คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สัญญา...
Chapter 1
...สัญญา...
“ชานซอง!” เสียงใสใสร้องเรียกบอดี้การ์ดประจำตัว ที่ยืนเฝ้าเจ้านายอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง คนอะไรยืนอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เมื่อยรึไงนะ
“ครับ คุณหนู ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้ครับ?” ชานซองขานรับ ทั้งที่ยืนอยู่หน้าห้อง ชานซอง เป็นบอดี้การ์ดที่ถือได้ว่าหล่อเหลาเอาการ หล่ออย่างกะนายแบบฮอลลิวูด รูปร่างที่สูงใหญ่อย่างนี้ ใครที่ไม่รู้จักก็คงคิดว่าเป็นดาราแน่ๆ ก็แหงล่ะ คนอะไรจะหล่อเพอร์เฟคขนาดนี่นะ
“นี่ นายก็เข้ามาในห้องสิ ยืนอยู่ข้างนอกอย่างนี้มันจะคุยกันรู้เรื่องไหมฮ้ะ?” คุณหนูจอมเอาแต่ใจเริ่มโวยวาย
“ครับ ขออนุญาตเข้าห้องนะครับคุณหนู” ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของคุณหนูสุดเอาแต่ใจ ห้องนอนถูกตกแต่งด้วยสีผนังชมพูอ่อนๆ มีห้องน้ำในตัว มีเตียงสีชมพูอ่อนตั้งอยู่กลางห้อง ถัดไปเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง มีเก้าอี้ที่ซึ่งคุณหนู ‘อี จุนโฮ’นั่งไขว่ห้าง ทำหน้าบึ้งตึงมองมาที่เขาอยู่
“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้ครับ” ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าร่างเล็ก ก้มหัวลงเล็กน้อย เตรียมพร้อมกับคำสั่งของคนตัวเอง
“นั่งคุยกันหน่อยสิ เก้าอี้อยู่นั่น” จุนโฮพยักเพยิดหน้าไปทางเก้าอี้อีกตัวที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
“ครับ มีอะไรหรือครับ?” ชานซองลากเก้าอี้มานั่งเสร็จ ก็ถามคำถามออกไปอย่างใคร่รู้ ยิ่งเห็นคนตัวเล็กทำหน้าอย่างนี้ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
“ชานซอง...นายน่ะ จะแต่งงานจริงๆเหรอ?” ร่างเล็กเปิดประเด็นด้วยคำถามแรก ชานซองชะงัก ทั้งห้องเงียบไปพักใหญ่ จนชานซองถามกลับ
“คุณหนู ถามอย่างนี้ ทำไมหรือครับ?” ชานซองถามกลับ ทำเอาคนตัวเล็กนิ่งไป
“ฉันถามว่าจริงไม่จริง นายก็ตอบมาสิ ใครให้ถามย้อนฮ้ะ? ฉันชักจะโมโหแล้วนะ” จุนโฮขึ้นเสียง ก็ดูเจ้านี่สิ ถามอย่างตอบอย่าง หงุดหงิดเว้ยยย
“เอ่อ ใช่ครับ ผมกำลังจะแต่งงาน” ชานซองตอบออกไป อย่างไม่ค่อยมั่นใจ ใจหนึ่งกลัวคนตัวเล็กโกรธ อีกใจหนึ่งก็กลัวจะผิดต่อหน้าที่
“.........” จุนโฮถึงกับอึ้ง... ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้ยินอะไรอย่างนี้เลย เหมือนโดนมีดมากรีดที่ใจ ทำไมรู้สึกเจ็บอย่างนี้นะ.... น้ำตาใสใสเริ่มเอ่อนองเต็มดวงตาเล็ก...
“คุณหนูเป็นอะไรไหมครับ?” ชานซองทำท่าจะลุกขึ้นมาหาเจ้านายตัวเอง แต่ก็โดนจุนโฮส่งสัญญาณมือกลับมา สื่อว่าไม่เป็นไร ยังโอเค...
