Cupid! , where are you!
“...คริสต์มาสปีนี้แปลกๆ จังเลยเนอะ ว่าไหม”
ผู้เข้าชมรวม
275
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
May this festive season sparkle and shine,
may all of your wishes and dreams come true,
and may you feel this happiness all year round. Merry Christmas!
: ) HAVE FUN !
⁕⁎*∗ : Cupid! , where are you!
“merry Christmas!”
“F*ck…”
“ไบรอัน”
“มันน่าอายจะตายไป”
“แม่ขอแค่รูปเดียว
ยิ้ม”
“ไม่”
“ไบรอัน
come on”
เด็กน้อยสะบัดตัวขืนออกจากวงแขนของแม่
เดินพ่นลมหายใจฟึดฟัด ลากเท้าไปยังโซฟาตัวนุ่มสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่กลางบ้าน
เขาทิ้งตัวลงนั่ง ถอนหายใจมองดูพ่อแม่ และบรรดาน้องสาวน้องชายถ่ายรูปร่วมกันกับต้นคริสมาสต์ที่เพิ่งจะช่วยกันตกแต่งเสร็จไปเมื่อช่วงหัวค่ำนี้
แสงไฟสีนวลตาระยิบระยับจนสว่างไปทั่วทั้งบ้าน ทั่วทั้งต้นแขวนประดับไปด้วยข้าวของชิ้นเล็กๆมากมายสำหรับตกแต่งต้นคริสมาสต์
ธันวาคม
เดือนแห่งคริสมาสต์ หิมะ และเพลง All I want for
Christmas ของ mariah carey
ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ยินดีปรีดาเมื่อช่วงเวลานี้มาถึง
เตรียมตัวกันตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อต้อนรับเทศกาลนี้
พากันออกจับจ่ายซื้อของมาตกแต่งบ้าน
เตรียมนัดหมายที่จะเดินกลางกลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ร่วมเฉลิมฉลองให้กับความสุขในค่ำคืนแห่งพระเจ้า
คล้ายกับทุกอย่างรอบตัวถูกบีบให้กลายเป็นโลกแห่งคริสต์มาส
จะไปที่ไหน โรงเรียน ที่บ้าน หรือแม้แต่ร้านค้า ทุกที่ก็อบอวลไปด้วยสีเขียว สีแดงเต็มไปหมด
หนัง ภาพยนตร์เกี่ยวกับวันแห่งความศุกร์นี้ก็ผุดขึ้นมาเยอะแยะมากมายจนเลือกดูไม่ไหวกันเลยทีเดียว
นึกแล้วก็น่าขำ
หนังวันคริสต์มาสส่วนมากก็ชอบเล่นเรื่องประเด็นปัญหาครอบครัว
โดยดำเนินเรื่องจากเด็กน้อยซนๆ หน้าตาดื้อๆคนหนึ่ง มีสิบเรื่องก็เป็นแบบนี้ไปแล้วแปดเรื่องเสียล่ะมั้ง
‘ไบรอัน’ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชูแก้วโกโก้ร้อนในมือขึ้นฟ้า
เขาในวัยสิบปีต้องมานั่งหน้าหงิกท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยคริสต์มาส
ถ้าหากนี่เป็นหนัง เขาก็คงจะเป็นเด็กดื้อหน้าตากวนส้นตีนที่ชอบก่อเรื่องแน่ๆ
ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคริสต์มาสหรอก
เบื่อมากกว่า คริสต์มาสสำหรับเขาก็เป็นเพียงแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงให้ความสำคัญกับมันจนดูเว่อร์เกินไป
ถึงขั้นต้องรีบปรบมือดี๊ด๊าตั้งแต่ต้นเดือน เข็นรถเข็นซื้อของมาแต่งบ้านกันเป็นว่าเล่น
เสียเงินโดยไม่ใช่เหตุเสียจริง
“นี่ๆ
ไบรอัน”
“อะไร”
เด็กหนุ่มตวัดตามองดูน้องสาวคนเล็กอย่างแพทริเซียที่ขยับเข้ามาเกาะข้างโซฟา
เขาแทบจะไหลจมลงไปกับโซฟานิ่มอยู่แล้ว ดูโทรทัศน์ตรงหน้านี่สิ แม่ก็เอาใจแต่น้อง
เลือกเปิดการ์ตูนซานตาคลอสหลอกเด็กไร้สาระที่ทำเอาพี่คนโตอย่างเขาต้องกลอกตาแทบจะทั้งเรื่อง
“นายว่าซานต้ามีจริงไหม”
“ไม่”
“มีจริงสิ! ซานต้า เรนเดียร์ แล้วก็ mr. sand man!”
“ไม่มี”
“ปีที่แล้วคุณซานต้าก็ให้ชุดนางฟ้ากับเรา!”
