Martial
World ตอนที่ 309 บุตรแห่งเพลิง
“ถ้าหาก...
อันใดหรือ?” หลินหมิงถามอย่างงงงวย
“อืม…
ไม่มีอะไร ลืมมันไปซะ” มู่เฉวี่ยนหยี่กล่าวอย่างร้อนรนพร้อมทั้งส่ายศีรษะ
“เริ่มกันเถอะ”
มู่เฉวี่ยนหยี่พยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
แต่หลินหมิงสังเกตเห็นแก้มของนางกลายเป็นสีชมพู ทำให้เขาประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม
ดูเหมือนมู่เฉวี่ยนหยี่จะไม่เต็มใจที่จะกล่าวตรงคำว่า ‘ถ้าหาก’ มันจะดีที่สุด
หากเขาไม่ถามอันใดไปมากกว่านี้
“นี่คือแผ่นหยกที่บันทึกขั้นแรกของ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ ก่อนอื่น ลองดูวิธีการบ่มเพาะ
จากนั้นข้าจะช่วยเจ้าฝึก และค่อยให้เจ้าฝึกคนเดียว”
มู่เฉวี่ยนหยี่เอาแผ่นหยกสีเพลิงออกมาจากแหวนมิติ
การสร้างวิธีการบ่มเพาะลงไปในแผนหยกนั้นยากยิ่งนัก อย่างแรก
ต้องประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะอย่างสูง จึงจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ความจริงแล้วที่มู่เฉวี่ยนหยี่สามารถพกแผ่นหยก
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’
ที่สำคัญนี่ไปไหนมาไหนได้ก็เพราะสถานะของนางเป็นถึงนักบุญหญิงนั่นเอง
หลินหมิงรับแผ่นหยกมาและโคจรพลังวิญญาณลงไป
ทันใดนั้น หัวใจเขาก็สั่นสะท้าน นี่เป็นเคล็ดวิชาเก่าแก่ที่รวมเคล็ดบ่มเพาะและทักษะต่อสู้เข้าด้วยกัน
แต่ทักษะลับอย่างแรกที่ทำให้หลินหมิงยินดีอย่างมากก็คือ
วิชาการควบคุมเพลิงนั่นเอง!
เมล็ดพันธุ์เทพทรราชนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
และมันสามารถดูดซับพลังเพลิงได้
และยังสามารถเติบโตขึ้นเรื่อยๆโดยการดูดซับปราณอัคคีอื่นๆ อย่างไรก็ตาม
วิธีการจัดการกับพลังเพลิงนั้นเป็นสิ่งที่หลินหมิงต้องพยายามค้นหาด้วยตัวเอง
ถึงแม้หลินหมิงจะมีศักยภาพที่ท้าทายสวรรค์
มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเรียนรู้วิธีการจัดการเพลิงด้วยตัวเอง
แต่หากมีแรงบันดาลใจอย่างที่เขาเคยได้รับจากลูกปัดสายฟ้าเพลิงปีศาจ
หลินหมิงก็จะสามารถสร้างวิชาของตนขึ้นมาได้ นั่นก็คือ
พลิงสายฟ้าแห่งการทำลายล้างนั่นเอง แต่ทว่า
วิธีการควบคุมเพลิงที่เขามีนั้นเป็นแบบผิวเผินและพื้นฐานที่สุดเท่านั้น
ซึ่งเขามักจะใช้เปลวเพลิงเผาศัตรูโดยตรง
แต่แผ่นหยกนี้ได้บันทึกวิธีการควบคุมเพลิงในระดับสูงไว้
อย่างเช่น
วิธีการสร้างโล่เพลิง เกราะเพลิง เชือกเพลิง การบีบอัดพลังเพลิง
และเทคนิคอื่นๆอีกมากมาย นอกเหนือจากการควบคุมเพลิงโดยตรงแล้ว ยังมีวิธีพิเศษ
เช่นการใช้เพลิงกับสมบัติเพื่อทำให้สมบัติมีพลังเพิ่มขึ้น
และทักษะลับอื่นๆอีกมากมายที่หลินหมิงก็สนใจเช่นกัน
เพียงแค่ส่วนของวิธีการควบคุมเพลิง
ก็ทำให้หัวใจของหลินหมิงสั่นสะท้านแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึง
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ เลย
ในขณะที่หลินหมิงจดจ่ออยู่กับการศึกษาจากแผนหยก
มู่เฉวี่ยนหยี่ก็นั่งเข้าญาณฝึกฝนอยู่ข้างๆหลินหมิง นางในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาด
หากผู้ใดต้องการที่จะบ่มเพาะ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ หรือ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติเงามายาวิหควารี’ ให้ถึงระดับสูงสุด
