ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #45 : especially : วันสิ้นปี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 401
      4
      1 ม.ค. 59

    Especially

    วันสิ้นปี

              Special Part : Cirrus

              ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงในห้องเคียว เอาจริงป่ะผมว่าผมอยู่ห้องเคียวมากกว่าห้องตัวเองอีก ก็ไอ้เคียวมันขี้เกียจถ่อไปห้องผมนี้ครับ ชอบยกเรื่อง ห้องมึงอยู่ชั้น18เลยนะ กูต้องลงไปข้ามตึกชั้น10แล้วขึ้นไปชั้น18เนี่ยนะ มึงมาหากูแหละถูกแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้การที่ผมต้องถ่อมาหามันเนี่ย ผมก็ต้องข้ามตึกที่ชั้น10แล้วขึ้นมาชั้น16เหมือนกันไหมล่ะ

              แต่เคียวก็คือเคียวครับ ถ้ายื่นคำขาดว่าจะไม่ไป มันก็จะไม่ไป

              ผมจะทำอะไรได้ นอกจากถ่อมาหามันเนี่ย

              เสียงร้องเพลงฮึมฮัมดังออกมาจากปากเคียวตลอดเวลา อารมณ์ดีไปอีกสินะ ผมพลิกตัวกลับมามองมัน ตอนแรกผมนั่งรอครับ แต่มันนานมากจนผมต้องเปลี่ยนมานอนรอแทน ไม่รู้จะแต่งตัวอะไรนานนัก

              “มึงก็ไม่ได้เร็วกว่ากูเลยนะ” แม่งชอบบ่นว่าผมช้า ทุกครั้งที่ผมช้าเพราะผมติดงานครับ ไม่ว่าจะไปไหนผมจะพยายามเคลียร์งานให้เสร็จก่อน จะได้ไปแบบชิลๆ ดังนั้นกว่างานจะเสร็จมันก็มักจะเลทจากเวลานัดไปบ้างเสมอ

              “นี้ครั้งแรกป่ะ ที่กูช้า มึงช้ามากี่ครั้งล่ะ กูให้เวลานึก” มันก็ใช่แหละ แต่นี้มันแต่งตัวมานานมากแล้วจริงๆ

              “แบบนี้จะรีบนัดกูทำไมวะ” ย้อนกลับไปเมื่อเวลา6นาฬิกาของวันนี้ หลังจากที่เราแวะไปซื้อของด้วยกันเสร็จ เคียวก็บอกว่า 3ทุ่มนะ ห้ามเลท ห้ามช้า เจอกัน แล้วมันก็ขึ้นห้องมาเลย ผมก็เคร่งครัดมากๆครับ ไม่อยากช้าให้มันบ่นอีกแล้ว ลงมาห้องมันตั้งแต่ยังไม่2ทุ่มครึ่งดีเลย เปิดประตูมาเจอเคียวมันนอนอืดๆอยู่บนเตียง โดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พอผมมาถึงนั้นแหละ มันถึงได้แบกร่างมันไปอาบน้ำ

              “ปกติมึงช้าไง กูเลยต้องนัดก่อนเวลา เป็นการเซพตัวเอง” ผมเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที

              “แล้วจริงๆมันนัดกี่โมง”

              “4ทุ่ม”

              “เฮ้ยยยย แล้วกูจะรีบทำเหี้ยไรเนี่ย” ผมรีบมากมากมาก สงสัยอยู่นิดหน่อยนะว่าไปเคาท์ดาวน์ทำไมต้องไปซะเร็ว แต่เคียวมันบอกมา ผมก็เชื่อครับ แล้วดูมันดิ

              “อย่าอารมณ์เสียสิจ๊ะ วันนี้วันที่31นะ” ผมกลอกตาใส่มัน แน่นอนว่าเคียวไม่ได้สะทกสะท้านและหันกลับไปส่องกระจกต่อ