นั่นพ่อกับแม่ซื้อมาให้ต่างหาก เด็กโง่
การเป็นลูกชายคนโตบ้านนี้ช่างน่ารำคาญ
มีน้องสาวอยู่คนชื่อแพทริเซีย แม่ก็เอาอกเอาใจใหญ่ ส่วนน้องชายที่ชื่ออีริคก็เอาแต่อ่านหนังสือ
วันๆไม่ทำอะไรนอกจากดูสารคดีทดลองทางวิทยาศาสตร์ น่ากลัวว่าดตไปคงไม่พ้นเป็นไอ้เด็กเนิร์ดให้บรรดากุ๊ยหลังห้องเตะก้นเป็นแน่
ไบรอันรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างพูดไม่ถูก
เขาไม่ชอบบรรยากาศสีส้มอมชมพูในวันคริสต์มาสเอาเสียเลย
สิ่งเดียวสำหรับคริสต์มาสที่เขาชอบคือขนมปังอร่อยๆกับโกโก้ร้อนเท่านั้นแหละน่า
อีกกี่พันปีนะที่ไอ้เทศกาลนี้จะหายไป น่าเบื่อชะมัด
“ซานตาคลอสจะมาให้รางวัลเด็กดี
เราต้องได้แน่ๆเลย!”
“ก็บอกแล้วว่าซานต้าไม่มีจริง”
“อย่าเถียงเราสิไบรอัน”
“ให้ตายสิวะ
คุยกับเด็กก็เป็นแบบนี้ตลอด”
“ตัวเองก็เด็กเถอะ!”
“ฉันสิบปีแล้ว
แต่เธอน่ะเพิ่งห้าขวบ!”
“แม่
ไบรอันกับแพททะเลาะกันอีกแล้ว”
“โอ้
ให้ตายเถอะอีริค! นายจะขี้ฟ้องเหมือนยัยเด็กนี่ไม่ได้หรือเปล่า!”
ไบรอันโวยเสียงดัง
หมดอารมณ์จะดูหนังขึ้นมาเสียดื้อๆ วางแก้วโกโก้ร้อนของโปรดตัวเองลงกับโต๊ะเสียงดังจนมันเกือบจะกระฉอกออกมาด้านนอก
เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจฟึดฟัด เดินผ่านกองของขวัญปลอมๆที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อประดับบ้าน
ก็อดไม่ได้ที่จะใช้เท้าเตะไปทีเพราะมันเกะกะทาง เรียกเสียงโวยวายจากน้องสาวคนเล็กดังก้อง
เธอกำมือแน่น น้ำตาคลอหน่วย นึกไม่เข้าใจว่าทำไมไบรอันถึงได้จงเกลียดจงชังวันคริสต์มาสนัก
“มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย”
“...”
“ไบรอันเป็นเด็กนิสัยไม่ดี! ซานต้าไม่ให้ของขวัญแน่นอน”
❄
กึก กึก!
“ให้ตายสิ
มันอะไรอีกวะ!”
เสียงสบถของไบรอันดังขึ้น
เปลือกตาของเด็กน้อยค่อยเปิดกว้าง ภายในห้องนอนของเขามีเพียงความมืดมิด
เพราะใช้ผ้าม่านสีเข้มปิดบังแสงสว่างจากดวงไฟทั้งหลายนอกหน้าต่างบานนั้นมาร่วมเดือนแล้ว
ตกกลางคืนทีไรเขานอนไม่หลับเลยก็เพราะไฟแสงสีพวกนั้นจนต้องตัดสินใจให้พ่อซื้อผ้าม่านมาติดให้
แสงก็ว่าหนักแล้ว วันนี้ดันมีเสียงประหลาดดังขึ้นมาอีก
ครั้นจะทำใจหลับตานอนต่อไป
เสียงน่ารำคาญพวกนั้นก็ยังดังขึ้นไม่หยุด จนเขารู้สึกว่ามันไม่ได้ดังมาจากที่ไหนไกลเลย
เผลอๆอาจจะเป็นหลังคาบ้านเขาเองนี่แหละ
“โว้ย”
ไบรอันส่งเสียงโวยวาย
ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยความหงุดหงิด เขาอารมณ์เสียมาทั้งวันแล้ว เบื่อคริสมาสต์จนหน้าบูดไปหมด
แทบไม่อยากจะออกนอกบ้านไปได้ยินเพลงทำนองประหลาดๆของวันคริสต์มาสเลยแม้แต่น้อย
ได้แต่งขังตัวเองไว้ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหนถ้าหากว่าไม่จำเป็นเด็ดขาด พอตกดึก
อุตส่าห์ว่าจะตั้งใจหลับๆไปเสีย ก็ยังมีเสียงบ้าๆพวกนี้มาก่อกวนให้นอนไม่หลับเสียนี่
ปลายเท้าทั้งสองข้างค่อยก้าวออกมาจากเตียง
