คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SF] What is... (Kai x Suho) - Chapter 7
Title: What is…
Couple: Kai x Suho
Rate: PG-13
Author: LL1990
-7-
เช้าวันนี้จุนมยอนไม่ได้มามหาลัยกับจงอินอย่างที่ควรจะเป็น กับการเริ่มคบกันครั้งแรกเหมือนเช่นคนอื่นๆ เพราะพี่ซีวอนปลุกเขาให้ออกมาด้วยกันแต่เช้าตรู่ทั้งที่เขามีเรียนสายๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นและยังดื้อที่จะลากเขาติดมาด้วย จุนมยอนเลยต้องจำใจทำตามแต่โดยดี
...และก็โชคดีอย่างฉิวเฉียดที่จงอินปีนกลับบ้านไปได้ทันก่อนที่พี่ซีวอนจะเข้ามาปลุกเพียงไม่กี่นาที
ตอนนี้จุนมยอนเลยนั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งเงียบๆเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเรียน แต่ดูเหมือนเนื้อหาในหนังสือจะไม่เข้าสมองเลยแม้แต่น้อย เขาเลยได้แต่เปิดแผ่นกระดาษตรงหน้าไปมาผ่านๆ เพราะเพียงแค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนเท่านั้นจุนมยอนก็รู้สึกเหมือนสมองมันว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก
จงอินกอดเขาเอาไว้ทั้งคืน...มันไม่ใช่ความฝันที่พอตื่นขึ้นมาจงอินก็หายไปแล้ว...
หากแต่ในความเป็นจริงแล้วจงอินยังคงอยู่ข้างกายเขา เมื่อยามที่เขาลืมตาขึ้นมา...
“จุนมยอน” เสียงทุ้มของใครบางคนเอ่ยขึ้นเบื้องหน้า ทำเอาจุนมยอนละสายตาขึ้นจากหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมองและเมื่อพบว่าเป็นใครใบหน้าหวานนั้นก็ซีดลงทันทีอย่างเฉียบพลัน
“เซฮุน...”
“ก็ผมน่ะซิหรือพี่คิดว่าเป็นใคร”
“คะ คือ...”
“แล้วทำไมจุนมยอนต้องทำเหมือนกลัวผมขนาดนั้นด้วย” เจ้าของชื่อเมื่อครู่เอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปทาบที่หน้าผากของจุนมยอนอย่างเป็นห่วง ใบหน้าหวานเบี่ยงหลบเล็กน้อยแล้วตอบออกไปตะกุกตะกัก
“พี่...พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่หน้าพี่ซีด”
“พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ นายตั้งหากที่น่าเป็นห่วง” จุนมยอนเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะดูท่าว่าเซฮุนดูจะน่าเป็นห่วงอย่างที่เขาพูดจริงๆ เพราะใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าตัวตอนนี้มีรอยฟกช้ำประดับอยู่ด้วย
“พี่เป็นห่วงผมด้วยรึไง”
“ห่วงสิ...ก็เซฮุน...เป็นน้องชายของพี่นี่”
“หึ น้องชายอย่างงั้นหรอ” ใบหน้าหล่อแค้นยิ้มออกมาก่อนจะเสหน้าไปทางอื่น คำว่า ‘น้องชาย’ ที่จุนมยอนพูดออกมาทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรและมันก็เป็นประโยคที่เซฮุนไม่ได้ยินดีกับมันเลยสักนิด
ทั้งที่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจุนมยอนอาจจะยังไม่ได้รักเขาเช่นคนรัก แต่เซฮุนก็ยังคิดเสมอว่าเขายังมีโอกาสนั้นเพราะจุนมยอนไม่ได้มีใคร ทว่าเหตุการณ์เมื่อวานกลับบอกเขาว่าคนที่รักจุนมยอนไม่ได้มีเพียงแต่เขาเท่านั้น ภาพที่คนตัวเล็กซุกอยู่ในอ้อมกอดของไอ้จงอินยังคงฉายอยู่ในสมองเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาไม่ได้นอนทั้งคืน
...เพียงเพราะมือคู่นั้นกำเสื้อของคนที่กอดอยู่เอาไว้แน่น...
ใบหน้าคมหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะเตรียมจะหันหลังกลับเดินไปที่อื่น เซฮุนยังไม่อยากคุยกับจุนมยอนตอนนี้ เขายังไม่พร้อมที่จะได้ยินประโยคอื่นที่กำลังจะตามมา
....มันเร็วเกินไป
“เซฮุน!”
“อย่าตามผมมา” เซฮุนหันกลับไปบอกตวาดเสียงเข้มหากแต่อีกคนไม่คิดจะฟังแม้แต่น้อย จุนมยอนรีบเก็บของบนโต๊ะแล้ววิ่งตามหลังร่างโปร่งมาก่อนจะคว้าแขนแกร่งเอาไว้มั่น
ใบหน้าคมหันกลับมามองที่มือบางนิ่ง
“เซฮุน..เรา...จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อตอนเด็กได้ไหม”ดวงตากลมช้อนขึ้นมองคนสูงกว่าอย่างขอร้อง ถึงแม้จะไม่สามารถให้ความรักอย่างที่อีกคนต้องการได้ แต่จุนมยอนก็ไม่ได้ต้องการที่จะตัดความสัมพันธ์กับเซฮุนไปอย่างสิ้นเชิง ความรักในอย่างที่พี่มีให้กับน้องชายคนหนึ่งมันยากที่จะตัดขาดนักสำหรับจุนมยอน
“พี่ต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
“คะ คือ พี่” เสียงใสพูดตะกุกตะกัก จุนมยอนไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรให้เซฮุนเข้าใจและเจ็บปวดน้อยที่สุด เพราะเขาเข้าใจดีว่าการถูกปฏิเสธความรักนั้นเป็นอย่างไร
“พี่อยากให้เราเป็นพี่น้องกันเหมือนอย่างเมื่อก่อน พี่ไม่ได้รัก...” คนตัวเล็กส่ายหัวจนผมปลิว “ไม่ซิพี่รักเซฮุน แต่ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วไอ้ที่รักแบบนั้นน่ะ จุนมยอนอย่าบอกนะว่าเป็นไอ้จงอิน!”เซฮุนตวาดกลับแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว จนคนฟังสะอึกแม้จะรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย แต่จุนมยอนก็คิดว่ายังไงวันนี้เขาจะต้องคุยกับเซฮุนให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้ความหวังเซฮุนมากไปกว่านี้...
กลีบปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อร่วมรวมความกล้าก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกไปในที่สุด
“พี่กับไคเรา....คบกันแล้ว”
“เลยจะให้ผมปล่อยพี่ไปเสวยสุขกับมันง่ายๆอย่างงั้นใช่ไหม!”แขนแกร่งสะบัดออกจากการเกาะกุมของจุนมยอนอย่างแรงจนคนตัวเล็กเซล้มลงไปกองกับพื้น “พี่มันคนลวงโลก คิมจุนมยอน” แม้จะรู้สึกกระตุกวูบที่หัวใจที่เห็นภาพนั้นแต่เขาก็ไม่อาจถอยหลังกลับได้ เซฮุนจึงทำได้แค่เพียงเดินต่อไปเท่านั้น
“เซฮุนฟังพี่ก่อน พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ” ร่างที่กองอยู่บนพื้นค่อยๆลุกขึ้นแล้ววิ่งตามร่างโปร่งที่เดินฉับอยู่ด้านหน้า ไปอีกครั้ง มือบางทั้งสองข้างคว้าไปที่แขนของเซฮุนมาแนบอกเอาไว้แน่น
“...เราจะไม่มีทางเหมือนเดิมได้เลยหรือ” ราวกับฟางเส้นสุดท้ายที่จุนมยอนจะสามารถพูดออกไปได้ แล้วก็ได้ผลเมื่อเซฮุนยอมหยุดเดิน ใบหน้าคมเปรยตามองมือบางที่เกาะแขนเขาเอาไว้ราวกับกับว่ากลัวเขาจะหายไปไหน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่เริ่มมีน้ำใสๆคลอที่หน่วยตา เขาระบายยิ้มบางพลางเอื้อมมืออีกข้างไปทาบที่ใบหน้าหวานแล้วเกลี่ยเบาๆอย่างทะนุถนอม
“ได้ซิ...ได้อยู่แล้ว....” แม้จะเสียงเย็นชาเพียงใดแต่จุนมยอนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอก หากแต่ในประโยคถัดมานั้นกลับทำเอาจุนมยอนรู้สึกชาไปทั้งตัวราวกับถูกน้ำเย็นสาดเข้าอย่างจัง
“นอนกับผมสักครั้งสิ แล้วผมจะปล่อยพี่ไป”
“เชฮุน!”
จุนมยอนปล่อยแขนเซฮุนด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากเซฮุนคนที่มีแต่รอยยิ้มและความน่ารักให้เขาตลอดมา เซฮุนเองก็มองใบหน้าหวานด้วยแววตาเจ็บปวด
สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินหนี ทิ้งให้จุนมยอนที่ได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังของคนที่เขารักเหมือนน้องชายนิ่ง...จะให้มันเป็นแบบนี้แล้วสุดท้ายก็มองหน้ากันไม่ติดไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ ความรู้สึกที่เขามีให้เซฮุนยังไงมันก็คือความรัก ถึงมันจะไม่ใช่ความรักในแบบเดียวกับที่เขามีให้จงอิน แต่ยังไงเซฮุนก็เป็นคนที่จุนมยอนรักคนนึง...
ร่างเล็กกัดริมฝีปากชั่งใจก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามไปคว้าแขนเซฮุนไว้ คนเป็นน้องตวัดตาหันมามองแล้วกระชากมือออกแต่จุนมยอนจับไว้แน่น
“อย่าเป็นแบบนี้เลยนะเซฮุนอ่า”
“ปล่อย”
“พี่รักเซฮุน พี่ไม่อยากให้เราต้องห่างเหินกันเพราะเรื่องนี้”น้ำเสียงจุนมยอนเริ่มสั่น
“ผมบอกให้ปล่อย..”
“เซฮุนอ่า...”
“ปล่อย!”
จุนมยอนตกใจเสียงตวาดแต่ก็ยังพยายามฝืนใจกล้าจับแขนของร่างโปร่งไว้แน่น
“ผมจะเตือนอีกแค่ครั้งเดียว ถ้าพี่ไม่ปล่อยผมจะทำตามใจตัวเองแล้ว!”
“..............”
“ปล่อย”
“ไม่”
เซฮุนมองเข้าไปในดวงตากลมๆของคนที่อายุมากกว่า ดูก็รู้ว่ากำลังกลัวเขา...แต่กำลังพยายามฝืนตัวเองเพื่อไม่ให้เขาโกรธ เซฮุนรู้ ความรู้สึกตอนนี้มันไม่ใช่โกรธ แต่มันเต็มไปด้วยความเสียใจมากกว่า เมื่อวานเขาทำตัวเป็นหมาบ้ากับไอ้จงอิน ทำตัวไม่ดีในสายตาจุนมยอน แต่จุนมยอนไม่รู้หรอกว่าเมื่อวานหัวใจเขาบีบรัดแน่นจนเจ็บขนาดไหน ตอนที่เห็นจุนมยอนกับมัน...และตอนนี้มันก็ชัดเจนว่าคนที่ผิดหวังคือเขา...
แล้วจะให้ทนได้ยังไง..
“เซฮุนอ่า เรายังสามารถเป็นพี่น้อง ยังยิ้มให้กัน ไปไหนมาไหนกันได้เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ พี่ไม่อยากทำร้ายเซฮุน พี่ถึงไม่ปิดบังเรื่องไค เซฮุน...”
“งั้นก็มานี่!”
เซฮุนไม่รอให้พี่ชายตัวเล็กกว่าพูดจบ เขาลากแขนที่เกาะกุมเขาไว้ให้เดินตามออกมานอกมหาลัย จุนมยอนเองยอมเดินตามโดยไม่เกี่ยงงอน ตอนนี้ยังไงก็ได้ขอแค่ได้คุยกับเซฮุนให้เข้าใจเป็นพอ
แต่พอถูกจับยัดเข้าไปในรถ เซฮุนไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาเหยียบคันเร่งออกไปด้วยความเร็วที่แสนน่ากลัว แม้ว่าจุนมยอนจะแตะแขนบอกให้ช้าลงแค่ไหน เซฮุนก็ทำเป็นไมได้ยิน
จนกระทั่งเลี้ยวเข้ามาในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง จุนมยอนถึงได้สังเกตว่ามันคือ..โรงแรม
ร่างเล็กเผยอปากค้างตกใจทันที
“เซฮุน....?!”