              “นี้มึงไปเคาท์ดาวน์หรือไปหาเหยื่อวะ” เคียวอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวลายทางสีด้านบนเป็นสีขาวและด้านล่างเป็นสีน้ำเงิน สลับแถบสีน้ำตาลเข้ม ที่ผมจำได้ว่ามันพึ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง กางเกงยีนส์สีเข้มตัวเก่งที่มันพับขากางเกงขึ้นนิดหน่อย น่าจะใส่เข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบของconverse รุ่นiron man สีแดงและมีวงกลมสีฟ้าเหมือนที่หน้าอกโทนี่ อีกด้านก็เป็นรูปหน้ากากไอรอนแมน แถมเชือกผูกรองเท้ายังเป็นสีฟ้ากับเหลืองอีก ไอ้เคียวแทบตายตอนเห็นรุ่นนี้ ลงทุนเก็บตังจริงจังแบบกินข้าววันล่ะ40บาท เพื่อซื้อรองเท้าคู่นี้เลย

              ดูความติ่งของมัน

              เคียวมันเป็นคนมีรสนิยมในการแต่งตัวค่อนข้างดี ดังนั้นถึงมันจะใส่เสื้อผ้าที่สีตัดกันขนาดไหนก็ยังดูดีอยู่ดี

              ผมเปล่าอวยนะ แต่มันเป็นคนแต่งตัวดีจริงๆ

              “เฮ้ย นิดหน่อยน่า” นิดหน่อยอะไรล่ะ ที่พูดไปนี้ยังไม่รวมผมที่พึ่งเซ็ต นาฬิกาข้อมือกับสายรัดข้อมือสีน้ำตาลแบบสานต่อกันด้วยตัวล็อคแบบบิดจากสแตนเลสสีทองหม่น ที่มันเคยบอกกับผมว่ามันจะใส่คู่กันเฉพาะวันที่พีคจริงๆ

              “ให้พูดใหม่อีกที” ผมพึ่งได้พิจารณามันแบบจริงจังก็ตอนนี้ ถึงได้รู้ว่ามันจัดเต็มขนาดไหน

              “นิดหน่อยจริงๆ” เคียวตอบผมและหันไปมองกระจกเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากที่มันใส่นาฬิกาเสร็จ

              “ถ้าจะขนาดนี้ก็ไม่ต้องเอากูไปก็ได้นะ”

              “โหยยยย นอยด์เหรอจ๊ะ” ผมเริ่มเกลียดความอารมณ์ดีเบอร์นี้ของมันล่ะ เพราะมันตรงมาเกาคางผม

              “กูพูดจริงๆนะเคียว กูไม่ว่าอะไรถ้ามึงจะไปหาเหยื่อ แต่อย่าให้กูไปดูเลย”

              “กูไม่ได้จะไปหาเหยื่อออ ถ้าแบบนั้นกูจะชวนมึงไปทำไม”

              “แล้วไอ้แต่งเต็มขนาดนี้ เพื่อ?”

              “นี้มันวันสุดท้ายของปีนี้นะ กูก็อยากจะหล่อกับเขาบ้าง” มันตอบผมและหันไปมองกระจกอีกครั้ง

              “ปีนี้กูแทบจะไม่ได้แต่งเต็มขนาดนี้เลยสักครั้งนะเว้ย” และมันก็พูดต่อ

              “ทำไมวะ” เคียวเลิกมองกระจกและหันกลับมาที่ผม

              “ก็มึงนั่งหัวโด่อยู่นี้” โอเคกูขอโทษล่ะกัน แต่มันก็ทำให้ผมหลุดยิ้มได้ มันอาจจะไม่ได้พูดตรงๆแต่ผมก็รู้แหละ ว่ามันจะสื่อว่าที่ไม่ได้แต่งเต็มไปเที่ยว ก็เพราะว่าผม

              เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิดหนึ่ง

              “ไม่เยอะไปใช่ป่ะวะ” มันหันมาถามผม ซึ่งผมก็ส่ายหัวช้าๆ

              “ดูดี” ที่ผมบ่นก็เพราะผมหวงมันนั้นแหละมีเหตุผลอื่นที่ไหนล่ะ ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไปมันก็โครตดูดีเลยจริงๆ

              “แหนะ อดใจไม่ไหวเลยดิ” เกลียดดดดดด ผมกลอกตาออกมาเองโดยอัตโนมัติ เคียวมันขำ ก่อนที่จะกระโดดลงนั่งข้างๆผม

              “กี่โมงแล้ววะ”

              “อีกสิบนาที4ทุ่ม” เคียวพยักหน้ารับ

              “เมื่อกี้เทียนพึ่งไลน์มาบอกกูว่า ห้ามให้มึงแต่งหล่อเกิน แต่ไม่น่าทัน” เคียวหันขวับมาทางผมทันที

              “พูดจริง?”

              “เออ” เพื่อให้มันเชื่อว่าผมพูดจริงๆ ผมเลยหันหน้าจอไลน์ที่เล่นอยู่ไปให้มันดู

              “แล้วดูดิ ทั้งมึงทั้งเทียน กูจะไปหาเหยื่อได้ยังไง” มันส่ายหัวปลงๆ

               ตอนแรกพวกผมก็ไม่แน่ใจหรอกครับว่าจะไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนดี จนเทียนบอกว่าเธอไปงานนี้นะ ที่วงบีสท์มา เคียวก็ถามเรื่องทั่วไปว่าจะไปยังไง กลับยังไง หลังจากถามไปถามมาก็รู้สึกว่าผู้หญิงสามคนไปกันเองมันอันตราย พวกผมเลยตัดสินใจไปเคาท์ดาวน์ที่นั้นด้วยซะเลย จริงๆแค่เคาท์ดาวน์ที่ไหนก็ได้อยู่แล้วครับสำหรับผมนะ

              “รูทอยู่ไหนล่ะ” ผมถาม มันใกล้เวลานัดเข้าไปทุกทีแล้วนี้นะ

              “ลงไปรอเลยก็ได้” ได้ไปแล้วสินะ

     

              พวกเรามาถึงกันเร็วกว่าเวลางานนิดหน่อย มาถึงก็เจอเทียนกับเพื่อนจับจองที่นั่งไว้ซะหน้าเลย เราแยกกันมาครับ เพราะถ้ามาพร้อมกันเนี่ย อาจจะต้องออกมาอย่างเร็ว ก็เทียนบอกว่าเธอจะมาจองที่ คิดไปคิดมาด้วยความขี้เกียจ เคียวเลยตัดสินใจให้เราแยกกันมาแล้วมาเจอกันที่งานดีกว่า

               “บอกว่าอย่าแต่งหล่อมากไง” เทียนแว้ดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเคียวชัดๆ

              “นิดหน่อยเอง” ตอบเหมือนเดิมเป๊ะ

              “อุตสาห์สั่งซีแล้วนะ”แล้วเธอก็หันมาบุ่ยปากใส่ผม

              “เราพยายามแล้วจริงๆนะ” เทียนถึงยอมตวัดสายตาไปจิกเคียวต่อ

              “ไม่หนีไปไหนหรอกนา” เคียวตอบกลับไปแบบนั้น เรียกรอยยิ้มกว้างจากเทียนได้ทันที

              “ดีมากเด็กน้อย” เทียนตอบอย่างพอใจแถมยังเลื่อนมือไปลูบๆหัวเคียวอีก

              “ซี ถ่ายรูปให้หน่อยดิ” ผมพยักหน้ารับ และถอยหลังออกมานิดหน่อยเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงาม กล้องกับเลนส์วันนี้เลือกยากมากอ่ะ เพราะนอกจากแสงรบกวนระดับสิบยังจะผู้คนมากหน้าหลายตาที่เราอาจจะมีโอกาสsnapรูปได้แค่ครั้งเดียว ผมถึงเลือกกล้องนานหน่อย

