คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : นิจูจัง
จะว่าฮัตสึกะเป็นน้องสาวของอาคาชิ เซย์จูโร่หรือก็ไม่เชิง
บ้านเราอยู่คนละเขต
แถมยังไม่ค่อยได้พบเจอหน้ากันเลยถึงแม้ว่าจะมีต้นตระกูลเดียวกันก็ตาม
ตอนประถมก็เรียนอยู่คนละโรงเรียน
ม.ต้นค่อยได้มาเจอกันเพราะว่าคุณปู่กับคุณย่าบอกให้มาอยู่กับบ้านอาคาชิไปก่อน
เธอน่ะเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับเขาแล้วยังอายุเกือบเท่า
ๆ กัน แถมเกิดหลังอาคาชิแค่ 6 เดือนเอง
แต่ถึงกระนั้นอาคาชิก็มองว่าเธอเป็นน้องสาวของตัวเอง
ฮัตสึกะความจริงแล้วเป็นชื่อของเธอที่พ่อแม่ตั้งมาจากวันเกิด
เธอเกิดวันที่
20 เดือนมิถุนายน
พ่อกับแม่เลยตั้งชื่อตามวันเลยได้ชื่อว่า ฮัตสึกะ
ด้วยความที่ว่าเกิดวันที่
20 และมันพ้องเสียงกับฮัตสึกะที่แปลว่า
ฤดูร้อนแรกด้วย เนื่องจากเธอเกิดในเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูร้อนพอดี
ที่แท้พ่อกับแม่ก็แค่อยากเล่นมุกพ้องเสียงชัด ๆ !
[ 20(วัน)
อ่านว่า ฮัตสึกะ ; (はつか) และคำนี้ก็เช่นกัน 初夏 อ่านว่า ฮัตสึกะ แต่แปลว่าฤดูร้อนแรก และชื่อคันจิของฮัตสึจังก็เขียนแบบ ‘ฤดูร้อนแรก’ ค่ะ]
ตอนที่เพื่อน
ๆ รู้ว่าชื่อมีความหมายว่ายังไงก็ตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘นิจูจัง’
แล้วต่อมาก็ย่อเหลือ นี่จังเฉย ๆ เลย
แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบนะ
เธอออกจะชอบชื่อนั้นด้วยซ้ำไป
เพื่อนสมัยประถมของเธอที่เรียนมาด้วยกันก็ยังคงเรียกเธอว่านี่จังเหมือนเดิม
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เพื่อนคนผมดำคนนั้นนั่นแหละ (ใช่แล้ว
คนที่ไปช่วยโมโมอิจังด้วยกันวันนั้นน่ะ)
เธอคนนั้นชื่อว่า
มิซากิ ริตะ
เธอมีผมดำตัดสั้นและดวงตากลมโตสีดำสนิทส่วนผิวขาวจนเหมือนเกล็ดหิมะทำให้รู้สึกว่าเธอเหมือนแมวเลย
พวกแมวที่หัวดำแล้วก็ตรงคางกับจมูกขาวน่ะ
ริตะเป็นเพื่อนกับฮัตสึกะมาตั้งแต่จำความได้
พ่อแม่ของพวกเราต่างแข่งกันอวดเรื่องความน่ารักของลูกตัวเองจนในที่สุดก็สนิทกันไปโดยปริยาย
แล้วเราก็สนิทกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
(แต่เวลาที่เธอจะหยอกล้อฮัตสึเธอก็จะเรียกชื่อจริงของอีกฝ่ายแทนชื่อเล่น)
โชคดีจริง
ๆ ที่ริตะจังได้เข้ามาเรียนที่เทโควด้วยกัน
ทว่าน่าเสียดายที่เข้าชมรมวอลเล่บอลแทนแต่ก็น่ายินดีที่กำลังสร้างชื่อเสียงมากมายในฐานะเซ็ตเตอร์สุดเก่งของทีมม.ต้นหญิงโรงเรียนเทโคว
ริตะชวนให้ฮัตสึกะเข้าชมรมวอลเล่บอลแข่งกับโมโมอิที่ชวนเธอเข้าชมรมบาสอยู่พักหนึ่ง
ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาจะไม่ทำให้เด็กสาวผมดำประทับใจมากเท่าไหร่แต่ริตะบอกกับตัวของเธอว่า
‘ถ้าเธอชอบและตั้งใจจะทำมันอย่างเต็มที่
ฉันก็ไม่ขัดอะไรหรอกนะ’ พลางยิ้มให้แล้วแลบลิ้น
‘แต่ฉันขอนำไปก่อนล่ะ คราวนี้
ฉันจะไปหาวิงสไปเกอร์คนใหม่มาแทนเธอ’
ฮัตสึกะหัวเราะ
‘ไม่มีทางซะหรอก
ไม่มีใครเป็นวิงสไปเกอร์ให้เธอดีได้เท่ากับฉันหรอกนะ’
และหลังจากนั้นมา
ริตะก็จะเดินมาที่โรงยิมเพื่อส่งให้เธอไปเข้าชมรมและดูว่าเธอจะเป็นพวกบ้างานหรือเปล่าแล้วก็จะเดินไปทางโรงยิมของตัวเอง
เป็นแบบนี้ประจำ
-------------------------------------
ฮัตสึกะไม่ได้ชอบวอลเล่บอลน้อยลง
