คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : EP.4 (3/3)
12
D-DAY
วันวิชาการแล้วววว ปังๆปุงๆ (เสียงจุดพลุ)
ถึงสักที รู้สึกว่าใช้พลังงานไปเยอะมากกับวันสองวันที่ผ่านมา
เมื่อวานพี่ก้องเข้าไปที่บ้านด้วยครับ แล้วก็บอกว่าวันนี้จะมาถ่ายด้วย แต่ว่าจะไม่มาแบบยิ่งใหญ่มาก แค่กล้องวีดีโอตัวเล็กๆเท่านั้น ไม่มีบท ไม่มีมิชชั่น ให้พวกผมดำเนินรายการเอง ฟังมาถึงตรงนี้ผมก็ช็อคเลยครับ ดำเนินรายการเองโดนไม่มีพี่เมษเกริ่นมันง่ายที่ไหน แล้วแย่เข้าไปอีก ตอนพี่เมษบอกว่าจะไปถ่ายบูธพวกเราทีล่ะคน
ผมไม่มีบูธ
สรุปผมเลยกลายเป็นพิธีกร (สิ่งที่กลัวที่สุดมาอยู่ที่ตัวเองเฉย) ยังดีที่เป็นคู่กับไอ้เดลครับ (ไอ้นี้ก็พวกเบ๊) มันก็ยังยากมากในสายตาผมจนต้องแอบไปถามพี่เมษว่าต้องทำยังไงอะไรบ้าง ซึ่งพี่เขาก็ตอบมาว่าเอาไงเอาเลย เอาที่พวกมึงสบายใจ
สบายล่ะสิ
เอาครับ มาถึงขนาดนี้ต้องเดินหน้าแล้วล่ะ
“พร้อมถ่ายยัง” ผมยิ้มแหย่ๆให้พี่ช่างกล้องที่เอากล้องวีดีโอตัวจิ๋วมา หลังจากที่ชวนคุยเมื่อกี้ถึงได้รู้ว่าพี่เขาพึ่งปี2เองครับ ดังนั้นถ้านักศึกษาปี2จะมาอัดวีดีโอแล้วเดินไปเดินมาในงานวิชาการมันก็ดูไม่แปลกใช่ไหม สมใจพี่เมษเขาล่ะ เขาบอกว่าอยากได้แบบธรรมชาติๆ
“เอาเลยพี่” ผมหันไปกอดคอกับไอ้เดล ต้องช่วยกันรุ่งนะเว้ย อย่าดับนะ
“เออ ห้ามคำหยาบนะ เป็นพิธีกรต้องสุภาพ” ห้ามของยากซะด้วย
“เอานะ 3 2 1 แอคชั่น”
“สวัสดีคร้าบ!” นี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมกับเดลเตรียมกันมา
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนครับคุณเคียว” ส่งดีแหะ ส่งมาขนาดนี้ก็ต้องรับแล้วล่ะ
“ตอนนี้เราอยู่ที่งานวิชาการอันยิ่งใหญ่ของโรงเรียนพวกเราไงครับ” พร้อมทำท่าเป่าปาก จุดพลุ เอาครับเอา เริ่มหนุกล่ะ
“ฮ่าๆ ปัญญาอ่อนว่ะ พี่ครับเอาใหม่ได้มั้ย”
“เออนั้นดิ อันนี้คัทนะคัท”
เป็นแบบนี้อยู่3รอบก่อนที่เราจะมาอยู่ที่บูธไอ้เต้ครับ เสียเวลาไปกับการแกล้งกันเอง...
