ในส่วนผสมที่เรียกได้ว่าคัดมาแต่ของดีๆจมูกโด่งได้รูป รับกับผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ใบหน้ารูปหัวใจเข้ากับริมฝีปากแดงสวยจากจีน รูปร่างสูงเพียว
“นั้นดิ เป็นไรไปย่ะ ยัยตัวแสบทำหน้าหน้างอคอหักเหมือนปลาทูไปได้”เสียงทักจากเพื่อนสาวอีกคนเธอชื่อว่าแบมบี้ สาวน้อยรูปร่างผอมเพียว ตัวเล็ก ผิวสีออกนวลน้ำผึ้ง ความคมเข้มของดวงตาแบบสาวไทยเป็นนักเทควันโดสายดำด้วยจ้า (อย่าดูถูเธอเอานะเห็นตัวอย่างนี้)
“แค่กำลังเซ็งอ่ะ” เซ็ง ตาดิวนะสิ เผลอไปกระโดดกอดเข้าด้วยความเข้าใจผิดเท่านั่นเอง…
“นึกว่าอดข้าว ลดความอ้วนซะอีก ดีแล้วล่ะ ดีอวบๆ แบบนี้ดีแล้วน่ารักออก อย่าไปอดอาหารให้ผอมแห้งเลย สาวๆเดี๋ยวนี้ไม่ไหว ผอมเป็นไม้เสียบผี”
เชอรีน เธอขี้บ่นจังนะคุณเธอ นิสัยขี้บ่นออกจากเหมือนคนแก่ ขัดหน้าตาอย่างแรง แล้วเธอก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวเลยว่าถึงเธอจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ยังดู เซ็กซี่…อย่างแรง
“แบมบี้ขอลอกการบ้านหน่อยดิ”บูรณ์เดินเข้ามาทัก
พวกเราทั้งTS9ทั้ง8คน โชคดีที่ได้เรียนที่เดียวกันหมด มีอีกคนที่ไม่อย่าเจอ ชิ!
“เรื่องสิบูรณ์ ทางที่ดี นายนั่งลงทำตอนนี้ก็ยังทันนะ”แบมบี้บ่น
“ไม่เอาล่ะ ของรีนก็ได้ ยืมก่อนนะ” บูรณ์คว้าสมุดที่วางอยู่บนโต๊ะเชอรีนไป ก่อนที่ก่อนที่เชอรีนจะคว้าได้ทันก็มีอีกมือดึงสมุดเล่มนั้นคืนให้เชอรีน
“เดี๋ยวบูรณ์ลอกของเราก็ได้ ของเรากับเชอรีนเหมือนกัน”เสียงทุ้มใสของอ้นบอกมือข้างหนึ่งชี้ไปที่โต๊ะตัวเองที่อยู่ข้างโต๊ะเชอรีน บูรณ์พึมพำขอบใจก่อนก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านที่ที่นั่งของตัวเอง
“นี่เชอรีนมีอะไรที่ยังไม่บอกฉันหรือปล่าว” ฉันพูดออกไปด้วยความสงสัยสองคนนี้ต้องมีไรแน่ จะเหมือนข่าวหรือปล่าวที่แฟนคลับจิ้นลุ้นให้เป็นแฟนกันจริงๆ
“นั่นดิแก ปิดบังไรพวกฉันหรือปล่าว”แบมบี้ก็สงสัยเหมือนกัน
“ปล่าวไม่มีไรหรอก พวกแก ก็ -///-” เชอรีนพูดด้วยหน้าแดงไปทั้งหน้า ปากแข็งจริงๆ
“แล้วแกจะหน้าแดงทำไม ถ้าไม่มีอะไร” ฉันกับแบมบี้จ้องหน้ารีนเพื่อจะค้นคำตอบ
