ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    It's love ?

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น [[100%]]

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 56


     

     

          ภายในห้องมืดขนาดกลาง รกเนื่องไปด้วยตำรามากมายที่วางระเกะระกะไปทั่วทั้งห้อง

    มีเพียงแสงไฟสลัวจากเปลวเพลิงขนาดย่อมลอยอยู่กลางห้องเหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตรูปงาม

    ทั้ง 2 . . พวกเค้าดูตรงข้ามกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ คนหนึ่ง. . ดูมีอายุกว่าอีกคนนิดหน่อย

    ผิวขาวจนแทบซีด. . แต่ถ้าลองมองดูดีๆจะเห็นว่าสีผิวที่ขาวเกินปกตินั้น เป็นเพราะมีละออง

    น้ำแข็งบางๆเกาะทั่วตัวเค้าต่างหาก ผมสีน้ำตาลเข้มที่ตัดสั้นพอประมาณถูกเซตอย่างเรียบง่าย

    ทำให้ดูสุขุมขึ้นอย่างน่าประหลาด ตรงข้ามกับคนตรงหน้าที่ปล่อยไอร้อนออกจากตัว เค้ามี

    คิ้วและผมสีม่วงจนเกือบแดง ผมสั้นนั้นลอยขึ้นด้วยไอความร้อน ร่างกายดูแข็งแรงกว่าคนเป็นพี่

    อย่างเห็นได้ชัด ทั้ง 2 คนนั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหน้ากัน ระยะห่างระหว่างหัวเข่าของพวกเค้า

    มีเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้น

     

          “ให้เร็วได้ไหมพี่! ชักช้าจริงๆเลย” ชายผู้มีสีผมดุจเพลิงกล่าวอย่างไม่มีความเคารพผู้ที่ตน

    เรียกว่า พี่ เลยแม้แต่น้อย “ใจเย็นๆสิ จะรีบร้อนไปทำไมกัน” อีกเสียงตอบกลับมาราบเรียบ

    ยิ่งทำให้อีกคนยิ่งร้อนรน “ส่งพลังจิตธาตุน้ำมาให้ผมนะ! ผมไม่อยากเป็นไฟอยู่อย่างนี้!!

    เค้าขมวดคิ้ว หลับตาแน่น เกร็งมือที่วางอยู่บนเข่าจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ “หึ ซีวอน ฉันบอกให้

    ควบคุมธาตุไฟให้อ่อนลง” ผู้เป็นพี่ยังคงพูดราบเรียบ “จะได้ใจเย็นลงนิด ไม่ใช่มาขอธาตุน้ำฉัน

    ไปเพื่อให้ไฟของตัวเองเย็นลง” ฮันกยองพูดเสริมอีก เรียกไอเย็นออกมาจากร่างกายมากขึ้น

     มากขึ้น. . “โธ่โว๊ย! จะอะไรก็เหมือนกันแหละ!” ซีวอนประกาศกร้าว ลูกไฟที่ลอยอยู่

    ยิ่งลุกโชนตามอารมณ์ของผู้ใช้ “ใจเย็นๆ แล้วฝึกความคุมพลังไป” ผู้เป็นพี่ลืมตามองน้องชาย

    อย่างอบอุ่น “ฝึกไปหละ พี่เก็บตำราให้เอง” ว่าแล้วผู้เป็นพี่ก็ลุกขึ้นยิ้มให้น้องชายก่อนจะ

    หันมองรอบตัว รอยยิ้มใจดีเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร่าเริง เค้าโบกมือนิดหน่อยให้น้ำเย็นเฉียบ

    พัดหนังสือตำราที่ว่างเกะกะไม่เป็นที่ทั่วห้องกลับเข้าที่ของมันเอง ด้วยความเร็วที่มากพอจะ

    ทำให้หนังสือไม่ทันเปียก “โอ๊ย!” ซีวอนร้องเนื่องด้วยกระแสน้ำเย็นที่พัดผ่านไปอย่างไม่ทัน

