ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #47 : when you're gone - Avril Lavigne

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 397
      4
      15 ม.ค. 59

    44

    จริงๆ... คุณเคียวไม่ต้องช่วยก็ได้นะคะ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากทำ

    แต่คุณเคียวค่ะ...

    พี่แก้มครับ เคียวทำได้...จริงๆนะพี่แก้มยอมยื่นกล่องที่ตัวเองถืออยู่ให้ผม

    เอาไว้ที่ห้องเก็บห้องนะคะผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกอดกล่องนั้นและเดินเข้าไปในห้องเก็บของ

    ห้องเก็บของยังฝุ่นเยอะโครตๆเหมือนเดิมแม้ผมจะไม่ได้มานานมากขนาดไหน จริงๆก็แปลกดีนะ บ้านตัวเองแท้ๆแต่ยังมีที่ที่ไม่ค่อยได้ไปอยู่อีก

    ผมยอมรับว่าผมฟุ้งซ่านอยู่ระดับหนึ่งและวิธีระงับความฟุ้งนั้นของผมคือ หาอะไรทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้วไอ้หาอะไรทำนี้มันก็หายากอยู่เหมือนกันนะ สุดท้ายผมก็จบด้วยการช่วยคนนู้นคนนี้ในบ้านทำงาน เพราะทุกคนดูวุ่นๆกันหมด ยกเว้นผมเนี่ย ที่ว่างแทบแย่ แต่พอผมมาขอช่วย พี่แก้มก็จะอิดๆออดๆแบบนี้แหละครับ ต้องให้ผมยืนยันว่ายังไงก็จะทำๆเธอถึงจะยอม

    ฮัดชิ้ว!เพราะทุกครั้งที่เข้าห้องเก็บของออกมาต้องจามไง ผมเลยไม่ค่อยอยากเข้า

    ว่างเหรอเนี่ยผมชะงักเท้าที่กำลังจะเดินไปหน้าบ้านและหันกลับไปหาคนทักแทน

    ว่างมากกกกพ่อขำกับการลากเสียงยาวของผม ก่อนที่พ่อจะเดินเข้ามากอดคอผม

    ถ้าว่างมากก็ไปช่วยพี่แกทำงานดิผมคงจะไม่อะไรเลยถ้าพ่อไม่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    น่าเสียดายที่ผมไม่ได้เรียนหมอมาไงพ่อจบประโยคนั้นของผม พ่อก็ประเคนตบงามๆเข้ากลางกระบาลผมทันที

    ฉันหมายถึงคิวไหมล่ะไม่ใช่คิมก็รู้แหละแหม่ แต่ไม่อยากทำเป็นรู้อ่ะ

    เฮียทำได้ เชื่อผมพ่อส่ายหัวหน่ายๆใส่ผม

    เอ้ะ ว่าแต่พ่อไหมอ่ะที่ควรไปช่วยเฮียไม่ใช่ผมดิบริษัททั้งหมดของที่บ้านผมยังคงมีชื่อพ่อเป็นประธานใหญ่อยู่ ส่วนคิวจะทำงานในตำแหน่งของรักษาการแทนประธาน เพราะพ่อแทบจะไม่อยู่ไทยเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็รู้แหละว่าพ่ออยากยกบริษัทให้คิวใจจะขาด แต่คิวยังเด็กในสายตาของผู้หลักผู้ใหญ่บางคน ว่าง่ายๆก็คือ เขาไม่เชื่อฝีมือคิวนั้นแหละ ถึงได้ต้องใช้ชื่อพ่อมาอ้างไว้

    แม้คิวจะทำทุกอย่างแทนพ่อและทำได้ดีมากๆแล้วก็ตาม

    แกลูกฉันจริงป่ะวะ ไม่ได้หยิบผิดมาใช่ไหมเถียงไม่ได้ก็พูดงี้ตลอด

    ผมเริ่มสงสัยนิดๆแล้วพ่อ ตรวจDNAไหมยังไงดีพ่อตบหัวผมอีกทีหนึ่ง อะไรเนี่ยยยย

    ปาก เอ้ย พูดเก่งแบบนี้ไง ฉันถึงอยากให้แกช่วยคิวพ่อก็ตั้งใจจะว่าผมปากเก่งนั้นแหละ เอ้ยไปอย่างงั้นเอง

    พ่อทำให้คิมช่วยเฮียให้ได้ เดี๋ยวผมจะคิดดูอีกทีเหตุผลหนึ่งที่คิมเลือกเรียนหมอก็เพราะแบบนี้แหละ เรียนหนักๆให้มากๆ จะได้ไม่ต้องมาช่วยงานคิวที่บริษัทไง