“แล้ว... นายจะแต่งเมื่อไหร่ล่ะ” จุนโฮพยายามสะบัดหน้า กดเสียงให้ต่ำ เพื่อไม่ให้เสียงสั่น กลัวคนตัวสูงจะรู้ว่าตัวเองเสียใจแค่ไหน
“คาดว่าน่าจะเดือนหน้าครับ รอทางฝ่ายหญิงพร้อมก่อนครับ” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ... อีจุนโฮเอ้ยยยยยย ไม่น่าถามเลยยยยย ยิ่งได้ยินคำตอบอย่างนี้อีก...โคตรเจ็บ ><
“โอเค นายออกไปได้ล้ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” ร่างเล็กตอบกลับ พลางลุกขึ้น ทำท่าจะเดินไปห้องน้ำ เดินเซเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกับคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“คุณหนูโอเคจริงๆนะครับ?” ร่างสูงทำท่าจะเดินมาประคองร่างเล็ก แต่กลับถูกร่างเล็ก สะบัดมือออก
“ฉันบอกว่าฉันไม่เป็นไร นายออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว!” ร่างเล็กสะบัดหน้ากลับมาตอบ เผยให้เห็นดวงตาดวงเล็กที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าแดงก่ำ ทำให้ร่างสูงชะงัก ก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินออกห้องไป
ร่างเล็กรีบย่างเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูดังปัง ปล่อยโฮดังเต็มห้องน้ำ
“ทำไมกัน ทำไม !!!!” ร่างเล็กร้องไห้ฟูมฟาย ปลดปล่อยความรู้สึกข้างในที่มี
“ไหนนายบอกว่าจะอยู่ข้างฉันตลอดไปไงชานซอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้ ฮึกก ทำไม !!” ร่างเล็กพูดกับตัวเอง พลางเอามือทุบอ่างล้างหน้าปังปัง ใครกันจะเข้าใจความรู้สึกนี้
“ทำไม? ฮึก ฮือ ทำไมกันชานซอง นายมันเป็นคนไม่ดีจริงๆ ทำไม” ร่างเล็กนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำ...
ต้องทำใจแล้วล่ะ อีจุนโฮ
เช้าวันต่อมา
จุนโฮเดินลงมาจากบันได ถัดจากบันได้ไป คือห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู จุนโฮทอดสายตาไปยังห้องรับแขก เห็นคุณพ่อกับคุณแม่และ..ผู้หญิงอีกคน กับ ชานซอง...นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางห้อง จุนโฮเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย แหม ท่าทางจะคุยกันสนุกล่ะสิ
“อ้าว จุนโฮ มานั่งนี่สิลูก ดูซิ แขกวันนี้เป็นใครเอ่ย” คุณแม่ส่งยิ้มมาให้ พลางกวักมือเรียก ให้ไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ทั้งโต๊ะรับแขกตอนนี้ แลดูจะคุยกันอย่างสนุกสนาน คุณพ่อซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะกำลังสาธยายเรื่องราวความทรงจำครั้งแรกจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับชานซอง...ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง... ถ้าเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้ก็คงจะเป็นคนที่ชานซองจะแต่งงานด้วยสินะ...
“อ่ะ จุนโฮ พ่อลืมแนะนำไป นี่ ‘ยูอี’ ว่าที่ภรรยาในอีกไม่นานของชานซองจ้ะ แล้วนั่น จุนโฮครับ ลูกชายคนเดียวของตะกุลเรา” พ่อผายมือมาทางร่างเล็ก จุนโฮยิ้มให้ยูอีเล็กน้อยตามมารยาท ยูอียิ้มตอบอย่างเขินๆ
“สวัสดีจ้ะ จุนโฮ เพิ่งเคยเห็นตัวจริงใกล้ๆก็วันนี้ น่ารักกว่าในรูปที่ชานซองเอามาให้ดูเยอะเลยนะ ฉันเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลโซลน่ะ โรงพยาบาลที่เธอไปรักษาตัวเมื่อสองปีก่อนไงจ้ะ จำได้ไหมจ้ะ? ” ยูอีแนะนำตัวมายืดยาว แหมชานซองถึงขั้นเอารูปไปให้ดูเลยเหรอ นี่คงจะนินทาเรื่องที่ว่าจุนโฮเอาแต่ใจอีกสินะ ใช่สิ คนมันเป็นแฟนกันหนิ คงจะสานสัมพันธ์กันไปถึงไหนต่อไหนแล้วละมั้ง
“แล้วคุณยูอีมาทำไมเหรอครับวันนี้ มีธุระอะไรหรือเปล่า” จุนโฮถามด้วยเสียงเรียบๆออกไป ท่าทางไม่ใส่ใจเท่าไหร่ คุณแม่หันมาถลึงตาใส่จุนโฮเล็กน้อย ประมาณว่า ‘ประมาณว่า พูดงั้นได้ไง เสียมารยาทเจ้าบ้านหมด’
“เอ่อ เรื่องนี้ให้ชานซองเป็นคนพูดจะดีกว่านะคะ” ยูอีตอบเขินๆ พลางหันหน้าไปยิ้มให้ชานซอง เชอะ! หวานกันต่อหน้าอีจุนโฮเลยรึ? ไม่น่าให้อภัย...
“ครับ ที่ผมพายูอีมาพบคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงในวันนี้ เพราะว่าผมอยากให้มาดูตัวครับ คือ ผมอยากจะขอให้คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายผมในวันสู่ขอ...จะได้ไหมครับ?” ชานซองบอกเหตุผลที่พายูอีมาวันนี้...ทำเอาจุนโฮชะงัก
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ได้สิ นายก็เหมือนลูกเหมือนหลานของตระกูลเราอีกคนนะชานซอง เรื่องแค่นี้ไม่ต้องเกรงใจหรอก นายจะใช้ คฤหาสน์ ของตระกูลเราในวันจัดงานก็ได้นะ พวกเราอนุญาต” คุณพ่อตอบตกลง แถมยังยื่นขอเสนอเอาคฤหาสน์ เป็นสถานที่จัดงานอีก.... ไม่คิดจะปรึกษาอีจุนโฮคนนี้เลยยย นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ ถามซักคำสิว่าเห็นด้วยมั้ย เชอะ!
“ครับ ขอบคุณคุณผู้ชายมากๆนะครับ ขอบคุณมากจริงๆครับ” ชานซองพูดขอบคุณยกใหญ่ พลางยื่นมือไปกุมมือของยูอี...แถมมองตากันอีก... นี่ นายเห็นอีจุนโฮคนนี้เป็นอะไรห๊า อยากจะเดินไปแยกมือนั้นออกจะกันจริงๆ แต่ก็...ได้แต่คิดนะอีจุนโฮ
“แล้วนี่คบกันมานานหรือยังจ้ะ?” คุณแม่ถาม
“ก็เห็นจะราวๆสองปีค่ะ น่าจะประมาณกลางเดือนหน้าจะครบสองปีค่ะ ” ยูอีตอบ จุนโฮถึงกับพูดไม่ออก นี่แอบไปคบกันที่ฉันเข้าโรงพยาบาลเมื่อสองปีก่อนเหรอ? ทำไมอีจุนโฮคนนี้ไม่รู้นะ อยากจะเดินออกไปจากตรงนี้เลยจริงๆ แต่ถ้าทำ..มันจะเสียมารยาทมิใช่น้อย...
“ค่ะ และอีกเหตุผลที่ชานซองพาดิฉันมาในวันนี้ก็คือ อยากที่จะขออนุญาตคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงหยุดงานวันนี้หนึ่งวัน เพื่อที่ฉันกับชานวซองจะได้ไปลองชุดแต่งงาน..จะได้ไหมคะ?” ยูอีบอกเหตุผลอีกข้อ .. แหม ได้คืบจะเอาศอก จริงๆนะสองคนนี้ เชอะ จะไปไหนก็ไปไป๊ จะมาขอทำไม... ในเมื่อก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี...
“เอ่ออออ เรื่องนี้ต้องขอจุนโฮล่ะนะ เพราะชานซองเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวจุนโฮหนิ ให้เจ้าตัวเขาอนุญาตดีกว่านะ” คุณพ่อพูด ทุกคนหันมามองจุนโฮเป็นตาเดียว จุนโฮอึ้งไปซักพัก
‘เอาไงดีจุนโฮ เอาไงดี ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ไป อีกใจหนึ่งก็นึกอยากให้ทั้งคู่รีบสมหวังเป็นฝั่งเป็นฝา ทำไงดี โอยยยยยย ทำไมอีจุนโฮต้องมาเจอเรื่องแบบนี้นะ เพราะนายคนเดียว ฮวางชานซอง!!’ ความคิดในหัวอีจุนโฮตีกันวุ่นวายไปหมด จุนโฮหลับตาปี๋ สะบัดหัวถี่ๆรัวๆ ไล่ความคิดที่ตีกันอยู่ออกไป แล้วก็หยุด หายใจสักพัก แล้วตอบออกไป...
“ตามใจเถอะ นายจะไปไหนก็ไป ฉันบังคับนายไม่ได้อยู่แล้วหนิ” จุนโฮตอบออกไป พลางจิกสายตามองบอดี้การ์ดตัวเอง ทำเอารายนั้นอึ้งไปซักพัก
“ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ จุนโฮ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าอนุญาตละกันนะ ถึงจุนโฮจะไม่อนุญาต แม่นี่แหละจ้ะ อนุญาตเอง ยูอีไม่ต้องกังวลไปนะจ้ะ อีจุนโฮก็เป็นแบบนี้แหล่ะจ้ะ ชอบเอาแต่ใจตั้งแต่เด็กๆล้ะ” แม่ตอบกลับไป..
