ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเหนือเมฆ (Re-up มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #17 : ถ่ายรูปมาให้แม่ดูด้วย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.09K
      55
      7 ก.พ. 64

    เมื่ออ่อนช้อยกดวางสายโทรศัพท์ พนักงานฝ่ายเทคนิคที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็กดหยุดการบันทึกเสียงในเวลาไล่เลี่ยกัน  หลังลองเปิดฟังว่าเสียงสนทนาระหว่างอ่อนช้อยกับพิมพิสาดังชัดเจน ไม่มีปัญหาใดๆ เขาก็มอบเทปบันทึกเสียงให้กับคุณนวลระวี จากนั้นก้มหน้าออกจากห้องเพื่อกลับไปทำงานของตัวเอง

    คุณนวลระวี เหนือดวง และเคียงข้าว ต่างส่งยิ้มยกหัวแม่มือให้กับอ่อนช้อยด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะเคียงข้าวนั้น เธอรู้สึกราวกับมองเห็นอ่อนช้อยคนใหม่ที่เธอไม่ค่อยคุ้นตา ความจริงจัง แน่วแน่ เย็นชา วาจาเชือดเฉือน เหมือนมีรังสีอำมหิตรายล้อมอยู่รอบตัว ดูเผินๆ เกือบคล้ายคุณนวลระวีอยู่หลายส่วน

    มิน่าล่ะ คุณนวลระวีถึงเอ็นดูอ่อนช้อยนัก ไม่ว่าไปไหนมาไหนจะต้องมีอีกฝ่ายติดตามไปด้วยเสมอ

    “พวกเราลองมาทายกันดูมั้ย ว่าพิมพิสาจะยกเลิกสัญญากับช่องเดิมหรือเปล่า?”

    เหนือดวงพูดขึ้นเสียงใส ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ไม่ปกปิดถึงความสนุกสนาน จนทุกคนต้องหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    “เร็วเข้าน้องข้าว…มาทายกัน…น้องข้าวคิดว่าพิมพิสาจะไปยกเลิกสัญญาเพื่อมาอยู่กับเราไหมครับ?”

    อีตาบ้านี่ก็…เป็นญาติกับเซียมซีหรือไง ใจคอจะให้ทายได้ทุกเรื่อง! 

    เคียงข้าวจิกตาใส่ชายตัวใหญ่ แต่เหมือนหัวใจยังไม่โต ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้

    “ยกเลิกค่ะ” 

    หญิงสาวตอบสั้นๆ แต่เหนือดวงยังไม่หยุดถาม

    “เหตุผลล่ะครับ?”

    “ก็เป็นโอกาสเดียวของพิมพิสานี่คะ ที่จะได้โชว์ให้ทุกคนเห็นว่า ที่ผ่านมาเธอพูดความจริง” เคียงข้าวอธิบาย “เธอกล้าลงทุนสร้างข่าวว่าไม่ต่อสัญญากับช่องเดิม เพราะจะได้มาร่วมงานกับคุณแม่ ในเมื่อคุณแม่ให้โอกาสเธอแล้ว ต่อให้ต้องจ่ายไปมากกว่านี้ ข้าวว่าพิมพิสาก็ต้องยอม”

    ยอมเพราะไม่มีทางเลือก!

    ในเมื่อขึ้นหลังเสือมาแล้ว คิดอยากจะลงก็ลงได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ…ก็ต้องกัดฟันนั่งไปต่อจนสุดทาง ต่อให้ระหว่างทางจะถูกเสือพาเข้ารกเข้าพง จนเนื้อตัวถลอกปอกเปิก ก็ต้องทน…

    นอกจากจะยอมเลือกอีกทางคือ…ปล่อยตัวเองให้หล่นลงไปตาย!

    ขนาดพิมพิสาเป็นนางเอกมีสังกัด ยังถูกทางช่องลดบทบาทลงไปเรื่อยๆ จนแทบจะเป็นตัวประกอบอยู่รอมร่อ หากรอให้หมดสัญญาเพื่อเป็นนักแสดงอิสระ ก็มองไม่เห็นว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่าเดิม การจ่ายห้าล้านแต่ได้มาอยู่กับคุณนวลระวี ได้อยู่ค่ายใหม่ที่ดีกว่าที่เก่า…ซึ่งตัวเองก็ประโคมโอ่เอาไว้แล้ว เคียงข้าวคิดว่าพิมพิสากับนางพวงครามยอมจ่ายแน่นอน หนำซ้ำยังสามารถใช้โอกาสนี้สร้างกระแสให้ตัวเองได้อีกด้วย

    แม้จะต้องเจ็บปวดที่เสียเงินก้อนใหญ่ 

    แต่การได้เดินเชิดหน้าออกมา…กับการถูกขับไล่ออกมา…สถานะมันต่างกันนัก

    แต่พิมพิสาคงไม่คิดหรอกว่า การได้เดินเชิดหน้าออกมาจากที่เก่านั้น ที่ใหม่ที่เธอวาดฝัน อาจจะแย่ยิ่งกว่าที่เดิมก็ได้ 

    ก็ขนาดยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่  ยังเสียเงินไปแล้วฟรีๆ ถึงห้าล้าน…และนี่…ก็เป็นเพียงแค่บทลงโทษ “เล็กๆ” จากคุณนวลระวีเท่านั้นเอง!