    ตั้งตัว แต่เปลือกตายังคงปิดสนิท “นี่พี่! จงใจกวนผมใช่ไหม!!” ผู้เป็นน้องตะหวาดใส่ผู้เป็นพี่

    อีกครั้ง “55555 ฉันเปล่านะ ไม่ได้ตั้งใจกวนนายเลยจริงๆ” น้ำเสียงสนุกสนานช่างขัดคำพูด

    เหลือเกิน “หึ” ซีวอนพ่นหายใจ “จะเอาใช่ไหม? ไอ้ ฮัน-กะ-ยอง ” ซีวอนเน้นชื่อพี่ชายอย่าง

    ชัดเจนทุกพยางค์ ดวงตาสีแดงลืมขึ้น สื่อความหมายได้เป็นอย่างดี ไฟลุกพรึบที่มุมหนึ่ง

    ของห้อง “หึ หึหึ” เสียงหัวเรียงอย่างไม่ใส่ใจดังออกมาจากใจกลางของไฟที่ซีวอนจุดขึ้น

    ฮันกยองผนึกร่างตัวเองไว้ด้วยน้ำแข็ง ไฟของซีวอนนั้นไม่มีผลอะไรกับฮันกยองเลย “ผม. .”

    ซีวอนพูดเสียงต่ำ เปลวไฟแผ่วลงเล็กน้อย “ไม่มีวันแพ้พี่หรอกน่า!” ร่างสูงกระโจนเข้าไปชนกับ

    ปราการน้ำแข็งนั้นจนฮันกยองล้มลง ไฟสีน้ำเงินลุกโชนที่มือคู่สวยของซีวอนที่กำรอบคอ

    ผู้เป็นพี่อยู่ เค้าคร่อมร่างพี่ชายอยู่และเงื้อมือขาวขึ้นเตรียมจะต่อยขณะที่มือซ้ายบีบแรงขึ้นอีก

     “ผมบอกอะไรก็ทำตามนั้นสิครับ พี่!” ซีวอนเรียก พี่ อย่างตระหนกเพราะอยู่ๆไฟที่กำลัง

    ลุกโชนจากมือของเค้าก็หายไป เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือกจากพลังจิตของฮันเกิน

    รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนหน้าของผู้มีชัย “ฉันบอกอะไรก็ทำตามนั้นสิ” คำพูดของตัวเองถูกสวน

    กลับมาให้ซีวอน *‘เกร็ง’* น้ำแข็งกระเด็นแตกออก ฮันกยองดันตัวเองออกจากน้องชายที่กำลัง

    แข็งค้างอยู่ในท่าเดิม “ฝึกควบคุมพลังไป เราต้องเป็นเจ้านายมัน. . ไม่ใช่ให้มันเป็นเจ้านายเรา”

    ฮันเกิงเดินไปเปิดประตู แสงจากภายนอกสาดเข้ามาจนมองเห็นเสี้ยวหน้าที่ยิ้มอย่างใจดีให้

    น้องชายอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆว่า “ฉันหละอยากรู้จริงๆ” ผู้เป็นพี่เหลือบมองน้องชาย

    เพียงหางตาเท่านั้นก่อนพลบตาลงแล้วผู้กับตัวเองต่อ “ว่าทำไมนายถึงได้พยามปฏิเสธพลังจิต

    ธาตุไฟเอาตอนนี้ . .” เค้าแง้มประตูมากขึ้นแล้วก้าวออกไปช้าๆ “ทั้งที่นายไม่เคยคิดจะทำเลย

    มาทั้งชีวิต”

     