              เทียนดึงคอเคียวมากอดแล้วยิ้มหวานให้กล้อง รวมถึงเคียวก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

              ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เทียนมักจะถ่ายรูปกับเคียวทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะงานไหนๆ รูปเทียนกับเคียวที่ผมมีเนี่ย มากกว่ารูปผมกับมันอีก

              “สนุกเต็มที่ แต่ห้ามแอ้วสาวนะ” หลังจากเปิดรูปให้เทียนเช็คเรียบร้อยเธอก็หันไปกำชับเคียว ตอนนี้แสงบนเวทีเริ่มขึ้นแล้ว ได้เวลาสนุกแล้วสินะ

     

              ผมเกลียดเวลาที่ตัวเองเมา รู้สึกการพยายามบังคับตัวเองมันยากขึ้นไปอีกสองสามเท่าเลย แต่เพราะว่าผมอยู่กับแอลกอฮอล์มาเยอะ ผมเลยรู้ดีว่าตัวเองดื่มได้เท่าไร ตอนนี้อาการเลยมีเพียงแค่มึนๆหัวเท่านั้น บวกกับความที่เราดื่มเอาบรรยากาศนิดหน่อย ไม่ได้คิดจะดื่มให้เมามากอะไรขนาดนั้น มันเลยยังไม่ออกมาแย่มาก

              “พอแล้ว” ผมแย่งกระป๋องเบียร์จากมือเคียวมาถือ จะติดก็แต่ไอ้เคียวนี้แหละ เคียวเองมันก็เหมือนจะรู้ลิมิตตัวเองนะ แต่ก็ยังคงเอาแต่ดื่มๆๆจนผมต้องปรามมัน

              “กินได้” และมันก็พยายามจะแย่งคืนไป

              “อยากเมาแล้วดราม่าอีกเหรอ” เคียวยอมหยุดแต่ก็ชักสีหน้าใส่ผมทันที

              “เกลียดมึงว่ะ” ผมกับเคียวต้องตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงเพลง แต่ด้วยความที่ผู้คนรอบข้างมีเยอะมาก และทุกคนก็เหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง ผมเลยกล้าที่จะคว้าเอวเคียวมากอดและก้มไปกระซิบข้างๆหูมัน

              “ให้มันจริงเถอะ” เคียวจ้องตาผมตอบ มันไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวผมเลยสักนิดเดียว

              “มึงไม่อยากให้กูทำจริงๆหรอก” พูดอีกก็ถูกอีก ผมยิ้มบางๆคืนไปให้มัน แต่เกี่ยวมันเอาไว้ได้ไม่นานหรอกครับ เมื่อผมไม่พูดอะไรออกมามันก็เบี่ยงตัวออกไปแดนซ์ต่อ มีสาวๆมาจีบมันบ้างอย่างที่ผมและเทียนคาดการณ์ไว้ แต่เคียวแทบจะไม่สนใจคนไหน ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ ถ้าเมาแล้วไปเลื้อยคนอื่นเนี่ย ผมจะโยนมันกลับบ้านเอง

              “ซี! เรากับเพื่อนไปข้างหน้าอีกหน่อยนะ เดี๋ยวบีสท์จะขึ้นแล้วอ่ะ” อยู่ๆเทียนก็แทรกตัวมาหาผมและดึงคอผมลงไปหาเธอเพื่อที่เธอจะได้พูดใส่หูผมได้ (จะได้คุยกันโดยไม่ต้องตะโกน)

              “ให้ไปด้วยไหม”

              “เดี๋ยวไปกับเฟรม” ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเห็นเฟรมยืนรออยู่ก่อนแล้ว แต่สภาพไอ้เฟรมดูไม่ไหวแล้วนะ เอามันไปด้วยนี้ดีแล้วเหรอ