เมื่อรถจอดสนิทจุนมยอนก็ถูกลากลงมา และถูกพาเดินเข้าไปด้านใน เซฮุนคุยอะไรบางอย่างกับพนักงาน แค่เพียงแปบเดียวเท่านั้นเขาก็สามารถลากร่างเล็กไปยังห้องๆหนึ่งได้ คราวนี้จุนมยอนไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม คนตัวเล็กพยายามยื้อแขนตัวเองไว้แต็มแรง!
“เซอุนอย่าบ้านะ! พามาที่นี่ทำไม”
“ก็อย่างที่บอกพี่ไง ยอมนอนกับผมสักครั้ง ผมอาจจะยอมปล่อยพี่ไปก็ได้”
“เซฮุน!..” จุนมยอนถูกดันลงบนเตียง ใบหน้าหวานขาวซีดทันที “ถ้าทำแบบนี้ นายกับพี่ เราจะเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลยนะ”
“แล้วพี่คิดว่าต่อจากนี้ไปผมกับพี่จะเหมือนเดิมรึไง! ในเมื่อพี่เลือกมัน!!”
“นายไม่เข้าใจ นายก็เห็นแต่ตัวเอง! “ จุนมยอนตวาดกลับบ้าง ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาคับขัน และเซฮุนเหมือนคนขาดสติ ถ้าจุนมยอนไม่หยุดทั้งเขาทั้งเซฮุนต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
“ไม่จริง ผมรักพี่ บางครั้งอาจจะมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ!” เสื้อของจุนมยอนถูกกระชากออกคามือเซฮุน ร่างที่เล็กกว่าถูกกดลงบนเตียงเย็นเยียบ ก่อนกลีบปากบางจะถูกริมฝีปากเซฮุนฉกฉวยประทับลงไป เพราะแรงโมโหและเสียใจทำให้มันรุนแรงจนจุนมยอนรู้สึกเจ็บและพยายามเบือนใบหน้าหนี
“ผมรักแค่พี่..” เสียงกระซิบชิดใบหูที่แดงก่ำ แม้ว่าจุนมยอนจะพยายามดิ้นรนหนีแค่ไหนก็ถูกคนแรงเยอะกว่าลากกลับมาได้ตลอด
“แต่พี่ไมได้รักนายแบบนั้น”
“ทำไม? ทำไมถึงรักผมไม่ได้” ใบหน้าคมซุกไซ้ลงกับซอกคอขาว เสียงพูดพร่าเต็มที
“เพราะเราเป็นพี่น้องกัน” จุนมยอนใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเซฮุนออกแล้วคลานหนีไปอยู่อีกฟากฝั่งของเตียง เนื้อตัวสั่นเทา เซฮุนตอนนี้น่ากลัวทั้งแววตาและการกระทำ ไม่เหมือนเซฮุนคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
“แล้วผมอยากเป็นแค่พี่น้องกับพี่รึไง!”
“เซฮุนอ่า..”
“พี่คิดว่า ตลอดเวลาที่ผมคอยตามดูแลพี่ ผมรักพี่แบบพี่น้องเหรอ โง่ไปรึเปล่าจุนมยอน!” เซฮุนบดกรามแน่น มองพี่ชายหน้าหวานที่ตอนนี้แสดงสีหน้าหวาดกลัวเขาจนตัวสั่น
“พี่ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วช่วยอะไรได้”
“พี่รักไค...รักมานานแล้ว พี่สารภาพรักกับไคก่อนเซฮุนจะเข้ามาในชีวิตพี่อีกครั้ง แต่ตอนนั้นไคไม่ได้รับรักพะ..."
“อย่ามาพร่ำเรื่องความรักของพี่กับมันให้ผมฟัง!!” เซฮุนสวนกลับทันทีก่อนจุนมยอนจะพูดจบประโยค “ถ้าพี่บอกผมตั้งแต่แรก ผมจะพยายามมากว่านี้เพื่อเป็นคู่แข่งของมัน แต่นี่ผมกลับไม่รู้อะไรเลย ผมคิดแค่ว่ามีผมคนเดียวที่ได้รักพี่”
“..........”
“แล้วเป็นไง ..สุดท้ายอยู่ๆพี่ก็มาบอกว่าพี่รักมัน! พี่เห็นผมเป็นอะไร ไอ้งั่งรึไง”
“ซ..เซฮุน..”
“พี่มันใจร้ายจริงๆ คิม จุนมยอน...”
“...........” จุนมยอนน้ำตาร่วงผล็อย มองแววตาเจ็บปวดของเซฮุนด้วยความรู้สึกที่เจ็บไม่ต่างกัน ทุกอย่างเป็นเพราะเขาคนเดียว เป็นเพราะเขาไม่เด็ดขาดและปล่อยให้มันเลยเถิด เหมือนที่พี่ซีวอนพยายามบอกเขาตลอดเวลาว่าถ้าเขายังลังเล ทุกคนก็จะเจ็บปวด... จุนมยอนรู้สึกเกลียดตัวเองตอนนี้เหลือเกิน
“พี่รักเซฮุนนะ...แต่เหมือนความรักของพี่กำลังทำร้ายเซฮุน...ฮึก....” พี่ชายร่างเล็กค่อยๆขยับตัวเข้าไปหาเซฮุนคนที่เขาเหมือนน้องชายและเอื้อมมือสั่นๆของตัวเองไปกอดเซฮุนเอาไว้ทั้งตัว.....
“พี่ขอโทษ..”
มือแกร่งยกขึ้นกอดตอบจุนมยอนโยอัตโนมัติ ใบหน้าคมฝังลงกับอกพี่ชายตัวเล็ก
“ผมอยากจะเกลียดพี่ให้สมกับที่พี่ทำร้ายผมวันนี้...”
“...........”