‘เอ้า แล้วจะมาถามกันทำไมว้ะ ในเมื่อก็ห้ามไม่ได้ โอยยย หงุดหงิดเฟร้ยยยย’ จุนโฮก้มหน้างุด พลางสะบัดหัวรัวๆ ไล่ความคิดบ้าๆนี่ออกไป
“จุนโฮลูก เป็นอะไรรึเปล่า??” เสียงแม่ดังขึ้น เอาฝ่ามือมาวางที่ไหล่คนตัวเล็ก ทุกคนหันมามอง
“เอ่ออ ผมไม่เป็นไรครับแม่ สบายดีทุกประการครับ” จุนโฮตอบกลับไป พลางส่งยิ้มที่ฝืนสุดชีวิตไปให้
“งั้นดีละ วันนี้ลูกมีอะไรก็เรียกใช้คนใช้กับบอดี้การ์ดคนอื่นๆนะลูก เพราะชานซองจะไม่อยู่ ส่วนชานซองกับยูอีไปกันเถอะจ้ะ ไม่ต้องห่วงจุนโฮหรอกนะ” แม่ตอบ... พูดมาได้นะ ไม่ต้องห่วงจุนโฮ แม่ครับ ถามผมยัง?
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองคนขอตัวก่อนนะครับ ลาก่อนครับคุณผู้ชายคุณผู้หญิง” ชานซองและยูอีลุกขึ้น ก้มหัวลงเป็นเชิงเคารพ แล้วเดินจูงมือกันออกจากห้องรับแขกไป...
‘ชิ หมั่นไส้เฟร้ยยย’
หลังจากที่ทั้งชานซองและยูอีออกไปแล้ว จุนโฮก็มีสีหน้าบึ้งตึง พลางลุกขึ้น เดินกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องรับแขก ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่มองหน้ากันอย่างงงๆ แล้วร่างเล็กก็เดินขึ้นบันได มุ่งหน้าไปยังห้องตัวเอง พอถึงหน้าห้องตัวเองก็เปิดประตูเข้าห้อง หมุนตัวมาปิดประตูดังปัง!
“เชอะ คนอะไร จะแต่งงานที่คือต้องเอาว่าที่เมียมาเย้ยกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ จำไว้นะฮวางชานซอง โอยยยยยย อีจุนโฮ นายต้องอยู่ได้โดยไม่มีเค้า นายต้องอยู่ได้” จุนโฮยืนหันหลังพิงประตูพลางสะบัดหัวถี่รัวๆ ไล่ความคิด แล้วก็เดินไปยังเตียงนอน เอาหน้ามุดหมอนใบใหญ่
“ฉันต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีนาย ชานซอง”
.
.
.
.
.
วันงานแต่งงาน
ทุกคนในคฤหาสน์ต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงาน ฝ่ายแม่บ้านต่างรีบจัดเตรียมอาหารสำหรับแขกที่จะมาในงาน ฝ่ายโสตฯก็กำลังเช็คเสียง เช็คไมค์กันยกใหญ่ ตรงลานหญ้าหน้าคฤหาสน์เต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ปูด้วยผ้าสีขาวมากมาย กลางโต๊ะ ประดับด้วยแจกันดอกไม้ เชิงเทียน และจานที่เตรียมไว้สำหรับให้แขกใส่อาหารรับประทาน บอกได้เลยว่าบรรยากาศช่วงนี้...โคตรจะชุลมุน ทุกคนสนใจแต่งานแต่งงานกันหมดไม่มีใครสนใจอีจุนโฮคนนี้เลย.... จุนโฮนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในท้องตัวเองอยู่คนเดียว... สายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง เหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ฮวางชานซอง... ไอ้คนไม่รักษาสัญญา” ร่างบางพูดกับตัวเอง
-10ปีก่อนหน้านี้- {Junho Part}