    ใช่ที่ไหนวะ แล้วฉันจะมีอเล็กซ์ฮอสไว้ทำไมผมอ้าปากค้างใส่พ่อทันที นี้คือตั้งใจจะให้คิมดูอเล็กซ์ฮอสว่างั้น

    ไหนๆพ่อก็พูดขึ้นมาล่ะนะ ผมจะอธิบายธุรกิจของที่บ้านผมให้ฟังแบบละเอียดล่ะกัน

    บวกกับการที่ผมไม่ต้องนั่งเหม่อแล้วคิดเรื่องเดิมๆด้วย

    บริษัทใหญ่ของผมที่เกี่ยวกับการนำสินค้าเข้ามาโดยตรง ชื่อว่า Alexark (อ่านว่า อะ-เล็ก-อาค) เป็นบริษัทที่คิวทำงานอยู่ตอนนี้ พ่อบอกว่าที่ตั้งชื่อนี้เพราะจะได้เหมือนเรือโนอาห์ที่ช่วยผู้คนไง จากใจคือผมก็ไม่ค่อยเก็ตหรอก แต่พ่อพราวทูพรีเซ้นมาก ผมก็เออออไป

    Alexarkจะconnectโดยตรงกับร้านค้า คือเป็นร้านที่ใส่ของทุกอย่างที่Alexนำเข้ามาเข้าไป ตอนแรกมันก็เล็กๆนานๆเข้ามันก็ใหญ่ยิ่งขึ้นๆ แถมยังมีคนมาขอเช่าที่เปิดแฟรนไชส์บ้าง ไปๆมาๆก็เหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่โดยใช้ชื่อว่า Alexstore (อ่านว่า อะ-เล็ก-สะ-โตร) นั้นคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจในเครืออเล็กซ์ของพ่อ

    พอเริ่มนับหนึ่งมันก็ต้องนับสองนับสามไปเรื่อยๆ Alexarkกลายเป็นศูนย์กลางของAlex ประธานใหญ่ ผู้ถือหุ้นใหญ่ พนักงานใหญ่ ทุกคนจะconnectงานกับอเล็กซ์อาร์ค ต่อจากอเล็กซ์สโตร์ ก็คือAlexhos (อ่านว่า อะ-เล็ก-ฮอส) เข้าใจถูกล่ะครับ มันย่อมาจากhospital พ่อบอกว่าอเล็กซ์สโตร์หรือตัวอเล็กซ์อาร์คเอง ไม่สามารถตอบโจทย์ด้านการพยาบาลได้เลยสร้างอเล็กซ์ฮอสมาตอบโจทย์ซะ

    หลังจากนั้นก็มีอเล็กซ์น้องสุดที่พึ่งเกิดไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง คือAlexzon (อ่านว่า อะ-เล็ก-ซอน) ที่เกี่ยวกับเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยตรง

    อธิบายง่ายๆคือ บริษัทของที่บ้านผมชื่อAlex โดยทุกอเล็กซ์ ตั้งแต่อเล็กซ์สโตร์ อเล็กซ์ฮอส และอเล็กซ์ซอน ต้องขึ้นตรงต่อสำนักงานใหญ่คืออเล็กซ์อาร์ค

    ในอนาคตยังไม่แน่ใจหรอกครับว่าจะมีอเล็กซ์ลูกหลานอะไรเกิดขึ้นมาอีกไหม แต่ตอนนี้เหนื่อยมาก

    พ่อขยันสร้าง แต่ไม่ขยันบริหาร เอาแต่บอกว่าสร้างขึ้นมาก็เพื่อให้พวกผมที่เป็นลูกๆคอยดูแล แน่นอนว่า ไม่เคยถามพวกผมสักคำว่าพวกผมอยากทำไหม และเพราะทั้งผมและคิมแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับพวกอเล็กซ์สักนิด คิวเลยกลายเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างของอเล็กซ์ถามว่าสงสารคิวไหม ก็สงสารนะ ทั้งสงสารทั้งเห็นใจเลยแหละ แต่ถ้าให้ผมเลือกเข้าไปช่วยงานพี่ไหม

    ผมก็ตอบแบบไม่คิดเลยว่า...