“แต่ต่อให้ผมรู้ก่อนหน้านี้ว่าพี่กับไอ้จงอินรักกัน.... ผมก็คงตกหลุมรักพี่อยู่ดี”
“พี่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ พี่ไม่ได้อยากให้เซฮุนเสียใจ”
“งั้นคนที่พี่รัก...... เป็นผมไมได้เหรอ” คนที่กำลังซุกตัวอยู่เอ่ยถาม น้ำเสียงขาดความมั่นใจ แค่ได้รับอ้อมกอดของจุนมยอนคนที่เขารัก เขาก็แทบไม่ต้องการอะไรแล้ว ความรู้สึกร้อนกายเมื่อกี้มันแทบดับสลายลงไป
เขารักจุนมยอนมากเกินไปจริงๆ...
“พี่เคยคิดว่าว่าสักวันพี่อาจจะรักเซฮุนและลืมไค แต่สุดท้ายแล้วพี่ก็ทำไม่ได้.. ไม่ว่ายังไงพี่ก็รักได้แค่...ไค” จุนมยอนรู้สึกถึงแรงกอดกระชับที่แน่นขึ้น และรู้สึกถึงน้ำอุ่นใสๆที่กำลังไหลเปื้อนซอกคอ...
“ผมเองก็รักได้แค่เพียงพี่เท่านั้น.. เหมือนกัน”
..........
....................
กว่าเซฮุนจะพาจุนมยอนมาส่งที่บ้านก็ปาไป 6 โมงเย็น ก่อนหน้านั้นเขากับจุนมยอนก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่ที่ห้องนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงเสียงสะอื้นของจุนมยอนที่เขารู้ว่าเจ้าตัวพยายามจะกลั้นมันเอาไว้แต่เซฮุนก็ไม่คิดจะสนใจ
ตลอดเวลาที่กลับบ้านดวงตาจุนมยอนแดงช้ำและเหม่อมองนอกรถ เซฮุนนเองก็ขับรถอย่างเงียบเฉียบไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงหัวเราะเหมือนที่มันเคยเกิดขึ้นทุกวัน ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม จุนมยอนเสียใจที่ทำให้น้องน้องชายของเขาร้องไห้ออกมาและตอนนี้ก็หาทางออกไม่เจอ
รถจอดสนิท...... แต่ยังไม่มีใครคิดจะก้าวลงไป
“เซฮุนอ่า”
“พี่เข้าบ้านไปเถอะ”เจ้าของชื่อพูด...แต่ไม่มองหน้า
จุนมยอนจ้องมองด้านข้างเซฮุน ดวงตาเซฮุนไม่แม้แต่จะมองเขา สายตาเหม่อลอยออกไปนอกรถ มือเรียวเอื้อมไปแตะแขนน้องชาย เซฮุนจึงหันมามองแต่ไมได้สะบัดออก
“เซฮุน พี่อยากขอโทษจริงๆ”
“มันไมได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะจุนมยอน ผมรักพี่ ผมไม่มีวันทำร้ายพี่ลง แต่ไมได้หมายความว่าผมจะยอมรับเรื่องพี่กับมันได้ง่ายๆ”เซฮุนดึงแขนจุนมยอนออกแล้วเอื้อมตัวมาเปิดประตูออกให้
“ไคไม่ได้ผิด พี่ผิดเอง”
“พี่จะฆ่าผมให้ตายด้วยคำพูดของพี่รึไง...”เซฮุนมองพี่ชายตัวเล็กด้วยแววตาตัดพ้อ แต่เพียงแค่แปบเดียวเขาก็สลัดมันทิ้งแล้วหันหน้าหนี “ลงไปก่อนเถอะ ผมขอร้อง”
“พี่รักเซฮุน ความรักของพี่ที่มีให้เซฮุนมันบริสุทธิ์ และพี่ก็มีให้เซฮุนที่เป็นน้องชายของพี่แค่คนเดียว ถ้าเซฮุนใช้เวลาคิดแล้วยอมรับความรักแบบนี้ของพี่ได้ เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม..”
“มันจะไม่เป็นเหมือนเดิมได้ยังไง...ในเมื่อความรักที่ผมมีให้พี่ ต่อให้ตายยังไงก็ไม่เปลี่ยน”
จุนมยอนนิ่งไปชั่วอึดใจ ค่อยๆพยักหน้ารับด้วยใบหน้าซึมก่อนจะยอมลงจากรถและเดินหงอยๆเข้าบ้าน จะมีทางไหนที่เขากับเซฮุนจะเข้าใจตรงกันและเหมือนเดิม หรือเขาต้องปล่อยความรักที่มีกับจงอินทิ้งไป ความผูกพันระหว่างเขากับเซฮุนมันมากเกินกว่าที่เขาจะมองเซฮุนเสียใจจนไม่คิดจะทำอะไรได้ “พี่จะทำยังไงดี.....”
ร่างโปร่งที่ยังนั่งนิ่งในรถกำพวงมาลัยแน่น จะให้เขายอมรับแล้วดูจุนมยอนมีความสุขกับไอ้จงอินได้เหรอ หัวใจเขามันเจ็บเหมือนมีเลือดออกแต่จุนมยอนไม่คิดจะเห็นมัน เอาแต่ยังพร่ำขอโทษเพียงแค่ต้องการให้เขายอมรับความสัมพันธ์บ้าๆนี่
แล้วไอ้จงอินมันคิดว่าตัวมันจะดูแลจุนมยอนได้เท่าที่เขาดูแลรึเปล่า....