บูธไอ้เต้เป็นอะไรที่อยากทำแท้ๆ เพราะมันเปิดบูธเล่นดนตรีแล้วให้คนมาขอเพลงครับ ผมล่ะเชื่อมันเลย มึงอยากร้องเพลงมึงไปคาราโอเกะสิ ยอมใจมันจริงๆ สงสารบูธข้างๆมาก
บูธที่2ที่พวกผมแวะไปคือบูธของไอ้เซนครับ เห็นมันวุ่นๆมันก็ยังมีบูธแหะ (และผมล่ะ) บูธนี้ดูมีสาระขึ้นมาหน่อย เพราะมันเปิดบูธบริจาคหนังสือ สิ่งของต่างๆ เพื่อเอาไปบริจาคให้โรงเรียนที่ยากไร้ครับ เห็นมันพูดเมื่อกี้ว่าบูธนี้ของมันทำรวมกับชมรมจิตอาสาของโรงเรียนด้วยเลยออกมาดูดีขนาดนี้
พึ่งผ่านมา2บูธ มือผมก็เต็มไปด้วยของกินจนเราต้องหยุดกินกันก่อน ของมันน่ากินนี้ครับ จะให้ย้อนกลับมาซื้อก็ไม่รู้ว่าจะขี้เกียจเดินมาอีกรึเปล่า ผ่านก็ซื้อเลย ทั้งๆที่บอกพี่ช่างกล้องว่าพักแปปนะพี่ แต่พี่เขาก็ยังถ่ายอยู่ครับ เราก็ไม่รู้ใช่ไหมว่าคลิปที่ตัดต่อเสร็จแล้วมันจะออกมาเป็นยังไง แต่ผมทำใจเลยว่าต้องมีภาพผมกับไอ้เดลฮาๆออกมาเต็ม ทั้งที่ผมบอกให้ตัดก็คงไม่ตัดหรอกครับ ผมรู้ทันหรอก
“มึงงงง คนนั้นเด็ดป่ะ” แต่ตรงนี้ต้องตัดออกล่ะนะ เราไม่มีความจำเป็นต้องออกส่วนที่ผมกับไอ้เดลส่องสาวนะเฮ้ย
“ไหนวะ”
“นั้นอ่ะ ที่มีกัน5คน คนริมขวาเด็ดมาก” ผมพยายามมองตามไอ้เดลไป แต่ผมก็ยังไม่เห็นใครที่เด็ดของมันเลยสักคน คนเยอะขนาดนั้นเห็นได้ไงวะ
“ไหนของมึง”
“มึงแม่ง... นู่นไง” ส่วยหัวใส่ว่าเจ็บแล้วมันยังตบหัวผมอีกครับ เจ็บหนักไปอีกกก แล้วพอผมเพ่งสายตาไปตามมือของเดลและตั้งใจมองแบบสุดๆ ผมก็เจอกลุ่มที่มันบอก เห็นขนาดคนที่มันบอกว่าเด็ด
“ไปเหอะมึง” ผมโยนน้ำที่กินอยู่ใส่ถังขยะแถวนั้น ก่อนที่จะเดินออกมาเลย งานวันนี้คนเยอะมาก มากจนผมไม่คิดว่าจะเจอ หรือถ้าเจอผมก็ไม่คิดอยากจะคุยด้วย ถึงแม้ซีจะบอกว่าไม่เป็นไรคุยได้ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่อยากจะสุงสิงเท่าไรหรอก ใช่ครับ คนที่ไอ้เดลบอกก็คือเกรซนั้นแหละ
“ทำไมวะ ไม่สวยอ่อ”
“อะไรที่สวยมากๆมันมักมีคมนะมึง อย่าไปสนใจมากเลย” ผมยังไม่อยากให้เพื่อนผมโดนบาดอีกคนหรอกนะ
ไอ้ก้องไม่เชิงจัดบูธแต่ก็ต้องอยู่ที่ห้องประชาสัมพันธ์ตลอด พวกผมเลยไปถ่ายกันที่ห้องประชาสัมพันธ์ อยู่กันสักพักเราก็จะไปยังสถานที่สุดท้าย นิทรรศการภาพถ่ายของไอ้ซีนั้นเอง