สวมใส่สลิปเปอร์นุ่มสีเข้ม แล้วสาวเท้าไปยังบานหน้าต่าง
ยอมที่จะกระชากผ้าม่านของตัวเองออก แสงสว่างด้านนอกส่องเข้ามาจนทำเอาเขาต้องหรี่ตา
ไบรอันเกลียดเหลือเกินกับไฟประดับที่ทั้งสิ้นเปลืองทั้งเปล่าประโยชน์พวกนี้
ไม่รู้ว่าพ่อของเขาคิดอะไรถึงได้นำไฟบ้าๆพวกนี้ขึ้นมาติดบนหลังคาด้วย
ข้างนอกเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน
เขามองออกไปก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร แต่เสียงดังกุกกักบนหลังคาก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น
จนท้ายที่สุดเด็กน้อยขี้รำคาญอย่างไบรอันก็ทนไม่ไหวที่จะเดินย้อนกลับมาหยิบเอาเสื้อกันหนาวขึ้นมาสวม
มือทั้งสองข้างเปิดหน้าต่างออก ไอเย็นที่แสนจะหนาวเหน็บลอยปะทะหน้า
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความหงุดหงิดของเขาลดลงแต่อย่างใด
ไบรอันผู้สุดแสนจะใจกล้าป่ายปีนออกมาจากบานหน้าต่าง
ก่อนจะไต่ไปตามหลังคาบ้านของตนเอง ตามเสียงกุกกักไปเรื่อยๆ
ก่อนที่จะชะโงกหน้ามองดูต้นเสียงที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้าตัวเอง
กึก กึก
“ฮึ้ย
ออกสิ! ทำไมไม่หลุดล่ะ!”
“...”
“ทำไมมัน...!!”
“...”
“แย่แล้ว!”
ไบรอันยืนเกาะหลังคานิ่ง
มองดูภาพตรงหน้าตาไม่กระพริบ
มีกวางตัวหนึ่งอยู่บนหลังคาบ้านเขา...และกวางตัวนั้นเพิ่งจะพูดภาษามนุษย์ไป
ใช่
กวาง กวางตัวเป็นๆ กระดิกหูกระดิกหางได้ด้วย
ทั้งเขาทั้งกวางน้อยตัวนั้นมองหน้ากัน
หนุ่มน้อยไบรอันขมวดคิ้ว ตรงหน้าเป็นกวางเรนเดียร์ตัวเล็กกว่าที่เขาเคยเห็นในสวนสัตว์หรือสารคดีของอีริค
ขนสีน้ำตาลเส้นเล็กๆเรียงตัวกันสวยงามดูนุ่มนิ่ม ขาของมันเรียวเล็กเหมือนอย่างตุ๊กตาเซรามิกที่แม่ซื้อมา
รอบคอมีกระดิ่งสีทองสุกใส ที่ประดับไปด้วยใบโอลีฟสีเขียว ดวงตาสีดำของมันช่างกลมโต
สุกใสอย่างมีชีวิตชีวา ปลายจมูกของมันแทนที่จะเป็นสีดำขลับ แต่กลับเป็นสีแดงระเรื่อเสียอย่างนั้นไป
เด็กหนุ่มชะงัก
มองดูเขาสีเข้มเล็กๆที่พันอยู่กับสายไฟบนหลังคาบ้านของเขา
มันดิ้นไปมาจนยิ่งทำให้สายไฟพวกนั้นพันหนักกว่าเดิมจนยุ่งเหยิงไปหมด
คล้ายกับว่าเกิดความกระอั่กกระอ่วนระหว่างเขาและกวางตรงหน้า
ไร้ซึ่งคำพูดใดออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม จนกระทั่งเขาปรายตาลงมองดูแอปเปิ้ลสีแดงที่นอนแอ้งแม้งคาอยู่ตรงรางน้ำ
ร่องรอยการแกะสลักคุ้นตาที่คล้ายกันกับงานฝีมือของแม่ มันอยู่บนนั้น จึงทำให้เขาจำได้ไม่ยากว่ามาจากบ้านใคร
ไอ้กว้างตัวนี้มันแอบเข้ามาในบ้านเขาไม่พอ
ยังจะมาติดสายไฟจนทำเอาเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนอีก
ใช่
ยอมรับว่าตกใจ ยอมรับว่ามันออกจะเกินจริงไปหน่อย แต่เจ้าสัตว์ประหลาดสี่ขามีเขา
พูดได้แถมยังใช้ตาวาวๆจ้องมาหากัน เป็นเรนเดียร์ของซานต้าคลอสไม่ผิดแน่
นี่อย่าบอกนะว่าตาเฒ่าซานตาคลอสเฉิ่มเชยที่ร้องโฮะ
โฮะ โฮะมันมีจริง
ประหลาดที่สุด
“กวางโง่”
“หา?”
