[FIC/OS - KHUNWOO 2PM ] DESTINY - [FIC/OS - KHUNWOO 2PM ] DESTINY นิยาย [FIC/OS - KHUNWOO 2PM ] DESTINY : Dek-D.com - Writer

    [FIC/OS - KHUNWOO 2PM ] DESTINY

    [OS จากบทสัมภาษณ์ ฮานาโกะค่ะ] นิชคุณและอูยองพูดถึงอีกฝ่ายโดยค่อย ๆ คิด และฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ ทั้งสองคนถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่แสนสุขเกินกว่าจะบรรยายได้

    ผู้เข้าชมรวม

    1,961

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.96K

    ความคิดเห็น


    27

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ม.ค. 58 / 15:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    [OS] DESTINY

     


    ทักทายค่ะ รีดเดอร์ทุก ๆ ท่าน วันนี้เอาช๊อตฟิค หรือ [OS] วันช๊อตมาฝากกันแบบสั้น ๆ 
    แรงบันดาลใจมาจากบทสัมภาษณ์ฮานาโกะที่เป็นสุดยอดของความฟินนั้นเอง อิอิ 
    ใครยังไม่ได้อ่านหรือต้องการอ่านเพิ่มเติมคลิ้๊ก
    ที่นี้
     
    ขอบคุณคำแปลจาก Jpn-Thai:Jujang @2pmalways และก็เว็บ 2PMALWAYS ด้วยนะคะ
    พร้อมแล้ว ไปอ่านก้เล้ย ชอบไม่ชอบยังไงติชมกันได้เด้อค่า


    ปล.ยังไม่ได้ทวนซ้ำเลย ผิดพลาดยังไงขออภัยนะคะ รีบลงเพราะจะได้ฟีลความฟินไม่จางหาย 5555 เลี่ยนไปก็อย่าว่ากันน้า เอิ้กก


     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       [OS] DESTINY
       


       
       

      สายตาที่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนนั้นเป็น Present Continuous Tense ตลอด

      นิชคุณ และอูยองพูดถึงอีกฝ่ายโดยค่อย ๆ คิด และฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ ทั้งสองคนถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่แสนสุขเกินกว่าจะบรรยายได้

                  รอยยิ้มที่มุมปากกระตุกเล็กน้อย โหนกแก้มน้อยขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก ใบแก้มกลมพองขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่นิตยาสารเล่มใหญ่ข้างหน้า ใบหน้ากลมฉายแววชอบใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ หวนนึกถึงเวลานั้นที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน

       

                  “คุณนิชคุณ คุณอูยอง เข้าใจแล้วนะคะ ตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด” เสียงทีมงานสาวปลุกผมให้ตื่นจากวังวนความคิด พยักหน้าช้า ก่อนหันไปเห็นคนข้าง ๆ ส่งยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น

       

                  “ได้ฟังรึป่าวเมื่อกี๊” เสียงนุ่มเจือกระแสความอ่อนโยนเอ่ยถามข้างหู ผมสะดุ้งตัวผงะ ใบหน้าหนีจากลมร้อน ๆ ที่ข้างหู

                 

                  “ก็ฟังอยู่ครับ เข้าใจหมดแล้ว” ผมเบนสายตาไปมองทีมงานที่กำลังเตรียมเริ่มต้นการสัมภาษณ์

                  “โกหก ตาลอยไปพูซานแล้วนั่นนะ” ผมยู่หน้าอย่างขัดใจ กับคนที่รู้ทันผมตลอด รู้ทันตลอด... ผู้ชายคนนี้ นิชคุณ

       

                  ตอนนี้เราอยู่กันที่สตูดิโอขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เพื่อมาทำการสัมภาษณ์ลงนิตยาสารชื่อดังฉบับหนึ่งของญี่ปุ่น การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็นคู่ ๆ มีผมกับ คุณฮยอง จุนโฮกับจุนซูฮยอง และชานซองกับแทคฮยอง

       

      ผมและคุณฮยองต้องให้สัมภาษณ์เป็นคู่แรก ภายในสตูดิโอมีเสียงอื้ออึงของทีมงานที่กำลังจัดการทุกอย่างให้พร้อมแต่ผมกลับได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้าง ๆ ที่ยื่นหน้ามาใกล้จนเกินไป จงใจแกล้งกันชัด ๆ ...

      “จะเริ่มละนะคะ” เสียงทีมงานสาวคนเดิมพูดย้ำอีกครั้งก่อนก้าวเท้ามานั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ ผมเหลือบมองคนข้าง ๆ ยิ้มนุ่ม ๆ ส่งไปให้ทีมงานสาว อดหมั่นไส้ไม่ได้

       

                  “ตั้งแต่เดบิวท์ จุดที่คิดว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมากที่สุดคือจุดไหน?