“กูว่าวันนี้พวกเราทำดี” ไอ้เดลมันกระซิบแบบนั้นให้ผมตอนที่ปล่อยให้พี่ช่างกล้องเก็บภาพบรรยากาศ
“ถูก!” ไม่อวยตัวเองด้วย รู้สึกว่าดีจริงๆ หึหึ
“มาๆ” เป็นสัญญาณให้ผมกับเดลหันมามองความเรียบร้อยของกันและกันก่อนที่จะสิงเป็นพิธีกรเหมือนเดิม
“ตอนนี้เรากำลังไปที่หอประชุม เพื่อดูนิทรรศการภาพถ่ายของซีรัสนะครับ”
“ใช่ครับ ผมอนุญาตให้ทุกคนคาดหวังได้เลย เพราะผมว่ามันต้องไม่ธรรมดาถึงได้ยกกันไปจัดที่หอประชุม” และเมื่อวานผมไปมาแล้ว เจ๋งจริง
ผมกับเดลคุยอะไรกันไปเรื่อยๆจนมาถึงหอประชุม
“จัดกันตั้งแต่บันไดเลยเหรอวะ” ตกใจเหมือนกูเมื่อวานเลย แต่เมื่อวานผมตกใจไปแล้วไงตอนนี้เลยแค่ยืนควงไมค์แบบไม่รู้สึกตกใจอะไรแล้ว
“ไม่ตกใจเหรอ” ผมไม่ตกใจมันจะดูแปลกๆไปเนอะ
“ตกใจดิตกใจ ช็อคอยู่ไง” ไอ้เดลมันแค่หรี่ตาแบบโครตจับผิด มีใครเคยบอกมันไหมว่าตอนมันทำหน้าแบบนี้โครตน่ากลัว เสียวสันหลังจนต้องรีบเดินแซงมันขึ้นบันไดไปก่อน แต่หนีไม่พ้นครับ ยังไม่ทันที่ผมจะถึงประตูไอ้เดลก็เดินมากอดคอจนผมต้องชะลอความเร็วลง
“มึงมาแล้วใช่ม่ะ” แล้วมึงจำเป็นต้องทำเสียงเย็นๆแบบนั้นด้วยเหรอ
“ไอ้ก้องก็มาแล้ว” เราต้องดึงคนอื่นมาเกี่ยวด้วยครับ
“อะไรของพวกมึงเนี่ย แล้วทำไมกูพลาด”
“ไม่ต้องเสียใจไปมึง นี้มึงก็ได้ว่าแล้วไง”
“มึงไม่ต้องมาพูด! มึงทิ้งกู” อ้าวไอ้นี้ แล้วเดินงอนตูดบิดไปนู่นแล้วครับ กูผิดมากมั้ยเนี่ย
ข้อดีของการมาถ่ายที่นิทรรศการคือ เราได้ภาพไปเยอะมากครับ
พี่ช่างกล้องยิ้มแก้มแตกแล้วตอนนี้ ฮ่าๆ ดีครับ จะได้ไม่ต้องหาอะไรทำเพิ่ม
พวกเราเดินวนดูภาพรอบๆ แล้วพอถึงภาพผม ไอ้เดลก็หันมาล้อเลียนผมเต็มที่ ผมล่ะยอมเลย เรื่องแซวนี้ยกให้พวกมันจริงๆครับ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการรีบๆเดินผ่านภาพนั้นครับ ยิ่งอยู่นานยิ่งโดนแซวนาน รีบหนีจะดีสุด ผมก็คิดไว้อยู่แล้วนะว่ามันเอาภาพผมมาโชว์แบบนี้ ถ้าเพื่อนเห็นต้องโดนแซวยับแน่ๆ แต่จะให้มันเอาลงก็ทำใจไม่ได้ครับ
ภาพนั้นผมหล่อจะตาย
ถึงจะเห็นหน้าผมไม่ชัดก็ดูดีแหละ จะให้เอาลงเพราะกลัวเพื่อนล้อนี้ไม่ได้ดิ เดี๋ยวคนอื่นเขาไม่ได้เห็นความหล่อของผม