    ไม่

    ถ้าผมอยากทำงานในอเล็กซ์ ผมก็ไม่รู้ว่าจะตั้งใจเรียนเพื่อให้ติดสัตวแพทย์ และยอมไม่ขอเงินพ่อแม่ไปทำไม

    ที่ทำก็เพราะผมไม่อยากทำงานในอเล็กซ์นั้นแหละ

    ผมจะฟ้องคิมเรื่องที่พ่อมัดมือชกให้คิมดูอเล็กซ์ฮอสนั้นแหละครับ

    จะฟ้องก็ฟ้องไปเลย เดี๋ยวฉันเล็งก่อนว่าจะจับแกไปอยู่อเล็กซ์ไหนดีอย่ามายุ่งกับผมมมม เพื่อความปลอดภัย ผมก็ยกแขนพ่อออกจากคอผมทันที

    อย่ามายุ่งกับผมเลยพ่อ ขอร้องพ่อย่นปากอย่างไม่พอใจทันที

    ฉันนี้ไม่เข้าใจแกเลยนะเคียว พ่อกับแม่สร้างให้ทุกอย่างแล้ว ทำไมไม่เอา

    ผมไม่ได้อยากได้ไงพ่อ ถ้าพ่อจะสร้างทุกอย่างไว้แล้วโยนใส่บ่าผมล่ะก็ผมขอสร้างทุกอย่างด้วยตัวผม ทีล่ะนิดดีกว่าพ่อเลิกคิ้วใส่ผม

    หล่ออ่ะดิ ผมรู้ล่ะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นกลอกตาและเลื่อนมือมายีหัวผมแทน

    เดี๋ยวก็รู้กลัวไปหมดแล้วช่วยด้วยยยย

     

    หลังจากทิ้งเวลาไปกับการคุยกับพ่อนิดหน่อย ก็บ่ายพอดี ซึ่งพ่อผมก็รีบชวนแม่ออกไปกินข้าวข้างนอกกันโดยไม่สนใจผมทันที

    เอาเหอะเอาเลย เอาที่สบายใจจจ

    ผมเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนนิ่งๆอยู่บนเตียงมากด หลังจากปลดล็อคมันก็ขึ้นหน้าเดิมที่ผมเปิดไว้ หน้าทวิตเตอร์ของคนๆหนึ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนตอนที่ผมดูล่าสุดไม่มีผิด ผมสไลด์เพื่อrefresh ปล่อยให้มันหมุนๆอยู่สักพักก่อนที่จะเป็นเหมือนตอนก่อนที่จะrefreshไม่ผิด

    ไม่คิดจะอัพอะไรหน่อยเลยรึไงนะ

    ก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงอีกครั้ง ตลอดเวลา5วันที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ผมเคลียร์กับเทียน เธอก็ไม่ติดต่อมาอีก ไม่โทร ไม่ตอบไลน์ ไม่แม้แต่จะอัพทวีตด้วยซ้ำ ผมจำไม่ได้แล้วว่านั่งรีเฟรชหน้าทวีตเธอกี่ครั้งแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าหวังอะไรอยู่ อย่างน้อยๆก็อยากเห็นว่าเธอเป็นยังไงบ้างมั้ง แต่ผมก็ไม่เคยได้สิ่งที่ผมหวังหรอกครับ ผมทิ้งตัวลงนอน ยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากโดยอัตโนมัติ

    นี้ผมทำอะไรอยู่วะ อีกครั้งที่ร่างกายถอนหายใจออกมาเอง ทุกอย่างในหัวมันตีกันไปหมด ตั้งแต่ความไม่ชินกับการอยู่คนเดียว ความหงุดหงิดตัวเอง ความรู้สึกผิด หรือความเหงา

    แต่ความรู้สึกผิดมันเด่นชัดมากในหัวผม ชัดมากจนผมเลือกที่จะบอกซีแบบนั้น หลังจากวันนั้นซีก็กลับไปอยู่หอเหมือนเดิม แม่ผมงงๆนิดหน่อยที่ซีรีบกลับ แต่เมื่อทุกคนเห็นผมนิ่งๆก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา ก่อนที่ซีจะก้าวขาออกจากบ้านผม มันยังหันมาบอกผมว่า มึงโอเคแล้วบอกกูนะ

    แน่นอนว่าผมยังไม่ได้บอกมันสักที

    ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วเหรอวะ

    ผมผุดลุกขึ้นนั่ง ถ้าผมเป็นซีต้องโครตหงุดหงิดแน่ๆเลยอ่ะ แบบตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องไปวะ ประมาณนี้ ถ้าไอ้ซีมันเถียงผมสักนิด ผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้

