คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : epilogue
50
“เฮ้ย ไอ้เคียวมึงโชว์ดิ!”
“ทำไมเป็นกูวะ” ผมแว้ดใส่ไอ้รูทที่อยู่ๆก็โยนภาระมาให้ผมซะได้ แต่ไอ้หน้าแดงก่ำและเอาแต่กระดกของเหลวสีขุ่นลงคอ ผมก็พอจะรู้แหละว่ารูทในตอนนี้คงมีสติเหลืออยู่ไม่ถึง30%ด้วยซ้ำ
“มึงแหละ เอาหน้าอ้อร้อๆของมึง ไปจัดให้พวกกูที” ไม่พูดเปล่าแม่งยังเดินมาผลักผมไปข้างหน้าอีก
“มึงเกลียดอะไรกู พูด!” ผมตะโกนใส่ไอ้รูทเพื่อเรียกสติ มันก็คงจะได้ผล ถ้าภายในกลุ่มมีคนสติดีเกินครึ่ง แต่ในกรณีที่เกือบทั้งกลุ่มเมาปลิ้นแล้วล่ะก็...
“ไปเลยเคียว ป๊อดเหรอวะ!”
“กูขอเบอร์ห้องเลยนะ!”
“อย่าลืมพาน้องเขามาชกแก้วกับเราด้วย!”
“เอ๊า!! เคียว! เคียว! เคียว!”
โอเคกูยอม
ผมหันไปด่าไอ้พายที่แม่งบิ้วรึเกินอีกครั้ง ก่อนที่จะยอมเดินไปหาผู้หญิงตัวเล็กที่รูปทรงไม่ธรรมดาที่กำลังอวดลีลากับเพื่อนของเธออยู่
“ขอโทษนะครับ” นานแล้วแหะที่ไม่ได้มาชวนใครดริ๊งก์ด้วย
ถ้าผมไม่โดนไอ้พวกเวรนั้นผลักมา
อย่าหวังเลยว่าผมจะทำ!
ย้อนกลับไป3ชั่วโมงที่แล้ว
งานปัจฉิมมาในธีมเงียบ หรู แต่ดี (ผมคิดเอง) พวกผมทุกคนเสียเวลากับการแต่งตัวไปนานมากไม่ต่างจากพวกผู้หญิง แม้เราจะมีเพียงแค่ทาแป้งกับเซตผม ก็ยังนานอยู่ดี ผมอยู่ในชุดสูทสีดำรวมถึงเสื้อเชิ้ตข้างในก็สีดำแต่เพื่อไม่ให้หลุดธีมงาน ผมเลยผูกเนกไทสีเทามาด้วย
ดาร์กๆนี้มันผมสไตล์จริงๆ
ผมเดินหลบคนนู้นคนนี้เพื่อไม่ให้ไปขวางทางคนที่กำลังเต้นรำกัน ต้องยอมรับเลยล่ะว่าพวกมันควงหญิงมาข่มกันจริงๆ ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา หรือรูปทรง ต่างถูกคัดสรรมาอย่างดี ผมนี้มองไปมองมาก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาเฉยๆเลย
กว่าจะลัดเลาะจนผ่านฝูงชนมาได้ก็เล่นเอาหอบ
ผมโผล่ออกมาที่ระเบียงและหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นขึ้นมากดรับ
‘อยู่ไหนล่ะ’ ปลายสายพูดออกมาทันทีที่ผมกดรับ
‘อยู่ในงานแล้ว มึงอ่ะ’ ฟังจากเสียงลมที่ดังโครตๆผมก็พอจะรู้แหละว่าซีมันคงไม่ได้อยู่ในงานแน่
‘จะถึงหอล่ะ’
ซีมาสาย
เพราะรู้ว่ามันมีนัดต้องไปส่งเจ้กัสขึ้นรถกลับบ้านก่อน ซึ่งผมก็รู้ดี แต่เวลาช่วงรถโครตติดแบบนี้กว่ามันจะฝ่าถนนวิกฤตมาได้ก็เลยเวลาเริ่มไปนานโข ผมเลยขอมาที่งานก่อน ซีมันก็โอเคและบอกว่าจะรีบตามมา
ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ก็เกือบชั่วโมงล่ะ
‘อีก15นาทีถึงชัวร์’ เสียงลมตีเงียบไปแล้ว บางทีมันอาจจะเข้าไปในห้องแล้วมั้ง
‘เออ ไม่ต้องรีบก็ได้’ ผมตอบมันกลับไป ไอ้การนั่งมองเพื่อนเต้นรำ หาอะไรกินคนเดียว มันก็ไม่ได้แย่มากสำหรับผม แถมเทียนก็ยังแวะมาคุยด้วยบ่อยๆอีก
‘รีบดิ ขอโทษนะ’ ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะมาช้าซีก็ยังไม่เลิกขอโทษเลยครับ
‘ขอโทษทำเหี้ยไร ไม่ได้โกรธ’ สายลมที่พัดไปมาทำให้ผมรู้สึกว่ารอได้อีกชั่วโมงกว่าๆเลยล่ะ
‘ไม่โกรธจริงดิ’
‘อื้อ’ ผมตอบมันกลับไป
‘เปลี่ยนชุดไป จะถึงแล้วโทรมา’ ผมบอกมันซ้ำเมื่อมันเอาแต่เงียบ
‘โอเค เจอกัน’
‘เจอกัน’ ผมกดวางสายจากซีและปล่อยให้ตัวเองทอดมองไปไกลๆ
วันสุดท้ายในนามของเด็กมัธยมศึกษาปีที่6แล้วสินะ
ช่วงชีวิตมัธยมของผมผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องสุขภาพ เรื่องเพื่อน หรือว่าเรื่องความรัก มีทั้งที่เป็นประสบการณ์ที่ดีและแย่สลับกันไป แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นความทรงจำช่วงหนึ่งในชีวิตของผมอยู่ดี ผมจะเก็บมันไว้
เก็บไว้ให้หมดเลย
“ติสท์เหรอ” ผมหันกลับไปมองไอ้รูทที่เดินมาเท้าแขนข้างๆ
“นิดหนึ่ง” วันนี้รูทควงลูกพี่ลูกน้องที่โครตหวงมาด้วย ตอนผมเห็นตอนแรกนี้ถึงกับช็อคไปเลย เพราะเธอสวยมากกกกก สวยกว่าครั้งสุดท้ายที่ผมเจอตั้งเยอะ ก็ว่าทำไมไอ้รูทมันหวงนัก
“น้องมึงอ่ะ” ผมถามเมื่อมันไม่พูดอะไรต่อ
“คุยกับไอ้ยะอยู่ ถ้าไอ้ยะมันเล่นๆกูจะฆ่ามัน” ผมขำกับประโยคนั้นของมัน
“ไม่หรอกมั้ง มันก็รู้ว่ามึงหวง” กลุ่มผมตกลงกันว่าจะไม่ควงใครมาทั้งนั้น แต่อยู่ๆรูทก็บอกว่าจะควงลูกพี่ลูกน้องมาเพราะเธอพึ่งมาจากต่างจังหวัดเลยจะพามาเปิดหูเปิดตาบ้าง ไอ้ยะ ไอ้เฟรมที่หาคู่ควงไม่ทัน ก็ต้องแห้วไปตามระเบียบ แต่ยะคงไม่แห้วแล้วล่ะมั้ง ถ้ากล้าหยอดน้องไอ้รูทขนาดนี้
“ซียังไม่มาเหรอวะ”
“เออ”
“จะมาป่ะ”
“กำลังมา” รูทพยักหน้ารับก่อนที่มันจะปล่อยใจให้ลอยไปไกลๆ
“ปี1ต้องเรียนหนักแน่ๆเลยเนอะ” ผมพยักหน้ารับ เห็นแบบนี้รูทอยากได้พาณิชยนาวีมากๆ และมันก็คงจะรอแอดมิชชันเหมือนผมด้วย
“พวกมึงทำให้กูรู้สึกว่าช่างแม่งเหอะ ถ้าต้องเจออะไรในอนาคตอ่ะ”
“ทำไมวะ”
“ยังไงก็มีพวกมึงคอยช่วยมั้ง” ผมหลุดยิ้มออกมา ไม่รู้ว่าเพราะวันสุดท้ายที่จะได้เจอหน้ากันทุกวันรึเปล่า ความในใจทุกอย่างถึงถูกหยิบมาพูดถึง
“มึงไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นมึงกูจะลดราคาให้พิเศษ” ไอ้รูทตบหัวผมไปหนึ่งที
“มึงจะเรียนสัตวแพทย์ไม่ใช่รึไง” ผมขำ และเราก็ปล่อยให้ความเงียบครอบงำทุกอย่างอีกครั้ง
“อย่าหายไปนะเว้ย” ไม่รู้ทำไมผมถึงพูดออกไป
“กูว่าพวกเรามันผ่านจุดที่ใครสักคนจะหายไปแล้วป่ะวะ แบบว่า... ติดกันไปแล้ว” ผมพยักหน้ารับ ผมเชื่อในมิตรภาพของพวกเรา แต่ทำไมถึงได้อยากพูดออกมาเพื่อยืนยันอีกครั้งก็ไม่รู้
“แล้วมึงกับซีจะยังไงต่อ” ผมเลิกคิ้วใส่รูท
“หมายถึงจะอยู่ด้วยกันป่ะ”
“ไอ้เหี้ย คงไม่หรอก เห็นหน้าแม่งทุกวันก็เบื่อหน้าแย่” ไอ้รูทไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“จริงๆถ้าซีได้ที่นั้นจริงๆ มหาลัยแม่งโครตนอกเมืองเลยนะ เทียบกับมหาลัยที่มึงเล็งไว้แล้วยิ่งคนล่ะโลกไปกันใหญ่”
“แต่ไม่เป็นไรหรอกเว้ย กูเชื่อซีไม่ต่างจากพวกมึงหรอก” จบประโยคนั้นของผม รูทก็เบ้ปากใส่ผมและจบด้วยเลื่อนมือมาวางแหมะลงบนหัวผม
“กูไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของมึงจะเดินทางมาถึงตอนนี้อ่ะ แต่ถ้ามันผ่านอะไรแย่ๆด้วยกันมาตั้งเยอะ มันจะเป็นกาวให้พวกมึงเองแหละ” และมันก็เปลี่ยนเป็นลูบหัวผม
“กูรู้ว่ามึงจะเจอแต่สิ่งดีๆ” ผมหันกลับไปมองรูทอย่างอึ้งๆ นี้มึงเพื่อนหรือพ่อเนี่ย
“มึงด้วยนั้นแหละ”
“กูรู้อยู่แล้วเว้ย” รูทมันว่างั้น
“ดราม่ากันทำไมวะ ไปหาอะไรดื่มกันเหอะ” ผมชวนรูทก่อน ซึ่งมันก็พยักหน้ารับ
“กูเห็นแม่งกำลังจะเริ่มเกมส์อะไรกัน”
เกมส์เหรอ... เอาดิ
“หนึ่งช็อตแรกแลกหนึ่งคำถามที่จะถามใครก็ได้และห้ามปฏิเสธ เข้าใจ?”