ไม่มีทาง
แววตาเซฮุนจับจ้องไปยังใครบางคนที่หลบมุมอยู่ตรงริมรั้วประตู...ไอ้คิมจงอิน มันยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เขาจอดรถสนิทแล้ว มันเห็นเขากับจุนมยอนในรถแต่ไม่แสดงตัวออกมา เพียงแค่เห็นหน้ามัน เซฮุนก็อยากจะฆ่ามันให้ตายให้สมกับที่กล้ามาเอาดวงใจของเขาไปต่อหน้าต่อตา
“ลงมา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” คิมจงอินตัดสินใจเดินมาถึงประตูรถก่อนแล้วเอ่ยบอกเสียงห้วน
“กูก็อยากคุยกับมึงเหมือนกัน”
“ก็ดี ให้มันจบวันนี้ไปเลย”
เซฮุนลงจากรถยอมเดินตามคิมจงอินไปยังสวนสาธารณะเงียบๆแห่งหนึ่ง เมื่อมันหยุดเดินเขาก็หยุดเดินเว้นระยะห่างจากมันแค่ช่วงตัว ใบหน้าจงอินฟกช้ำพอกับเซฮุนเพราะฟาดปากกันเมื่อวาน ยิ่งมองยิ่งกำมือแน่นเพราะรู้สึกอยากจะตะบันหน้ากันและกันตลอดเวลา
“มึงชอบเห็นจุนมยอนร้องไห้รึเปล่า” จงอินเป็นคนเริ่มถามก่อน สีหน้าเครียด
“ไม่มีทาง”
“แต่ตอนนี้นี้จุนมยอนกำลังร้องไห้”
เซอุนนิ่งไป จริง....จุนมยอนร้องไห้หนักมาก แววตาจุนมยอนมีแต่ความเจ็บปวดเสียใจ เขาไม่ได้แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้จุนมยอนเพราะตัวเขาเองก็เสียใจไม่ต่างกัน ทั้งที่น้ำตาของจุนมยอนเป็นสิ่งที่สุดท้ายที่เซฮุนไม่ต้องการเห็น แต่วันนี้เขาไม่ได้สนใจมันเลย
++++++++++
จงอินเดินจากไปแล้ว เซฮุนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่หน้าบ้านของจุนมยอน และแม้จะรู้สึกเจ็บที่ใจจดอยากจะซัดหน้าของจงอินแรงๆแค่ไหน แต่เซฮุนก็รู้ดีว่าเขาคงทำได้เพียงคิดเท่านั้น ในเมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนใจของใครได้ ซึ่งมันก็คงไม่พ้นจุนมยอนที่จะต้องมาเสียใจเพราะการกระทำของเขาอีกครั้ง...และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เซฮุนต้องการเลยสักนิด
มันจบลงแล้ว...
ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชั้น 2 ของบ้าน ที่ที่เซฮุนรู้ดีว่ามันคือห้องของจุนมยอนแต่ตอนนี้ห้องนั้นกลับมืดสนิท จนเขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ จุนมยอนต้องกำลังร้องไห้เพราะเขาอยู่เปล่า? มันคำถามที่เซฮุนถามตัวเองทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เขาจะทำอย่างไรได้บ้าง เรียวขานึกอยากจะเดินขึ้นไปหาแต่เขาก็ต้องหยุดเพียงเท่านั้นพร้อมกับประโยคเสียงเบา
“ผม...ขอโทษ”
“ทำไมไม่พูดกับเจ้าตัวเองล่ะ หืม?”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาเซฮุนต้องหันขวับกลับไปมองทันที
“พี่ซีวอน...” เขาเอ่ยครางออกมาเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่าเป็นใคร และคงเป็นเพราะมัวแต่สนใจคนที่อยู่ในบ้านเซฮุนเลยไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครอีกคนมายืนอยู่ด้านหลัง
“ไง หมดหล่อเลยนะเรา”เจ้าของชื่อระบายยิ้มบางเมื่อชื่อของตนเองถูกเอ่ยออกมา ดูท่าวันนี้จะเรื่องใหญ่กว่าเมื่อวานแหะ ซีวอนคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่จะเห็นเซฮุนเอ่ยคำขอโทษออกมา เด็กหนุ่มมักจะคิดว่าตัวเองถูกเสมอ ถ้าไม่ได้รู้สึกมาจากใจล่ะก็อย่าหวังว่าจะได้ยินเลย...ข้อนี้ซีวอนรู้ดี
“มีอะไรอยากจะเล่าให้พี่ฟังไหม”เขาเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง ทว่าคนถูกถามกลับส่ายหน้ารัวจนกลุ่มผมปลิวไสว และเมื่อซีวอนเดินเข้าไปหาอีกก้าว ร่างโปร่งนั้นก็ขยับถอยหนีทันที เซฮุนเงยหน้ามองซีวอนวูบหนึ่งก่อนจะเดินจ้ำไปที่รถของตนเอง
“ผม..ขอตัว”
“น้องเซ” เสียงเข้มที่เอ่ยเรียกเอาไว้ทำเอาเรียวเท้าของเซฮุนชะงักกึก ก่อนจะหันกลับมามองอีกคนอย่างตกใจกับประโยคเรียกขานที่ซีวอนใช้เรียกเขาเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก ประโยคที่เขาไม่คิดว่าซีวอนจะยังคงจำมันได้เพราะเราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อน “ทำไม...” เซฮุนครางเสียงออกมาอย่างแผ่วเบาอย่างไม่เข้าใจ แต่ดูท่าว่าซีวอนจะไม่ได้สนใจกับท่าทางนั้นแม้แต่น้อย เขาเดินตรงเข้าไปหาและหยุดตรงหน้าอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง
“พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ผม....”