ตอนนี้ผม อีจุนโฮ อายุก็ปาไป 14 แล้ว แต่ชีวิตผมก็ยังเหมือนเดิม ตระกูลผมทำธุรกิจพันล้าน การที่จะเป็นพวกคนใช้ พวกบอดี้การ์ดวิ่งวุ่นกันทั่วบ้านนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะงี้แหละ เพื่อนๆ ถึงไม่ค่อยชอบเล่นกับผม ชอบหาว่าผมเป็นลูกมาเฟียใจโหด แต่ขอโทษนะครับ พ่อผมคนธรรมดา แค่รวยมากเท่านั้นเอง
“จุนโฮ นี่ชานซองนะ เขาจะมาดูแลลูก จากนี้ไปนะ ชานซอง ดูแลน้องด้วยนะ” คุณพ่อบอก พลางแนะนำเด็กผู้ชายที่ไหนก็รู้มาให้รู้จัก
ชานซองเหรอ? เด็กโข่งอะไรเนี่ย ตัวก็ใหญ่ หน้าตาไม่ยิ้มแย้มเลยอ่ะ แถมตาดูเหม่อๆไงไม่รู้ จะใช้ได้ป่าวว้ะ แล้วนี่อะไร จะมาเป็นบอดี้การ์ด บ้าบ้ออะไรเนี่ย อายุก็เห็นจะไล่เลี่ยกัน ฉันอยากได้เพื่อน ไม่ได้อยากให้คนทำให้เครียดนะเฟ้ยยยยย
“ครับ? ใครเหรอครับคุณพ่อ จะให้มาเป็นบอดี้การ์ดผมเหรอ?” ผมถามคำถามไป จะให้คนอย่างงี้มาเป็นบอดี้การ์ดเหรอ? ไม่มีวันซะหรอก ชิ หน้าตาก็แลดูจะไม่เป็นมิตรซักเท่าไหร่
“ใช้จ้ะ อ่ะจุนโฮอ่า อยู่ด้วยกันดีดีนะ อย่าแกล้งชานซองล่ะ แล้ว... พ่อจะจ้างครูมาสอนลูกที่บ้านนะ ไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว เรียนไปพร้อมกับชานซองเลยแล้วกันนะ รักกันมากๆล่ะทั้งสองคน” พ่อบอก พลางจับมือผมกับชานซองให้มาจับมือกัน..อะไรกันเนี่ยยยย ผมต้องมาอยู่กับไอ้เด็กโข่งคนนี้จริงๆเหรอเนี่ย ไม่นะ ชีวิตอีจุนโฮ ทำไมต้องมีเจ้านี่มาพ่วงด้วยเนี่ย
แล้วพ่อก็เดินจากไป..ทิ้งให้ชานซองอยู่กับจุนโฮ
“นี่นาย นายเป็นใครมาจากไหนฮ้ะ แล้วจะมาดูแลฉันได้ยังไง พ่อแม่นายก็มีทำไมไม่ไปอยู่ด้วยฮ้ะ?” ผมจ้องหน้าไอ้เด็กนี่ แล้วซัดคำถาม(ด่า)มันไปไม่ยั้งเลย เด็กอะไร ตั้งแต่เห็นหน้าไม่พูดไม่จา เป็นใบ้ป่ะว้ะ
“ครับคุณหนู คุณผู้ชายรับผมมาจากบ้านเด็กกำพร้าครับ ผมไม่รู้พ่อแม่ผมเป็นใคร ถ้าผมทำให้คุณหนูไม่สบายใจ ผมขอโทษจริงๆครับ” ไอ้เด็กนั่นตอบกับผมมา... เอาละไง พอได้ยินอย่างนี้ผมก็โกรธมันไม่ลงละ ทำไมต้องมาฟังเรื่องราวชีวิตแบบนี้ว้ะ เศร้านะว้อยยยยย
“อ่ะ เอ่อ ไม่เป็นไรๆ ฉันเข้าใจล้ะ แล้วเอ่อ.. นายจะนอนไหนล่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่านอนเตียงเดียวกับฉันน่ะ” ผมพูด..ตามที่ผมคิดนะ จริงๆ
“ไม่ครับ ผมไม่กล้านอนเทียบเจ้านายหรอกครับ ผมนอนนอกห้องก็ได้ครับ ไม่เป็นไร” ชานซองตอบกลับ ทำผมอึ้งไปเลยอ่ะ อะไรจะกินง่ายนอนง่ายขนาดนี้ฟร้ะ
“เอาเป็นว่า นายนอนข้างเตียงฉันละกันนะ เดี๋ยวให้แม่บ้านไปเอาฟูกที่นอนมาให้ละกัน เอ่อออ นาย โอเคนะ คือ..ฉันขอโทษนะ ที่ตอนแรกฉันว่านายแรงไปหน่อย แหะแหะ นาย..ไม่ว่าไรใช่มั้ยอ่า” ตายจริง ทำไมผมต้องมาขอโทษคนอย่างนี้ด้วยเนี่ย เอาเหอะ ถือว่าจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกับไอ้หมอนี่ละกัน