กติกาง่ายๆของไอ้พายยังดังอยู่ในหัวผม ขณะที่พวกเรากำลังมองของเหลวสีขุ่นที่คงมีดีกรีแรงมากๆกันอย่างไม่มีใครคิดจะเริ่มก่อน
“ป๊อดอีก มากูเริ่มก่อน!” พายว่างั้นก่อนที่มันจะกระดกช็อตแรกเข้าปากอย่างชิลๆ
“ไอ้บอสกับไอ้ฟ่า พวกมึงมีอะไรในกอไผ่ป่ะเนี่ย” เสียงง่อวววววว ดังกึกก้องขึ้นมาทันที ซึ่งไอ้สองคนในประโยคก็รีบส่ายหัวพรืดทันที
“พ่อมึงอ่ะ เพื่อนเว้ยเพื่อน” ไอ้ฟ่าพูดออกมาก่อน ส่วนบอสก็ส่ายหัวหน่ายๆไม่หยุด
“เพื่อนแบบโครตเพื่อน” เออเพื่อนก็เพื่อนว่ะ
“มาตรากู!” ไอ้รูทที่นั่งอยู่ข้างผมพุ่งตัวไปกระดกช็อตเข้าปากและหันมากวาดสายตามองทุกคนในกลุ่ม เล่นเอาคนที่ถูกมองถึงกับต้องพยายามกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอกันยกใหญ่
“ตอนกีฬาสี กูมาเช็คของตั้งแต่เช้ามืด เห็นใครสักคนอยู่ในห้องเก็บของ ใครวะ... ” ทุกคนเงียบกริบเมื่อไอ้รูทพูดจบ
“อยู่ในห้องเก็บของแล้วยังไงวะ” เรื่องแบบนี้มันต้องขยี้
“กูคิดว่าน่าจะอยู่สองคน แล้วก็กุกกักๆอะไรสักอย่างไม่รู้” ทุกคนแหกปากกันออกมาทันที แต่ว่าใครวะ พวกมึงช่างกล้า
“ตอบมาเลย! อย่าอุบอิบนะเว้ย” หลังจากผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไอ้รูทถึงต้องพูดซ้ำ
“เออๆ กูเอง” ทุกคนหันขวับไปทางคนที่ยกมือทันที ไอ้คนสารภาพคือไอ้เกลห้อง10นั้นเอง
“เดี๋ยววววววว มึงกับใคร” ไอ้พายที่นั่งมองทางนั้นทีทางนู้นทีโพล่งออกมา มันดูตกใจมากเมื่อเห็นคนสารภาพเป็นไอ้เกล
“กูบอกก่อนว่ากูไม่ได้เข้าไปทำอะไรกุกกักๆสักหน่อย ไอ้สัด” ท้ายประโยคมันหันไปด่าไอ้รูทที่เป็นคนเปิดประเด็น
“แล้วมึงเข้าไปทำอะไร”
“เข้าไปเอาของเว้ย”
“แค่เอาของต้องเข้าไปสองคนเหรอวะ!” ไอ้เฟรมใส่เข้าให้ทันทีเมื่อไอ้เกลตอบไม่เคลียร์
“กูเข้าไปช่วยน้องเขายกของ”
“น้องไหน” คราวนี้ผมเป็นคนที่พูดออกไปเอง
“น้องครีม”
“ฮิ้ววววววววววววว” ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ทุกคนก็ฮิ้วกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง น้องครีมเป็นน้องม.4 แก้มป่องๆ ผิวใสๆ หน้าตาน่ารักสุดๆ สรุปไอ้เกลได้ไปเหรอวะ
“มึงใจเย็นๆนะเกล ลูกกูยังเด็กนะ” ผมขำเมื่อไอ้พายพูดแบบนั้น เหมือนมันจะทำโครงงานด้วยกันมั้ง
“เออ! เปลี่ยนคนได้ล่ะพวกเวร” พาลอี๊ก
“มาาา” ผมหันไปตามเสียงนั้นก่อนจะเจอกับไอ้ริวที่ควรจะไปถ่ายรูปอะไรอยู่ แต่ดันมาร่วมวงด้วยซะงั้น ยิ่งเห็นสายตาที่มันใช้มองผม ผมก็หนาวๆร้อนๆจนอยากจะลุกหนีมันตอนนี้เลย
“เคียว สรุปมึงกับซีนี้ยังไง ขอชัดๆ” นั้นไงอีเหี้ย กูยังไม่ทันลุกเลย ทำไมมึงรีบจังล่ะ
“กูรอคำถามนี้อยู่เนี่ยยยยย” ไอ้พายมีท่าทีสะใจมากที่มีคนหยิบประเด็นผมมาพูดสักที
“พวกมึงก็รู้อยู่แล้วป่ะ” ผมตอบกลับไป พยายามคีพลุคว่าไม่มีอะไรสำคัญ แม้ในใจจะวิ่งวุ่นไปหมดก็ตาม
“พูดอยู่ว่าขอชัดๆ!” ไอ้ริวย้ำ แถมยังได้เสียงสนับสนุนจากเพื่อนๆไปอีกด้วย
“เออๆ!” ผมปราบก่อนที่พวกมันจะโวยวายไปมากกว่านี้
“เป็นแฟนกัน ชัดพอป่ะ”
“โอ้ยยยยยยยยยยยย”
“กูว่าล่ะ!!”
“เก็บเงียบเลยนะมึง!”
“กูเบื่อออออออออออออออ”
เสียงโหวกเหวกระดับสิบดังขึ้นมาหลังจากที่มีคนดึงคอผมไปกอดคอและตอบแทนคำถามนั้น
คงไม่ต้องให้ผมพูดใช่ไหมว่าเป็นใคร
ผมขำกับท่าทางจะตายของไอ้พวกนี้ที่แหกปากอยู่
พวกมึงใจเย็นๆนะ
“ตราต่อไปเลยป่ะ” ผมโพล่งออกไปเมื่อไอ้พวกนี้ไม่มีท่าทีจะหยุดโวยวาย
“หุบปากไปเลยมึงอ่ะ แล้วกอดคออะไร หยุด” ผมขำหนักเข้าไปใหญ่เมื่อไอ้พายตอบแบบนั้น ผมจึงแงะตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของซี
“พอๆ มากูเล่นเอง” ไอ้ยะโพล่งขึ้นมา และคว้าแก้วช็อตไปกระดก
“ขอโทษที่มาสาย” ผมละสายตาจากยะมาที่คนที่ยืนประชิดตัวอยู่ข้างๆผม
“เออ”
ซีอยู่ในชุดสูทสีเทา เสื้อเชิ้ตข้างในสีขาว แต่มันไม่ได้ใส่เนกไท เพียงแค่ปลดกระดุมสองเม็ดบนออกเท่านั้น ผมที่เซตมาเพียงเล็กน้อย กับเหงื่อประปรายบนใบหน้าแสดงให้เห็นว่ามันรีบร้อนขนาดไหน มันดูไม่ค่อยเป๊ะอย่างที่ปกติมันเป็น ออกจะเซอร์ๆสักหน่อยด้วยซ้ำ
