[FIC/OS - KHUNWOO 2PM ] DESTINY
[OS จากบทสัมภาษณ์ ฮานาโกะค่ะ] นิชคุณและอูยองพูดถึงอีกฝ่ายโดยค่อย ๆ คิด และฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ ทั้งสองคนถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่แสนสุขเกินกว่าจะบรรยายได้
ผู้เข้าชมรวม
1,961
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นิชคุณ และอูยองพูดถึงอีกฝ่ายโดยค่อย ๆ คิด และฟังที่อีกฝ่ายพูดเงียบ ๆ อย่างตั้งใจ ทั้งสองคนถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศที่แสนสุขเกินกว่าจะบรรยายได้
รอยยิ้มที่มุมปากกระตุกเล็กน้อย โหนกแก้มน้อยขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก ใบแก้มกลมพองขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่นิตยาสารเล่มใหญ่ข้างหน้า ใบหน้ากลมฉายแววชอบใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ หวนนึกถึงเวลานั้นที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน
“คุณนิชคุณ คุณอูยอง เข้าใจแล้วนะคะ ตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด” เสียงทีมงานสาวปลุกผมให้ตื่นจากวังวนความคิด พยักหน้าช้า ก่อนหันไปเห็นคนข้าง ๆ ส่งยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น
“ได้ฟังรึป่าวเมื่อกี๊” เสียงนุ่มเจือกระแสความอ่อนโยนเอ่ยถามข้างหู ผมสะดุ้งตัวผงะ ใบหน้าหนีจากลมร้อน ๆ ที่ข้างหู
“ก็ฟังอยู่ครับ เข้าใจหมดแล้ว” ผมเบนสายตาไปมองทีมงานที่กำลังเตรียมเริ่มต้นการสัมภาษณ์
“โกหก ตาลอยไปพูซานแล้วนั่นนะ” ผมยู่หน้าอย่างขัดใจ กับคนที่รู้ทันผมตลอด รู้ทันตลอด... ผู้ชายคนนี้ นิชคุณ
ตอนนี้เราอยู่กันที่สตูดิโอขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เพื่อมาทำการสัมภาษณ์ลงนิตยาสารชื่อดังฉบับหนึ่งของญี่ปุ่น การสัมภาษณ์แบ่งออกเป็นคู่ ๆ มีผมกับ คุณฮยอง จุนโฮกับจุนซูฮยอง และชานซองกับแทคฮยอง
ผมและคุณฮยองต้องให้สัมภาษณ์เป็นคู่แรก ภายในสตูดิโอมีเสียงอื้ออึงของทีมงานที่กำลังจัดการทุกอย่างให้พร้อมแต่ผมกลับได้ยินเสียงลมหายใจของคนข้าง ๆ ที่ยื่นหน้ามาใกล้จนเกินไป จงใจแกล้งกันชัด ๆ ...
“จะเริ่มละนะคะ” เสียงทีมงานสาวคนเดิมพูดย้ำอีกครั้งก่อนก้าวเท้ามานั่งที่โซฟาตัวข้าง ๆ ผมเหลือบมองคนข้าง ๆ ยิ้มนุ่ม ๆ ส่งไปให้ทีมงานสาว อดหมั่นไส้ไม่ได้
“ตั้งแต่เดบิวท์ จุดที่คิดว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปมากที่สุดคือจุดไหน?”
อืมม เปลี่ยนไปมากที่สุดหรอ .. คุณฮยองก็มีแต่ .. หล่อขึ้นเรื่อย ๆ แฟนคลับมากขึ้นเรื่อย .. ใจดีมากขึ้นเรื่อย ๆ .. อ่อนโยนมากขึ้นเรื่อย ..
“อูยองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะครับ ...” ระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก คนข้าง ๆ ก็ชิงตอบขึ้นมาก่อน ผมอมยิ้มน้อย ๆ จ้องใบหน้าหวาน อย่างตั้งใจฟัง
“นิชคุณเป็นคนที่แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่างในฐานะพี่ชายอยู่เสมอความใส่ใจ และ ความอ่อนโยน ก็ไม่เปลี่ยนเลยตลอดมานะครับ”
.
คุณฮยองหันมาสบตาผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ กับคำตอบของผม เหมือนมีอะไรบางอย่างในสายตาคู่นั้นที่ทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายเบือนสายตาหนีมา หน้าขึ้นสีอย่างไม่มีสาเหตุ
เสียงหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ ทำผมต้องมองค้อนขวับคนข้าง ๆ ทันที จำเอาไว้เถอะ
“เวลาไหนที่รู้สึกถึงความอ่อนโยนของคุณนิชคุณมากที่สุด?”
ผมขมวดคิ้วกับคำถาม “มีเยอะเกินไป..” คุณฮยองหัวเราะในลำคออีกครั้ง ก่อนเอามือใหญ่มาขยี้หัวของผมเบา ๆ
“ก็ตอนนั้น...”
ผมหวนย้อนกลับไปเหตุการณ์หลังจบคอนเสิร์ตเดียวครั้งแรกในเกาหลี ที่ผมระบายความอัดอั้นใจจากความกดดันที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอบนโต๊ะอาหาร สมาชิกทุกคนนั่งนิ่งอย่างตั้งใจฟัง ไม่มีเสียงพูดคุยใด ๆ
พอพูดจบแล้ว ก็เป็นตัวผมเองที่เริ่ม ตาแดง ๆ น้ำตาปริ่ม ๆ อยู่ที่ขอบตา พร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ ก่อนที่จะคิดผละตัวออกจากโต๊ะอาหารข้างหน้า คุณฮยองก็คว้าตัวผมไปกอดแน่น ๆ
“ทำไมพูดอะไรอย่างนั้น ? ไม่มีใครคิดอย่างนั้นสักหน่อย ห้ามพูดแบบนี้อีกนะอูยอง เด็กดื้อ”
เท่านั้นแหละครับ ตัวผมก็ปล่อยโฮออกมาทันทีกับความอ่อนโยนที่คนในอ้อมกอดมอบให้ สมาชิกทุกคนก็เริ่มเข้ามาปลอบกัน จุนซูฮยองพยายามทำบรรยากาศให้ครึกครื้นขึ้นตามเดิม ผมเช็ดน้ำตาช้า ๆ พยายามยิ้มให้กับทุกคนในวง
“ไม่ร้องแล้วนะ เห็นมั้ยว่าใคร ๆ ก็รักอูยอง พี่ก็รักอูยองนะ”
เมื่อนึกประโยคสุดท้ายที่ได้ฟังในวันนั้น ก็อดยิ้มกว้าง ๆ ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่ความอ่อนโยนที่เขามอบให้ แต่เสียงที่ปลอบประโลมข้าง ๆ หู คำว่ารักที่หลุดมาจากริมฝีปากคู่สวย ทำไมหัวใจอบอุ่นกว่าเดิมหลายเท่า
“อูยองเหม่ออีกแล้ว”
“อ้ะ ขอโทษครับ ถึงไหนแล้วนะ”
“คำถามสุดท้ายแล้วค่ะ ถ้าจะให้ของขวัญอีกฝ่าย อยากให้อะไร?”
คำถามยากอีกแล้ว ของขวัญหรอครับ แบบคุณฮยอง ...