แต่เพียงแค่ชอบบาสเกตบอลมากขึ้นเท่านั้นเองและเธอสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไล่ตามริตะให้ทันและไปเจอกันในม.ปลายให้ได้
แต่ตอนนี้เธอแค่คิดอะไรบางอย่างอยู่
เหตุผลที่เข้าชมรมบาสมาในฐานะของเมเนเจอร์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร
มันก็เพราะว่าเธอสนใจแค่นั้นเอง และดูเหมือนว่าจะมีคนที่นิสัยคล้าย ๆ
เธอ(แต่ร่าเริง, หยิ่งยโสกว่าและมีพรสวรรค์)โผล่มาที่หน้าประตูโรงยิม
เธอไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะถ้าเขาแค่จะมาแอบดูชายหนุ่ม(อาโอมิเนะ)ในชุดออกกำลังกายชุ่มเหงื่อวิ่งเดาะลูกบาสไปมาพร้อมกับเสียงรองเท้าเอี๊ยดอ๊าดบาดแก้วหู
แต่ขอล่ะ
อย่าบังทางเข้าออกได้ไหมล่ะเนี่ย
“ขอโทษด้วยนะคะ”
เขาทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีสักพักแล้วก็ยอมขยับให้เธอแต่โดยดี
เพราะตอนนี้ในมือของเธอนั้นคือลังกระดาษขนาดใหญ่ที่ภายในมีพวกขนมและของว่างซ้อนกันถึงสองกล่อง
เด็กหนุ่มผมสีเหลืองที่กำลังจะถามว่าให้เขาช่วยไหมก็นิ่งชะงักไปเพราะว่าเด็กสาวที่เดินผ่านเขาไปตัดบทพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกนะคะ มันเบาพอสมควรเลยแถมยกแปปเดียว
ถ้าคุณเข้าไปอาจจะโดนลูกบาสเด้งใส่ก็บาดเจ็บได้นะ
แถมอีกอย่างโค้ชไม่ค่อยอยากให้คนแปลกหน้าเข้าไปยุ่งย่ามในการซ้อมน่ะค่ะ”
เด็กชายเจ้าของผมสีเหลืองเหงื่อตก
“แต่ว่าถ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปก็ได้นะคะ
ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ”
ฮัตสึกะยิ้มให้เขาแล้วเดินเข้าไปในโรงยิมก่อนที่เหล่าเด็กชายที่ถูกปล่อยให้พักจะวิ่งกรูกันเข้ามาล้อมตัวของเด็กสาวผมสีน้ำตาลด้วยความตื่นเต้นที่จะได้กินขนมและน้ำในเวลาพัก
หลังจากที่ผู้จัดการคนรองแจกจ่ายขนมเสร็จแล้วก็เหลือแต่เพียงแค่อีกลังหนึ่งซึ่งเธอยกไปให้เด็กหนุ่มผมสีม่วงที่ยืนคอยน้ำลายหยดและยิ้มเมื่อได้รับกล่องลังนั้นจากมือของฮัตสึกะ
คิเสะ
เรียวตะคิดว่าบาสเกตบอลนั้นน่ามหัศจรรย์มากและไม่น่าเบื่อในเมื่อมีคนระดับเขาอยู่ตั้งหลากหลายคน
-----------------------------------
ฮัตสึกะเก็บผ้าและขวดน้ำไปทำความสะอาดช่วยโมโมอิอีกแรง
เธอล้างขวดน้ำและเอาไปผึ่งไว้
ส่วนโมโมอิกำลังเก็บขวดน้ำที่แห้งแล้วไปไว้ที่ห้องเก็บของตามเดิม
ส่วนนักกีฬาชายคนอื่น ๆ ในชมรมก็วิ่งช่วยกันเก็บลูกบาสที่กลิ้งเกลื่อนไปมาในโรงยิมให้อยู่ในตะกร้า
“ฮัตสึกะ ซัตสึกิ
หลังจากเก็บของเสร็จแล้วก็เจอกันที่หน้าโรงยิมนะ”
อาคาชิกล่าวก่อนจะหันไปพูดคุยกับรุ่นพี่นิจิมุระต่อ
คงจะเป็นเรื่องของแผนการเล่นที่อยากจะดูข้อมูลและสถิติจากเล่มบันทึกของโมโมอิสินะ
ฮัตสึกะคิดว่าหลังจากนี้คงจะไปซื้อนมมาดื่มหลังจากที่เก็บของเสร็จแล้วก่อนจะกลับบ้าน
แต่ว่านมคงต้องรอไปก่อน วันนี้เธอคิดว่าจะต้องได้กินข้าวอีกทีสามทุ่มแน่ ๆ
งั้นก็... ซื้อข้าวไปกินด้วยเลยดีกว่า
วันนี้อาหารลดตอนสามทุ่มพอดีเลย
ในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องอาหารที่อยากจะกินเป็นข้าวเย็น
ระหว่างข้าวหน้าปลาทูน่าหรือว่าข้าวหน้าไข่หวานดีอยู่นั้น
ฮัตสึกะก็นึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่ง
ประหยัดค่ารถติดไปกับพี่เซย์ดีกว่า!