               “ได้ๆ โทรไปรับด้วยนะ” เธอทำมือเป็นท่าโอเคส่งมาให้ ถึงกลุ่มเทียนจะดูซ่าๆเฮ้วๆ แต่เธอก็ดูแลตัวเองดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยครับ ผมแน่ใจว่าเบียร์ในมือเธอยังคงเป็นเบียร์กระป๋องแรกที่เธอกินอยู่ หลังจากบอกผมเสร็จเธอก็แทรกตัวกลับไปหาเพื่อน และเดินแยกออกไป

              ทั้งๆที่เทียนอยู่ใกล้เราแค่นั้น ทำไมเมื่อกี้ผมถึงได้กล้าคว้าเอวเคียวมากอดนะ

              เพราะแอลกอฮอล์ในเลือดแน่ๆ

              ผมสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไปและหันกลับมาที่เคียวอีกครั้ง มันยังคงกระโดดร้องเพลงไปมาตามประสามันนั้นแหละ ก่อนที่สายตาผมจะเลื่อนไปเห็นคนคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเคียวนัก ทั้งสองคนกำลังกอดจูบกันแบบดูดดื่ม แต่ผมคงจะไม่สนใจเลย ถ้าทั้งคู่ไม่ใช่ผู้ชายด้วยกัน

              โอเค ผมรู้ว่าโลกมันเปิดกว้างแล้วแหละ แต่ไม่คิดว่าจะกว้างขนาดนี้

              กว้างขนาดที่ผู้ชายจูบกับผู้ชายเยอะพอๆกับผู้ชายจูบกับผู้หญิงเลยเนี่ย

              “ขอโทษนะคะ” ผมหันกลับมาเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดผม เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดี แถมยังหุ่นโครตดี สายตาที่เธอมองผมตอนนี้ค่อนข้างจะเยิ้มไปสักหน่อย คงจะเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือเธอนั้นแหละ

              “มีอะไรเหรอครับ” เธอยิ้ม เมื่อเห็นผมตอบเธอ ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้และคว้าคอผมให้ลงไปหาเธอ

              “ชื่ออะไรอ่ะคะ ไปต่อด้วยกันไหม” หลังจากเธอพูดจบผมก็พยายามจะผละออกห่างแบบไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไป มันคนล่ะฟีลกับตอนที่เทียนทำ เทียนเป็นเพื่อนผม ผมก็เลยไม่รู้สึกอยากจะทิ้งระยะห่างอะไรมากนัก แต่กับผู้หญิงคนนี้มันทำให้ผมอึดอัดเลยล่ะ

              “ไม่ดีกว่าครับ ขอโทษนะ” ผมเลือกที่จะตะโกนตอบเธอกลับไปแทนที่จะพูดข้างหูแบบที่เธอทำ เธอยู่ปากใส่ผม และดึงผมเข้าไปใกล้อีกครั้ง

              “เราชื่อน้ำนะ โสด” ผมยิ้มเจื่อนๆตอบกลับไป จริงๆแล้วเธอก็สวยนะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก หุ่นก็ดี แต่ก็อย่างว่านั้นแหละ ผมไปต่อกับเธอไม่ได้ ครั้งนี้ผมเลือกที่จะพูดใส่หูเธอแทนที่จะตะโกนตอบแบบครั้งแรก

              “เรามีแฟนแล้ว” เธอตอบกลับมาว่า โหยยย พร้อมกับแสดงท่าทางเสียดายอย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยๆเธอก็ยอมปล่อยคอผมแต่โดยดี

              “เลิกกันแล้วบอกนะ” เธอพูดแบบติดตลก ผมเลยแค่แกล้งพยักหน้ารับเท่านั้น ก่อนที่น้ำจะหันหลังกลับไปเธอก็ควักมือเรียก ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร ผมเลยย่อตัวลงไปหาเธอ และเธอก็หอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ๆ ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มอย่างเหวอๆ น้ำหัวเราะคิกคักกับท่าทางนั้นของผม และเธอก็ผละออกไป

              คุณผู้หญิงจะไปเที่ยวที่คนเยอะๆเนี่ย อย่าดื่มแอลกอฮอล์เลยจะดีกว่านะครับ

              “ใครวะ” ผมหันกลับมาพอดีกับที่เคียวเดินมาเข้ามาหา

              “ไม่รู้ดิ” ไม่รู้จริงๆนี้ครับ

              “มาจีบเหรอ?”