“ผมไม่เคยโกรธคุณหนูเลยครับ ผมต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่คุณหนูให้ผมนอนร่วมห้องด้วย ทั้งคุณหนูและคุณผู้ชายต่างเป็นผู้มีพระคุณต่อผมมากจริงๆครับ” ชานซองตอบ.... นายเอาโล่ความจงรักภักดีไปเลยป่ะ อะไรจะมีพระคุณขนาดนั้นฮะ?? โอเคๆ ไม่เป็นไรๆ จุนโฮ...นายต้องปล่อยวาง
“อ่ะ โอเคๆ แล้วที่นายบอกจะมาเป็นบอดี้การ์ดฉันน่ะ จริงเหรอ ฉันเอาแต่ใจมากนะ นายคงทนไม่ไหวหรอกม้างงง5555555” ผมก็ถามไปงั้นแหล่ะ ไม่ใส่ใจไรหรอก ไปดูหนังดีกว่า ฮิฮิ เรื่องโปรดด้วยหนิที่จะเข้าฉายวันนี้ นี่แหละ สวรรค์ของอีจุนโฮ เที่ยวกับเที่ยว คิดในใจพลางเดินจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปเที่ยว
“ผมสัญญาครับ ว่าผมจะอยู่ข้างคุณหนูตลอดไป ผมจะอยู่ปกป้องคุณหนู จนสุดกำลังของผมครับ” ชานซองตอบ....ทำเอาผมชะงัก โอ้วว ม่ายยย หมอนี่มันเอาจริงเฮะ จะเอาไงดีล่ะอีจุนโฮ นายต้องอยู่กับนายนี่จริงๆซะแล้วแหละ
“เอ่อออ แหะๆ เอ่ออ เอางั้นก็ได้นะ ไปดูหนังกันเถอะนายบอดี้การ์ด ไปเปลี่ยนเสื้อซะนะ ใส่สูทผูกไทน์เงี๊ยะ มันแปลกๆนะ ฉันว่ามันจะเป็นจุดสนใจเปล่าๆนะ” เฮ้อออ จริงๆเลย ดูใส่เสื้อผ้าเข้าสิ อย่างกะพระเอกในหนัง เหอะ คุณพ่อคงหามาให้ใส่ล่ะสิ เจ้าบ้านี่ก็ซื่อจังให้อะไรใส่หมดจริงๆ - -
.
.
“นี่ชานซอง มานี่หน่อย มาช่วยฉันยกของหน่อย”
“ครับคุณหนู”
“นี่ นายเลิกเรียกฉันว่าคุณหนูได้แล้วน่า ฟังแล้วมันแปลกๆ”
“ครับ คุณหนู”
“- -”
.
.
“จุนโฮวันนี้วันนี้ทางสมาคมธุรกิจของพ่อจะมีการนัดสังสรรค์กันคืนนี้ ลูกต้องไปกับพ่อนะ แต่งตัวหล่อๆล่ะ ชานซองด้วยนะ” พ่อบอก... อะไรกันอีกล่ะเนี่ย ผมอายุยี่สิบสองแล้วนะพ่อ ทำไมผมยังต้องไปงานบ้าๆบอๆ อะไรนี่อีกเนี่ย ไปทีก็ต้องไปนั่งฉีกยิ้มบาน เจอแต่ใครก็ไม่รู้คนไม่รู้จัก
“ผมไม่ไปไม่ได้เหรอครับพ่อ?” ผมพูดไป ทำเสียงอ้อนสุดฤทธิ์แล้วนะ พ่อครับ ใจอ่อนทีเถอะ สาธุ !!
“ไม่ได้นะลูก ลูกต้องไป เพราะงานนี้พ่อเป็นประธานการจัดงาน พ่อจะเปิดตัวลูกด้วย แถมวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของลูก ด้วยนะ อายุยี่สิบสองแล้วนะเราน่ะ แต่งตัวหล่อๆนะ งานนี้คนมาเยอะ จำไว้ลูกต้องหล่อที่สุดในงาน โอเค้?” พ่อยังกำชับ ผมจะตอบว่าไม่โอเคได้มั้ยอ่ะ TT ผมไม่อยากไปจริงๆ อีจุนโฮเอ๋ยยย ยอมรับความจริงซะ
“เอ่อ ก็ได้ครับ T^T” จำใจตอบไปจนได้ โอ้ยยยย ทำไมรู้สึกไม่ดีอย่างงี้ว้ะ ก็คนไม่อยากไปยังจะบังคับ><
“ชานซอง นายมีชุดใส่ยังเนี่ย? อย่าบอกนะว่านายจะใส่สูทผูกไทไปอีกน่ะ ไม่ไหวนะ” ผมหันมาพูดกับบอดี้การ์ดคนสนิท วันๆใส่แต่สูท มันจะมีชุดอื่นใส่ป่าวว้ะเนี่ย
“ครับ ผมจะลองหาดูนะครับ” ชานซองตอบ อ่ะ มีก็ดีล้ะ นึกว่าจะต้องให้หามาให้ใส่อีก ฉันไม่มีไซส์ขนาดนายนะ เหอะๆ