“เซฮุนอ่า พี่ยังเป็นพี่ซีวอนที่พร้อมจะรับฟังทุกเรื่องเสมอ” เขาเอื้อมมือไปวางบนไหล่ของคนเป็นน้องแล้วตบเบาๆตามประลูกผู้ชาย และถึงแม้เซฮุนจะยังไม่พร้อมที่จะอธิบายอะไรตอนนี้แต่ความอ่อนโยนพร้อมกับสายตาจริงใจที่ซีวอนมอบให้ก็ทำให้เซฮุนเลือกที่จะตามซีวอนเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย
++++++++++
ภายในห้องนั่งเล่นตอนนี้มีเพียงเซฮุนกับซีวอนเท่านั้น ใบหน้าคมอดไม่ได้ที่จะลอบมองตรงไปยังบันได ที่เพียงแค่ก้าวขึ้นไปก็ก็จะได้พอกับใครอีกคน ซีวอนมองตามสายตาของเซฮุนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวและตบที่เบาะเบาๆให้เซฮุนมานั่งข้างๆเขา
“คราวนี้พอจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ฟังได้ไหม” ซีวอนเป็นฝ่ายเริ่มบนสนทนาก่อน
ทั้งที่ให้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของเด็กๆแล้วเชียว แต่สุดท้ายซีวอนก็ต้องผิดสัญญาของตนเองจนได้ แต่ในฐานะคนเป็นพี่เขาไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บปวด ไม่ใช่เพราะจุนมยอนเพียงเท่านั้น เซฮุนเองก็เป็นน้องชายที่เขารักพอๆกับจุนมยอนด้วยซ้ำแม้จะไม่ได้แสดงออกเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กก็ตามที
“เซฮุน”
“ผมทำให้จุนมยอนร้องไห้”สุดท้ายคนเป็นน้องก็ยอมเปิดปาก แล้วเงียบไปอีกชั่วอึดใจ “พี่จะว่าผมก็ได้” เขาว่าขึ้นโดยไม่หันไปมองหน้าซีวอน
“งั้นพี่ก็คงต้องไปดุจุนมยอนเหมือนกันที่ทำให้เซฮุนร้องไห้”
ซีวอนสังเกตตั้งแต่เข้าบ้านมาแล้ว ดวงตาใสที่มักจะฉายแววขี้เล่น หรือดูกร้าวจนหน้ากลัวเมื่อเจ้าตัวโกรธ แต่น้อยครั้งมากที่เซฮุนจะร้องไห้ และพอร้องเข้าทีละก็มันจะก็แดงก่ำผิดปกตินานทีเดียวเลยกว่าจะหาย เขายังจำได้ดีตอนที่จุนมยอนกับเซฮุนกอดคอกันร้องไห้เพราะวันรุ่งขึ้นต้องจากกันเมื่อตอนที่เซฮุนถูกส่งไปเรียนต่อที่อเมริกา
“แต่ผมผิด...”เขาก้มหน้าตอบ
“เรื่องบางเรื่องการหาคนผิดมันก็ไม่ช่วยให้ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาไม่ใช่หรือ”มือแกร่งเอื้อมไปจับศีรษะของเซฮุนแล้วเขย่าเบาๆ “มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะแก้ไขสิ่งที่เกิดให้ดีขึ้นหรือแย่ลงก็เท่านั้น”
“ถ้าพี่รู้ว่าผมทำอะไรลงไป พี่อาจจะ....ไม่พูดอย่างนี้ก็ได้”
“งั้นก็ลองเล่าดูสิ” เซฮุนนิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่ ซึ่งซีวอนก็ไม่คิดที่กดดันหรือซักไซ้ไล่ความให้คนเป็นน้องรู้สึกไม่สบายใจ มันเป็นเวลาเกือบ15นาที ที่ต่างคนตั้งนั่งเงียบ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ซีวอนคิดว่าเซฮุนอาจจะกำลังคิดทบทวนอะไรบางอย่าง ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเจ้าตัวเงยหน้าคิดมองเขาก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งหมด และแม้จะรู้สึกตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าเซฮุนได้ทำอะไรลงไป แต่ซีวอนก็ยังเลือกที่จะเก็บสิ่งนั้นไว้แล้วฟังสิ่งที่เซฮุนเล่าจนจบ...
“ลูกผู้ชายดีนี่” ซีวอนเอ่ยขึ้นเมื่ออีกคนเงียบลงเขาไม่ได้ชื่นชมการกระทำของเซฮุนแต่เขาชื่นชมที่เซฮุนเลือกที่จะเล่ามันออกมา น้ำเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดในทุกคำพูดเขารู้ดีว่าเซฮุนกำลังสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเพราะขาดสติ
“ผมมันเลว...ที่ทำแบบนั้น”
“แต่พี่ไม่คิดว่าคนที่กลับใจได้ทันคือคนเลว”
“แล้วถ้าผมทำ...”
“แต่สุดท้ายเซฮุนก็ไม่ได้ทำไม่ใช่หรือไง” ซีวอนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “และพี่ก็ยังเชื่อว่าต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้เซฮุนก็คงไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน”
“ทำไมพี่ถึงมั่นใจ” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นพี่ อย่างไม่อยากที่จะเชื่อว่าทำไม่ซีวอนถึงไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเขาสักนิดเพราะเซฮุนรู้ดีว่าซีวอนรักจุนมยอนมากแค่ไหน
ทว่าสิ่งที่ตอบมากลับเป็นรอยยิ้มอบอุ่น
“เพราะเซฮุนคือน้องของพี่...แล้วก็ของจุนมยอนด้วย”
“แต่ผมรักจุน...”
“เซฮุน่า พี่รู้ว่าความรู้สึกของคนเรามันห้ามกันไม่ได้ แต่เซฮุนมั่นใจความความรู้สึกของตัวเองดีพอรึยัง พี่ไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่เราห่างกันไปนั้นเกินอะไรขึ้นกับเราบ้าง” ซีวอนเว้นช่วงไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มรูปภาพที่วางอยู่บนชั้นใต้โต๊ะสี่เหลี่ยมด้านหน้าขึ้นมาแล้ว เขาปัดผงฝุ่นที่จับอยู่บนปกออกสองสามทีแล้วเปิดมาออกมา มันเป็นภาพถ่ายของเด็กชายสองที่ยืนยิ้มพร้อมกับรอยยิ้มสดใส และถ้าสังเกตให้ดีก็จะเห็นแขนๆเล็กของเด็กที่สูงกว่าโอบคนเป็นน้องเอาไว้ราวกับต้องการที่จะปกป้องจากทุกสิ่ง
“...แต่พี่เชื่อว่าสิ่งที่เชื่อมจุนมยอนกับเซฮุนเอาไว้มันคือความผูกพัน....” เขาจับมือน้องชายมาวางไว้บนรูปภาพ “ที่บางทีเซฮุนอาจจะกำลังเข้าใจมันผิด” เซฮุนเผลอลูบภาพนั้นเบาๆ ไม่ต่างจากหยดน้ำตาของเขาที่ร่วงลงมาโดยไม่รู้ตัว
“ผมไม่รู้...”เสียงทุ้มขาดหายไป
“และต่อให้มันคือความรักที่แท้จริง แต่สิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำคือการยอมรับความจริงไม่ใช่หรือ” คนฟังได้แต่นิ่งเงียบ ซีวอนเลยเอื้อมมือไปโยกหัวเล่นเบาๆอย่างเอ็นดู แม้จะโตขึ้นเป็นหนุ่มไม่ต่างจากจุนมยอนแต่ในสายตาเขาทั้งสองคนก็ยังเป็นเด็กในสายตาของซีวอนเสมอ
.....ความรักเป็นสิ่งสวยสวยงาม...