ผู้นั้นจะต้องมั่งคั่งอย่างมากและมีสายเลือดวิหคเพลิงหรือสายเลือดวิหควารีที่บริสุทธิ์อย่างมาก
แต่เกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์มีวิถีการถ่ายโอนสายเลือด
ความจริงแล้วเป็นเพียงการนำสายเลือดมาจากวิหคเพลิงหรือวิหควารี
และใช้วิชาลับใส่มันเข้าไปในร่างของคนผู้นั้น นอกจากนี้
หากสายเลือดวิหคเพลิงหรือวิหควารีที่เจือจางและอ่อนแอ ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้บริสุทธิ์ได้
แต่มันก็มีข้อยกเว้น…
การมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนจากเกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีสายเลือดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์ที่สุด
และรับแก่นแท้พลังหยินของพวกนางมา ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็จะสามารถบ่มเพาะ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ หรือ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติเงามายาวิหควารี’ ได้จนถึงระดับสูงสุด
แต่ที่เรียกว่า
‘พวกนาง’
ที่มีสายเลือดวิหคเพลิงหรือสายเลือดวิหควารีบริสุทธิ์มากก็คือนักบุญหญิงแห่งเกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์
กล่าวอีกอย่างก็คือ มันก็คือมู่เฉวี่ยนหยี่และน้องสาวของนาง มู่ปิงอวิ้น นั่นเอง
สิ่งนี่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
เกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความลับนี้เอาไว้
เพราะหากความลับรั่วไหลออกไป ก็เท่ากับรอหายนะเกิดขึ้นกับพวกเขาเท่านั้น
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วเคยมีชายเผ่าปีศาจที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุจำเพาะอัคคี
เขาจับนักบุญหญิงแห่งเกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์ไป
และได้กระทำชำเราและได้ครอบครองแก่นพลังหยินของนาง เขาจึงสามารถฝึก
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ เพราะเหตุนี้
หายนะจึงมาเยือนเกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์
นี่ก็คือ
‘ถ้าหาก’ ที่มู่เฉวี่ยนหยี่ไม่อาจกล่าวออกมาได้
เมื่อเป็นเช่นนี้
ทั้งสองจึงฝึกการบ่มเพาะที่แสนน่าเบื่อต่อไป หลินหมิงหมกมุ่นอยู่กับ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’
ในขณะที่มู่เฉวี่ยนหยี่ก็เข้าญาณอย่างเงียบๆและดูดซับพลังเพลิงต้นกำเนิดต่อไป
มู่เฉวี่ยนหยี่คาดว่าด้วยความเร็วในการเรียนรู้ราวกับสัตว์ประหลาดของหลินหมิงแล้ว
เขาอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงในการจดจำและทำความเข้าใจส่วนเล็กๆของ
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’
แต่น่าเสียดายที่หลินหมิงมีข้อกำจัดที่ความสามารถในการผสานธาตุจำเพาะอัคคี
ซึ่งไม่ว่าเขาจะมีความเข้าใจสูงเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
‘ช่างน่าเสียดายยิ่ง…
ข้าหวังว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อ ‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’
หรอกนะ มันคงจะดีหาก…’ มู่เฉวี่ยนหยี่หวังว่าหลินหมิงจะสามารถฝึก
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ ได้ในระดับสูงสุด
หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะกลายเป็นศิษย์ของเกาะฟีนิกซ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้า...