หลังจากเราเดินดูนิทรรศการกันเสร็จ ผมกับเดลก็จัดการสัมภาษณ์ไอ้ซีเล็กๆน้อยๆ ที่เล็กๆน้อยๆไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรถามนะ คนตอบมันไม่มีเวลาตอบครับ พอมันตอบพวกผมได้แปปเดียวก็มีรุ่นน้องมาตามให้ไปดูนู่นให้หน่อย ผมเลยต้องปล่อยมันไปครับ
สุดท้ายก็ว่าง ปิดจ๊อบแล้ว
“แค่นี้เหรอพี่” พอเทียบกับวันอื่นๆที่เราถ่ายรายการกันมันค่อนข้างสั้นเหมือนกันนะ ผมรอฟังคำตอบจากพี่ช่างกล้อง คิดจะถามเหมือนกัน บางทีอาจจะต้องถ่ายเพิ่มอีก
“นี้อะไรอ่ะ” ผมเลิกคิ้วใส่ซองจดหมายสีขาวที่พี่ช่างกล้องยื่นมาให้
“มีมิชชั่นด้วยเหรอ”
“ทำ2คนเนี่ยนะ” มันก็จะไม่ใช่มั้ง ไอ้เดลมันแค่พยักพเยิดให้ผมหยิบซองจดหมายนั้นมาเปิดดู จะได้รู้กันสักทีว่าเขาให้ทำอะไร
“เซอร์ไพรส์วันเกิดเซน... เฮ้ย! วันเกิดไอ้เซนเหรอ”
“เออดิ มึงเคยจำไรได้มั้งป่ะวะ” ทำไมฟังดูเศร้าๆ
“หูยยยมึง ทั้งชีวิตกูจำได้แค่วันเกิดตัวเองกับคนที่เกิดวันเดียวกับกู มึงจะเอาไรมาก” แล้วส่ายหัวปลงๆใส่กูคืออะไร
“ต้องเซอร์ที่นี้เหรอพี่” มันหันไปถามพี่ช่างกล้องครับ ซึ่งพี่เขาก็ตอบโดยการสั่นกล้องแทนการส่ายหัวไปมา
“มึงว่าเอาไงดี”
“กูว่าที่บ้านเหอะ ที่นี้คนมันเยอะอ่ะ”
“แล้วเซอร์ยังไงดีอ่ะ กูไม่เคยทำสำเร็จเลย”
“มึงพูดจริง? ขี้กากว่ะ”
“สัส มันก็ต้องมีอะไรที่ไม่ถนัดมั้งป่ะ” ถือว่าเหตุผลพอถูไถได้อยู่
“นี้เราต้องเตรียมกับพวกที่เหลือด้วยป่ะ”
“คงงั้น มิชชั่นมันส่งให้แค่เรานิ” หางานให้ผมแท้ๆเลยพี่เมษ
“โทรเอาล่ะกัน ขี้เกียจเดินล่ะ” เดินจนขาล้าหมดล่ะคร้าบบบ
“ดีๆ มึงโทรหาไอ้ซีกับเต้ เดี๋ยวกูโทรหาก้อง”
“เคๆ” เซอร์ไพรส์วันเกิดเซนก็ดีเหมือนกันนะ ผมชอบโมเม้นต์ที่มันรู้ว่าโดยเซอร์ไพรส์ มันเป็นสิ่งที่เจ้าของวันเกิดสมควรได้นะผมว่า ไฟเริ่มติดล่ะ เต็มที่เลยล่ะกันงานนี้
‘เค้กอะไรดีอ่ะพี่เคียว’
‘มึงอยากแดกอะไรก็ซื้อมาเถอะ’ อีกครั้งที่ผมส่ายหัวแบบโครตจะเหนื่อยใจกับไอ้เต้ นี้ขนาดมันอาสาไปซื้อเค้กเองยังปัญหาเยอะขนาดนี้ มันโทรหาผม2ครั้งแล้วครับ แล้วประเด็นของมันคือ ‘กลับแท็กซี่หรือBTSดีอ่ะพี่’ หรือเมื่อกี้ เรื่องซื้อเค้กอะไรดี นี้มันคิดบ้างไหมว่าโทรหาผมบ่อยๆเดี๋ยวแผนจะแตกเอา
“กลับยังมึง?”