          “พี่คร้าบบบบบบ~~~~” เสียงใสเจื้อยแจ้วดังขึ้นทันทีที่ฮันกยองก้าวออกมาจากห้องสมุด

    ตึกเล็กของโรงเรียนชายล้วนที่มีชื่อเสียงอันดับ 1 ด้านพลังจิต โรงเรียนฮนจา  

    ฮนจาที่หมายถึง คนเดียว เพียงลำพัง คำนั้นนั่นแหละ โรงเรียนเรามีปรัชญาประจำสถาบัน

    ว่า คนที่จะเก่ง ไม่จำเป็นต้องรู้จักใคร เรามีเพียงแค่ตัวเองก็เพียงพอ ช่างเป็นปรัชญา

    ที่โดดเดี่ยวเหลือเกิน “พี่ฮันนนนนน” เสียงเดิมใกล้ขึ้นอีก เจ้าของเสียงกระโดนกอด จน พี่ฮัน

    แทบเซ “55555 อะไรของนายเนี๊ย? ทำอย่างกับไม่ได้เจอกันมาสัก 10 ปี” ฮันกยองพูดกับ

    หนุ่มน้อย หุ่นบาง หน้าหวาน ที่ตอนนี้กำลังเงยหน้าช้อนตามองเค้าอยู่ “ก็แหม่~ ผมกับพี่ฮีชอล

    ตามหาพี่กันตั้งนานแนะ จะมาชวนไปกินข้าวเที่ยงแต่นี่จะหมดเวลาพักอยู่แล้วนะคร้าบบบบบบ”

    เสียงเจื้อยแจ้วแฝงน้ำเสียงงอนเล็กน้อย ในขณะที่ฮันกยองลูบหัวเจ้าตัวเล็กเป็นการง้ออยู่

    ผู้ที่ถูกเอ่ยนามเมื่อกี้ก็เดินตามมาสบทบสักที “ฮยอกแจ ท่านประธานเค้าอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้นะ

    อย่ากวนเค้าสิ” หนุ่มหน้าสวย สูงขาว ผอมบาง ผมยาวสีแดงสด พูดกึ่งประชด “โธ่ฮีชอลลล

    นี่นายก็งอนฉันหรอเนี่ย?!” ฮันกยองมองรองประธานนักเรียนสาวสวย[?]อย่างไม่เชื่อหู

    “เปล่าครับ ผมสงสารเจ้าลิงน้อยที่วิ่งหาคุณทั่วโรงเรียนเพราะอยากทานข้าวกับคุณต่างหาก”

    ฮีชอลยังคงใช้คำพูดสุภาพประชดอย่างเจ็บแสบ “อะๆ ขอโทษครับๆ ไปกินข้าวกันเถอะนะ”

    ฮันกยองพูดพลางเบี่ยงตัวออกจากประตูห้องสมุดตึกเล็กที่ไม่เปิดให้คนใช้แล้วเพราะรู้สึกถึง

    สายตาอยากรู้อยากเห็นของฮยอกแจ “พี่ฮันครับ?” ฮยอกเอ่ยปากจะถามอย่างที่ฮันกยองคิด

    “ไปกันเถอะนะ เดี๋ยวไม่ได้กินข้าวกันพอดี นะๆๆ” ฮันกยองใช้รอยยิ้มหวานตัดบทได้อย่าง

    แนบเนียน เค้าพาทั้ง 2 คนออกจากบริเวณนั้นไปได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าด้านหลังประตูนั้น. .

    ซีวอนกำลังทำอะไรอยู่ เพียงเสี้ยววินาทีแห่งการต่อสู้ ซีวอนได้ขโมยพลังจิตธาตุน้ำของ

    เค้าไปได้ในปริมาณที่น้อยนิด. . น้อยขนาดที่ฮันกยองไม่ทันได้รู้สึกถึงการหายไปของมัน

    แต่ปริมาณเพียงแค่นั้น. . ก็มากพอที่ซีวอนจะใช้ความสามารถอันมากมายของเค้าพัฒนา

    ทั้งน้ำและไฟให้รุนแรงพอๆกัน . . .