ไม่ยอมรับก็ต้องยอมรับแหละ
แต่ซีวันนี้โครตหล่อ
“ขอบคุณครับ” มันตอบผมและส่งยิ้มคืนมาให้ผม
ยอมล่ะยอมมมม
กลับมาปัจจุบัน
พวกเราเล่นเกมส์ที่ไอ้พายคิดกันไปสักพักใหญ่ๆ จนบรรยากาศรอบๆเริ่มเปลี่ยนเป็นแสงไฟEDM และเสียงเพลงที่มีแต่บีตส์หนักๆ พวกเราถึงได้ล้มเลิกเกมส์และหันมากระดกเหล้ากันเพียวๆซะงั้น
รู้ตัวอีกทีไอ้พวกเวรนี้ก็เมาเยิ้ม แถมยังม่อสาวอีกตั้งหาก
ลำบากผมต้องไปเต๊าะสาวให้มันอีกเนี่ย
“เอาไป” ผมส่งโยนเบอร์โทรศัพท์ของสาวที่พึ่งไปขอให้พวกมัน ซึ่งไอ้พวกนี้ก็แย่งกันใหญ่
“มึงไหวป่ะเนี่ย” ผมหันไปหาเจ้าของอ้อมแขนที่อยู่ๆก็เกี่ยวเอวผมไปกอดแถมยังเอาหัวมาซบไหล่ผมอีก
คือถ้าทุกคนอยู่ในสภาพสติ100% ผมคงฆ่าซีไปแล้ว
แต่เยิ้มกันเบอร์นี้คงไม่มีใครจำได้หรอก
วันสุดท้ายแล้วด้วย
“ไหวววววว” มันตอบกลับมา แม้ผมจะรู้ว่าไอ้ซีมันคอแข็งอยู่ แต่เล่นเอาแต่กระดกๆเป็นสิบๆช็อตมันก็ต้องเริ่มไหลเป็นธรรมดาล่ะนะ
ถามว่าทำไมผมยังไม่เมานะเหรอ จริงๆผมก็ดื่มไปเยอะประมาณหนึ่งแล้วแหละ แต่มีหน้าที่ต้องพาเทียนไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย ผมเลยยั้งๆมือไว้หน่อย เป็นคนรู้เรื่องที่นั่งมองไอ้พวกนี้เมากัน มันก็สนุกดีด้วยแหละ
“ไม่ไหวก็กลับ” ผมบอกซีซ้ำออกไปเมื่อมันไม่พูดอะไรออกมาอีก
“ไหวจริงๆ” คราวนี้มันถึงได้เงยหน้ามามองหน้าผม
“เออไหวก็ไหว” ผมหันมาหยิบอะไรสักอย่างเข้าปากก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่อซีงับต้นคอเบาๆ
“ไหวก็อย่าเลื้อยดิว่ะ” ไม่พูดเปล่า ผมยังดันมันออกอีกด้วย
“ไหวนะ แต่อยากว่ะ” พ่อมึงเหอะ ผมกลอกตาใส่มันและผลักแม่งให้ไปนอนไกลๆ
“นี้ไม่ใช่ที่ห้องนะเว้ย” ซีสะบัดหัวแรงๆหลังจากโดนผมผลักจนชนโต๊ะข้างๆ
“ถ้าที่ห้องจะได้ใช่ป่ะ” ไอ้สายตาพราวระยับนั้นมันอะไร
“กูยังไม่ได้พูดเลย” ผมรีบแย้งก่อนที่มันจะคิดไปไกลกว่านี้
“จูบก็ได้อ่ะ” พูดจบมันก็ทำท่าจะขยับมาจูบจริงๆ
“อยากให้กูฆ่ามึงด้วยแก้วไวน์ใช่ไหม” เมาแล้วหาญกล้าขึ้นเลยนะไอ้สัด
“ถ้าที่ห้องอ่ะ”
“เออ” ผมตอบรับแม่งไปก่อน แต่ไอ้ยิ้มมุมปากของซีก็ทำให้ผมระแวงขึ้นมา
“มึงหมายถึงเรื่องจูบอยู่ใช่ไหมเนี่ย” สายตามันไม่ได้บอกแบบนั้นอ่ะ!
เพล้ง!
“เทียน!!”
“ยัยบ๊อง คราวหลังก็หัดมองทางซะบ้างล่ะ” ผมตกใจแทบแย่ตอนที่ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างแตกตามด้วยเสียงไอ้บอสเรียกเทียนซะดังลั่น ผมเลยรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะพบว่า...
เทียนเมาไปชนโต๊ะจนแก้วไวน์ตกลงมาแตก
โชคดีที่เธอไม่โดนลูกหลงไปด้วย แต่ไอ้บอสมันก็กึ่มๆแล้วไง ตะโกนออกมาซะดังเลย ตกใจหมด
พอเกิดเหตุการณ์ทำลายข้าวของจนต้องเสียค่าเสียหายไปแล้วผมก็หิ้วเทียนกลับทันที ส่งเทียนเสร็จจะให้กลับไปที่โรงเรียนมันก็ขี้เกียจแล้ว ผมเลยตัดสินใจล้มเลิกและกลับมานอนตีพุงที่ห้องดีกว่า แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นไง ในเมื่อไอ้คนที่ผมแบกมาด้วยสภาพมันดูไม่จืดสักนิด
“ไปอาบน้ำ” ผมเหวี่ยงซีลงบนเตียงและสั่งมันอีกครั้ง ตัวแม่งก็อย่างหนักมันใช่เรื่องที่กูต้องมาแบกมึงไหมเนี่ย
“อาบพรุ่งนี้ได้ไหม” มันยังจะต่อรอง
“แล้วแต่มึงเลย กูกลับล่ะ” ผมเลิกที่จะไล่ไอ้ซีไปอาบน้ำและหันมาเนรเทศตัวเองแทน เหนียวตัวไปหมดแล้วเนี่ย
“นอนนี้ได้ไหม” ซีรั้งมือผมไว้และพูดต่อ
“อยากให้นอนนี้ก็ไปอาบน้ำ” ถ้าให้นอนร่วมห้องกับมันในสภาพนี้คงไม่ต่างจากนอนกับถังเหล้าแน่นอน
“รอแปบ” มันตอบแค่นั้น ก่อนที่จะนิ่งไป... นิ่งไปมากๆ
“ไอ้สัด อย่าพึ่งหลับ” จนผมผลักหัวมันไปหนึ่งที
“โอเคๆ อาบน้ำ” บทจะง่ายก็ง่ายซะงั้น ซีแบกร่างเปื่อยๆของมันเข้าห้องน้ำไปแล้ว
สรุปคือกูต้องนอนนี้สินะ
“สร่างแล้วเหรอวะ” กว่าซีจะออกมาจากห้องน้ำผมก็ดูการ์ตูนจบไปหนึ่งเรื่องแล้ว พึ่งรู้ว่าเวลาล่วงเลยมาจนตี1กว่าแล้วก็ตอนดูการ์ตูนเมื่อกี้นี้แหละ
“ดีขึ้น” มันตอบ ทำไมผมถึงถามแบบนั้นนะเหรอ ก็สภาพมันดูเป็นคนขึ้นนะสิครับ ถึงหน้าจะยังแดงอยู่นิดหน่อยก็ตาม