    แล้วมันใช่ความผิดซีไหมเนี่ยย

    ผมยีหัวตัวเองแรงๆ หงุดหงิดตัวเองจริงๆโว้ย รู้ตัวอีกที ผมก็กดโทรออกไปแล้ว

    ว่าไงเสียงของซีดังตามสายมา มันก็ปกติแหละ ผมโทรหามัน มันก็ต้องรับป่ะ แต่เสียงของมันนั้นแหละที่ทำให้ผมชะงัก

    เออ คิดถึงว่ะ

    อยู่ไหนวะผมถามมันกลับไป

    หอ

    มากินข้าวบ้านกูป่ะอ่อยไปอีก แต่อยากเจออ่ะ

    อ่า ได้

    เคคค เย็นนี้เจอกัน

    อืมแม้จะงงๆที่ซีตอบสั้นรึเกิน แต่ก็คงไม่มีไรมั้ง

    เอาล่ะ จะได้เจอซีล่ะ life must go onไงคิรากร

     

              “มาเร็วจัง” ผมกระพริบตาปริบๆใส่ไอ้ซีที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผมในขณะที่ผมกำลังมองเพดานเพลินๆ

              มันก็ไม่เพลินหรอก ไม่ใกล้คำว่าเพลินด้วยซ้ำ

              “อืม กูมีเรื่องจะบอก” ผมผงกหัวขึ้นไปมองหน้ามัน หน้าตาจริงจังแบบนั้นมันอะไรวะ ก่อนที่จะขยับไปหนุนตักมันไว้

              “ว่ามา” ซีสะดุ้งจนผมยังตกใจ เฮ้ยๆแค่นอนตักไหมอ่ะ ต้องตกใจอะไรขนาดนั้น ผมก็นอนตักมันออกบ่อยนะ ซีก้มลงมามองหน้าผมนิดหน่อย ความขุ่นมัวอะไรในใจมันดูจะลดลงไป มันเลื่อนมือมาลูบหัวผม

              “มึงก็ยังเป็นมึง”

              “เออดิ กูจะเป็นใครล่ะ” ผมเลื่อนมือไปลูบหัวมันบ้าง

              “เป็นไรเปล่า” สุดท้ายผมก็ถามออกไป ซีมันดูคิดอะไรอยู่ในใจ มันไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกเก่งมากนัก เพราะมันเก็บไม่เคยอยู่เลยหลุดออกมาทางสายตาตลอด โดยเฉพาะตอนที่มันสบตาผมอยู่นี้ ความกังวลภายในใจมันเยอะมากจนผมต้องถาม

              แต่ซีก็เลือกที่จะส่ายหัว

              ถ้าซีบอกว่าไม่มีอะไร ผมก็จะเชื่อล่ะกัน

              ผมเลื่อนมือที่ลูบหัวมันไปโน้มลำคอให้เข้ามาใกล้ และกดริมฝีปากลงที่ริมฝีปากนั้น ซีเป็นคนรุกผม ก็ปกติแหละ ปกติผมไม่ค่อยชอบรุกมันก่อนอยู่แล้ว แต่ที่ไม่ปกติคือสัมผัสของมัน ความรู้สึกของมัน

              แม่งโหยหาแปลกๆ แต่ไม่เข้าข่ายจูบแบบคิดถึงอะไรแบบนั้น มันเหมือน... โหยหาเฮือกสุดท้าย ก่อนที่พระเอกจะไปรบอะไรแบบนั้น

              “ซี” ผมเองเป็นคนผละริมฝีปากออกจากมันและประคองใบหน้านั้นไว้ บังคับให้มันสบตากับผม

              “เล่าได้นะ” กำแพงอิฐกากๆในใจซีเหมือนจะถล่มลงมานิดหน่อยเมื่อผมพูดแบบนั้น แต่มันก็ก่อตัวขึ้นใหม่ได้เร็วมากๆ

              สุดท้ายซีก็ส่ายหัวกลับมาอีก

              “คิดถึงมึงจัง”ดูรู้เลยว่ามันพยายามสลัดความคิดในหัวออกไปและดึงผมเข้าไปกอด ผมเปลี่ยนเป็นนั่งและกอดตอบมัน ลูบหลังมันไปด้วย ไม่รู้หรอกว่าเจออะไรมา แต่ขอให้มึงผ่านไปได้ล่ะกัน

              “มื้อเย็น6โมงใช่ป่ะ” ผมลูบหลังซีได้ไม่นานมันก็ผละผมออก

              “อ่าฮะ รอคิม คิว พ่อ แม่กลับมาก่อนอ่ะ”

              “อ้าว อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”