    “แม่เห็นด้วยกับหนูข้าวจ้ะ”

    คุณนวลระวีพูดยิ้มๆ ขณะมองว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยสายตาอ่อนโยน ขณะที่อ่อนช้อยก็พูดด้วยเสียงนุ่มนวลติดเย็นชาเล็กน้อยตามแบบของเธอ

    “อ่อนก็เห็นด้วยกับข้าวค่ะ”

    เมื่อเห็นทุกคนต่างเห็นด้วยกับเคียงข้าว ไม่มีใครคิดต่าง เหนือดวงก็ยิ้มแฉ่ง ทำท่าดีอกดีใจที่ใครๆ ต่างเห็นด้วยกับว่าที่ภรรยาของเขา

    “เหนือก็เห็นด้วยเหมือนกัน" ชายหนุ่มพูดพลางตบมือเปาะแปะ ไม่รู้ตบให้เคียงข้าวหรือตบให้ตัวเอง  "เอาล่ะ การประชุมเสร็จสิ้นแล้ว เหนือขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”

    เหนือดวงพูดพลางลุกขึ้นยืนพร้อมบิดขี้เกียจ ไม่ลืมที่จะดึงมือของเคียงข้าวให้ลุกขึ้นตามเขาด้วย ทุกคนจึงทยอยลุกตามชายหนุ่ม

    “จะไปไหนกันลูก อยู่ทานอาหารว่างกับแม่ก่อนไหม?” 

    คุณนวลระวีถามทั้งสองคน ขณะที่เหนือดวงส่ายหน้า

    “เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบมารดา “เหนือว่าจะพาน้องข้าวไปหาซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวสีมงคลก่อน จากนั้นเหนือตั้งใจว่าจะโทรศัพท์ไปหาแม่ยาย…เอ๊ย! โทรไปหาคุณแม่ของน้องข่าว แจ้งข่าวดีของเราสองคนให้ท่านทราบ”   

    เมื่อได้ฟังเหตุผลของเหนือดวง คุณนวลระวีก็ไม่รั้งทั้งคู่เอาไว้อีก หญิงสูงวัยยิ้มกว้างจนเต็มใบหน้า เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กของเธอมีความรอบคอบ และให้ความสำคัญต่อวันจดทะเบียนสมรสอย่างที่เธอกำชับ

    “จำทุกอย่างที่แม่บอกได้แล้วใช่ไหมลูก?”

    คุณนวลระวีถาม  เหนือดวงกับเคียงข้าวยังไม่ทันตอบ  เธอก็พูดขึ้นมาเอง 

    “พรุ่งนี้ลูกสองคน จะต้องสวมเสื้อผ้าสีของธาตุไฟหรือธาตุไม้เท่านั้น เช่นสีแดง สีส้ม ชมพู เขียว ม่วง เพราะไฟกับไม้จะส่งเสริมสนับสนุนกัน ไม่ข่มกัน…หากลูกนึกสีของธาตุไม่ออก ก็ให้นึกภาพของไฟที่กำลังโชนแสงโชติช่วง หรือภาพความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้า  นั่นแหละจ้ะ  คือสีของธาตุไฟกับธาตุไม้” 

    คุณนวลระวีย้ำแล้วย้ำอีก เหมือนกำลังพูดอยู่กับลูกตัวเล็กๆ สองคนที่กำลังจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก แน่นอนว่า…ทั้งเด็กชายเหนือดวงและเด็กหญิงเคียงข้าว ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากพากันพยักหน้ารับ ด้วยกิริยาเชื่อฟังเหมือนเป็นเด็กดี

    “อย่างที่ใส่กันอยู่ในวันนี้ แม่ห้ามเด็ดขาดเลยนะ”

    คุณนวลระวีพูดต่อ พลางปรายตามองเสื้อผ้าของเหนือดวงกับเคียงข้าว 

    เหนือดวงยังใส่เสื้อผ้าตามสไตล์เทรนเนอร์ฟิตเนส ซึ่งในตอนนี้เคียงข้าวรู้สึกชินสายตาไปแล้ว ได้แก่เสื้อยืดคอวีสีขาวแขนสั้นขนาดพอดีตัว โชว์กล้ามไหล่ อก และแขนชัดเจน กับกางเกงจ็อกเกอร์ยี่ห้อดีสีดำแถบขาว รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด 