     

     

     

    . .เย็นวันเดียวกัน. .

     

          สายตาหลายสิบคู่ของบรรดาสาวๆที่รออยู่หน้าประตูต่างจ้องมองไปที่เดียวกัน อาจดูเป็น

    ภาพที่แปลกตาสำหรับคนทั่วไป ที่หญิงสาวจำนวนมากนั้นเพียงแค่จ้องมองประตูโรงเรียนฮนจา

    จากที่ห่างไกล หากเป็นภาพที่ปรากฏอยู่ในนิยายหรือละครทั่วไปคงเป็นภาพหญิงสาวเหล่านั้น

    กำลังรุ่มทึ้งจนประตูแทบพัง ที่มาของเหตุการณ์แปลกตานี้ก็มาจาก 1 ใน 3 ของชายหนุ่ม

    สูงโปร่ง หน้าตาดี ที่กำลังเดินออกจากโรงเรียนนั้นเอง

          ชายหนุ่มที่หน้าหวานที่สุดในบรรดา 3 คนนั้นโปรยยิ้มพลางโบกมือให้สาวๆที่มายืนรอ

    พวกเค้า “ชิ!” ชายอีกคนส่งเสียงชิชะไม่พอใจพวกผู้หญิงเหล่านั้น ส่วนชายอีกคนกำลังหัวเราะ

    ในท่าทางที่ช่างขัดกันของฮีชอลและซีวอน “หัวเราะอะไร” ซีวอนถามพี่ชายอย่างหงุดหงิด

    “ก็ดูนายสิ ทำพวกนั้นกลัวหมดแล้ว” ฮันกยองตอบพลางชี้ไปทางผู้หญิงที่มองพวกเค้าอยู่

    พวกเธอดู. . กลัว หวาดระแวง และ มีความสุขในเวลาเดียวกัน “พูดมากน่า” ซีวอนสวนกลับ

    แล้วพลาดใส่ฮีชอล “พอเถอะพี่ น่าอายจะตาย” เค้ารวบมือที่กำลังโบกให้คนนู้นทีคนนี้ทีมาไว้

    ข้างตัวเอง “เขินอะดิ้~~~” เสียงเจื้อแจ้วกวนประสาทดังขึ้นแทบจะข้างหูของซีวอน ผู้ถูกแซว

    หันกลับไปมองตาขวาง ด้วยความที่ตัวเล็กกว่า 3 คนแรกค่อนข้างมากจึงไม่ค่อยมีใครสังเกต

    ตอนที่ฮยอกแจเดินตามออกมา “เขินบ้า!อะไร!” ซีวอนตะคอกใส่โดยไม่จำเป็น เสียงดังลั่นนั่น

    ไม่สามารถทำให้คนตัวเล็กกว่าหลบตาได้ด้วยซ้ำ ฮยอกจ้องเขม่งกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน

    แถมยังยิ้มอย่างสนุกสนาน “ไม่เขิน?” ฮยอกถามย้ำ ทั้งฮันกยองและฮีชอลต่างหัวเราในท่าทาง

    ของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ดูจะขำซีวอนมากกว่า ฮยอกแจลอยหน้าลอยตา ลูบหัวคนสูงกว่าเบาๆ

    เป็นเชิงเอ็นดู “โถ่ๆๆๆๆๆ” ซีวอนปัดไม้ปัดมืออย่างรำคาญแต่ฮยอกก็ไม่สนใจ ยังลูบหัวเค้าต่อ

    “โถ่ๆเด็กน้อย ยังไม่โตพอจะเข้าใจเรื่องความรู้สึกสินะ” ยิ่งฮยอกแจเล่นมากเท่าไรฮันกยองกับ

    ฮีชอลยิ่งหัวเราะชอบใจ และยิ่งจุดไฟให้ซีวอนระเบิดอารมณ์ได้เร็วขึ้นอีก “แก!” ซีวอนตะวาด