              “ตอนแรกอยู่กับพ่อแม่นั้นแหละ แต่ออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน ออกไปตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้จะเย็นล่ะยังไม่กลับมาเลย ไม่รู้ไปกินที่อังกฤษรึเปล่า” ซีขำนิดหน่อย

               “ก็ดีนะ จะได้มีแค่กูกับมึงไง” ความปากหวานนี้.. ผมทำท่าโก่งคอจะอ้วกใส่มัน ซึ่งซีก็ตบหัวผมนิดหน่อย

              “แล้วมึงโอเคยัง”

              “ไม่ค่อยอ่ะ แต่คิดถึงมึง” ซีหลุดยิ้มออกมา มันโน้มตัวมากดริมฝีปากที่ปลายจมูกผมเบาๆ เออมันไม่ได้จูบจมูกผมมาสักพักแล้วแหะ

              “อย่าน่ารักให้มากได้ป่ะ” และมันก็กระซิบบอกผมแบบนั้น

              “เชี่ย... ครั้งแรกเลยนะที่มึงชมกูน่ารักอ่ะ” ผมแม่งไม่เคยมีโมเม้นต์ที่เพื่อนชมแฟนน่ารักงู้นงี้ หรือแฟนชมเพื่อนน่ารักอะไรเกิดขึ้นจริงในชีวิตผมเลย แต่มันก็คงจะขนลุกอยู่ประมาณหนึ่งเลยนะ ถ้าซีเดินเข้ามาบอกผมว่า มึงน่ารักจัง ผมจะมองว่ามันอยากมากกว่ามันจะอ้อนผมไง ผมกับซีมันเริ่มจากความเป็นเพื่อน เพื่อนจริงๆเลยอ่ะ เพื่อนกวนตีนกันด้วย จะให้มามุ้งมิ้งอะไรกันเบอร์นั้นมันก็ไม่ใช่อ่ะเนอะ

              แต่เมื่อกี้ไม่เลวนะ

              ดีเลยแหละ

              “กูไม่ได้พูด ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะไม่คิดไง” ผมเลิกคิ้ว

              “แปลไทยเป็นไทยได้ว่า มึงคิดว่ากูน่ารักเหรอ” ซีพยักหน้ารับ ผมยิ้มและเลื่อนตัวเองไปกดจูบที่ปลายจมูกมันบ้าง

              “มึงก็น่ารักนะ” ซีขำและจับผมกดลงกับเตียง ก่อนที่มันจะกดจูบลงที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง

              ก็ยังปิดไม่มิดอยู่ดี

              มึงคิดอะไรอยู่วะซี

     

              กว่าผมจะลากตัวเองกับซีออกจากห้องได้ก็5โมงกว่าแล้ว ลงมาด้อมๆมองๆว่าอาหารไปถึงไหนแล้ว ซึ่งก็เสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแค่รอพ่อแม่และคิวเท่านั้นเอง คิมพึ่งกลับมาเมื่อกี้เองครับ สุดท้ายซีมันก็ลากผมไปนั่งเล่นที่ริมสระ ความมุ้งมิ้งขั้นสุดของซีคือจากที่มันเอาแต่จูบๆๆจนพอใจมันแล้วมันก็ยังไม่ปล่อยมือผมเลย ไม่ว่าผมจะทำอะไรมันก็จับไว้แบบนั้นแหละ ไม่สนใจสายตาใครด้วย ผมอ่ะ ไม่เท่าไรหรอก ผมไม่คิดจะปิดบังใครอยู่แล้ว แค่มันดูแปลกเมื่อเป็นซีที่แสดงออกมากกว่า

              “มึงเจอเทียนบ้างป่ะวะ” ผมว่าจะถามหลายรอบแล้วแหละ ซียังคงจ้องขาที่แช่อยู่ในน้ำ

              “เหมือนเจออ่ะ แต่ก็เจอไม่สุด กูว่าเขาก็หลบหน้ากูเหมือนกัน” ผมพยักหน้ารับ

              “ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้างเนอะ”

              “อืม” ผมเงียบ ปล่อยให้เสียงน้ำที่พึ่งถ่ายลงสระกับเสียงขาที่ตีน้ำไปมาให้มันดังต่อไป ก่อนที่ซีจะปล่อยมือออกจากมือผม ผมหันกลับไปมองมัน ซียังคงจ้องมองผืนน้ำอยู่ แต่หัวคิ้วมันเริ่มหม่นเข้าหากันนิดหน่อย

              “เคียว”

              “ว่าไง”

              “กูมีเรื่องจะบอกวะ”