       

                  อืมม เปลี่ยนไปมากที่สุดหรอ .. คุณฮยองก็มีแต่ .. หล่อขึ้นเรื่อย ๆ แฟนคลับมากขึ้นเรื่อย .. ใจดีมากขึ้นเรื่อย ๆ .. อ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ..

                 

      “อูยองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะครับ ...” ระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก คนข้าง ๆ ก็ชิงตอบขึ้นมาก่อน ผมอมยิ้มน้อย ๆ จ้องใบหน้าหวาน อย่างตั้งใจฟัง

                  “นิชคุณเป็นคนที่แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างในฐานะพี่ชายอยู่เสมอความใส่ใจ และ ความอ่อนโยน ก็ไม่เปลี่ยนเลยตลอดมานะครับ”

      .          

      คุณฮยองหันมาสบตาผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ กับคำตอบของผม เหมือนมีอะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้นที่ทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายเบือนสายตาหนีมา หน้าขึ้นสีอย่างไม่มีสาเหตุ

       

                  เสียงหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ ทำผมต้องมองค้อนขวับคนข้าง ๆ ทันที จำเอาไว้เถอะ

       

                “เวลาไหนที่รู้สึกถึงความอ่อนโยนของคุณนิชคุณมากที่สุด?

                 

                  ผมขมวดคิ้วกับคำถาม “มีเยอะเกินไป..” คุณฮยองหัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนเอามือใหญ่มาขยี้หัวของผมเบา ๆ             

                  “ก็ตอนนั้น...”

       ผมหวนย้อนกลับไปเหตุการณ์หลังจบคอนเสิร์ตเดียวครั้งแรกในเกาหลี ที่ผมระบายความอัดอั้นใจจากความกดดันที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอบนโต๊ะอาหาร สมาชิกทุกคนนั่งนิ่งอย่างตั้งใจฟัง ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ

      พอพูดจบแล้ว ก็เป็นตัวผมเองที่เริ่ม ตาแดง ๆ น้ำตาปริ่ม ๆ อยู่ที่ขอบตา พร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ ก่อนที่จะคิดผละตัวออกจากโต๊ะอาหารข้างหน้า คุณฮยองก็คว้าตัวผมไปกอดแน่น ๆ

       

      “ทำไมพูดอะไรอย่างนั้น ไม่มีใครคิดอย่างนั้นสักหน่อย ห้ามพูดแบบนี้อีกนะอูยอง เด็กดื้อ”

       

      เท่านั้นแหละครับ ตัวผมก็ปล่อยโฮออกมาทันทีกับความอ่อนโยนที่คนในอ้อมกอดมอบให้ สมาชิกทุกคนก็เริ่มเข้ามาปลอบกัน จุนซูฮยองพยายามทำบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้นตามเดิม ผมเช็ดน้ำตาช้า ๆ พยายามยิ้มให้กับทุกคนในวง

       

      “ไม่ร้องแล้วนะ เห็นมั้ยว่าใคร ๆ ก็รักอูยอง พี่ก็รักอูยองนะ”

       

      เมื่อนึกประโยคสุดท้ายที่ได้ฟังในวันนั้น ก็อดยิ้มกว้าง ๆ ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ แต่เสียงที่ปลอบประโลมข้าง ๆ หู คำว่ารักที่หลุดมาจากริมฝีปากคู่สวย ทำไมหัวใจอบอุ่นกว่าเดิมหลายเท่า

       

      “อูยองเหม่ออีกแล้ว”

      “อ้ะ ขอโทษครับ ถึงไหนแล้วนะ”

       

      “คำถามสุดท้ายแล้วค่ะ ถ้าจะให้ของขวัญอีกฝ่าย อยากให้อะไร?

       

      คำถามยากอีกแล้ว ของขวัญหรอครับ แบบคุณฮยอง ...

      “อืม อืม สำหรับอูยองคงเป็นเวลา  ตอนนี้งานยุ่งมาก อยากให้เวลาอูยองพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ” ผมหัวเราะน้อย ๆ ชอบใจกับคำตอบ เปลี่ยนจากให้เวลาผม เป็นให้เวลาตัวเองกับผมมากขึ้นดีกว่ามั้ยครับ          

       

      “ผมอยากให้เปียโนที่ดีที่สุดในโลกกับนิชคุณนะ”

       

      ผมชอบเวลาที่คุณฮยองเล่นเปียโนที่สุดครับ เสียงนุ่ม ๆ คลอกับเสียงเปียโนที่ส่งผ่านความรู้สึกมากมาย ... ถ้าได้มอบเปียโนที่ดีที่สุดให้กับเขาคงจะดีไม่น้อย