“น้ำโครตเย็น กูสร่างเลย” มันบ่นและเช็ดผมไปด้วย ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่ผละไปอาบน้ำบ้างเท่านั้น
ผมนึกว่าซีจะหลับไปแล้ว แต่เปล่า มันนั่งอยู่บนที่ผมนั่งตอนแรก กำลังกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆอยู่ ข้างตัวมีแก้วน้ำอยู่ ผมเช็ดผมลวกๆและเดินไปแย่งแก้วน้ำมันมาดื่ม หวังจะได้โอวัลตินอุ่นๆ หรือนมสดสักแก้ว แต่มันกลับเป็นเพียงแค่น้ำอุ่นธรรมดาเท่านั้น
“เบสิกไปป่ะ” ผมเบ้ปากเมื่อรู้ว่ามันเป็นน้ำเปล่าธรรมดา
“ขี้เกียจทำ” โอเคชัด ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆซีและเลื่อนสายตาไปยังหนังที่ซีเปิดค้างไว้อยู่
“น้ำมันหยดใส่กู” จนไอ้คนข้างๆมันบ่นขึ้นมานี้แหละ ด้วยความหมั้นไส้ผมเลยสะบัดผมใส่มันซะเลย
“ตลอดนะมึง” ไอ้ซีดึงผมไปกอดเมื่อผมสะบัดผมใส่มัน ผมเลิกขัดขืนกับการโดนมันกอดไปนานล่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่มันชอบกอดเอวผมบ่อยๆแม้มันจะไม่ใช่เอวคอดๆแบบผู้หญิงก็ตาม
“มึงบอกกูว่าถ้าอยู่ห้องจะให้” ผมวางแก้วในมือลงและเงยหน้าไปมองซี
“ให้จูบ” ผมต่อประโยคจนจบ ซีขำนิดหน่อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับอยู่ดี สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายเลื่อนมือไปรั้งท้ายทอยมันให้เข้ามาใกล้และจรดริมฝีปากเข้าหามัน
ไออุ่นจากริมฝีปากซีดูจะช่วยให้ผมสร่างได้ดีกว่าน้ำอุ่นของมันอีก
ผมกับมันตอบรับสัมผัสกันไปเรื่อยๆ จริงๆผมว่าจูบมันมีไม่กี่แบบนะ แต่คนที่จูบต่างหากที่สำคัญ
กับซี... ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผมก็ไม่เคยเบื่อสัมผัสของมันเลย และมันก็ยังให้ความรู้สึกแปลกใหม่ได้ทุกครั้งด้วย
ผมดูหลงมันยังไงก็ไม่รู้สินะ
ก็คงแบบนั้นแหละ
และผมก็ไม่สนใจที่จะขึ้นมาด้วย
ซีผละริมฝีปากออกและเปลี่ยนมาวุ่นวายกับซอกคอผมแทน ผมรู้ว่ามันจะทำอะไร จากการมีประสบการณ์เรื่องนี้มาสองสามครั้ง ผมก็ขยุ้มเส้นผมมันเอาไว้ ตั้งใจว่าถ้ามันเจ็บกว่าทุกครั้งก็จะกระชากหัวแม่งเลย
“พอแล้ว!” ถึงจะบอกว่ามีประสบการณ์แล้วแต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เจ็บนี้ว้า
ซีกดจูบซ้ำบริเวณที่มันกัด ส่วนผมก็หอบหนักกว่าจูบมาราธอนพวกนั้นอีก
ซีทำจริงอย่างที่มันเคยบอกไว้ มันจะกัดซ้ำๆบริเวณที่มันเคยกัด ประมาณ2-3สัปดาห์ต่อครั้ง ทุกครั้งจะกัดจนห่อเลือด และจากการสังเกตมา ผมก็เริ่มมั่นใจแล้วแหละว่ามันจะต้องเป็นรอยแผลเป็นแน่ๆ
จะหายาทารอยแผลเป็นมาทาตอนนี้ก็คงเอาไม่อยู่แล้ว
ผมผุดลุกขึ้นมาจากอ้อมกอดมัน ถ้ามันกัดผม ผมก็จะกัดมันคืนทุกครั้ง ผมติดจะกัดแรงกว่าด้วยซ้ำ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจความคิดนี้ของไอ้ซีเท่าไหร่ แต่โมเม้นต์ที่ผมเห็นรอยกัดของตัวเองบนตัวมัน ผมก็เริ่มเข้าใจมันขึ้นมานิดๆ
มันเหมือนรอยสักที่ไม่มีทางลบออกนั้นแหละ
“มึงยังกัดแรงกว่ากูอยู่ดี” ซีไม่ได้บ่นตอนที่ผมกดเขี้ยวลงบนตัวมัน แต่กลับบ่นตอนที่ผมผละออกมาแล้ว และจัดการจับผมกดลงกับเตียงแทน
“ควรชินได้ล่ะ” ผมตอบกลับไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน ซึ่งไอ้ซีมันก็ส่ายหัวออกมาและก้มลงมาจูบหน้าผากผม
คงมีแค่มันล่ะมั้งที่ทำให้ผมดูน่าทะนุถนอมขนาดนี้
“ทำไมถึงบอกไปแบบนั้นอ่ะ” ผมถาม คาใจมาตั้งแต่ที่มันตอบเพื่อนล่ะ
“ถ้ากูไม่ตอบ มึงจะตอบไปว่าไง” ผมยักไหล่
“ก็คงบอกไปตรงๆนั้นแหละ”
“กูก็เหมือนกัน แค่อยากเป็นฝ่ายพูดก่อน”
“... จริงๆกูอยากพูดมาตั้งนานล่ะแต่กลัวมึงโกรธ วันนี้เห็นน่าจะรุ่ง กูเลยชิงพูดเลย” มันพูดต่อจนจบ
“ทำไมถึงอยากบอก”
“กูอยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้จะตายอยู่แล้วว่ามึงเป็นของกูเคียว” สายตาที่หงอลงไปทำให้ผมเลื่อนมือไปลูบแก้มมัน
“มึงก็ได้ทำแล้วไง” ซีบุ้ยปาก
“ได้บอกแต่ปากเท่านั้นแหละ” ผมกลอกตา แม่งกลับมาเรื่องนี้อีกล่ะ
“ไม่ต้องกลอกตา กูพูดเฉยๆ” ซีคว้ามือผมไปกดจูบ
“กูอยากให้มึงรู้นะว่า... กูก็อยากให้” ซีจับมือผมให้แนบแก้มมันไว้และจ้องเข้ามาในตาของผม เหมือนมันกำลังรอให้ผมพูดอยู่