              “อ่าฮะ”

              “กูอยากให้มึงรู้ว่ากูคิดดีแล้ว กูคิดซ้ำมาหลายรอบแล้ว และกูก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น” ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก ซีเงียบ มันปล่อยให้เวลาผ่านไปสักพักก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆและหันมาสบตากับผม

              “เราห่างกันสักพักไหม” ผมนิ่ง ผมแน่ใจว่าตัวเองได้ยินชัดเจนและก็แน่ใจด้วยว่ามันพูดว่าอะไร แต่ก็อยากจะถามซ้ำออกไปจริงๆว่า อะไรนะ ประโยคโง่ๆที่เคยได้ยินในละครไทยบ่อยๆ ตอนนี้แหละที่ผมเข้าใจชัดเจน เราไม่ได้อยากได้ยินซ้ำอีกครั้งหรอก เราแค่อยากให้การพูดครั้งที่สอง มันไม่เหมือนเดิมก็เท่านั้น

              “นี้คิดแล้วเหรอ” แต่ผมก็เลือกที่จะเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจและถามอย่างอื่นออกไปแทน ซีเบือนสายตาออกจากผมและหันไปจ้องผืนน้ำเหมือนเดิม

              “ทำไมวะ” ผมถามซ้ำ เมื่อซียังคงไม่พูดอะไรออกมา

              “แค่รู้สึกว่า ถ้าเราห่างกันอะไรๆมันอาจจะชัดขึ้นก็ได้ บางทีมึงอาจจะรู้ใจตัวเองก็ได้ว่า มึง...เลือกผิด” ประโยคนั้นของซีทำให้หัวคิ้วผมขมวดเข้าหากัน ผมสูดหายใจเข้าไปลึกๆพยายามจะไม่ให้อาการโกรธแสดงออกมา ผมไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่กว่านี้

              “ทำไมมึงพูดเหมือนอยากให้กูเลือกเขาเลยวะ” ซียังคงเงียบและนั้นแหละที่ทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด

              “ถ้าเป็นกูนะเว้ย ถ้ามึงเลือกกูแล้ว กูไม่มีทางโยนมึงกลับไปหรอก แล้วนี้มึงเป็นเหี้ยอะไร” เพราะซียังคงเอาแต่เงียบ ผมเลยไม่คิดจะเก็บอะไรไว้ในหัวอีก

              “ไอ้เรื่องโง่ๆนี้เหรอ ที่ทำให้มึงคิดมากทั้งวัน ทำให้มึงเฟล สรุปคือเวลาที่กูให้มึงไป มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลยใช่ป่ะวะ! กูเคยทำเหมือนจะไม่เลือกมึงเหรอ เคยทำเหมือนจะมีใจให้คนอื่นเหรอ ตอนแรกกูก็ไม่เคยคิดเรื่องเลือกผิดอะไรนี้หรอกนะ แต่ตอนนี้กูเริ่มคิดนิดๆแล้วว่ะ บางทีถ้าวันนั้นกูเลือกเทียน เทียนคงไม่พูดอะไรโง่ๆแบบนี้ออกมาอ่ะ”

              “ทำไมมึงพูดเหมือนไม่แคร์ความรู้สึกกูเลยวะ” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมประโยคนี้มันถึงได้เบาขนาดนั้น แต่อยู่ๆเหมือนเสียงก็ถูกดูดออกไปซะเฉยๆ

              “พูดเหี้ยอะไรออกมาสักอย่างได้ป่ะ!” จนซีมันยังเงียบอยู่ โอเค ผมฟิวขาดล่ะ พอกันทีไอ้การคุยกันโดยสันติ ก็ดูแม่งเอาแต่เงียบ จะไม่ให้หงุดหงิดได้ไงวะ

              “กูแค่คิดว่ามันจะดีกว่า” ซีตอบมาแค่นั้น ผมพ่นลมหายใจออกมา ความเหี้ยคือผมไม่อยากทะเลาะกับมัน

    ผมไม่อยากให้ซีไปไหน

              “คุยกับกู ก็มองหน้ากูดิซีรัส” ซีชะงัก มันเหมือนชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนที่จะยอมเงยหน้ามามองหน้าผม

              “โกหกใช่ป่ะ” สายตาของซีไม่เคยโกหก และมันกำลังบอกผมว่ามันจำใจพูดเรื่องนี้ขนาดไหน ซีหลับตาลงและส่ายหัวช้าๆ

              “กูบอกมึงแล้วไง ว่ากูคิดดีแล้ว”