“กวางโง่
เป็นถึงกวางซานต้าแต่โง่ทำเขาพันสายไฟ”
“...”
“โง่ในโง่”
“นี่!”
กวางวิเศษตัวน้อยย่ำขาลงกับหลังคาจนทำเอาหิมะร่วงลงไปที่พื้นบางส่วน
แววตากลมใสคล้ายไม่พอใจเท่าไรนักที่ถูกมนุษย์คนนี้ด่าว่าโง่
เขาเป็นถึงเรนเดียร์ของซานต้าเชียวนะ!
เด็กคนนี้ช่างนิสัยไม่ดีเสียเหลือเกิน กล้าด่ากวางซานต้าด้วยหน้าตาเฉยแบบนั้นได้ยังไงกัน!
“ปากเสีย!”
“...”
“เด็กนิสัยไม่ดี!”
“พูดมาก”
“พรที่เจ้าขอจะไม่เป็นจริง”
“ไม่เคยขอพรอะไรอยู่แล้ว”
“อะไรของเขาเนี่ย
เด็กคนนี้”
“แล้วจะทำไม”
“ทำไมถึงได้เป็นเด็ก...เฮ้! นายจะเข้ามาทำไม!”
“ช่วยเรนเดียร์ซานต้าที่มันโง่ๆตัวหนึ่ง”
ไบรอันตอบเสียงเรียบคล้ายเหนื่อยหน่าย
แล้วบุกคลานขึ้นไปบนหลังคาด้วยความคล่องแคล่ว กวางน้อยเบิกตากว้าง ส่งเสียงประหลาด
อยากจะขยับตัวหนีแต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้ ทำได้เพียงส่งเสียงร้องห้ามแปร่งๆ และย่ำขาไปมาก็เท่านั้น
นึกหงุดหงิดสายไฟที่พันเขาสวยๆของตนเองเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มเป่าลมหายใจออกมาเมื่อเริ่มรู้สึกหนาว
แก้มสีขาวเริ่มขึ้นสีระเรื่อเมื่อถูกความเย็นปะทะจังๆ เขาปีนขึ้นมาจนถึงเจ้ากวางตัวนั้น
แล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างในการช่วยแกะสายไฟออกให้ ในตอนแรกกวางก็ดิ้นไปมาคล้ายกับว่าไม่ต้องการที่จะให้เขาถูกเนื้อต้องตัวมัน
พยายามจะขยับหนี แต่สุดท้ายเมื่อหมดหนทางจะดิ้นรน ก็ต้องยอมยืนนิ่งๆให้ไบรอันช่วยแกะสายไฟออกจากเขาจนได้
“ดีๆนะเจ้าเด็กน้อย
เขาฉันสวยขนาดนี้ อย่าทำมันเสียเด็ดขาด”
“รู้แล้วน่า
ยืนให้มันนิ่งๆเถอะ”
ไบรอันเอ่ยพร้อมใช้สองมือแกะสายไฟออกด้วยความระมัดระวัง
ทุกท่วงท่าอยู่ในสายตาของกวางน้อยทั้งหมด ดวงตากลมโตจ้องดูปื้นสีแดงที่เริ่มลุกลามไปทั่วใบหน้าของเด็กหนุ่ม
เพราะอากาศที่หนาวเหน็บกำลังก่อตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบนใบหน้าเล็กๆนั่น ท้ายที่สุดก็อดใจไม่ไหวที่จะพ่นลมหายใจใส่
ไบรอันถลึงตามองดูกวางน้อยตรงหน้าทันที
“ลมหายใจของฉันจะช่วยไม่ให้นายหนาวตายไปก่อนแกะสายไฟให้ฉันสำเร็จ”
“ทีหลังก็บอกกันก่อนจะเป่าลม
มันตกใจ”
“แล้วแกะใกล้เสร็จหรือยัง! ฉันมีธุระต้องไปต่อนะ!”
“ใครใช้ให้โง่วิ่งชนสายไฟ”
“นี่!”