“งั้นก็รีบไปแต่งตัวได้แล้ว เสร็จแล้วมาเรียกฉันหน้าห้องนะ” พูดเสร็จ ผมก็เดินเข้าห้องผม แล้วก็เดินต่อไปยังห้องแต่งตัว ห้องนอนผมน่ะ มีห้องแต่งตัวด้วยนะจะบอก แต่ช่างเหอะ ปํญหาตอนนี้คือ... โอยยยยยย ผมจะใส่ชุดไรดีเนี่ย เยอะแยะไปหมด เอาชุดใสใสน่ารักๆงี้ดีไหมอ่ะ คนเขาจะหาว่าเป็น... ป่าวว้ะ โอ้ยยยยย ทำไมมันเลือกยากเลือกเย็นงี้ว้ะ ชุดนี้ก็โอ ชุดนั่นก็โอ หรือว่าจะใส่สูทดี.... นึกไปนึกว่า เพิ่งว่าชานซองไปหมาดๆนี่หว่า- - ปากหนอ อีจุนโฮ
-ก๊อกๆ-
“คุณหนูครับ เสร็จหรือยังครับ?” เสียงทุ้มดังขึ้น ไม่บอกก็รู้ นั่นเสียงชานซอง ทำไมแต่งตัวเร็วจังว้ะ ฉันยังเลือกชุดไม่ได้เลย ให้ตายสิอีจุนโฮ อายไหมล่ะนั่นถ้าต้องออกไปเจอหน้านายนั่นสภาพนี้
“เอ่อ คือว่า... ฉันยังเลือกเสื้อผ้าไม่ได้เลยอ่ะ ” ผมพูดตอบกลับไป พลางเดินไปเปิดประตู
“โอ้ะ!” ผมถึงกับอึ้ง โอ้แม่เจ้า พระเอกที่ไหนมายืนหน้าห้องเนี่ย ชานซองสวมสูทชุดสไตล์ตะวันตก สีกรมท่าคลาสสิค เสื้อเชิ้ตสีฟ้า เนคไทสีนำเงินเข้ม ที่ฉันบอกว่าห้ามใส่สูท นายลืมมันไปเถอะนะชานซอง อ๊าก นี่มันพระเอกชัดๆ อยู่ดีดีหน้าก็แดงอ่ะ รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลย ตั้งสติ อีจุนโฮ ตั้งสติ
“คุณหนูยังแต่งไม่เสร็จเหรอครับ?” ชานซองถาม ส่งสายตาสงสัยมาทางผม โอยยย อีจุนโฮแทบทรุด หล่อออร่ามากกกก
“เอ่อ ก็..จะว่างั้นก็ได้นะ ก็ฉันเลือกไม่ได้อ่ะ นี่..นายมาช่วยเลือกหน่อยสิ” ผมพูดออกไปแบบเขินๆ เขินทำไมไม่รู้ รู้สึกร้อนๆไงไม่รู้
ชานซองก้าวเท้าเดินตามผมเข้ามาในห้อง ผมเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เสื้อผ้าเยอะแยะไปหมด ทั้งที่แขวนไว้บนราว ในตู้อีกเยอะ เลือกไม่ถูกเลยจริง TT
“อ่ะ ในนี้แหล่ะ ชุดไหนดี ที่ฉันเลือกๆไว้ก็มี... ชุดนี้ ” ผมชูชุดสูทสีชมพูด้วยมือข้างขวา (ไม่พ้นสูทจริงๆสินะ - -)
“แล้วก็ชุดนี้” ผมชูชุดสูทสีน้ำเงินด้วยมือซ้าย
“อืมมมม ผมว่าคุณหนูเหมาะกับสูทสีชมพูกางเกงสีน้ำตาลอ่อนๆนะครับ ผมว่าใส่แล้วดูน่ารักใสใสดี คุณหนูลองใส่ดูนะครับ” ชานซองตอบยิ้มๆ นายชมว่าฉันน่ารักเหรอชาน โอเค สีไหนก็เอาล่ะว้ะ ดีกว่าเลือกด้วยตัวเองแล้วเลือกไม่ได้
“โอเค งั้นฉันจะลองใส่ดูนะ นายก็ออกห้องไปสิ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อ มายืนจ้องงี้ได้ไง” ผมออกปากไล่คนตัวสูงให้ออกไปก่อน อะไรกัน จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังจะมาจ้อง เขินเว้ยยย
ผ่านไปซักพัก ผมเปลี่ยนเสื้อเสร็จล้ะ... ขาดเนคไท ทำไงดีอ่ะ จะใส่สีไหนถึงจะเข้ากับชุด... สีเขียว? แปลกๆเฮะ สีน้ำเงิน...ดูตัดกันไปมั้ยเนี่ย >< ช่างเหอะ สีไหนก็เอาล่ะว้ะ