              “ถ้าคิดมาดีแล้ว ก็ต้องอธิบายได้ดิว่าทำไม”

              “บางทีนะเว้ย กูก็รู้สึกว่า...กูเป็นอะไรสักอย่างสำหรับมึงก็ไม่รู้อ่ะ อะไรที่มี หรือไม่มีก็ได้ อะไรที่ใครๆ ก็เป็นได้ เรื่องเทียน... มันทำให้กูรู้สึกว่า บางทีมันอาจจะมีคนที่อยู่ในตำแหน่งของกู ได้ดีกว่ากูก็ได้”

              “มึงโกหก”

              “กูไม่ได้โกหกเคียว มึงเอาอะไรมาคิดว่ากูต้องเป็นคนดีขนาดนั้นเหรอ! ทำไมกูจะต้องโอเคกับการที่มึงอยู่กับคนที่แอบชอบมึงมากกว่ากูด้วยซ้ำ ทำไมกูต้องยอมเป็นรองใครต่อใคร กูไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอกนะ!

               “กูก็ไม่เคยคิดว่ามึงเป็นคนดี! เป็นพระเจ้ากว่าใครนักหรอก แต่ซีที่กูรู้จัก ซีคนนั้น... เขาเข้าใจกูไง” ผมรู้ว่าเสียงของผมมันสั่นขนาดไหน แน่นอนว่าสายตาของผมมันต้องสั่นกว่านั้น รวมถึงสายตาของซีด้วย มันทั้งสั่น อ่อนไหว และเจ็บปวดอย่างที่สุด

              “ซีคนนั้นที่มึงรู้จัก อาจจะตายไปแล้วมั้ง” ผมหรี่ตาใส่มัน แม้ตลอดบทสนทนาเราจะจ้องตากันตลอด และสายตาของซีก็เด่นชัดในเรื่องต่างๆที่มันพูดจริงๆ แต่ลึกๆในใจผม ผมก็ยังรู้สึกว่ามันโกหกอยู่ดี

              หรือไม่

              ผมก็คงแค่โกหกตัวเอง

              “งั้นเอางี้ มึงบอกมาเลยว่าสักพักของมึง มันสักพักขนาดไหน มันต้องนานหรือเร็วแค่ไหน หรือไม่ก็กำหนดวันเวลามาเลยก็ได้” ผมไม่อยากให้ซีหายไป แค่คิดว่าพรุ่งนี้ผมจะไม่มีสิทธิ์ในตัวซี ไม่มีซีรอผมอยู่ที่ไหนสักแห่ง และซีอาจจะไปทำสิ่งที่ทำกับผม กับคนอื่น

              ผมก็แทบทนไม่ไหวแล้ว

              “...กูไม่รู้” ซีหลบสายตาผมอีกครั้ง ตอนนี้ไม่ใช่แค่เสียงแล้วที่สั่น ผมสั่นไปทั้งตัวแล้ว รับรู้ได้เลยว่าหัวใจกำลังเต้นแรงขนาดไหน มันกำลังบีบรัดผมขนาดไหน หรือแม้แต่ขอบตาที่ร้อนผ่าวขึ้นมาจนผมต้องเงยหน้าขึ้น

              อย่าพึ่งไหลออกมาตอนนี้

              ขอร้องล่ะ

              ผมกัดปากตัวเองแรงๆ ปล่อยให้ความเจ็บปวดช่วยเรียกคืนสติกลับมา ผมเลื่อนมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเอง ถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเสยผมขึ้นไปลวกๆ

              “จูบกูที” ซีเลื่อนสายตาขึ้นมามองหน้าผมอีกครั้งหลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้น มันดูลังเล เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันลังเลตอนที่ผมขอให้มันจูบ แต่ผมไม่สนใจจุดนั้นแล้ว ผมไม่สนใจจะรอให้ซีอนุญาตรึเปล่าด้วย เพราะผมเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหามันแล้วกดจูบเอง

              ผมจะทนได้ยังไงวะ ถ้ามีคนอื่นได้จูบมันแบบนี้

              ผมเลื่อนมือไปรั้งที่ท้ายทอยมันไว้เมื่อซีเริ่มจูบตอบ สัมผัสของซียังให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด รสชาติคาวๆจากแผลที่ผมพึ่งกัดไปทำให้ซีชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่มันจะขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น และตั้งใจกดจูบที่บริเวณนั้น จนเหมือนมันต้องการจะปลอบประโลมผมอยู่กลายๆ