เขาไม่อยากให้เรื่องในวันนี้ของเซฮุนและจุนมยอนต้องสร้างรอยร้าวและความเจ็บปวดให้กับเด็กทั้งสองไปตลอดกาล
“อยากขึ้นไปขอโทษจุนมยอนข้างบนไหม”
+++++++++
สาบานได้ว่าซีวอนไม่ได้บังคับน้องให้ขึ้นมาหรอกนะ แต่เพียงแค่เซฮุนพยักหน้าเบาๆหลังจากประโยคคำถามนั้น เขาก็ไม่รอช้าที่จะพาอีกคนขึ้นมาบนชั้นสองของบ้าน และเคาะที่ประตูห้องของจุนมยอนทันที รอไม่นานกรอบประตูไม้สี่เหลี่ยมก็ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้องตัวเล็ก
“มีคนอยากเจอน่ะ” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะเบี่ยงตัวหลบออกให้คนที่กำเสื้อเขาแน่นที่หลบอยู่ทางด้านหลังเขาออกมา และเมื่อพบว่าเป็นดวงตาแดงช้ำของจุนมยอนก็เบิกกว้างขึ้นอัตโนมัติ
“เซฮุน.....” ซีวอนไม่ได้สนใจอาการตระหนกของน้องชายตัวเองเท่าไรนัก มือหนาจัดการลุนหลังเซฮุนให้เดินเข้าไปด้านในโดยไม่ทันได้รู้ตัว เซฮุนที่ได้สติก่อนเตรียมจะก้าวเท้าออกราวกับต้องของร้อนแต่ก็ถูกซีวอนชักประตูกลับกั้นเอาไว้ไม่ให้ออกเสียก่อน
“นี่ก็ดึกแล้วเซฮุนเองก็นอนที่นี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเอาเสื้อผ้ามาให้” ว่ามัดมือชกเสร็จก็ปิดประตูฉับ ทิ้งให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนอยู่ในห้อง คล้ายกับสวิสซ์ความเงียบทำงานโดยไม่ต้องกด เพราะเพียงแค่ซีวอนจากไปมันก็ทำงานทันที
จุนมยอนคิดไม่ถึงว่าเซฮุนจะกล้าขึ้นมาหาเขาที่นี่เพราะเมื่อตอนที่อยู่บนรถอีกฝ่ายเป็นคนไล่เขาลงมาเองโดยที่แทบจะไม่มองหน้าด้วยซ้ำ
“พี่......” คนตัวเล็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เริ่มได้เพียงเท่านั้นเพราะจุนมยอนไม่รู้จะไปต่อย่างอย่างไรดี “เซฮุนพี่...”
“อย่าพูดขอโทษผมอีกเลย ต่อให้พี่พูดอีกร้อยครั้ง มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรอก” เซฮุนเอ่ยขัดขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าอีกคนต้องการจะพูดอะไร ทั้งที่ตั้งใจจะขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นฝ่ายขอโทษ แต่พอได้ยินจุนมยอนพูดคำนั้นออกมาก็พาลเอาเซฮุนรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นประโยคที่จุนมยอนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งอยู่บนรถ ประโยคที่คอยตอกย้ำว่าเขากำลังทำให้อีกคนเสียใจ
“พี่จะเลิก...กับไค”ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ “ถ้ามันจะทำให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้น...พี่ไม่อยากเห็นเซฮุนเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษ”
“ถ้าการที่พี่เลิกกับไอ้จงอินแล้วคิดว่าผมจะรู้สึกดีขึ้น...พี่เลิกคิดไปได้เลย”
“แล้วพี่จะต้องทำยังไง” จุนมยอนช้อนตาขึ้นมองเซฮุนอย่างตัดพ้อ “ช่วยบอกพี่ที....เซฮุน”
“พี่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“เซฮุน”เสียงใสครางชื่ออีกคนออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าหวานก้มลงมองพื้นอย่างทำอะไรไม่ถูก มือบางทั้งสองบีบเข้าหากันแน่นอย่างที่คิดว่าพอจะช่วยได้บาง
จุนมยอนจะไม่มีวันได้น้องชายคนเดิมกลับมาจริงๆแล้วใช่ไหม
เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำอย่างไร และควรยืนอยู่จุดไหนตรงชีวิตของเซฮุน
...หรือไม่มีที่สำหรับเขาแล้ว...
.
.
.
“ถ้าผมรู้สึกดีขึ้นเมื่อไร....ผมจะกลับมาหาพี่เอง” เซฮุนเอ่ยขึ้นเสียงเรียน ทำเอาจุนมยอนเงยหน้าขึ้นมองอีกคนทันที หากแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงจากด้านนอกก็ดังขึ้นเสียก่อน
ก๊อกๆ
“พี่เข้ามาขัดจังหวะรึเปล่า” เซฮุนส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบเมื่อเห็นว่าซีวอนเดินเข้ามา เขาเอื้อมมือไปรับผ้าขนหนูและชุดนอนจากร่างสูงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที จุนมยอนมองตามจนกระทั่งประตูปิดลง ซีวอนเดินเข้าไปหาน้องชายแล้วลูบหัวเบาๆอย่างให้กำลังใจ มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบาก
แต่เขาเชื่อว่าทั้งจุนมยอนและเซฮุนจะมีหัวใจที่เข้มแข็งและก้าวผ่านมันไปได้
ในระหว่างที่เซฮุนอาบน้ำ ซีวอนยังคงนั่งรออยู่ที่ห้องนอนของจุนมยอน มือแกร่งเอื้อมไปหยิบหนังสือมาพลิกไปพลิกอย่างไม่ใคร่จะสนใจอ่านนัก เขาแค่อยากอยู่นั่งอยู่เป็นเพื่อนน้องชายที่ตอนนี้เอาแต่นั่งมองประตูห้องน้ำเพื่อรอให้อีกคนออกมา
มือหนาปิดหนังสือลงแล้วเอื้อมไปเขย่าหัวจุนมยอนเบาๆพลางยิ้มให้ ซึ่งจุนมยอนเองก็ยิ้มตอบกลับมาบางๆอย่างรับรู้
.
.
.
.