“เลิกโวยวายได้ไหม
มันจะเสร็จได้ยังไง”
กวางน้อยกระทืบเท้าอย่างนึกไม่พอใจ
แต่ก็ยอมยืนนิ่งให้เด็กประหลาดคนนี้ได้แกะสายไฟออกจากเขาทั้งสองข้าง นึกตกใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกจับได้โดยมนุษย์
แต่ที่ตกใจมากกว่านั้นก็คือมนุษย์คนนี้ไม่แม้แต่จะมีอาการตกใจ ไม่มีการกรีดร้อง
ไม่มีการกวักมือเรียกพ่อแม่มาดูเลยสักนิด มีเพียงสีหน้าเบื่อหน่าย กับปากร้ายๆเกินวัยจนไม่อยากจะส่งรายชื่อของเด็กคนนี้ให้ซานตาคลอสเลยสักนิด
ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักจนกระทั่งไบรอันแกะออกจนหมด
ขาหน้าทั้งสองข้างก็ย่ำขึ้นลงด้วยความดีใจ ส่งเสียงแหลมประหลาดออกมาโดยไม่รู้ตัว
กวางน้อยหมุนไปมารอบๆเพื่อทดสอบว่าไม่ติดพันอะไรอีกแล้ว แล้วจึงหันกลับไปมองเด็กหนุ่มปากร้ายที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้
ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดติดอยู่อย่างนี้จนมีคนอื่นมาเห็นอีกต้องแย่แน่ๆ
“แล้วอย่ามาส่งเสียงดังที่บ้านหลังนี้อีก
มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ”
อ่า
ที่แท้เด็กหน้าตาน่าเกลียดคนนี้ก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของเขานั่นเอง
“ไปล่ะ
กวางโง่” ไบรอันเอ่ยสั้นๆ ก่อนที่จะหมุนตัวกลับลงจากหลังคา เขาไม่คิดจะอยู่มองดูกวางตัวนั้นอีกต่อไป
รีบกลับไปนอนเสียจะได้ลืมๆฝันบ้าบอพวกนี้ไปให้หมด ทว่า
ก็ดูเหมือนเด็กน้อยจะรีบเกินไป เท้าข้างหนึ่งจึงได้ไถลจนเกือบจะลื่นตกลงไปจากหลังคา
ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
หัวใจของเด็กน้อยคล้ายร่วงหล่นลงไปอยู่กับพื้น
เขาหลับตาปี๋เพราะกลัวความเจ็บปวดที่อาจจะก่อตัวขึ้น ทว่า
ผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาก็ต้องค่อยลืมตาขึ้นมา แล้วมองดูปลายเท้าของตนที่ยังห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น
“จับฉันไว้!”
ถ้าหากนี่เป็นฝันในวันคริสต์มาส
ก็คงจะเป็นฝันที่ประหลาดที่สุดเท่าที่ไบรอันเคยฝันมา
กวางตัวนั้นหายไปแล้ว
เหลือเพียงร่างของมนุษย์ตัวจ้อยที่กำลังใช้แขนข้างหนึ่งในการช่วยเขาเอาไว้ ปลายจมูกสีแดงก่ำกับใบหูเล็กๆที่มีขนสีน้ำตาลประปราย
ดวงตาสีดำกลมใสแวววาวอย่างน่ามอง รอบคอยังมีกระดิ่งสีทองและใบโอลีฟประดับเอาไว้
เขาสีเข้มที่เจ้าตัวหวงนักหนายังอยู่ท่ามกลางกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน
มันดูนุ่มนิ่มคล้ายกับตุ๊กตากวางที่แม่ซื้อมา ช่วงหัวดูน่ารัก
ทว่า...ทั่วทั้งกายกลับเปล่าเปลือย ไบรอันชะงักไปที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างคล้ายเด็กผู้ชายวัยเดียวกันกับเขา
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากวางเรนเดียร์ของซานต้าแปลงร่างได้ด้วย
“ขึ้นมา! ฮึบ!”
อดีตกวางน้อยของซานตาคลอสดึงเขาขึ้นมา
น่าประหลาดที่ร่างกายของเด็กหนุ่มตัวเล็กๆแบบนั้นจะสามารถดึงเขาให้ลอยหวือขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
พลันปรากฏผงสีทองคำแวววาวเป็นประกายรอบตัว มันล่องลอยไปทั่ว สว่างไสวยิ่งกว่าดวงไฟจากบนหลังคานี่เสียอีก
ไบรอันหรี่ตา หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งตัวกำลังลอยหวือขึ้นมาจากพื้น
ลอยละล่องไปกลางอากาศ จนกระทั่งกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
ไบรอันยืนนิ่งงัน
หันกลับไปมองดูหน้าต่างบานนั้น...
ไร้ซึ่งเงาของกวางเรนเดียร์หน้าโง่
ไร้ซึ่งเงาของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล มีเพียงกระดิ่งสีทองสวยที่วางอยู่ตรงขอบหน้าต่างเท่านั้น
มองออกไปทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม เงียบสงัดเช่นทุกค่ำคืน
หิมะสีขาวยังคงโปรยปราย ไม่มีอีกแล้วกับผงสีทองปริศนาพวกนั้น
มือเล็กคว้าเอากระดิ่งที่ถูกวางทิ้งไว้ขึ้นมาดู
เงาสะท้อนของตนเองจากโลหะที่เงาวับทำให้เด็กน้อยรู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด...