---------------------------------------
“ขอบคุณมากเลยนะคะ”
ฮัตสึกะโค้งให้กับเซย์จูโร่และคนขับรถของเขา(พยายามซ่อนยิ้มของตัวเองให้มากที่สุด)
“วันพรุ่งนี้ต้องมารับไหม?” อาคาชิถามพลางเดินไปส่งเธอถึงหน้ารั้วบ้านขนาดใหญ่(แต่ก็ไม่ใหญ่เท่าบ้านตัวเอง)
“ไม่หรอกค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปเช้ากว่าเดิมนิดหน่อย
จะได้ไปเตรียมโรงยิมให้ซ้อมตอนเช้าได้ทัน”
ชายผมสีแดงยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขอบคุณลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
“ขอบคุณมากเลยนะ เธอช่วยแบ่งเบาได้เยอะเลย
แต่ว่าไม่ต้องหักโหมมากเกินไปก็ได้
ใครไปถึงก่อนก็เปิดยิมเป็นปกติไม่ต้องรีบขนาดนั้น”
ฮัตสึกะยิ้มตอบอาคาชิ
เธอไม่อยากจะบอกว่าเหตุผลจริง ๆ
แล้วคือเธอน่ะหนีการพบหน้าของสุมิชิดะซังอยู่ต่างหากเลยต้องไปเช้า ๆ น่ะ
“เรื่องของวันที่ผ่านมา
เกี่ยวกับสุมิชิดะซังกัปตันชมรมเทนนิสใช่ไหม?”
แต่จู่
ๆ การเปลี่ยนเรื่องของอาคาชิก็ทำให้เธอเหงื่อตก
รอยยิ้มเดิมของเด็กสาวเหือดแห้งลงอย่างเห็นได้ชัดจากก่อนหน้านี้
“ก็... ใช่ค่ะ” เธอถอนหายใจ “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะคะ”
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงล่ะ”
สีหน้านิ่งเรียบของอาคาชิ
เซย์จูโร่ทำให้ฮัตสึกะสะดุ้ง
ปกติเธอไม่เคยโดนพี่เซย์ทำเสียงแข็งใส่เลยยังไม่ค่อยชินกับเสียงแบบนี้แต่เธอมักจะได้ยินบ่อย
ๆ ตอนเขาเรียกคนในทีมไปคุยด้วย ถึงจะไม่ได้โดนเรียกกับตัวตอนนั้นยังขนลุกเลย...
“ฉันเข้าใจนะว่าเธอสามารถปกป้องตัวเองได้
และถึงขั้นที่จะทำให้บุคคลนั้นลงไปกองกับพื้นได้
ถ้าเป็นตามปกติ(พวกนักเลงข้างถนน)ฉันคงไม่เป็นห่วงเท่าไหร่
แต่ว่าเขาเป็นนักกีฬาโรงเรียน”
ใช่ ฮัตสึกะคิดในใจ
นักกีฬาโรงเรียนมีเรื่องด้วยไม่ได้เด็ดขาด
และถ้าทางโรงเรียนรู้เรื่อง จะมีแต่ฝ่ายคนที่เริ่มก่อนเท่านั้นเสียหาย
ไม่ยุติธรรมกับคนที่ถูกคุกคามก่อนจริง ๆ
.
.
.
“ดังนั้นให้ลงมือนอกสถานศึกษาซะ”
เอ๊ะ?
“เดี๋ยวนะคะ”
---------------------------------------------
ความคิดเห็น