“ชานซองดูนี่สิ ไทสีนี้สวยไหม?” ผมเปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พอเห็นชานซองยืนรออยู่หน้าห้องแต่งตัว ผมก็ยืนเก๊กท่าหล่อที่สุด เพื่ออวดเนคไทสีฟ้าสดใส กับชุด โฮ๊ะๆ หล่อใช่ไหมล่ะฮวางชานซอง
“เอ่ออ ครับคุณหนู แต่ผมว่า เนคไทมันดูเกะกะไปนะครับ เหมือนมันจะไม่รับกับชุดเท่าไหร่นะครับ ผมขอเข้าไปดูสีอื่นได้ไหมครับ” ชานซองเสนอแนะ ทำไม สีนี้มันไม่สวยไง โด่ววว อุตส่าห์เลือกน้ะเว้ยยย
“อ่ะ ตามใจนายเลย แต่เลือกมาให้ฉันใส่แล้วไม่หล่อ นายตกงานแน่!” ผมพูดใส่หน้าคนตัวสูง ถ้าเลือกมาไม่ถูกใจอีจุนโฮเถอะน่า โดนดีแน่ฮวางชานซอง
“ครับ” ร่างสูงตอบ พลางก้าวเท้า เข้าไปในห้องแต่งตัว ผมยืนรออยู่ซักพัก ชานซองก็ออกมา พร้อมกับอะไรสักอย่างในมือ
“นี่ครับคุณหนู ผมว่าอย่างคุณหนูเหมาะกับหูกระต่ายมากกว่าเนคไทนะครับ ลองใส่ดูครับ สีนี้ผมว่าน่าจะเหมาะกับสูทที่คุณหนูใส่ดี” ชานซองพูด พร้อมกับยืนของในมือมาให้ มันคือหูกระต่ายสีครีมอ่อนๆ ผมมีของอย่างงี้ด้วยเหรอ? ใส่แล้วจะเหมือนตุ๊ดเปล่าว้ะ เฮ้ออออ ผมยืนมองมันด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ ไม่กล้าหยิบมาใส่
“งั้นเดี๋ยวผมใส่ให้นะครับคุณหนู” พูดพลางเลื่อนมือมาจับที่คอเสื้อผม... อูยยย ทำไมต้องหน้าแดงครับอีจุนโฮ คนอะไรว้ะ ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งหล่อ
“เอ่ออ คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดง ไม่สบายเหรอครับ?” ชานซองผละมือออกจะหูกระต่ายที่เหมือนจะใส่ให้ผมเสร็จแล้ว พลางเลื่อนมือขึ้นมาแตะหน้าผากผม... เอาละไง... ทำไมใจผมเต้นดังขนาดนี้นะ ไม่ได้การละ
“นี่ เอามือนายออกไปนะ เสร็จแล้วใช่ไหม เสร็จแล้วก็ไปกันได้แล้ว” ผมพูดพลางเอามือปัดมือหนาออกไปไกลๆ ก่อนที่คนตัวสูงจะรู้...ว่าหัวใจผมเต้นแรงขนาดไหน...
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมกับชานซองก็ลงมาชั้นล่างของตัวคฤหาสน์ บอดี้การ์ดวิ่งวุ่นเลย อะไรกันเนี่ย งานคืนนี้คงสำคัญมากสินะ ถึงต้องเตรียมการเยอะขนาดนี้... ผมว่ามันชักจะแปลกๆแล้วสิงานคืนนี้มันคงจะไม่ใช่งานสังสรรค์ธรรมดาซะแล้วล่ะ...
to be continued...
//สวัสดีค่ะทุกคนนนน ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิค ชายชาย เรื่องแรกของไรท์เลยนะคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^ พูดคุยกับไรท์ได้ทางทวิตเตอร์นะคะ @Thanita_TH_2PM <<จะด่า จะแซะไรท์ยังไง ตามสบายค่ะ 555555
ชอบก็เม้น.....ไม่ชอบก็....เม้นมาเยอะๆนะคะ 555555555 //ไรท์รออยู่ค่ะ ฝากติดตามตอนหน้ากันด้วยนะคะ
ปล.1ไรท์เข้ามารีไรท์นิดหน่อยนะคะ คือ มีรีดเดอร์บางคนงง โอเค ไรท์แก้ให้นิดหน่อย ไม่งงกันแล้วนะคะ ^^
ปล.2 ตอนแรกนี่จะจบที่ตอนจุนโฮอายุ 22 นะคะ
ความคิดเห็น