ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary Friendship

    ลำดับตอนที่ #2 : ลำดับตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 50


    2.

    ผมกลับเข้าหอด้วยอาการช็อกหัวโกร๋น  แต่ไอ้นิกลับยิ้มร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เพราะไอ้หมาตัวนั้นแท้ๆ  เลย  มันรู้ว่าผมกลัว  มันก็เลยแกล้งวิ่งตัดหน้า  อย่าให้เจออีกนะ  พ่อจะเตะให้ดิ้นด้วยตีนเปล่านี่แหละ

    เป็นไงบ้างเพื่อน  พอช็อกหัวโกร๋นแล้ว  รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหรือยัง?”  ไอ้พีทตัวการที่ ท้าให้ผม

    กับไอ้นิไปพิสูจน์อาถรรพ์  เดินมาเยาะเย้ย

    มึงเงียบไปเลยไอ้ตูด  ผมด่ามันเล็กน้อยเมื่อเจอหน้า  ผมและทุกคนเรียกมันว่าไอ้ตูดมานานแล้ว  สาเหตุที่ต้องเรียกอย่างนี้ก็เพราะปากของมัน ที่เหม็นยังกะตูดก็ไม่ปาน

    ถึงไอ้จุ๊บมันจะหัวโกร๋นกลับมา  แต่อย่างน้อยมันก็ทำตามคำท้าได้สำเร็จ  คราวนี้ก็ถึงตาแกบ้างแล้ว....ไอ้ตูด

    ไอ้นิเดินเข้ามา  และทวงคำสัญญาจากไอ้ตูด  ผมรู้สึกสะใจขึ้นมาทันที  เพราะคราวนี้จะถึงตาไอ้ตูด

    จอมปากดีบ้างล่ะ  ที่จะต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบเดียวกับผม  คือพวกเราเคยท้ากัน  ว่าถ้าใครกล้าเข้าไป

    ในโพรงนั้นตอนกลางคืนจะถือว่าผ่านการทดสอบความเป็นผู้ใหญ่ แต่จุดสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าใครจะกล้าหรือไม่กล้า  แต่มันอยู่ตรงที่ใครทำจริงหรือไม่จริงต่างหาก  ใครสักคนอาจจะโกหกก็ได้ว่าได้ไปมาแล้ว 

    เพราะไม่มีใครคอยจับตาดูอยู่  และความซื่อสัตย์กับสัจจะในคำพูดนี่แหละที่จะเป็นเครื่องตัดสินว่าคนๆนั้นโตพอที่จะเป็นผู้ใหญ่หรือยัง  ก็ถ้าใครคนใดคนหนึ่งโกหกก็จะรู้ดีอยู่แก่ใจ  ว่าตัวเองยังเป็นได้แค่เด็กเท่านั้นเอง

    เอาล่ะ  คืนพรุ่งนี้ตาแกแล้วนะ......ไอ้ตูด  ซื่อสัตย์หน่อยล่ะ  ไอ้นิกำชับก่อนกลับออกไปยังหอหญิง  เพื่อพักผ่อนเพราะเวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว ผมตัดสินใจขึ้นไปนอนทันทีในคืนนั้น...................................................................................................................       

     

    ร่างที่พบในโพรงนั้นไม่ใช่ร่างของเด็กน้อยที่หายไป  แต่กลับเป็นร่างของชายหนุ่มที่เสื้อผ้าสกปรก

    และขาดรุ่งริ่ง  แทนที่จะพบเพียงศพเดียว  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีชายนิรนามคนหนึ่งมาตายในโรงเรียนแห่งนี้  โดยไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน  และตายเพราะอะไร  และเข้าไปอยู่ในโพรงเล็กๆนั้นได้อย่างไร 

    ตำรวจพยายามขุดค้นโพรงนั้นอีกครั้ง  เพื่อหวังจะพบร่างของเด็กน้อย  แต่กลับไม่พบอะไร  ทำให้

    ทั้งตำรวจและทุกๆคนในเหตุการณ์ยิ่งงุนงง  และเกิดข้อสงสัยมากมาย  ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือบาดแผลใดๆ  บนร่างของชายนิรนาม  มันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะอย่างน้อย   มันควรจะต้องมีรอยฟกช้ำหรือรอยแผลถลอกจากการยัดศพเข้าไปในโพรงที่เล็กเกินกว่ามนุษย์จะเข้าไปได้  มันดูไม่มีเหตุผลเลย  หรือบางทีแต่เดิมโพรงนี้อาจใหญ่กว่านี้มาก  ก่อนที่ฝนจะตกชายผู้นี้อาจจะเข้าไปในโพรงเพราะเหตุผลบางอย่าง 

    อาจจะเมาเหล้าหรืออาจจะเป็นคนเสียสติที่มุดเข้าไปในโพรงที่มีขนาดใหญ่กว่าตัว แล้วเมื่อฝนตกลงมาก็ยังไม่ยอมออกมา  หรืออาจจะหลับอยู่ในโพรงนี้  เมื่อฝนตกหนักน้ำฝนทำให้ดินกลายเป็นโคลน  แล้วไหลลงมาปิดโพรงนั้นจนกลายเป็นโพรงเล็กๆ  อย่างที่เห็น  ชายผู้นี้อาจถูกน้ำฝนที่ไหลทะลักเข้าไปท่วมมิดตัวในขณะที่

    กำลังตะเกียกตะกายออกมา  เพราะภายในโพรงนั้นเล็กจนไม่สามารถลุกนั่งหรือยืนได้  เขาอาจจะ

    ขาดอากาศหายใจตายอยู่ในโพรงนั้นก็เป็นได้

    ซึ่งจากการชันสูตรศพเบื้องต้นก็พอจะบอกได้ว่าชายผู้นี้ตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า  3  วัน  ซึ่งก็เป็นเวลา

    ที่ไล่เลี่ยกับที่เด็กหายตัวไป  จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าทั้งสองเรื่องนี้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน

    ท่านครับ  เราพบอะไรบางอย่างในนี้ครับ!”  ตำรวจนายหนึ่งตะโกนออกมาจากในโพรงนั้น

    อะไร!”

    สำลีก้อนนึงกับ......เอ่อรองเท้านักเรียนข้างนึงครับอาจเป็นของเด็กที่หายตัวไปครับ!”

    งั้นขุดต่อไป  ผมว่าศพเด็กจะต้องอยู่ในนั้นล่ะ!”  การขุดคุ้ยดำเนินต่อไปจนในที่สุด

    เราเจอศพแล้วครับท่าน  มีแผลเหวอะทั่วตัวเลยครับ  ทุกคนยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น  เพราะนั่นหมายถึง  ภารกิจที่กำลังจะสิ้นสุดเสียที

    แต่มันไม่ใช่ศพเด็กครับ! ! !”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×