“พวกแก ก็ บอกไม่มีอะไรไง ไปห้องน้ำดีกว่าไปก่อนนะ” แหมเชอรีนรีบหนีเลยนะ
“เอ้า!เชอรีนเป็นอะไรทำไมหน้าแดงล่ะ” เจ้าตั้มเดินมาเห็นเชอรีนหน้าแดงออกไป
“ปล่าววววไม่มีไร” พูดเสร็จก็รีบเดินไปเลย
“เฮ้ย!ไอ้ตั้ม เชอรีนเป็นไรว่ะ เอ็งรู้ป่ะ” หนุ่มคริส เดินมาถามเจ้าตั้ม หลังจากที่สวนกันกับรีนเมื่อกี้
“ข้าก็ไม่รู้ว่ะ -_-เพิ่งเห็นเมื่อกี้” ตั้มพูดด้วยความ งงๆ ว่ารีนเป็นอะไร เลยหันไปถามอ้น
“อ้นรู้ป่ะว่า รีนเป็นอะไร” ตั้มเดินมาถามอ้นที่นั่งข้างๆบูรณ์
“ไม่รู้ดิ ชั่งเหอะนายอ่ะทำการบ้านเสร็จยังอ่ะ” อ้นถาม
“เสร็จแล้วโว้ยยย” ตั้มตอบด้วยความภูมิใจ (เป็นเอามากนะเจ้าเงาะ)
4หนุ่มนั่งร้องรำทำเพลง แต่อีกคนยังนั่งมุ่งมั่นในการลอกการบ้าน คือหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นนี่เอง
“นี่ยัยดี แกว่าป่ะ เชอรีนต้องชอบอ้นคุงแน่ๆเลย ว่าปะ ยัยดี”แบมบี้หันมาถามฉันด้วยความอยากรู้และบวกความสงสัย
“ฉันก็ว่างั้นแหละ” ฉันกำลังนั่งเมาท์เรื่องรีนอยู่กับแบมบี้ แต่มีอีกคนเรียกฉัน
“ดี ” ดิวเรียก ว่าแล้วคิดอย่างไม่มีผิด
“มีไร”
ดิวขมวดคิ้ว ก่อนจะว่า “เป็นผู้หญิงพูดจาให้น่ารักหน่อยสิ”
“ก็เป็นอย่างนี้อ่ะ ให้ทำไง”ฉันยักไหล่ให้
“ดี……”
“ตกลงมีไร รีบๆ พูด คนจะไปห้องน้ำ”
ดิวถอนหายใจอย่างปลงกับท่าทีไม่เรียบร้อยของฉัน
“เย็นนี้ แม่เราบอกว่าจะไปทานข้าวที่บ้านดี เพราะงั้นเย็นนี้ห้ามหนี กลับด้วยกัน”ท้ายเสียงพูดเป็นเชิงสั่ง ชิชะ กล้าดียังไง มาสั่งคนอย่าง ดีลิเลี่ยน
“ไม่งั้น เขาจะฟ้องคุณน้า”
ประกาศิตสวรรค์ ใคร….จะไปคิดคุณแม่ที่เคารพของฉันจะรักเจ้าลูกนอกไส้ที่ชื่อนายดิวขนาดนี้ แค่ลูกชายข้างบ้านโดนรองเท้าปาใส่แค่นี้ พอกลับนึกว่ารอดแล้ว ที่ไหนได้ ต้องมานั่งฟังการอบรมสั่งสอนมารยาท หูชาตั้งนาน
“ตกลงปล่าว”
เรื่องสิ…..
“ดี”ดิวขู่
โอ๊ย….คิดหรอ ว่าจะชนะ ดิวหยิบมือถือขึ้นมาออกจากกระเป๋า กดหมายเลขแล้วยกขึ้นแนบหู
“คุณน้าหรอครับ ดี…..”
“ตกลงย่ะ”ฉันแย่งมือถือมากดวางสายอย่างไว แต่เฮ้ย นี่มันไม่ได้กดโทรออกเลยนี่หว่า เวรกรรม
“ตกลงแล้วนะ”ดิวหยิบเย้ยฉัน ฮึ่ม ลูกผู้หญิงแก้แค้นสิบปียังไม่สาย….