    พร้อมปล่อยหมัดใส่ฮยอกเต็มแรง แต่ทำได้แค่ชกอากาศเท่านั้นเพราะฮยอกไวกว่าเค้ามาก

    “ทำได้แค่นั้นหรอน้องสาววววว” ฮยอกตอกกลับอย่างดูถูก ซีวอนจ้อง “ไอ้เวรเอ้ยยย!~

    ตาของซีวอนเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเข้มเป็นสีแดงเพลิงอย่างรวดเร็ว เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเค้ากำลัง

    จะจุดไฟ “หึ” ฮยอกแจพ่นลมเยาะเย้ย เสื้อที่ทำพิเศษผ่าเป็นรอยเล็กๆ 2 รอย รอยผ่านั่นค่อยๆ

    กว้างขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังที่เคยขาวนวลก่อนจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่กระเซ็นออกมาใน

    แนวเดียวกับรอยขาดของเสื้อ ที่ปากแผลเหมือโดนกรีดออกมาจากข้างใน กระดูกชิ้นเล็ก

    โพล่ออกมาเป็นโครงสร้างของปีกขนาดใหญ่ที่เติมเต็มขนนกให้กลายเป็นปีกเพียงเสี้ยวนาที

    ไฟลุกพรึบขึ้นในขณะเดียวกับที่ปีกของฮยอกแจสยายออก เค้าส่ายหน้าอย่างระอาพร้อมมอง

    ซีวอนโดยไม่ก้มหน้าลงด้วยซ้ำ “คิดจริงๆหรอว่าจะชนะฉันได้?” ฮยอกถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

    จากใจจริง ผู้เงยหน้ามองจากเบื้องล่างรู้สึกได้ถึงการดูถูกของชายร่างเล็ก ซีวอนมองกลับไป

    ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “แก. . ” เค้ากัดฟันพูด ปล่อยเสียงลอดออกมาเพียงแค่นั้น แต่สิ่งที่

    ตอบกลับมามีแต่รอยยิ้มที่แสร้งทำเป็นหัวเราะสนุกสนานของฮยอก ทั้งที่สายตาของฮยอกนั้น

    มองซีวอนเป็นแค่เศษธุลีดิน ซีวอนกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อก่อนจะเอ่ยอาฆาตออกมา

    “แล้วจะได้เห็นดีกัน” . . .

     

     


     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -








    จากใจเลยนะ. .


    ซีวอนเรื่องนี้
    กากเกิ้นนนนน~~~
    พระเอกควรจะเก่งสุดป่ะ!?!

    เปิดมาตอนเดียวแพ้ทั้งป๋าทั้งฮยอก = =
    นี่ตกลงเก่งบ้างไหมเนี๊ย? 

    55555555
    ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปนะ ^^
    เดี๋ยวจบตอน 2 หรือ 3 จะลงรายละเอียดและข้อจำกัดของแต่ละสายให้ 



    ตอนนี้ลงรูปก่อนละนะ ^0^
    [เหมือนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของไรท์เตอร์ไปหละ 555]








    อิมเมจของซีวอนเวลาปกติ

    สีผมจะเป็นสีดำประกายน้ำตาล ตาสีน้ำตาลเข้ม









    อิมเมจของซีวอนเวลาจะให้พลังจิตหรือไม่พอใจมากๆ

    สีผมจะเป็นสีม่วงประกายแดง สีส้ม หรือ สีแดง
    แล้วแต่ความรุนแรง ยิ่งอารมณ์รุนแรงมากสีจะยิ่งแดงขึ้น

    ตาสีน้ำตาลแดงจุดกลางเป็นสีเหลือง ไปจนถึง แดงเพลิง

    ตามความรุนแรงเหมือนกัน


    ^^



    ฝากเม้น ฝากติดตามด้วยนะ
    ขอบคุณนะครับ


     


    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×