“แต่กูไม่รู้ว่า มึงอยากได้อะไร แล้วถ้ากูให้ไปแล้ว มันจะเป็นยังไง” ซีโน้มตัวลงปิดปากของผมไว้ด้วยปากของมัน
“กูดูเป็นคนฟันแล้วทิ้งเหรอ” ผมขำ เมื่อซีพูดติดตัดพ้อออกมาหลังจากผละออก
“ไม่ใช่... กูก็ป๊อดนิดๆด้วยแหละ”
“ถ้าได้ทำสัญญาเลยว่าจะอ่อนโยนที่สุด” ผมดันหน้าผากมันจนหงายเลย
“พูดจริงๆนะ” ซีหันกลับมาและพูดซ้ำอีกครั้ง ผมหลุดขำกับท่าทางงอแงเป็นเด็กๆที่ออกมาโดยไม่รู้ตัวของมัน ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าคอมันมากอด ผมจรดหน้าผากตัวเองกับหน้าผากมัน ปล่อยให้ความอบอุ่นของซีแผ่มาหาผมช้าๆและผมก็จบบทสนทนาพวกนั้นด้วยการกดริมฝีปากเข้าหามันอีกครั้ง
ผมไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าซีในตอนนี้สำคัญกับผมขนาดไหนแต่ที่รู้แน่ๆคือผมต้องการมัน และสิ่งต่างๆที่มันทำให้ การใช้เวลาไปด้วยกัน มันทำให้ผมเคยชินกับเรื่องพวกนั้น และคงยาก ถ้าจะเปลี่ยนผมตอนนี้
ผมเคยได้ยินมาว่า สักวันหนึ่ง มันจะมีใครสักคนที่เติมเต็มในสิ่งที่เราขาดหาย ผมไม่เคยเชื่อคำนั้น และตอนนี้ก็ยังคงไม่เชื่อ เพราะผมรู้แล้วว่าใครคนนั้นไม่ได้มาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายแต่เติมเต็มสิ่งใหม่ๆให้เราต่างหาก หลายต่อหลายครั้งที่ผมได้แนวคิดอะไรใหม่ๆจากซี ทั้งให้กำลังใจ ความหวัง หรือแม้แต่สิ้นหวัง ไม่ว่าจะอะไรก็ตามทุกสิ่งเหล่านั้นก็คือซี
จากใจเลยคือผมไม่เคยคิดว่าผมจะมาถึงจุดนี้และไม่คิดด้วยว่าคนๆนั้นจะเป็นคนๆนี้
คนที่ทำให้ผมลืมเรื่องเพศ เรื่องสถานภาพ เรื่องทัศนคติ เรื่องสังคม เรื่องคนอื่นๆ
ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ผมแค่ต้องการมัน
มันเป็นคนที่ทำให้ผมรู้ว่าการเจอใครสักคนที่เพียงพอ จะหยุดเราได้
เป็นเรื่องจริง
ถึงจะออกทะเลไปไกลแต่ผมก็ต้องยอมรับว่าภายในหัวลึกๆยังคงเป็นเรื่องที่เราพึ่งสนทนากันไป ไม่ว่าผมจะอยู่ใกล้มันขนาดไหน แต่มักจะมีช่องว่างเล็กๆที่ผมไม่สามารถต่อให้ติดได้เสมอ ผมไม่ได้สนใจไอ้ช่องนั้นนัก ถึงมันจะเป็นแบบนั้นต่อไปก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรสำหรับผมด้วย
แต่ถ้ามันหายไปได้...
ผมถอนริมฝีปากออกจากซีอย่างอ้อยอิ่ง
“มันไม่พอว่ะ” ความคิดชั่ววูบนี้มันอันตรายจริงๆนะ
ซีเลิกคิ้วใส่ผม มันไม่ได้พูดอะไรออกมาและผมก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มออกไปด้วย แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง! ถ้าทึ่มนักก็อดไปล่ะกัน
อยู่ๆซีก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา เล่นเอาผมนี้อยากจะกลับคำซะเดี๋ยวนั้นเลย แต่ก็ไม่ทันเมื่อซีกดจูบอีกครั้ง และผมตอบรับสัมผัสนั้น
แม้ผมจะรู้ว่าถ้าตอบรับกลับไปมันจะไม่หยุดแค่นี้ก็เถอะ
ไม่ใช่แค่มันสักหน่อยที่อยากสัมผัสผม
เป็นอีกครั้งที่ซีทำให้ผมลืมเรื่องความหวาดหวั่นไป
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แก้ให้นะ” เสียงของพี่เจปลุกผมออกมาจากห้วงนิทรา แม้อยากจะโผล่หัวออกไปบ่นพี่เขาที่พูดเสียงดังขนาดไหนก็ต้องเก็บงำไว้ก่อน เขาทำงานกันนี้ครับ จะผิดก็คงผิดที่ผมมานอนนี้แหละ
ผมยกมือขึ้นมาปิดตาและดำดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แม้แสงแดดจะแยงตาขนาดไหนแต่ลมเย็นๆกับไอทะเลก็ช่วยได้มากจริงๆ
“หลับจริงดิ” จนผมรู้สึกได้ว่าพื้นที่ข้างๆมีคนทิ้งตัวลงนอนและหลังจากนอนสักพักมันก็ทักขึ้นมาอีกด้วย
หมดเวลาพักผ่อนแล้ว
“เมื่อกี้หลับ จนพี่เจพูด เสียงโครตดัง”
“บอกให้ไปนอนในห้อง”
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบ ก่อนที่เราจะปล่อยให้ความเงียบทุกอย่างดำเนินไป แต่อยู่ๆไอ้คนข้างๆก็ขยับตัวมาชิดและซุกหน้าเข้าหาผม
“แก้เยอะเหรอวะ”
“ประมาณหนึ่ง” ผมพยักหน้ารับ เรื่องแก้แบบเป็นเรื่องปกติสามัญโครตๆไปแล้ว จากที่ตอนแรกเครียดๆก็เริ่มชินว่าแก้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันก็คงดีเอง
“เครียด?”