“ครับ แม่”
ผมหัวเสียนิดหน่อยเมื่อโผล่มาถึงบ้าน เจอกระดาษแปะอยู่ริมรั้ว ลายมือคุ้นเคยตวัดเขียนแบบลวกๆ
ถึงดิว
กลับบ้านช้ามาก พวกแม่ๆ ไม่รอ
ไปกินอาหารข้างนอกตามประสาคนแก่ล่ะ
วันนี้ชวนหนูดีไปหาไรกินกันแถวตลาดเอาเองละกันสม!!!อยากกลับบ้านช้า
จากแม่
นี่สิครับแม่ผม บทจะไปใจร้อนซะไม่มี แม่ลืมรึไงครับว่าผมไม่มีกุญแจบ้าน!!ผมเลยต้องมาโทรศัพท์หาแม่เผื่อไว้จะให้ผมตามไปกินด้วย แต่ผลก็คือ แม่ไปจองภัตตาคารใว้เรียบร้อย แถมแค่จองแค่4ที่ (ตั้งใจทิ้งลูกเต็มที่เลยนี่น่า)
“ครับๆ แล้วผมจะไปหาไรทานคร้าบบ ไม่ไปห้างแน่ครับ ทำกินเองครับ วางล่ะแม่ บายครับ”
ผมเสียบมือถือเข้ากระเป๋าอย่างเซ็งๆ เสียงยัยดีหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ ยิ่งทำให้อารมณ์เสีย
“หัวเราะอะไร”
“เปล่า”แต่ยัยดียังหัวเราะไม่เลิก
“เปล่าไร หัวเราะชัดๆ”
“เปล่า….นี่….”ยัยดีเลิกหัวเราะแล้ว เปลี่ยนมากลั้นยิ้มแทน
“ยังจะมาโกหกอีก”
“เปล่าหัวเราะ แค่ขำใครบางคน พออยู่ต่อหน้าแม่หงอซะ”
อ๋อที่แท้ ขำท่าทางของผมตอนคุยโทรศัพท์ งั้นหรอทำไงได้ล่ะ แม่ผมเวลาโหดมา น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจซะอีก
“แล้วจะทำไม”ผมตอบปัด
“ก็ขำอะดิ ฮ่า ๆ”
ผมมองดีที่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ มือข้างหนึ่งของผมขยี้ลงหัวเธออย่างมันมือ
“ทำไรอ่ะ ปล่อยนะเฟ้ย”
“เปล่า”ผมตอบกลับไปมั่ง
“ทุเรศอ่ะ ไปไหนก็ไปไป๊ ไม่ต้องมาง้อเลย”ดีเริ่มวีนใส่ผม
ดีสะบัดหน้าหนีเขาไปในบ้านของตัวเอง ผมถอนหายใจแบบปลงๆ กระเป๋านักเรียนถูกโยนลงบนนอกชานที่ยื่นมาในสนาม ก่อนที่ผมจะโหนตัวข้ามรั้วที่สูงเกือบๆท่วมหัวเอง
พอเข้ามาในรั้วได้ ผมก็จัดการสะเดาะโซ่ที่แม่คล้องไว้กับรถมอเตอร์ไซต์ของผมซะ ตลาดอยู่ตั้งไกล บางที่ผมอาจจะขี่มัยไปชมรอบหมู่บ้านก็ได้ นั่นเป็นความคิดที่ดีทีเดียว วันนี้ผมจะขับรถเล่น ประตูรั้วถูกเปิดอีกครั้ง คราวนี้มาจากสาวน้อยบ้านข้างๆ
“ดิววว”
“มีไรล่ะ”ผมปลดโซ่ลงไปกองกับพื้นให้เรียบร้อยเตรียมจะเข็นมันออกไปเที่ยว
“แบบว่า….ขอไปตลาดด้วยคนสิ”