เมื่อคิดถึงเช่นนี้
มู่เฉวี่ยนหยี่ก็แก้มแดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้นางจะเคยมีประสบการณ์แปลกๆและไม่ชัดเจนบางอย่างกับหลินหมิงมาบ้าง
แต่นางก็ไม่เคยคิดกับหลินหมิงอย่างนั้นเลย เพราะในสายตาของนางแล้ว
หลินหมิงยังเด็กเกินไป
มู่เฉวี่ยนหยี่อายุ
27 ปีแล้ว และหลินหมิงอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
สำหรับเหล่าผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะขั้นหลอมรวมแก่นแท้นั้น อายุห่างกัน 11 ปีก็ไม่มีความหมายอันใด แต่สำหรับมู่เฉวี่ยนหยี่แล้ว
หลินหมิงในตอนนี้เป็นเพียงแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ไม่เพียงแค่นั้น
แต่มู่เฉวี่ยนหยี่ไม่เคยคิดว่านางจะมีความสัมพันธ์แฉกเช่นชายหญิงกับผู้ใด
นอกจากนี้การรักษาพรหมจารีและแก่นแท้พลังหยินเอาไว้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของนางอย่างมาก
บางทีอาจเป็นเพราะว่าห้องนี้ร้อนเกินไป
หรือไม่นางก็นั่งนานเกินไป เพราะตอนนี้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
นางจึงไปอาบน้ำ มู่เฉวี่ยนหยี่เป็นหญิงสาวที่รักความสะอาด
การอาบน้ำทุกวันจึงกลายเป็นกิจวัตรประจําวันของนางแล้ว
นางชำเลืองมองไปยังหลินหมิง
เขาหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาจากแผนหยกอย่างสิ้นเชิง
เช่นนั้นมู่เฉวี่ยนหยี่จึงจากไปอย่างเงียบๆ...
………………
“นักสู้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้โดยตรง…
พวกเขาจำต้องรวบรวมพลังเพลิงต้นกำเนิดให้สามารถควบคุมเพลิงโดยใช้ปราณแท้ของตน
และควบคุมเพลิงผ่านพลังทั้งสองนี้...”
ในขณะที่หลินหมิงกำลังคิด
เขาก็ได้ผสานมือทั้งสองเข้าด้วยกันและแบมือออกช้าๆและปรากฏงูเพลิงขนาดเล็กขึ้นบนฝ่ามือของเขา
ในขณะที่เขาได้โคจรปราณแท้ตามคำอธิบายที่บันทึกไว้ใน
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ งูเพลิงที่ปรากฏบนฝ่ามือของหลินหมิงก็เริ่มมีขนาดสมส่วนขึ้น
ยาวขึ้น หนาแน่นมากขึ้น จนในที่สุดมันก็เหมือนกับงูที่มีชีวิตจริงๆเลยทีเดียว
ภายใต้อำนาจของเมล็ดพันธุ์เทพทรราชคลั่ง
เป็นธรรมดาที่พลังเพลิงต้นกำเนิดอันดุร้ายจะกลายเป็นว่าง่าย
หลินหมิงสามารถนวดและย้ายมันไปรอบๆได้ราวกับลูกบอลแป้ง
“อีกแค่นิดเดียว...”
หลินหมิงยังคงโคจรปราณแท้ภายในร่างต่อไป
ในที่สุด งูเพลิง 2 ตัวก็ปรากฏออกมาบนฝ่ามือของเขา
และกลายเป็นโซ่เพลิงสีแดงเชื่อมต่อกัน
ต่อมาไม่นาน
มันก็เชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา และโซ่ดูมั่นคงเป็นอย่างมาก มองดูแล้วแทบจะแยกโซ่เหล็กร้อนและโซ่เพลิงของเขาไม่ออกเลยทีเดียว!
“ข้าทำได้!”
หลินหมิงนั้นดีใจอย่างมาก
เขาได้ดึงหอกอ่อนปราณคลั่งออกมาจากแหวนมิติ และควบคุมให้โซ่เพลิงพันไปทั่วหอก
ทันใดนั้น หอกอ่อนปราณคลั่งก็กลายเป็นหอกโซ่เพลิง!
“พุ่งออกไปเลย!”
หลินหมิงใช้พลังของเขาขว้างหอกอ่อนปราณคลั่งหนัก
1200 จิ่นออกไป หอกพุ่งออกไปดั่งลูกศรและโซ่เพลิงก็รัดแน่นขึ้นทันที
ปัง!