“เปล่า ง่วง” โถ่ไอ้สัด
“เกินกำหนดชัวร์” ผมยักไหล่
“ปกติป่ะวะ”
“ไม่อยากให้เกิน” ผมเลื่อนมือไปตบบ่ามัน
“เอาน่า” และพูดได้แค่นี้แหละ
ผมผุดลุกขึ้นนั่ง พึ่งรู้ตัวว่าแสงอาทิตย์สีทองเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ตามปกติผมกับซีก็ต้องเตรียมเดินทางกลับ แต่วันนี้กลับช้าหน่อยก็ได้มั้ง
หลังจากจัดการเรื่องแอดมิชชั่นจนเสร็จและเข้าไปเป็นเฟรชชี่เรียบร้อย ซัมเมอร์ปีนี้ซีก็มีแพลนที่ผมตกใจมาก ขออวดก่อนว่าผมได้สัตวแพทย์จริงๆด้วยแหละ ยังไงก็ฝากไว้ด้วยว่า
ความพยายามไม่เคยทรยศเรา
สู้เขานะทุกคน
(หล่อไปอีก)
กลับมาที่ปัจจุบัน แน่นอนว่าถ้าผมได้สัตวแพทย์ ไอ้ซีก็ได้สถาปัตย์มาครอง มหาลัยของเราสองคนอยู่ห่างกันเหมือนคนล่ะจังหวัด ดังนั้นตั้งแต่ที่เราย้ายเข้าหอ เราก็ไม่ค่อยจะได้เจอกันเท่าไหร่ แต่ซีมีกฎว่า ต้องเจอกันอย่างน้อยเดือนล่ะสองครั้ง ถึงมันจะแค่สองครั้ง แต่ก็ช่วยต่อความคิดถึงไปได้มาก เราต่างหันมาใช้ชีวิตของตัวเอง รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง รู้ตัวอีกที ผมกับซีก็จบปี1แล้ว
ผมดันได้มหาลัยเดียวกับรูทซะงั้น ไม่รู้วันนั้นจะดราม่ากันแทบตายทำไม แต่ถึงจะมหาลัยเดียวกันก็คนล่ะคณะกันอยู่ดี และด้วยความที่ต่างก็เรียนหนักทั้งคู่เลยไม่ค่อยได้เจอกัน จะเจอกันเฉพาะตอนนัดดูบอลหรือเอางานมาโยนให้ช่วยมากกว่า
ไอ้ยะได้มหาลัยที่เชียงราย แถวๆบ้านซีเลย และมันก็แวะไปบ้านซีมาด้วย ไอ้ซีนี้งงไปเลย ยะมันสายท่องเที่ยวครับ มันชอบโมเม้นต์ที่ได้อยู่ท่ามกลางหุบเขา ได้ที่นั้นก็ถูกใจมันเลยล่ะ
ส่วนไอ้เฟรม ไอ้นี้มีเรื่องให้พวกผมช็อคตลอด เพราะอยู่ๆมันก็ตัดสินใจไปเรียนอเมริกา ตอนแรกผมนึกว่าแม่มันจะไม่ให้ไป แต่เฟรมมันก็คงดื้อจนได้ไปนั้นแหละ
สรุปปีผมมีคนไปเรียนต่างประเทศ3คนถ้วน
เทียนหอม อย่างที่บอกไปว่าเธอได้วิศวกรรมตั้งแต่เนิ่นๆ พอเข้าไปเรียนก็ดูจะฮอตซะเหลือเกิน เห็นได้ตำแหน่งดาวมหาลัยด้วย แต่ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกัน เธอก็ยังโทรมาถามไถ่ผมเรื่อยๆ รวมถึงปรึกษาเรื่องชายคนนั้นคนนี้ของเธอด้วย นี้ผมก็พึ่งไปเที่ยวกับเธอมาก่อนที่จะมาพังงานี้แหละ
.ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่พังงา
มีใครอีกล่ะ...
บอส คนนั้นผมไม่ห่วงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันเก่งจะตาย ก็ได้คณะที่มันหวังแหละครับ ฟีฟ่า เหมือนจะไม่ได้มหาลัยที่หวังไว้แต่เป็นคณะที่มันอยากได้ ผมว่านี้แหละที่สำคัญ เราต้องเลือกเรียนสิ่งที่เราอยากเรียน ซึ่งไอ้ฟ่าก็ทำถูกต้องแล้วแหละ
แถมไอ้เวรเป้ให้อีกคนล่ะกัน เห็นซีบอกว่าไอ้เป้เรียนทางด้านภาพถ่ายโดยตรง และก็กำลังไปได้สวย ซึ่งผมไม่ได้เจอมันเลยหลังจากม.6
พายกับภีม สองคนนี้มีเรื่องให้ช็อคบ่อยพอๆกับเฟรมอ่ะ
“ไปถนนคนเดินป่ะ” อยู่ๆไอ้ซีก็ผุดลุกขึ้นมานั่งเหมือนผม
“เอาดิ”
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าซีมันเจออะไรบ้างกับการเข้าไปเรียนสถาปัตย์ แต่ที่แน่ๆคือมันดูอดนอนบ่อยขึ้น และซีเรียสกับเวลาว่างและนอนมาก และสถาปัตย์คงสอนอะไรมันเยอะอยู่ เพราะเพียงแค่จบปีหนึ่ง ซีก็ตัดสินใจจะสร้างบ้านจริงๆจังๆ แม่งสร้างโมเดลบ้านเองเลยนะ หลังจากปรึกษากับแม่จบ มันก็ตัดสินใจกลับมาซื้อที่ที่พ่อเคยซื้อไว้ให้ที่พังงา และสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมา รุ่นพี่ในคณะมันหลายๆคนที่ร้อนความรู้กันสุดๆก็มาช่วยด้วยโดยไม่คิดค่าเสียเวลาสักคน อย่างพี่เจก็เป็นพี่รหัสของซี เราเสียเวลากับการวางแปลน ลงแปลน ออกแบบภายในกันไปเยอะมากๆ เพราะทุกๆอย่างซีอยากทำให้ออกมาดีที่สุด และถึงแม้เราจะได้บ้านมาแล้ว มันก็ยังไม่มีการตบแต่งอะไรเลยสักอย่าง
แม่งซีเรียสเรื่องนี้มาก
รู้ตัวอีกทีผมก็อยู่พังงามาตั้งแต่ปิดเทอมแล้ว
บ้านของซีได้รับการตบแต่งไปบ้างแล้ว ฟังมันพูดคร่าวๆผมก็รู้แล้วแหละว่าคงใช้เวลาโครตนาน
บ้านของซี เป็นบ้านสองชั้น มีสนามหญ้าและพื้นที่ปลูกต้นไม้ของแม่รอบบ้าน มีบ่อปลาคราฟที่ไอ้ซีอยากเลี้ยงขนาดใหญ่อยู่ในสวนของแม่ สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น ชั้นล่างเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ห้องครัว และหนึ่งห้องน้ำ ส่วนชั้นสองก็เป็นสองห้องนอนและหนึ่งห้องน้ำ