“ไปดิ” แน่นอนว่าหน้าที่ของผมมันต้องยากกว่านั้น เพราะผมเป็นคนที่ต้องอยู่กับไอ้เซนครับ เรื่องแสดงละครนี้ผมเก่งนักล่ะ
วางแผนกันผ่านโทรศัพท์แล้วเริ่มเลยครับ
“เออเซนกูจะแวะไปซื้อของที่สยามหน่อยนะ มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยล่ะกัน” มันแค่พยักหน้างึกๆ แปลว่าแม่งไม่ได้เอะใจอะไรเลย ผมเนียนไง (หรือมันซื่อเกิน) เหตุผลที่ผมต้องไปสยามนี้เพื่อถ่วงเวลาล้วนๆครับ หลังจากสั่งให้พวกมันอย่าเข้าใกล้สยาม ฮ่าๆ
ไอ้ก้องกลับไปจัดบ้าน ไอ้เดลกับไอ้ซีไปซื้อพวกของตกแต่งกับของขวัญ ส่วนไอ้เต้อาสาไปซื้อเค้ก ส่วนผมก็ถ่วงเวลา ผมกับเดลใช้เวลาคิดสคริปต์อย่างรวดเร็วและเริ่มแผนการเลย มืออาชีพกันมากมั้ยเนี่ย เอาเถอะครับ ผมรู้แค่ยังไงมันต้องสำเร็จ
18:00
6โมงเป๊ะ ผมหันไปมองไอ้เซนที่นั่งอยู่ข้างๆมือก็พิมพ์ไลน์ตอบกับพวกที่เหลือไปด้วย ดูเหมือนที่บ้านจะพร้อมล่ะ นี้แท็กซี่ก็ใกล้ถึงแล้วด้วย ผมต้องเริ่มเล่นตามบทแล้วสินะ
“เซน”
“ว่า”
“มึงว่าช่วงนี้ไอ้ก้องกับไอ้ซีมันมึนๆกันป่ะวะ”
“ทำไมมึงคิดงั้นอ่ะ กูว่าก็ไม่นะ ปกติดี”
“เฮ้อ แสดงว่ามึงไม่รู้?”
“ไม่รู้เรื่องอะไร?” แท็กซี่จอดพอดี แสดงว่าผมกะจังหวะถูก ว่าแล้วก็เดินหล่อๆลงจากแท็กซี่และปล่อยให้ไอ้เซนจ่ายตังไป
“ไอ้เคียว ไม่รู้เรื่องอะไร”
“เอาเป็นว่ามึงช่วยดูหน่อยล่ะกัน กูว่าไอ้ก้องกับไอ้ซีมันทะเลาะกันอยู่ว่ะ”
“มึงคิดมากไปเปล่า?”
ผลั่ก!
“พี่ซีใจเย็นๆดิ!” เสียงโวกเวกโวยวายของไอ้เต้พร้อมกับเสียงอะไรสักอย่างตกลงพื้นทำให้ผมรู้ว่าพวกมันรับรู้สัญญาณแอคชั่นของผมที่ส่งไลน์ไปเมื่อกี้แล้ว
ยังไม่ทันหันไปบิ้วไอ้เซน มันก็วิ่งไปนู่นล่ะครับ ผมต้องรีบตามไปสินะ เดี๋ยวไม่ทันฉากเด็ด
“ไอ้เหี้ย พวกมึงเป็นอะไรกันเนี่ย” ผมมองสภาพบ้านที่ตอนนี้โครตเละและไอ้ซีกับไอ้ก้องที่กำลังต่อยกันอยู่ โอ้โหพวกมึงเล่นใหญ่ไปป่ะเนี่ย ตอนเก็บต้องเก็บเองนะ
“มีเรื่องอะไรกันวะ!” ผมพยายามจะดึงตัวเองเข้าสู่สถานการณ์ให้เร็วที่สุดเลยตะโกนสู้เสียงออกไป
“พี่ซีกับพี่ก้องอ่ะดิพี่ อยู่ๆก็ต่อยกันอ่ะ” ไอ้เต้แสดงเหมือนเว้ย ผมสาบานว่าเห็นจมูกมันเริ่มแดงๆล่ะ
“พวกมึงบ้าป่ะเนี่ย!” นี้เสียงไอ้เซนเองครับ มันโยนของทุกอย่างและรีบวิ่งเข้าไปแยกมัน2คน คือกูก็เข้าใจไงว่ามึงรีบ แต่มึงทิ้งแบบนี้ได้ไง ของทุกอย่างมันต้องกินต้องใช้นะเว้ยยย