“อืม อืม ~ สำหรับอูยองคงเป็นเวลา ตอนนี้งานยุ่งมาก อยากให้เวลาอูยองพักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ” ผมหัวเราะน้อย ๆ ชอบใจกับคำตอบ เปลี่ยนจากให้เวลาผม เป็นให้เวลาตัวเองกับผมมากขึ้นดีกว่ามั้ยครับ
“ผมอยากให้เปียโนที่ดีที่สุดในโลกกับนิชคุณนะ”
ผมชอบเวลาที่คุณฮยองเล่นเปียโนที่สุดครับ เสียงนุ่ม ๆ คลอกับเสียงเปียโนที่ส่งผ่านความรู้สึกมากมาย ... ถ้าได้มอบเปียโนที่ดีที่สุดให้กับเขาคงจะดีไม่น้อย
“แต่ถ้านิชคุณตั้งใจฝึกฝนเต็มที่ คิดว่าคงได้เป็นนักเปียโน ไม่ได้มาเป็น 2PM นะ เพราะฉะนั้นดีแล้วหล่ะครับ !” ผมพูดเสริมเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนยิ้มกว้าง ๆ ทิ้งท้าย“มันคงเป็นโชคชะตา”
คุณฮยองหันหน้ามามองผมอีกครั้งพยักหน้าเขิน ๆ เช่นเดียวกับผมที่พูดเองก็เขินเองไม่แพ้กัน นี่มันบทสัมภาษณ์ประเภทไหนเนี่ยครับ ผมพูดอะไรออกไปบ้าง ... น่าอายชะมัด
แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นพิลึก
“เฮ้ อูยอง ทำอะไรอยู่” ผมสะดุ้งตัวลุกขึ้นจากโซฟาเมื่อได้ยินเสียงนุ่มของนิชคุณที่ข้างหู
“ก็..อ่านนิตยาสารอยู่ไงครับ ไม่เห็นหรอไง” ผมนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง พยายามเมินเฉยกับคุณฮยอง เพ่งสมาธิไปยังตัวหนังสือบนนิตยาสารข้างหน้า
“คนอะไรน้า หลับตาอ่านหนังสือก็ได้ด้วย เมื่อกี๊พี่เข้ามาเห็นหลับตาพริ้มอยู่ชัด ๆ ฮ่าๆๆ” ผมมองค้อนขวับคนข้าง ๆ ทันที แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวกลับยื่นมือโต ๆ มาบีบที่ปลายจมูกผมอย่างหมั่นไส้
“เอ๋ แล้วนี่ทำไมเราไม่มีคำถามนี้” ผมมองตาม นิ้วเรียวสวยที่ชี้ลงบนคำถามในนิตยาสารอันสุดท้ายของคู่อื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกับคู่ของเรา
คิดว่าอีก 10 ปี อีกฝ่ายจะเป็นยังไง?
“อีกสิบปี ... อูยองว่าพี่จะเป็นยังไง”
“อีกสิบปี คุณฮยองก็คงจะหล่อกว่านี้ และก็เป็นคุณพ่อใจดีของลูก ๆ ไปแล้ว” ผมตอบตรง ๆ ตามที่คิด เพราะเวลาที่ไปออกรายการไหน ถามถึงอนาคต คุณฮยองมักจะตอบว่าอยากเป็นคุณพ่อที่ดีของครอบครัวเสมอ
“อีกสิบปี ... อูยองก็คงเป็นภรรยาที่น่ารักของพี่..” ผมเบิกตากว้างหน้าขึ้นสี เงื้อมือเตรียมจะตีลงไหล่กว้าง ๆ ของคนทะเล้น แต่กลับเป็นว่าได้เจอกับใบหน้าสวยที่เคร่งขรึมอย่างประหลาด
คุณฮยองเอื้อมมือมาคว้ามือผมแล้วใช้มือทั้งสองกุมอย่างอบอุ่น กระแสความร้อนส่งผ่านจนผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“อีกสิบปี .. เราจะอยู่ด้วยกัน อีกสิบปี เราจะมีครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน .. นะอูยอง” คุณฮยองพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเจนทุกคำพูด เหมือนความอ่อนแอถาโถมเข้ามา น้ำตาผมเริ่มปริ่ม
คุณฮยองใช้นิ้วปาดน้ำตาให้ผมช้า ๆ ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูเบา ๆ
“อีกสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี ไม่สิ .. ตลอดไป พี่ก็จะรักอูยอง” ผมเงยหน้าสบตาคนข้างหน้า ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มกับคราบน้ำตา
“คนบ้า..” ผมพึมพำ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะโน้มลงมาใกล้ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนิ่มช้า ๆ สูดเอากลิ่นหอม ก่อนที่จะเลื่อนมาปิดปากไม่ให้ผมเอ่ยอะไรอีกต่อไป รสจูบเค็มปร่าด้วยรสของน้ำตาแต่กลับหวานละมุนจนทำผมละลายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโต
มันคงเป็นโชคชะตา
...
ถึงวันนี้ ผู้ชายที่ชื่อนิชคุณ หรเวชกุล กลายเป็นนักเปียโนชื่อดังหรืออะไรก็ตาม ผมก็เชื่อว่าเราก็จะได้พบกัน .. คุณท้องฟ้ากำหนดมาให้มันเป็นแบบนี้ ใช่มั้ยครับ ?
"รัก" ผมกระซิบเสียงอ่อน
"รักเหมือนกันครับ My destiny" ..
THE END
ผลงานอื่นๆ ของ babymafia ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ babymafia
ความคิดเห็น