              “งั้นมั้ง” เคียวขมวดคิ้ว มันเหมือนไม่พอใจกับคำตอบของผมเท่าไร

              “ใช่ก็บอกว่าใช่ จะงั้นมั้งทำไม เห็นๆอยู่ว่าเขาหอมแก้มมึงอ่ะ” ผมชะงักไปทันที

              “หึงก็บอกว่าหึง ไม่ได้ถามว่ามาจีบเหรอ” เคียวยิ่งขมวดคิ้วยุ่งเข้าไปใหญ่

              “กวนตีน” และมันก็ตอบกลับมาแค่นั้น ผมขำ แต่เหมือนการที่ผมขำก็ดูจะไม่พอใจมันอีก อะไรวะเนี่ย ผมยอมให้มันดราม่าดีกว่ามันหงุดหงิดกับทุกอย่างที่ผมทำอีก เพราะตอนนี้เคียวขมวดคิ้วยุ่งและพ่นลมหายใจยาวๆออกมาใส่ผม

              “มึงแม่ง...” เพราะผมเอาแต่เลิกคิ้วใส่มันอย่างงงๆมันก็เลยหันหน้าหนีเตรียมกลับไปแดนซ์เหมือนเดิม โชคดีที่สัญชาตญาณในตัวผมยังทำงานได้ดีอยู่ ผมเลยคว้าแขนมันเอาไว้ทันและดึงให้มันเข้ามาใกล้

              “เขามาจีบนั้นแหละ แต่ไม่มีอะไร กูปฏิเสธเขาไปแล้ว” ผมก้มลงไปบอกมัน แต่หัวคิ้วของเคียวก็ยังไม่คลายลง จนผมต้องขยับไปจ้องหน้ามันใกล้ๆ แบบที่อีกนิดหนึ่งปลายจมูกเราก็ชนกันแล้ว

              “หงุดหงิดอะไร”

              “หงุดหงิดมึงนั้นแหละ”

              “หงุดหงิดกูทำไม กูบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรเลย จริงๆ” ผมย้ำคำว่าจริงๆเข้าไปอีกเมื่อเห็นว่าเคียวยังไม่มีท่าทีจะคล้อยตามง่ายๆ

              “กูรู้แล้ว แต่กูหงุดหงิดอ่ะ” เอาแต่ใจจังวะ ถึงมันจะเป็นคำตอบที่โครตเอาแต่ใจแต่ในความคิดผมมันเหมือนคำตอบของเด็กที่เถียงไม่ชนะ แต่ก็อยากเถียงให้ชนะยังไงอย่างนั้น

              เอ็นดู

              “เออๆ จะหงุดหงิดก็แล้วแต่เลย กูยอมล่ะ” พอผมพูดว่ายอมหัวคิ้วย่นๆนั้นถึงได้คลายออกนิดหน่อย ผมบอกแล้วว่าเหมือนเด็ก

              “กูหายหงุดหงิดก็ได้” เออพอจะง่ายก็ง่ายเลยแหะ ผมยิ้มให้มันแต่ก็ยังคงไม่ผละออกห่างอยู่ดี ถ้าเคียวมันไม่บ่น ผมก็ไม่อยากจะผละไปไหนเลยจริงๆนะ อยู่ๆเคียวมันก็เลื่อนมือมาประคองกรอบหน้าผมไว้