แต่ผมก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่พุ่งตัวไปเก็บของ เพียงแค่วางข้าวของไว้บนโซฟาและปั้นหน้าเครียดเดินไปทางพวกมัน
“พอแล้วมึง” จับแยกง่ายไปนะเดี๋ยวต้องติหน่อย ตอนนี้ไอ้เดลกำลังจับตัวไอ้ซีไว้ ส่วนผมก็จับตัวไอ้ก้องไว้ครับ
“มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆวะ” ผมกับเดลมีหน้าที่จับมัน2คนไว้เลยกลายเป็นว่าหน้าที่ไกล่เกลี่ยกลายเป็นของไอ้เซน ซึ่งตามแผนเป๊ะ
“พูดดีด้วยไม่ได้หรอก ไอ้เวรเนี่ย!!” อารมณ์มาเต็ม นี้อนาคตเป็นนักแสดงได้เลยนะครับก้อง
“เฮ้ย!! ใจเย็นๆ พูดกันดีๆเป็นป่ะ” ดูเหมือนไอ้เซนจะเริ่มขึ้นแล้วครับ
“อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้วอ่ะ อยู่ๆมาทะเลาะเหี้ยไรกันเนี่ย”
“มึงก็ถามไอ้เหี้ยนั้นดูดิ ว่าอะไรกับกูนักหนา” หูยยย ซีเวอร์ชั่นดาร์กว่ะ
“กูถามแน่ ถ้าพวกมึงใจเย็นๆ” กดดันให้ไอ้เซนโกรธมันยากกว่าที่คิดแหะ ผมเลยแกล้งปลดแขนไอ้ก้องออก แล้วมันก็รู้งานเลยดึงแขนออกและพุ่งตัวจะไปต่อยไอ้ซีต่อ ถึงมันจะดึงแขนออกแรงอยู่แต่ก็ไม่แรงขนาดที่ผลักผมไปชนโต๊ะแถวนั้นได้หรอกครับ ผมต้องใช่แรงเขวี้ยงตัวเองช่วยด้วย
“โอ้ย!!” ต้องร้องเสียงดังๆเดี๋ยวไม่มีใครสนใจ
“เฮ้ยเคียวเป็นไรป่าว” เสียงร้องที่ผมเพิ่มความดังเป็น3เท่าทำให้ไอ้เซนรีบเดินมาดูผมแทน ไอ้ก้องกับไอ้ซีก็ชะงักการต่อยกันไปด้วย
“เจ็บมากป่าว” ทำไมผมต้องลงทุนขนาดนี้ ตอนแรกกะแค่ล้มไปแถวๆโต๊ะแต่พลาดไปหน่อยทำให้ขอบโต๊ะชนเข้านี้ครับ หัว...หัวโน โอ้ยลงทุนไปอีกดิ
“ไม่เป็นไรๆ” ดีนะที่ผมไม่ได้ออกแรงมากหัวมันเลยแค่โน ถ้าแตกนี้งานใหญ่เลย
“นี้มันเรื่องอะไรวะเนี่ย พวกมึงสำนึกบ้างป่ะ เพราะมึง2คนงี่เง่าอ่ะเพื่อนเลยเจ็บ” ขอบคุณเดล เพราะมองจากมุมนี้ดูไอ้ก้องกับไอ้ซีจะช็อคมาก ไอ้ก้องนี้หน้าซีดเผือกเลยคงคิดว่าเพราะมันผมถึงเจ็บ เปล่าเลยครับ ผมโง่เองแหละ ฮืออออ
“ถ้ามันปัญหามากนักก็แยกกันอยู่ไปเลยป่ะ เลิกถ่ายไปเลยไอ้รายการบ้าเนี่ย!” ไอ้เดลยังคงใส่ไฟเข้าไปอีกครับ
“ถ้าพวกมึงไม่ไปอ่ะ กูไปเองก็ได้ กูไม่อยู่แล้ว!” พูดจบมันก็เตะโซฟาไปหนึ่งที เอาสิๆออสก้าต้องมาล่ะ
“เดลมึงใจเย็นก่อน” ผมสงสารไอ้เซนทันไหม
เพราะผมเจ็บไอ้ก้องกับไอ้ซีเลยสงบศึกกันชั่วคราว (จริงๆไม่มีศึกอะไรทั้งนั้น) ไอ้ซีแยกไปเอาเครื่องปฐมพยาบาลให้ผม ส่วนไอ้ก้องก็นั่งหน้านิ่ง นิ่งแบบผิดปกติอ่ะครับ ถ้าเป็นก้องปกติมันจะไม่ทำหน้านิ่งแบบนี้หรอก