              ถ้ามึงจะไป ก็ไม่ควรทำแบบนี้ป่ะวะ

              ผมยังคงกดจูบลงไปซ้ำๆ เสียเวลาไปกับการหายใจน้อยมากเลยด้วยซ้ำ จนถึงจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า ผมต้องการมากกว่านี้อีก แค่จูบมันไม่พอนั้นแหละ ซีมันถึงได้ผละตัวเองออก ผมไม่ได้ปล่อยให้มันขยับออกห่างด้วยความที่ผมยังคงรั้งท้ายทอยมันไว้ ผมเลยยังรั้งให้มันอยู่ใกล้ได้ ทั้งผมและซีต่างหอบหายใจออกมา เป็นจูบที่โครตช่วงชิงเลยอ่ะ ผมสบตากับดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้น มันยังคงน่าหลงใหลเหมือนวันแรกที่เจอไม่มีผิด

              และผมก็ยังหลงใหลมันอยู่

              “มึงทนได้เหรอวะ ถ้าคนที่จูบกับกูตรงนี้...ไม่ใช่มึง” เพราะกูทนไม่ได้... ผมต่อประโยคนั้นในใจ

              “ถ้ามึงทนได้ ก็ไปเหอะ” ซียังคงสบตากับผมแบบนั้น ก่อนที่มันจะกดจูบซ้ำลงมา

              ปฏิเสธไม่ได้หรอก แต่ผมหวังว่ามันจะเปลี่ยนใจ

              ซีทำให้มันเป็นจูบที่ดีที่สุดอีกครั้งหนึ่งของผมกับมัน แม้มันจะเต็มไปด้วยความอึดอัดหลายๆอย่างก็ตาม เมื่อถอนริมฝีปากออก ซียังคงจ้องตาผมแบบนั้น เหมือนมันอยากจดจำรายละเอียดทุกอย่างไว้ ไม่เคยมีครั้งไหน และผมก็ไม่คิดว่าจะมีครั้งไหน

              ที่สายตาซีเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้

              “ขอโทษนะ” นั้นเป็นประโยคสุดท้ายจากซี ก่อนที่มันจะผละออกไป โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผมด้วยซ้ำ

     

    When you walk away I count the steps that you take

    Do you see how much I need you right now ?

     

              ความรู้สึกตอนเทียนเดินจากไป มันเป็นความรู้สึกที่หนักมากสำหรับผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นการทำร้ายใครสักคนที่เขาจะเป็นคนสุดท้ายที่ทำร้ายคุณ คนสุดท้ายที่จะหันหลังให้คุณ มันไม่มีอะไรรู้สึกผิดมากไปกว่านั้นอีกแล้ว ผมเป็นคนที่ผลักเขาลงไป แถมยังกลบดินฝังเขาอีกตั้งหาก

              แต่ในกรณีของซี ความรู้สึกตอนที่ซีเดินออกไป มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เราจมน้ำ ความรู้สึกเดียวกับการขาดลมหายใจ ความเจ็บปวดทุกอย่างมันด้านชาและอัดอั้นไปหมด มันเจ็บ... จนอธิบายออกมาไม่ได้เลยแหละ

              มันเป็นความรู้สึกที่คนทั่วไปเรียกว่า

              อกหัก

              มันอาจจะเป็นคำง่ายๆที่ดูไม่ค่อยมีอะไร

              แต่เชื่อเถอะ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่คุณตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดด้วย

              มันเจ็บจนพูดไม่ออกเลยล่ะ

              สุดท้ายก็เหลือตัวคนเดียวจนได้สินะ

     

    And all I ever wanted was for you to know

    Everything I’d do, I’d give my heart and soul

    I can hardly breathe I need to feel you here with me

     

     

     

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอบอกก่อนว่ารักเคียวมาก เคียวยังเป็นลูกรักของเราอยู่ แม้เคียวจะเป็นตัวละครที่เจ็บติดอันดับเลยก็ตาม 5555 และแล้วผลกรรมที่เคียวทำไว้กับเทียนก็ตามสนอง #ผิด 5555 บทนี้คือ...สั้น แต่เราทำได้แค่นี้แหละ ตอนแรกมันหน่วง มันอึดอัด มันไปไม่ถึงจุดที่มันควรจะเป็น จนได้เพลงนี้ค่ะ when you're gone ของ Avril Lavigne ทุกอย่างพังมากกก ขอบคุณเจ้มานะที่นี้ด้วย 555

    คอมเม้นต์หน่อยนะนะนะ สำคัญมากจริงๆ ฮืออออ

    เจอกันนา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×