เมื่อหอกอ่อนปราณคลั่งปะทะเข้ากับรูปแบบค่ายกลป้องกันของกำแพงคฤหาสน์ถ้ำที่
จนเกิดเสียงดังปังและมีประกายแสงปรากฏออกมา
รูปแบบค่ายกลที่บรรพบุรุษจื่อเยี่ยนได้วางไว้ที่คฤหาสน์ไม่ใช่สิ่งที่หลินหมิงจะสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างแน่นอน
ในตอนนั้นเอง
มู่เฉวี่ยนหยี่ที่อาบน้ำเสร็จได้กลับมาที่ห้อง ในขณะที่ก้าวเข้ามา
นางเห็นกับตาของตัวเองว่าโซ่เพลิงบนหอกของหลินหมิงนั้นแทบจะไม่ต่างจากโซ่จริงเลย
มู่เฉวี่ยนหยี่จึงตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง
หากนางไม่ได้รู้สึกถึงพลังเพลิงต้นกำเนิดมหาศาลที่แผ่ออกมาจากโซ่เพลิงนี้
นางคงจะนึกว่านี้เป็นโซ่ของจริงไปแล้ว
“เจ้า…
เจ้าเรียนรู้การสร้างโซ่เพลิงได้แล้วเช่นนั้นหรือ?”
มู่เฉวี่ยนหยี่รู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อได้ยิ่งนัก
การสร้างโซ่เพลิงนั้นยากเย็นยิ่งกว่าการสร้างโล่เพลิงหรือเกราะเพลิงเสียอีก
แม้แต่มู่เฉวี่ยนหยี่เองก็ต้องใช้เวลาทั้งวันในการเรียนรู้มัน
แต่หลินหมิงกลับทำมันได้เพียงแค่ชั่วเวลาที่นางอาบน้ำเสร็จอย่างนั้นหรือ?
เหตุใดจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้!?!?
ความสามารถในการผสานกับพลังเพลิงต้นกำเนิดของหลินหมิงด้อยกว่านางมิใช่หรือ!
“อืม...”
หลินหมิงพยักหน้า เมื่อเห็นท่าทางตกใจของมู่เฉวี่ยนหยี่เช่นนี้
เขาจึงคิดว่าเขาอาจจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและน่าทึ่ง แต่เขาก็ทำเช่นนี้บ่อยพอสมควร
ฉะนั้นเขาจึงไม่คิดว่ามันสำคัญอะไรหากเขาทำมันอีกสักหน่อย
ความจริงแล้ว
โซ่เพลิงเป็นประกาศิตแห่งปราณแท้
คล้ายกับประกาศิตแห่งสายฟ้าที่พลังงานบีบอัดจนเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา
หลินหมิงรู้ว่าเขาสามารถควบคุมพลังเพลิงต้นกำเนิดได้อย่างง่ายดายโดยเมล็ดพันธุ์เทพทรราชคลั่ง
เมล็ดพันธุ์เทพทรราชคลั่งนี้สามารถที่จะสะกดข่มจิตวิญญาณสายฟ้าระดับปฐพีของมังกรวารีสีม่วงสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้
เช่นนั้นแล้วการควบคุมเพลิงต้นกำเนิดระดับนี้จึงเป็นเพียงเรื่องตลกสำหรับเขาเท่านั้น
มู่เฉวี่ยนหยี่ถึงกับพูดไม่ออก
นางได้ตรวจสอบระดับความสามารถในการผสานกับพลังต้นกำเนิดของหลินหมิงด้วยตนเอง
นางคิดว่าหลินหมิงจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายในการฝึก
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’
นางไม่เคยคิดเลยว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
หลินหมิงก็จะสามารถใช้โซ่เพลิงได้แล้ว...
สวรรค์!
สัตว์ประหลาดอะไรกันนี่!
ความเร็วในการเรียนรู้ที่ผิดปกตินี้คงไม่อาจใช้สามัญสำนึกทั่วไปตัดสินได้
มู่เฉวี่ยนหยี่สามารถระบุได้เพียงว่าความสามารถในการควบคุมเพลิงของหลินหมิงนั้น
เป็นเพราะการรับรู้ที่น่าสะพรึงกลัวของเขาเท่านั้น นอกจากนั้น
เทคนิคการควบคุมเพลิงยังเป็นทักษะอย่างหนึ่ง และมันก็ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของแต่ละคนว่าจะเข้าใจมันเพียงใด
เมื่อมู่เฉวี่ยนหยี่คิดได้แบบนี้
นางก็ขจัดความสงสัยในหัวใจของนาง แต่ต่อมาก็เกิดเรื่องน่าตกใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ปากของนางบิดเบี้ยวครั้งแล้วครั้งเล่า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เพลิงในมือของหลินหมิงก็กลายเป็นโล่เพลิงสีแดงฉาน
จากนั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เกราะเพลิงสีแดงฉานก็ปรากฏทั่วร่างของหลินหมิง
อีก
1 ชั่วโมงต่อมา
หลินหมิงได้แปรสภาพบอลเพลิงให้กลายเป็นชุดอักษรรูนอันแสนลึกลับ
และประทับมันลงไปบนหอกอ่อนปราณคลั่ง เปลี่ยนหอกสีเงินให้เป็นสีแดงเงางาม
………….