                 

      “แต่ถ้านิชคุณตั้งใจฝึกฝนเต็มที่ คิดว่าคงได้เป็นนักเปียโน ไม่ได้มาเป็น 2PM นะ เพราะฉะนั้นดีแล้วหล่ะครับ !” ผมพูดเสริมเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนยิ้มกว้าง ๆ ทิ้งท้าย“มันคงเป็นโชคชะตา”

      คุณฮยองหันหน้ามามองผมอีกครั้งพยักหน้าเขิน ๆ เช่นเดียวกับผมที่พูดเองก็เขินเองไม่แพ้กัน นี่มันบทสัมภาษณ์ประเภทไหนเนี่ยครับ ผมพูดอะไรออกไปบ้าง ... น่าอายชะมัด

       

       

       

      แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นพิลึก

       

      “เฮ้ อูยอง ทำอะไรอยู่” ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงนุ่มของนิชคุณที่ข้างหู

      “ก็..อ่านนิตยาสารอยู่ไงครับ ไม่เห็นหรอไง” ผมนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง พยายามเมินเฉยกับคุณฮยอง เพ่งสมาธิไปยังตัวหนังสือบนนิตยาสารข้างหน้า

      “คนอะไรน้า หลับตาอ่านหนังสือก็ได้ด้วย เมื่อกี๊พี่เข้ามาเห็นหลับตาพริ้มอยู่ชัด ๆ ฮ่าๆๆ” ผมมองค้อนขวับคนข้าง ๆ ทันที แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวกลับยื่นมือโต ๆ มาบีบที่ปลายจมูกผมอย่างหมั่นไส้

      “เอ๋ แล้วนี่ทำไมเราไม่มีคำถามนี้” ผมมองตาม นิ้วเรียวสวยที่ชี้ลงบนคำถามในนิตยาสารอันสุดท้ายของคู่อื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกับคู่ของเรา

       

      คิดว่าอีก 10 ปี อีกฝ่ายจะเป็นยังไง?

       

      “อีกสิบปี ... อูยองว่าพี่จะเป็นยังไง”

      “อีกสิบปี คุณฮยองก็คงจะหล่อกว่านี้ และก็เป็นคุณพ่อใจดีของลูก ๆ ไปแล้ว” ผมตอบตรง ๆ ตามที่คิด เพราะเวลาที่ไปออกรายการไหน ถามถึงอนาคต คุณฮยองมักจะตอบว่าอยากเป็นคุณพ่อที่ดีของครอบครัวเสมอ

      “อีกสิบปี ... อูยองก็คงเป็นภรรยาที่น่ารักของพี่..” ผมเบิกตากว้างหน้าขึ้นสี เงื้อมือเตรียมจะตีลงไหล่กว้าง ๆ ของคนทะเล้น แต่กลับเป็นว่าได้เจอกับใบหน้าสวยที่เคร่งขรึมอย่างประหลาด

      คุณฮยองเอื้อมมือมาคว้ามือผมแล้วใช้มือทั้งสองกุมอย่างอบอุ่น กระแสความร้อนส่งผ่านจนผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว

      “อีกสิบปี .. เราจะอยู่ด้วยกัน อีกสิบปี เราจะมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน .. นะอูยอง” คุณฮยองพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจนทุกคำพูด เหมือนความอ่อนแอถาโถมเข้ามา น้ำตาผมเริ่มปริ่ม

       

      คุณฮยองใช้นิ้วปาดน้ำตาให้ผมช้า ๆ ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูเบา ๆ

      “อีกสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี ไม่สิ .. ตลอดไป พี่ก็จะรักอูยอง” ผมเงยหน้าสบตาคนข้างหน้า ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกับคราบน้ำตา

      “คนบ้า..” ผมพึมพำ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะโน้มลงมาใกล้ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ่มช้า ๆ สูดเอากลิ่นหอม ก่อนที่จะเลื่อนมาปิดปากไม่ให้ผมเอ่ยอะไรอีกต่อไป รสจูบเค็มปร่าด้วยรสของน้ำตาแต่กลับหวานละมุนจนทำผมละลายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโต

       

      มันคงเป็นโชคชะตา

       

      ...

       

      ถึงวันนี้ ผู้ชายที่ชื่อนิชคุณ หรเวชกุล กลายเป็นนักเปียโนชื่อดังหรืออะไรก็ตาม ผมก็เชื่อว่าเราก็จะได้พบกัน .. คุณท้องฟ้ากำหนดมาให้มันเป็นแบบนี้ ใช่มั้ยครับ ?


                     "รัก" ผมกระซิบเสียงอ่อน
                   

         "รักเหมือนกันครับ My destiny" ..
       

      THE END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×