หรือว่านี่จะเป็นปาฏิหาริย์วันคริสมาสต์ของเขาจริงๆ
ไบรอันในค่ำคืนคริสต์มาสครั้งที่สิบ...ตื่นเช้ามาพร้อมกับกระดิ่งสีทองที่เขากอดมันเอาไว้อยู่อย่างนั้นทั้งคืน
❄
"คิวปิด! ให้ตายสิ นายหลุดออกไปอีกแล้วเหรอ!"
"แหะ"
"เป็นเรนเดียร์ภาษาอะไร ดื้อจนหลงทางตลอด"
"โอ้!
นั่นแอปเปิ้ลของฉันใช่ไหม!"
“หมอนั่นไม่เคยจะฟังนายเลยสินะแดช”
เสียงกุกกักดังขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏกายของกวางน้อยตัวที่เล็กที่สุด
ขนสีน้ำตาลอ่อนเรียงสวยทั้งตัวดูนุ่มนิ่ม พวงหางเล็กกระดิกไปมา ขาทั้งสี่ข้างย่ำลงบนพื้นหิมะขาวโพลนอย่างนิ่มนวล
ดวงตาสีดำเงางาม ปลายจมูกแดงเล็กๆขยับฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแอปเปิ้ล
ยังไม่ทันจะได้ความอะไรเจ้าตัวเล็กนั่นก็วิ่งมางับแอปเปิลไปจากกวางอีกตัวเสียแล้ว
คิวปิดโผล่ทีไรเป็นอันต้องอดกินแอปเปิลตลอดเลย! ให้ตายสิ!
กวางหนุ่มผู้เป็นพี่ใหญ่สุดของกวางทั้งหมดอย่าง
แดชเชอร์ ชำเลืองมองดูน้องตัวเล็กแล้วส่ายหัวระอา คิวปิดหลงบ่อย ซุ่มซ่าม แถมยังตะกละ
กินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม น่ากลัวว่าจะไปเผลอทำอะไรประหลาดๆเข้าจนทำให้มีคนเห็นนี่สิ
นิสัยราวกับเด็กไม่รู้จักโตของคิวปิดทำเอาพวกเขาปวดหัวกันมานักต่อนักแล้ว
ทว่า
เมื่อลอบสังเกตดูร่างกาบนุ่มนิ่มของพ่อลูกกวางตัวจ้อย
แดชเชอร์ก็ร้องเสียงดังแล้วรีบย่ำเท้าเข้าหา วนดูรอบร่างกายของคิวปิด
ดวงตากลมโตฉายแววตื่นตระหนกเมื่อพบว่ากระดิ่งสีทองบริสุทธิ์อันเป็นของขวัญจากซานตาคลอสได้หายไปจากคอของน้องชายเสียแล้ว!
“คิวปิด!”
“หือ”
“กระดิ่งหายไปไหน”
กวางน้อยหลุบตาลงมองรอบคอตัวเอง
เมื่อไม่พบกระดิ่งทองสวยที่ตนเองเฝ้าหวงแหน แอปเปิ้ลที่ยังคาอยู่ในปากก็ร่วงหล่นลงกับพื้นทันที
เสียงฮือฮาดังขึ้น กวางเรนเดียร์อื่นๆที่เหลือต่างก็พากันมามุงดูเรนเดียร์น้องเล็กที่ซุ่มซ่ามทำกระดิ่งซานต้าหายไปเสียแล้ว
คิวปิดร้องเสียงหลงอย่างนึกตกใจ
ก่อนที่จะหมุนตัวไปมารอบๆด้วยความกระวนกระวาย
“ตายแล้วๆๆๆ”
“มันแย่มากเลยใช่ไหมแดช”
“ไปทำหายเอาไว้ที่ไหน
เกิดพวกมนุษย์เก็บไปได้ล่ะแย่แน่”
“ฮื่อ”
“เอาน่า
ระดับเจ้าจิ๋วนี่คงไม่พลาดทำหลงเอาไว้ในที่ที่มีคนอยู่หรอก” แพรนเซอร์ กวางหนุ่มอีกตัวเดินเข้ามาหยุดยืนข้างกัน
แดชเชอร์ก้มหน้าส่ายหัวไปมาจนเขาสวยส่ายไปทั่ว
ถอนหายใจเสียงดังใส่หน้าน้องตัวเล็กแล้วสะบัดก้นเดินหนี มองดูแสงตะวันที่กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า
สะท้อนกับหิมะขาวโพลนที่ไกลจนสุดลูกหูลูกตา
หมดเวลาของค่ำคืนคริสต์มาสแล้ว
เวลาของพวกเขาก็เช่นกัน
“เตรียมตัวออกเดินทางกลับได้แล้ว”
“...”
“ไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้คิวปิด
มันไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงมากหรอก”
“จริงหรือ”
“อืม
เว้นก็แต่...”
"??”
“เว้นก็แต่นายไม่ได้ให้พรเขาไป”
“...”
“ถ้าหากนายให้พรคนที่ได้กระดิ่งนายไป
เขาจะสามารถเรียกนายไปเมื่อไรก็ได้”
“!!”
“ฉันถึงบอกว่าไม่ต้องห่วง
อย่างนายไม่น่าจะให้พรใครหรอก ใช่ไหม คิวปิด”
❄
“ฮัดชิ่ว!”
เสียงจามดังก้องจนทำเอาหูอื้อขึ้นมาชั่วขณะ
ปลายจมูกแดงก่ำขยับไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาถูเพียงนิด รอบกายช่างหนาวเหน็บและขาวโพลนไปด้วยหิมะสีขาวที่กำลังโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอันมืดทะมึนคล้ายเป็นของขวัญจากคนด้านบนนั้น
วนมาอีกครั้งจนได้...คริสต์มาสปีที่ยี่สิบแปดของไบรอัน
จากหนุ่มน้อยหน้าตาดื้อด้าน
ตอนนี้ได้โตมาเป็นนายแบบหนุ่มสุดฮอตที่สาวๆพากันต่อคิวกรี้ดกร้าดกันทั่วเมือง
ใบหน้าหล่อเหลาที่มาพร้อมกับหุ่นล่ำๆ อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
ถ่ายลงปกนิตยาสารทีไรก็เป็นอันต้องถูกกวาดไปจนเกลี้ยง โด่งดังเสียจนได้เซ็นสัญญาเป็น
Brand ambassador ไปหลายแบรนด์แล้ว
เรียกได้ง่ายๆว่า....ไบรอันตอนนี้
เป็นเซเลบบริตี้และซุปเปอร์สตาร์คนดังนั่นแหละ
ทว่า
นิสัยขี้รำคาญ
ขี้บ่นขี้หงุดหงิดของไบรอันก็ยังไม่ได้ต่างจากตอนที่ยังเป็นเด็กสิบขวบเท่าไรนัก
เขาเติบโตเข้าสู้เส้นทางนายแบบอย่างงงๆ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบอะไร ส่วนแพทริเซียน้องเล็กก็กำลังเรียนมหาวิทยาลัย เป็นสาวสวยผมบลอนด์ครองใจชายทั้งรุ่นเช่นเดียวกัน
เว้นไว้ก็แต่พ่อหนุ่มอีริคที่เดินสายวิชาการจ๋า คล้ายว่าต้องการจะบรรจุเข้าองค์กรนาซ่าอย่างไรอย่างนั้น
เอาเถอะ
ขอให้ไอ้แว่นนั่นมันได้ออกนอกระบบสุริยะไปได้สักทีก็แล้วกัน
แม้อีริคจะเกิดมาผ่าเหล่าผ่ากอ
ฉลาดเป็นกรดแถมยังเก่งกาจด้านวิชาการขนาดนั้น แต่กลับมีแฟนสาวเป็นถึงซุปเปอร์โมเดลระดับประเทศเลยทีเดียว
แถมยังรักกันดี หวานชื่นรื่นรมย์ ที่เพิ่งจะจูงมือกันลอดประตูวิวาห์ไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
จนตอนนี้ก็มีลูกชายตัวน้อยให้ได้โอบอุ้มกันทั้งครอบครัวเรียบร้อย เขาเองก็เคยไปเยี่ยม
เด็กนั่นมองๆไปก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอก หวังว่าจะไม่ดตมาเป็นหนุ่มแว่นหน้าทึ่มๆเหมือนพ่อมันหรอกนะ
น้องชายเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว
น้องสาวคนเล็กก็มีคุยกับหนุ่มๆ แต่พี่ชายคนโตกลับยังครองโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ช่วงหลังๆเขาแทบจะไม่มีข่าวออกเดท
ไม่มีข่าวของเจ้าของหัวใจเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเมื่อก่อน เขาจะลองคบมาหมดแล้วทั้งชาย
ทั้งหญิง แต่ก็ไม่มีใครไปรอดกับพ่อหนุ่มไบรอันได้เลยสักราย
ขนาดนางแบบสาวที่คาดว่าน่าจะไปกันได้สวยก็ถูกสะบั้นรักลงในปีที่สองที่คบกันไปเสียอย่างนั้น
ถูกก่นด่าสาปส่งจากบรรดาแฟนคลับของทางสาวเจ้าไม่น้อยเลยทีเดียว
ดูเหมือนเรื่องชีวิตรักของพ่อซุปเปอร์สตาร์หนุ่มคนนี้จะต้องกลายเป็นปริศนาไปแล้วจริงๆ
พวกเขาสามคนแยกเส้นทางกันเดินมาตั้งแต่จบไฮสคูล
ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อไปเจอหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
เพราะแต่ละคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด จนกระทั่งปีนี้ ที่แพทริเซียต่อสายตรงมาหาเขา
สั่งใหญ่สั่งโตว่าให้เคลียร์คิวเพื่อกลับบ้านในวันคริสต์มาสที่จะถึงนี้ให้ได้
ไบรอันแม้ไม่อยากจะทำแต่ก็ต้องยอมไป ใช่ว่าเขาก็ไม่อยากเจอหน้าของครอบครัวตัวเองเสียหน่อย
[พาแฟนมาให้แม่เจอด้วยนะ!]