ไม่ถึง 15 นาที เซฮุนก็เดินออกมาพร้อมกับชุดนอนที่เขาเตรียมไว้ให้อย่างเก้ๆกังๆ ก็แหงล่ะมันเป็นชุดนอนที่ทงเฮซื้อให้เขา แต่ซีวอนไม่คิดที่จะหยิบมาใส่เลยสักครั้ง ด้วยความที่มันน่ารักเกินไป แต่พออยู่บนตัวเซฮุนแล้วก็ดูดีไปอีกแบบ
“เด็กๆจะกินอะไรลองท้องก่อนนอนไหม” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทั้งเซฮุนกับจุนมยอนคงยังไม่ได้ทานอะไรกันมาแน่ๆ ซึ่งอันที่จริงเขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ สถานการณ์อย่างนี้คงไม่มีใครอยากทานอะไรกันหรอก และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆเมื่อเด็กทั้งสองคนต่างพากันส่ายหน้าพร้อมกันเป็นคำตอบ
“โอเค...เซฮุนเองก็นอนที่นี่กับจุนมยอนเลยแล้วกัน” พูดยังไม่ทันขาดคำเซฮุนที่กำลังเช็ดหัวอยู่กับจุนมยอนที่นั่งอยู่อยู่เตียงก็หันขวับมามองซีวอนเป็นตาเดียว
“เฮ่ ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะ ตอนเด็กๆยังนอนด้วยกันเลยนี่” ซีวอนพูดหน้าตาย หากแต่เด็กทั้งสองต่างคนต่างเสหน้าไปกันคนละทาง ประมาณว่า “ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว...”
แต่ดูเหมือนซีวอนจะไม่ได้สนใจท่าทางกดดันนั้นแม้แต่น้อย เขาเนียนดันหลังเด็กๆไปที่เตียง โดยให้เซฮุนเข้าไปนอนด้านในแล้วตามด้วยจุนมยอนที่นอนด้านนอก พอเห็นว่านอนกันเรียบร้อย มือแกร่งก็จัดการจับหยิบผ้านวมผืนใหญ่ขึ้นมาแล้วคลุมไปที่ร่างทั้งสอง จุนมยอนจับขอบผ้านวมเอาไว้อย่างเคยชิน ใบหน้าหวานนอนมองคนเป็นพี่ที่ยืนอยู่ตาแป๊วแม้จะยังบวมเป่งอยู่ก็ตาม
“แต่เมื่อก่อนเรานอนด้วยกันสามคนนี่” เซฮุนหันไปมองคนพูดแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับมามองหน้าซีวอนเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ตัวเล็ก
“มีหวังได้เตียงหักกันพอดีสิ” ให้ตายเถอะ...มันเป็นครั้งแรกที่ซีวอนไม่กล้าสบตาเด็กพวกนี้เลยจริงๆ แววตาที่ดูเหมือนต้องการจับโกหกผู้ต้องสงสัยยังไงยังงั้น เขาเลยเนียนด้วยการเดินไปจัดผ้าม่านให้เข้าที่ทั้งๆที่มันปิดไว้ดีอยู่แล้วก็ตามที มือแกร่งเปิดประตูกระจกระเบียงแล้วชะโงกหน้าออกไปดูราดราวด้านนอกแล้วกลับเข้ามา
แกร่ก
อ่อใช่...เขาไม่ลืมที่จะล๊อคมันด้วย
“หวังว่าวันนี้จะไม่มีแมวที่ไหนแอบย่องเขามานะ” เขาพูดพึมพำยิ้มๆ พลางหันไปยังเจ้าของห้องที่นอนอยู่บนเตียง พอสบตาเขารายนั้นก็เสหน้าไปทางอื่นทันที ซีวอนไหวไหล่เล็กน้อยแล้วเดินกลับไปที่เตียงจากนั้นจึงจัดผ้าห่มให้เด็กทั้งสองจนเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากแต่ละคนแล้วผละออกมา
“ฝันดีครับ” เสียงทุ้มบอกอบอุ่น มือแกร่งเอื้อมไปปิดสวิสไฟที่ตัวเตียงก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้เด็กทั้งสองอยู่ในห้องตามลำพัง สำหรับจุนมยอนอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่กับเซฮุนความรู้สึกแบบนี้มันนานมาเหลือเกินที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน...
++++++++++
ซีวอนเดินออกไปจากห้องสักพักแล้ว ทว่าต่างคนต่างรู้ดีว่ายังไม่มีใครหลับ จนกระทั่งเซฮุนเป็นฝ่ายขยับพลิกตัวหันตัวไปหาจุนมยอน ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน แสงไฟจากด้านนอกที่ลอดผ่านม่านบางเข้ามาทำให้ทั้งสองคนต่างนอนมองหน้ากันเงียบๆ ริมฝีปากบางของเซฮุนเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยบางคำออกไป
“ผมขอโทษ” ประโยคสั้นๆทว่าทำเอาอีกคนถึงกับน้ำตาร่วงเผาะทันทีที่พูดนั้นหลุดออกมา ก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น ความอึดอันทุกอย่างเหมือนกับพังทลายลงไปในทันที คำขอโทษที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากอีกแต่สำหรับจุนมยอนเขาไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากเซฮุนแม้แต่น้อย
และน้ำตานั่นก็ยังคงทำให้เซฮุนเจ็บปวดได้เสมอ จุนมยอนกำลังเสียใจ.....เพราะเขาเองก็ไม่ต่างกันแม้น้ำตาจะไม่ได้ไหลออกมา แต่เขารู้ดีว่าหัวใจเขามันกำลังร้องไห้จนรู้สึกเจ็บเพราะแรงเต้นของมัน
ใบหน้าคมหลับตาลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำใสๆออกจากพวงแก้มเนียนอย่างเบาๆมือ หากแต่จุนมยอนกลับส่ายหน้ารัว
“ไม่เป็นไร.....พี่ไม่เป็นไร” เขายกมือขึ้นมาทาบกันมือของเซฮุนเอาไว้ ก่อนจะรวบน้องชายตัวโตมากอดเอาไว้แน่นมือบางของจุนมยอนลูบกลุ่มผมสีชาไปมาอย่างแผ่วเบา เช่นเดียวกับแขนแกร่งที่ค่อยๆยกขึ้นมากอดพี่ชายตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ
ถ้าเพียงแค่ได้น้องชายคนเก่ากลับมาสำหรับจุนมยอนก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว....
“พี่จะรอ....ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ”
TBC
ไม่จบง่ะ T_T ตอนหน้าชัวร์ๆค่ะ
ความคิดเห็น