ฟังดูธรรมดา แต่มันพีคตรงดีเทลเนี่ยแหละ
ผมล่ะยอมใจความเป็นเด็กสถาปัตย์ของมันเลย
บนชั้นสองมีระเบียงออกไปสูดอากาศข้างนอก ซึ่งเป็นระเบียงโล่งๆที่ปลูกหญ้าไว้ และตรงนั้นคือตรงที่ผมมาแอบนอนอยู่นี้แหละ เมื่อเลื่อนบานหน้าต่างของชั้นสองออกทั้งหมด จะเจอกับวิวทะเลตรงหน้า เราได้ทำเลเป็นบนเนินด้วยแหละมันเลยยิ่งส่งผลให้ทุกอย่างดูเพอเฟกไปใหญ่ ไหนจะโปรเจคต์green designอะไรของมันอีก
ไอ้เรื่องกรีนดีไซน์นี้ผมฟังแล้วงงๆครับ ประมาณว่ามันจะเน้นเรื่องประหยัดพลังงานและการนำกลับมาใช้ใหม่ประมาณนั้นแหละ
ตามกำหนดการ บ้านควรจะเสร็จตั้งแต่สองเดือนที่แล้วพร้อมเข้าอยู่ แต่ด้วยความเวิ่นเว้อของไอ้ซีมันจึงเลยเวลากำหนดมาแล้ว และซีมันก็มานั่งเครียดเรื่องนี้อีกที
ก็คิดดูว่าผมที่ควรได้นั่งๆนอนๆที่บ้านหลังนี้กลับต้องไปอยู่คอนโดแถวๆนี้แทนเพราะในบ้านยังไม่มีไฟฟ้าอ่ะ
แต่ผมคิดว่ายังไงก็ภายในปีนี้แหละ
“เออ วันเสาร์เราไปเกาะกันเถอะ” ผมชะงัก
“เกาะไรวะ”
“เกาะไรของพี่เจไม่รู้ เห็นบอกว่าสวยมาก” ท่าทางตื่นเต้นของไอ้ซีทำให้ผมขมวดคิ้ว
“แล้วบ้าน?”
“พักบ้างก็ได้” ผมพยักหน้ารับ บางทีมันอาจจะปลงๆกับเรื่องกำหนดเวลาได้บ้างแล้วมั้ง
“มึง... เลทไปหน่อย โกรธป่ะวะ” ผมขมวดคิ้ว
“เรื่องไร” ซีไม่ได้ตอบ มันแค่โน้มตัวมากดจูบเบาๆที่ริมฝีปากผมเท่านั้น
“สุขสันต์วันครบรอบนะ” เมื่อผละออกมันก็พูดแบบนั้น ครบรอบเหรอ... พวกผมเลิกนับครบรอบมาหลายเดือนแล้วครับ และผมก็ลืมไปซะสนิทว่ามันเลยมาแล้ว
“เออ” เลิกคลอเคลียกูสักที
“กูหิว”
“เอออออออ” แล้วมึงมาลากเสียงยาวอะไรใส่กูเล่า
“ขอบคุณนะ” ถึงจะบอกเออแต่ซีก็ยังไม่เลิกคลอเคลียผมอยู่ดี และอยู่ๆมันก็พูดขึ้นแบบนั้น
“เรื่องไร” นี้ผมมีปัญหากับประเด็นมากจริงๆ
“เรื่องบ้าน เรื่องเรียน เรื่องอยู่เป็นเพื่อน ทุกเรื่องเลย” จริงๆผมก็ไม่ได้ช่วยเรื่องบ้านอะไรมันมาก แค่ผมดันไปรู้จักผู้รับเหมาดีๆมาจากคิว เราก็เลยได้ผู้รับเหมาที่ทำงานดีมาและงานก็โครตดีจริงๆ
“ขอบคุณเหมือนกัน” ผมประคองกรอบหน้ามันไว้ ซีแม่งก็ไม่มีขืนตัวด้วยไง
“ขอบคุณ... ในทุกๆวัน” ผมพูดต่อจนจบและจบด้วยจูบหวานๆ
ผมไม่รู้หรอกว่า จะพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้า มันอาจจะมีสักวันที่เรื่องของเราจบลง แต่ไม่ว่าวันนั้นมันจะเป็นวันไหน ผมก็ไม่สนใจหรอก ในเมื่อตอนนี้เวลานี้พวกเราเก็บเกี่ยวทุกอย่างจนคุ้มค่าหมดแล้ว ผมรู้แค่ว่าในเวลานี้
ผมรักซี
และซีก็รักผม
แค่นั้นแหละ
I love you
For all that you are
All that you have been
And all you’re yet to be
ฉันรักคุณ
ทุกอย่างที่คุณเป็น
ทุกอย่างที่คุณเคยเป็น
และทุกอย่างที่คุณจะเป็น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าาา ทักทายครั้งสุดท้ายแล้ว ไหนๆก็ไหนๆขอพื้นที่talkหน่อยล่ะกันเนอะ
ก่อนอื่นเลย นี้เป็นตอนสุดท้ายของmindmateล่ะนะ ใจหายเหมือนกัน สรุปยอดด้วย50ตอน แต่ว่าเราตั้งใจจะทำespeciallyอีกหนึ่งตอนส่งท้าย เนื่องในวันเกิดของเคียว ดังนั้นตอนพิเศษก็จะมาลงวันที่29กุมภานะคะ สำหรับmindmate ถือเป็นนิยายเรื่องแรกที่เราแต่งจนจบและแต่งแบบจริงๆจังๆ รู้แหละว่ามันยังมีข้อบกพร่องอีกเยอะเลย แต่ก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากๆ (แม้ช่วงนี้จะขาดหายไปบ้าง 5555) ขอบคุณที่กดเฟบ ที่เปิดเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากจริงๆ มันถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญมากๆสำหรับเรา ถึงแม้mindmateจะจบไปแล้ว แต่แน่นอนว่าซีรัสเคียวและทุกๆคนในเรื่องจะยังคงโลดแล่นอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป
ขอบคุณที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของmindmateนะ
ปิดท้าย ขอฝากผลงานนิดนึง 5555 ตอนนี้มีpactperplexที่เป็นเรื่องของพายภีม และsource headที่พึ่งเปิดใหม่สดๆร้อนๆ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
เจอกันอีกครั้งในspecialตอนสุดท้าย especially : วันเกิดเคียว ในวันที่29กุมภานะคะ
ความคิดเห็น