“ไม่มีทาง”
[ให้ตายสิ
หาแฟนได้แล้ว!]
“แค่นี้นะ
จะขับรถ”
[ไอ้ลูกคนนี้นี่
เอาเถอะ ขับดีๆก็แล้วกัน ช่วงนี้หิมะตกหนักเป็นพิเศษ]
หลังจากวางสาย
ชายหนุ่มก็ค่อยสตาร์ทรถแล้วขับเคลื่อนออกมาจากบ้านพักสุดหรูของตน
ขับขึ้นเส้นทางหลัก ใช้เวลาเดินทางอยู่ราวๆสามชั่วโมงเกือบสี่ชั่วโมงเพื่อข้ามรัฐกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตน
รถยนต์คันหรูค่อยเคลื่อนตัวเข้าสู้ถนนเส้นรองที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะคุ้นเคย
มือหนากดปิดวิทยุทันทีเมื่อเพลง
All I want for Christmas is you ของ mariah
carey ดังขึ้นเป็นรอบที่ล้านของวัน ใช่ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังอะไร
ก็แค่เบื่อที่ได้ยินบ่อยเกินไปก็เท่านั้น ฟังจนไม่อยากจะฟังมันเป็นอย่างไรก็คงจะชัดเจนดี
ทุกที่ที่เขาไปล้วนเปิดเพลงนี้คล้ายกับว่าเพลงวันคริสต์มาสมีอยู่แค่เพลงเดียวอย่างนั้นแหละ
ใช้เวลาอีกสักพักเขาก็กลับมาจนถึงบ้านหลังเล็กของครอบครัวตนเองจนได้
แสงไฟระยิบระยับยังคงถูกนำมาประดับตกแต่งรอบบ้าน สายไฟพันระโยงรยางค์ไปทั่ว ส่องแสงสีส้มโทนอบอุ่นให้อบอวลไปทั่วบริเวณบ้าน
เขามองดูรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าบ้าน ก็พอจะเดาได้เลยว่าเขาคงจะมาถึงที่นี่เป็นคนสุดท้ายแน่ๆ
อากาศนอกรถช่างหนาวเหน็บจนอดไม่ได้ที่จะเป่าลมร้อนใส่มือ
เขากระชับเสื้อโค้ทสีเข้ม แล้วจึงเดินตรงเข้าไปด้านในบ้าน ทว่า ก่อนจะเปิดประตูไบรอันก็ชะงักไปก่อน
ในหัวมีความคิดหนึ่งพุ่งขึ้นมา แล้วจึงตัดสินใจที่จะย่องผ่านไปยังข้างบ้าน
เลือกดึงเอาบันไดเก่าๆที่เคยใช้ปีนขึ้นบ้านสมัยเด็กลงมา มันส่งเสียงเอี้ยดอ้าด
แต่ถึงกระนั้นก็ยังใช้ได้ดี
ชายหนุ่มร่างโตปีนขึ้นไปยังหน้าต่างห้องของตัวเองด้วยความะมัดระวัง
ใช้กลเม็ดเดิมในการงัดหน้าต่างตัวเองแล้วแทรกตัวเข้าไปข้างในจนได้
ใครเล่าจะไปรู้วิธีเข้าห้องอย่างลับๆได้ถ้าไม่ใช่เจ้าของห้อง
มือทั้งสองข้างปัดป่ายกันไปมา
อากาศภายในห้องช่างดูอบอุ่น เขาถึงยอมถอดเสื้อโค้ทตัวหนาออกวางพาดไว้บนเตียง
แล้วเดินสำรวจรอบห้องของตนเองคร่าวๆ ไม่ได้กลับมาที่นี่นานเหมือนกัน ข้าวของบางส่วนก็ยังคงวางระเกะระกะ
เตียงนอนที่เคยใหญ่กลับดูเล็กลงถนัดตาเมื่อเทียบกับเขาในตอนนี้
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ littleskyofme2 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ littleskyofme2
ความคิดเห็น