    ตอนเคียงข้าวเข้ามาทำงานแรกๆ เธอแต่งตัวสุภาพเหมือนสาวออฟฟิศทั่วไป เนื่องจากอ่อนช้อยเพื่อนสนิทของเธอ มักอยู่ในชุดเรียบร้อยราวกับคุณครูเจ้าระเบียบ หญิงสาวจึงลอกเลียนเพื่อน คิดว่านี่อาจเป็นแนวเครื่องแบบการแต่งกายของบริษัทคุณนวลระวี

    ที่ไหนได้ เมื่อเข้ามาสัมผัสจริงๆ เคียงข้าวกลับพบว่าเหนือดวงยังคงแต่งตัวตามสบาย เป็นชายหนุ่มนักกีฬาตามแบบของเขา บางวันยังใส่กางเกงผ้ายืดขาสั้น โชว์เป้าตุงและขนหน้าแข้งดกดำ ราวกับจะไปเดินชายหาดด้วยซ้ำ 

    ไม่ต้องนับนำดวงกับหนุนดวง ซึ่งใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในห้องตัดต่อ และห้องบันทึกเสียงมากกว่าอยู่ในบ้าน หลายครั้งที่ทั้งคู่แต่งตัวกระเซอะกระเซิง ยิ่งกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทเสียอีก 

    แม้แต่คุณนวลระวี มารดาของสามหนุ่มก็เถอะ หญิงวัยหกสิบกว่ายังคงแต่งตัวไม่ต่างจากสาวรุ่น พวกเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เคียงข้าวเห็นคุณนวลระวีใส่อยู่บ่อยครั้ง นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มกลับมาแต่งตัวตามสไตล์เดิมของตัวเอง

    สไตล์เดิมของเคียงข้าวก็คือ อยากใส่แบบไหนเธอก็ใส่แบบนั้น เน้นที่สวมสบาย เดินเหินคล่องแคล่ว ไม่ต้องคอยระวังว่าเดี๋ยวไอ้นั่นจะหล่น ไอ้นี่จะโผล่ จนทำให้ตัวเองรู้สึกรำคาญใจ

    อย่างวันนี้เคียงข้าวก็ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน โชว์รอยปะเย็บทั้งตัว รองเท้าผ้าใบคู่โปรด ส่วนเสื้อเป็นลายดอกดวงยึกยือหลากสีบนพื้นขาว คล้ายเสื้อเชิ้ตผู้ชายแขนยาว กระดุมผ่ากลาง จับจีบตรงเอวเล็กน้อย ยาวเกือบถึงเข่า เธอซื้อเสื้อตัวนี้มาจากอินเดียตัวละสองร้อยรูปี หรือหนึ่งร้อยบาทไทย   

    “ที่สวมกันอยู่วันนี้เป็นสีธาตุดินธาตุทอง และธาตุน้ำกันทั้งนั้น…ดีนะที่วันนี้ไม่ใช่วันจดทะเบียน ไม่งั้นแม่ตีจริงๆ ด้วย”

    คุณนวลระวีพูดเสียงดุ ก่อนเงยหน้ามองลูกชายคนเล็ก แล้วสั่ง

    “ลูกเหนือซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้น้องลองสวมหลายๆ แบบ หลายๆ สีนะ จะได้ดูว่าแบบไหนสีไหนเหมาะกับน้องมากที่สุด ที่สำคัญ…ถ่ายรูปส่งมาให้แม่ดูด้วย”

    “ได้ครับแม่"  เหนือดวงแย้มยิ้มรับคำ  "เหนือก็ตั้งใจแบบนั้นอยู่แล้ว” 

    “วันพรุ่งนี้เป็นวันมงคลสำหรับชีวิตคู่ของลูกทั้งสองคน แม่อยากให้ลูกสวมเสื้อผ้ารองเท้าชุดใหม่  เครื่องประดับชิ้นใหม่  เป็นการสื่อถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ด้วยกันในอนาคต”

    “ครับแม่ เหนือเข้าใจแล้วครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าทางน่ารักเหมือนเด็กเรียบร้อย

    ได้ยินคุณนวลระวีสั่งเหนือดวงแบบนั้น เคียงข้าวก็ก้มหน้าแอบยิ้มให้พื้น ดวงตาดำขลับของเธอเป็นประกายวับวาว แปลว่าวันนี้ เธอจะได้ช็อปปิงฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินของตัวเองสักบาท 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×