              “ซี” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่มันก็ไม่พูดอะไรออกมาสักที

              “ว่าไง” จนผมต้องถามซ้ำเนี่ย

              “จูบกันเหอะ” ผมคงจะไม่คิดอะไรแล้วคว้ามันมาจูบทันทีถ้าเราอยู่กันสองคน แต่ในที่สาธารณะแบบนี้ ผมก็ไม่อยากทำเลยแหะ แม้คนจะจูบกันเยอะแยะก็เถอะ

              “อย่าเลย”

              “ทำไมอ่ะ” หัวคิ้วม่นๆนั้นเริ่มย่นเข้าหากันอีกครั้ง

              “คนเยอะ”  ผมตอบมันกลับไปตรงๆ คราวนี้ไอ้เคียวมันพ่นลมหายใจใส่หน้าผมและดันตัวออกทันที

              “อายที่จะจูบกับกูเหรอ”

              “เปล่า แต่มึงนั้นแหละจะอาย ถ้านึกขึ้นมาได้ว่าขอกูจูบตรงนี้เนี่ย” ถึงเคียวมันยังพอจะมีสตินึกคิด แต่ก็เลือนรางมากๆแล้วล่ะ

              “กูไม่อายหรอก แต่มึงอ่ะดิ ป๊อดว่ะ กลัวคนอื่นเขารู้เหรอ ว่าคบกับกูอ่ะ” ความเด็กน้อยของเคียว ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไป เสียงของพิธีกรก็เรียกความสนใจจากผมไปซะก่อน

              “เดี๋ยวเรามานับพร้อมกันนะครับ

              5

              4

              3

              2

              1

              Happy new year 2016!!!!

              ทุกคนบริเวณรอบข้างเฮขึ้นมาพร้อมกันทันที รวมถึงเคียวที่เหมือนลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้ยังงอแงอยู่เพราะมันหันไปเฮกับชาวบ้านเขาเป็นที่เรียบร้อย ผมเดินเข้าไปหามันและดึงให้มันหันมาหาผม ก่อนที่จะกดชัตเตอร์ไปหนึ่งที

             “มึงเป็นรูปแรกของกูในปีนี้เลยนะ” ผมกระซิบชิดริมฝีปากนั้นและเลื่อนตัวขึ้นไปกดจูบที่ขมับของเคียว

              “สุขสันต์วันปีใหม่นะ” ผมถอนริมฝีปากออกก่อนที่จะบอกมัน เคียวยิ้มกว้างส่งคืนมาให้ผม

              “สุขสันต์วันปีใหม่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆนะ” ประโยคทั่วไปนั้นคงจะทั่วไปมากๆถ้าแก้มป่องใสๆนั้นของเคียวจะไม่ขึ้นริ้วสีแดงๆออกมา

              “อื้ม อยู่ด้วยกันไปอีกหลายๆปีเลยนะ” จบประโยคนั้น ผมก็อดที่จะกดริมฝีปากลงไปที่กลีบปากนั้นไม่ได้

              ว่าจะไม่จูบล่ะนะ แต่เคียวพูดถูก

              มันอดใจไม่ไหวจริงๆ

              Special Part : The End

     

    A little smile,

    A word of cheer,

    A bit of love from someone near,

    A little gift from one held dear,

    Best wishes for the coming year




    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    สุขสันต์วันปีใหม่ค่าาา สวัสดีปี2559 ขอให้ทุกคนที่อ่านอยู่นี้เจอแต่สิ่งดีๆ ชีวิตดีๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ทำอะไรคิดอะไรก็ขอให้สมหวัง เป็นปีของทุกคนเลยนะ สำหรับปีหน้าก็มาปิดเรื่องนี้กันเถอะ 55555 ปีหน้าไรท์ชงด้วยเว้ย ช่วยด้วยยย ว่างๆก็ทำบุญให้ได้นะ 5555 

    Happy new year อีกครั้งนะคะ

    เลิ้บยูววว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×