“ฮืออออออ” อันนี้พีคสุด พวกผมทุกคนหันขวับไปมองทันที ไอ้เต้ร้องไห้ครับ! ไอ้เต้มึงจะร้องทำไมมมมมม ลำบากผมที่นั่งเจ็บอยู่แถวๆนั้นต้องเดินไปปลอบมันอีกครับ ไอ้ขี้แงงงง อุตสาห์นั่งเงียบๆแล้วนะเนี่ย
“มึงจะร้องทำไมเนี่ย” อดที่จะกระซิบถามมันไม่ได้จริงๆครับ
“ฮึกๆ ผมอินอ่ะพี่” โถ่ววววว กูโกรธไม่ลงเลยเนี่ย ฮ่าๆ แต่ก็ถือว่าดีนะ ไอ้เต้ร้องไห้ไอ้เซนเลยรีบเดินมาดูน้องครับ ไอ้นี้มันรักน้องจะตาย ทีนี้ผมเลยเนียนเขยิบตัวออกมาได้นิดหน่อย ก่อนที่จะหันไปส่งซิกกับไอ้เดล แล้วมันก็พยักหน้างึกงัก โอเคแล้วสินะ
พรึ่บ
ไฟดับครับ ผมนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่แปปนึง รอจนเสียงร้องเพลงดังขึ้น “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยูวว” ผมถึงได้เปิดตามาร่วมแหกปากร้องเพลงกับพวกมัน
“เนียนมากมั้ง!” แล้วไอ้คนโดนหลอกก็โวยวายออกมาครับ พวกผมพยายามกลั้นขำเพื่อร้องเพลงให้จบ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู...ยู” ตอนนี้ไอ้คนที่หน้าเครียดตั้งแต่ถึงบ้านเมื่อกี้ยิ้มแฉ่งเลยครับ
“เดี๋ยวๆมึงอธิษฐานก่อนเลย”
ภายใต้แสงเทียนสีส้มๆตอนนี้มันทำให้ผมเห็นอะไรหลายอย่างเลยล่ะ ไอ้ซีที่ยกเค้กให้ไอ้ก้องถือแทนและตัวมันก็รีบไปหยิบกล้องมาถ่าย เวลาแบบนี้มันก็ยังคงเป็นผู้บันทึกภาพเหตุการณ์อยู่ ไอ้เดลที่ผมต้องยอมรับว่าพอมันยิ้มกว้างขนาดนี้ความเจ้าเล่ห์ในตัวมันก็ลดลงไปเยอะเลย ดูเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ไว้ใจได้ ไอ้ก้องที่แฮปปี้กับการพยายามป้ายเค้กกินก่อน ไอ้เต้ ไอ้เด็กขี้แง จมูกแดง ตาแดง แต่ปากยังยิ้มกว้างได้อยู่ มองแล้วขัดๆกันแหะ ฮ่าๆ ส่วนคนสุดท้าย เจ้าของวันเกิดที่หลับตาอธิษฐานอยู่นี้ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในการเซอร์ไพรส์วันเกิดคือไม่ว่าคุณจะโดนเพื่อนแกล้งร้ายแรงขนาดไหน คุณก็ยังมีความสุขและพร้อมให้อภัยเมื่อรู้เหตุผล ผมว่าเซนตอนนี้ก็เหมือนกัน ดูได้จากรอยยิ้มที่ยังไม่จางหายไป และเมื่อมันลืมตาขึ้นมา ผมก็รู้ว่าผมคิดไม่ผิด
เพราะน้ำตาคลอๆนั้นแหละ เป็นตัวบอกผม
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่6ที่ผ่านมาวันเกิดไรท์เอง ป้ามๆ B-DAYของจริง ว่าแล้วเลยแต่งในเซนเกิดใกล้ๆกันสักหน่อย คนเกิดเดือนนี้มักจะหน้าตาดีนะ ฮาาาาา ไหนๆก็พึ่งผ่านวันเกิดไรท์ไปขอของขวัญเป็นคอมเม้นต์ร้อนๆพร้อมเสิร์ฟล่ะกันเนอะ 555 ไว้เจอกันค่าาาาา
ความคิดเห็น