ผมลากเจ้าเพื่อนยากไปถึงประตูรั้ว ดีส่งยิ้มให้ผมกะอ้อนเต็มที่ละสิ แต่เสียใจลูกผู้ชายอย่างผม
“ไม่ ให้ ไป”
ผมกล่าวช้าๆชัดๆ สีหน้าของดีจากยิ้มแย้มกลายเป็นนางร้ายที่พร้อมจะวีนแตกได้ทุกเมื่อ
“อุตสาห์มาง้อแล้วนะ ไอ้ขี้งอน”
“ไม่ให้ไป”ผมลากมอเตอร์ไซต์ออกจากบ้าน แต่ดีเข้ามารั้งแฮนด์ไว้อีกข้าง
“ไปด้วยน่า แถวนี้ยังไม่คุ้นไม่ใช่หรอ เราไปด้วยนะๆ”
เตยใช้ลูกอ้อนอีกครั้ง คราวนี้ผมทำท่าจะใจอ่อนซะด้วย เฮ้อ….ใครใช้ให้ผมเกิดมาเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้นะ
“ไม่…….”ผมยังพูดไม่ทันจบดีก็ชิงพูดมาซะก่อน
“ขืนพูดว่าไม่ อีกคำเดียว มีเรื่องแน่”
“ไม่……”
“นายดิว”ดีเริ่มวีน
“…..ปฎิเสธ”
ดีมองผมแบบอึ้งคงไม่คิดละสิว่าผมจะเล่นมุขนี้ ผมยกคิ้วให้ข้างหนึ่งแบบกวนๆ ดีเลยระเบิดอาการโมโหออกมาด้วยการทุบผมดังปึ้ก
“บ้า ลีลานักนะ ป่ะ ไปไวๆ เลย หิว”เธอชี้นิ้วสั่งผม
ดีก็ขึ้นมาซ้อนท้ายอย่างไว หึหึ กลัวผมเปลี่ยนใจละสิ ผมส่งหมวกกันน็อคให้ก่อนจะสตาร์ตเครื่อง หึหึ เดี๋ยวจะร้องไม่ออก แรงแค้นผู้ชาย สิบนาทีก็ยังช้าไป……ขอบอก……
“อ๊ายยยยย”
เสียงหวีดกรี๊ดเบาๆในลำคอคนที่นั่งข้างหลังผมดังใส่หู ดีพยายามกรีดร้องอย่าเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมหัวเราะเบาๆ แค่บิดร้อยกว่าเฉียดๆ ร้อยยี่สิบแค่นี้คุณเธอทำเหมือนเจ้าเวสป้ากลายเป็นรถไฟเหาะสวนสนุกไปได้
แต่อย่าคิดว่าจะมีแค่นี้นะ หึหึ ผมเร่งคัยเร่ง พรางปาดไปในซอยแคบๆฉวัดเฉวียน ซ้ายที ขวาทีอย่างชำนาญ คุณเธอที่ซ้อนท้ายยิ่งกรีดร้องออกมา แต่ไม่ดังกว่าเดิม เท่าไหร่ ตามประสาคนฟอร์มจัดที่ประกาศปาวๆว่า แค่นั่งมอเตอร์ไซต์มันช่าง ‘ชิวว’สำหรับเธอมือของดีที่จับชายเสื้อผมไว้เริ่มเปลี่ยนมาจับเอวผมอย่างแนบแน่น ดีที่ผมไม่เป็นคนบ้าจี้ ไม่งั้นเราคงหวิดตายคู่ ผมรู้สึกว่ามือของดีสั่นหน่อยๆโธ่เอ๋ย กลัว ก็บอกมาสิน่า ฮ่าๆ
มือข้างซ้ายของผม มาจับมือเล็กที่เอวให้โอบแขนเข้ามารัดหาตัวมากยิ่งขึ้นเจ้าของมือน้อยๆก็ยินยอมโดยดีไม่ขัดขืน แถมยังเอาหน้าผากของเธอมาซบบนไหล่กว้างของผม
“ถึงบ้านแล้ว” ผมค่อยๆ ชะลอรถและจอดรถลงที่หน้าบ้านของดี
ดีรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ท่าทางดีใจเหลือแสนที่เท้าได้แตะพื้นดินอีกครั้ง ของที่หอบหิ้วถูกโยนลงบนเคาเตอร์ครัวที่สะอาด เราตกลงกันว่าจะทำกับข้าวง่ายๆทานกันเอง ประหยัดกว่าไปทานร้านแน่ๆ เพราะยัยดีกินทีค่อนข้างเยอะ
เราสองคนผลัดกันทำกับข้าวคละอย่างสองอย่าง มาทานกับแกงที่ซื้อมา ผมไข่เจียวอาหารชนิดเดียวที่พอจะทำเป็นนอกเหนือจากไข่ต้ม และไข่ดาว ที่ทำเป็นประจำผมเทแกงเผ็ดเป็ดย่างของโปรดลงในชาม สีแดงๆของกระทิกับพริกแกงช่างชวนน้ำลายสอ ยิ่งทานกับข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งน่ากิน แต่ตอนนี้ข้าวไม่สุกนี้สิ
‘นายเรียกว่ามันอะไรนะไข่เจียว????ขอเหอะ นอกจากจะดำปี๋แล้วยังเค็มสุดๆ เกลือทั้งทะเลมารวมกันที่ไข่เจียวรึไง”
ดีที่ยกจานผัดผักเดินมาสมทบบ่นเมื่อเห็นไช่เจียวที่ผมอุตส่าห์ลงทุนทำสุดฝีมือเธอยกข้าวที่สุกแล้วมาวางพลางตักแบ่งใส่จานให้ผม
‘แล้วเธอละ ผัดผักบุ้งไฟแดงที่ไหนมันหวานขนาดนี้นะ โทษทีนะ ตังเมใส่เศษผักรึไง แม่คุณ”
ผมแขวะกลับ ที่จริงมันไม่ได้เลวร้ายไรหรอก แต่อยากมาว่าไข่เจียวผมก่อนทำไม
“พูดมาก จะกินไม่กินฮะ”ดีเริ่มวีนผมอีกแล้ว
เวลาเธออยู่บ้านทีไร นางร้ายจอมวีนมันมักจะออกมาบ่อยเหลือเกินเชียว ขี้วีน ขี้โมโห เฮ้อ….
“ไม่กิน!!!!”ผมตอบประชด
“ดี งั้นก็ทิ้งซะ”ดียกผัดผักกับแกงเผ็ดหนี เหลือแต่ไข่เจียว ไว้ ให้ผม ผมรีบรั้งเธอเอาไว้ แต่อาจรีบไปหน่อยมือที่ดึงศอกเธอไว้ข้างหนึ่งเกิดออกแรงมากไปหน่อย แกงเลยหกใส่ผมเต็มๆ ทั้งหน้า
“ดิว…..ดีขอโทษ” เธอกระวีกระวายหยิบมาเช็ดหน้าผม แต่ขอโทษเถอะนั่นผ้าขี้ริ้ว -*-
“ไม่ต้อง”ผมปัดมือเธอออกไป อย่าเอาผ้านั้นมาเช็ดหน้าผม……
“ดิว ดีขอโทษ”เธอยังไม่ละความพยายามที่จะเช็ดหน้า
“อย่าเช็ด ๆ เฮ้ย”ผมที่พยายามหนีเธอจนเท้าสะดุดถอยหลังล้มลงไปพร้อมกับดึงดีลงไปด้วย
“นี่มันอะไรเนี่ย ลูกดิว/ดี”เสียงของแม่ๆดังขึ้นมาพอดี แม่ของผมมองมาที่เราสองคนอย่างตกใจ ถ้าจะให้ผมอธิบายสภาพของเราตอนนี้คือดีอยู่บนตัวผม แล้วผมก็กอดดี แนบ……แน่น… บนพื้นที่เลอะแกงในห้องทานข้าว
“เอ้ย….”เราทั้งคู่ร้องออกมาพร้อมกันแถมยังผลักกันกระเด็นไปคนละทาง
ความคิดเห็น