ในตอนนี้มู่เฉวี่ยนหยี่ได้แข็งค้างไปเรียบร้อยแล้ว
นางไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทางออกมาเช่นไรดี
แต่ในตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลินหมิงจึงสามารถเข้าใจถึงรูปแบบค่ายกลโบราณได้ทั้งๆที่อายุเพียง
16 ปี และสามารถสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับมันได้ ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่อาจเอาแน่เอานอนได้อย่างบรรพบุรุษจื่อเยี่ยนกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
การรับรู้ของหลินหมิงนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ควรจะมีเสียด้วยซ้ำ
นางเคยคิดว่านางจะให้หลินหมิงดูแผ่นหยกแผ่นแรกก่อน
จากนั้นก็ช่วยให้เขาเข้าสำนักของนางโดยตรง และทำให้เส้นทางการบ่มเพาะของเขาราบลื่น
แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดของนางเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
มู่เฉวี่ยนหยี่ไม่รู้ว่าความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
2 วันต่อมา เมื่อหลินหมิงเริ่มฝึก
‘เคล็ดบ่มเพาะบัญญัติศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามวิหคเพลิง’ ความเร็วในการฝึกฝนของเขาทำให้มู่เฉวี่ยนหยี่ต้องฉงนอย่างหนักอีกครั้ง
ในขณะที่หลินหมิงกำลังเข้าญาณอยู่นั้น
ก็เกิดวังวนพลังต้นกำเนิดที่หนาแน่นหมุนรอบตัวเขา
และพลังเพลิงต้นกำเนิดบริสุทธิ์ที่อยู่โดยรอบก็ถูกวังวนนั้นดูดเข้ามา
ราวกับปลาวาฬยักษ์ที่กำลังดูดน้ำทะเลเข้าไป!
พลังเพลิงต้นกำเนิดมหาศาลได้เข้าไปในร่างของหลินหมิง
โดยไม่รั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าร่างกายของหลินหมิงเป็นดั่งขวดที่ไร้ก้น
เมื่อมีบางสิ่งเข้าไป มันก็จะไม่ออกมาอีกเลย
ไม่ว่าพลังเพลิงต้นกำเนิดจะมีมากเพียงไร เขาก็สามารถดูดซับมันได้หมด
อัตราการดูดซับพลังเพลิงต้นกำเนิดด้วยความรวดเร็วที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ทำให้มู่เฉวี่ยนหยี่ตกใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสามารถในการผสานกับพลังเพลิงต้นกำเนิดของเขาจะต่ำกว่าระดับ 6 ได้อย่างไรกัน?
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เทคนิคในการควบคุมเพลิงนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความเร็วในการเรียนรู้ส่วนบุคคล
หากมีความเข้าใจสูง เช่นนั้นการฝึกฝนอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทว่า
เคล็ดบ่มเพาะนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผสานกับพลังเพลิงต้นกำเนิด
หากความสามารถในการผสานไม่สูงพอ
เช่นนั้นมันก็จะไร้ประโยชน์ต่อให้มีการรับรู้ได้น่าทึ่งเพียงไรก็ตาม!
แต่ความเร็วในการบ่มเพาะของหลินหมิงในตอนนี้กลับ...’
มู่เฉวี่ยนหยี่ตื่นตระหนก
ความเร็วในการบ่มเพาะของหลินหมิงนั้นแหกกฎของโลกแล้ว
ราวกับบุตรแห่งเพลิงในตำนานที่เกิดมาจากเถ้าถ่านของไฟนรก
นักสู้ทั่วไปต้องใช้ปราณแท้ในการควบคุมเพลิง แต่บุตรแห่งเพลิงสามารถทำให้เพลิงยอมจำนนต่อเขาและสามารถใช้เพลิงได้ดั่งใจ
ผลงานอื่นๆ ของ llsvlnw ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ llsvlnw
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้