คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เตรียมสอบวิชาสามัญ --> อังกฤษ
ตามมาด้วยวิชาภาษาอังกฤษก่อนดีกว่า : )).. เพราะพี่คิดว่า..เป็นวิชาที่ต้องใช้เวลาเลยทีเดียวสำหรับน้องที่ไม่ค่อยถนัด
ฉะนั้น..ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งได้เปรียบนะจ๊ะ : )) (สำหรับทุกวิชาเลยแหละเอาจริง ๆ สอบหมอห้ามทิ้งแม้แต่วิชาเดียวนะ !!)
LET'S TALK
ภาษาอังกฤษ..ดูเป็นวิชาสุดหินของใครหลาย ๆ คนเนอะ ?
ด้วยเพราะที่ว่าในข้อสอบเนื้อหามันดูครอบคลุมไปซะหมด ศัพท์ก็เยอะแยะมากมาย..
และการเรียนภาษาให้ใช้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ..มันก็แอบใช้เวลา (สำหรับพี่ การที่สักคนจะเก่งภาษานั้น ๆ มันขึ้นอยู่กับการใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าค่ะ :) เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการใช้ที่ถูกต้องจริง ๆ มากกว่านั่งอ่านแต่ไวยากรณ์หรือท่องศัพท์)
..แต่.. หากทำวิชานี้ได้..คะแนนจะช่วยมากเลยทีเดียว : ))
(เอาจริง ๆ นะ สำหรับพี่..ตั้งแต่ตอนสอบเตรียมฯละ พี่ว่าพี่ได้วิชาภาษาอังกฤษฉุดคะแนนขึ้นเยอะเลยทีเดียว!)
เพราะหากสังเกตตามสถิติคะแนนแล้ว.. (อ้างอิงช่วงคะแนน gat2 ต.ค.53)
เมื่อเทียบดูจำนวนคนที่ได้คะแนน 60%up ในวิชาอังกฤษ เลข และวิทย์
gat 2 (อังกฤษ) คนได้คะแนน 60%up (90-150) คิดเป็นจำนวน 6.97%
pat 1 (เลข) คนได้คะแนน 60%up (180-300) คิดเป็นจำนวน 0.2%
pat 2 (วิทย์)คนได้คะแนน 60%up (180-300) คิดเป็นจำนวน 1.21%
ดังนั้นถ้าเราได้อังกฤษน้อย..เท่ากับเราเสียเปรียบคนจำนวนตั้ง 6.97% เลยเชียวนะ !!
เห็นดังนี้แล้ว.. น้องคนไหนที่อ่อนอังกฤษ ก็ลุยเต็มที่ !! >_< !!
อย่าเพิ่งรีบท้อ... เพราะเพื่อนพี่คนนึงที่เคยตกอังกฤษ... สอบหมอครั้งนี้ทำภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียวเลยละ : )
ฉะนั้น..มาดูกันดีกว่า..
ในเวลาจำกัดสำหรับการเตรียมตัวสอบนี้.. เราควรจะทำยังไงเพื่ออัพคะแนนวิชาอังกฤษนี้ดี : )
PREPARATION
เนื่องจากบทความนี้มันเพื่อเตรียมสอบ พี่ก็จะแนะนำตามข้อสอบนี่แหละจ๊ะ =w=
ตามปกติทั่วไปแล้ว..ข้อสอบภาษาอังกฤษมันจะไม่ค่อยดิ้นอะไรมาก.. และแบ่งเป็น 4 part ใหญ่ ๆ คือ..
1. conversation
2. vocabulary
3. writing (พวก error analysis, sentence completion)
4. reading
มา..แล้วคราวนี้เราก็มาดูวิธีการเตรียมตัวแต่ละ part ดีกว่า : )
> Conversation
สำหรับข้อสอบพาร์ทนี้.. จะวัดเราอยู่ที่การใช้ภาษา ซึ่งมีทั้งตัวคำศัพท์ วลี สำนวน แทรกอยู่บ่อยมากกก
น้องหลายคนอาจเริ่มท้อ.. โธ่พี่ หนู/ผมไม่ใช่เจ้าของภาษา จะรู้ได้ไงว่าต้องใช้อันนี้ บลา ๆๆ
แต่..เพราะมันเป็นข้อสอบ.. มันย่อมทิ้งร่องรอยที่จะชี้ให้เรารู้ได้ว่าคำตอบที่เราต้องเลือกคืออะไร..
พี่จะยกตัวอย่างละกันนะ !
(ข้อสอบ eng o-net'53)
Mr.Carson is talking to a new colleague, Wichit.
Mr.Carson : ______(1)______
Wichit : In New York. I grew up there.
1.)
a. why were you at school?
b. how were you at school?
c. what did you do at school?
d. where did you go to school?
สังเกตเห็นร่องรอยมั้ยจ๊ะ ??
ร่องรอยคือคำตอบของวิชิดไง : ) เท่านี้..คิดว่าก็คงรู้แล้วนะว่าต้องตอบตัวเลือกอะไร
(ตัวเลือก d นั่นเอง เย่ได้คะแนนแล้วว)
(อย่าเพิ่งตกใจหากมันง่ายไป..ข้อสอบหมอก็ฟีลนี้แต่ conver ยาวกว่าจ๊ะ)
แต่..ในกรณีของพวกวลีต่าง ๆ เช่น get over, come across บลา ๆ ก็ต้องจำไว้หน่อยนะจ๊ะ : )
เพราะมันถือเป็นภาษาพูด.. ใน conver มีออกแน่นอน !!
>Vocabulary
พาร์ทที่พี่เกลียดที่สุด เนื่องจากพี่ไม่ชอบการท่องศัพท์มาก ๆ =w= (พี่จะจำศัพท์ได้สองกรณี คือ.. มีคนกรอกหู + ได้ใช้จริง ๆ )
แต่.. พาร์ทนี้.. หากน้อง ๆ ขยัน น้อง ๆ ก็จะสามารถเก็บคะแนนได้อย่างง่ายได้..
เพราะข้อสอบพาร์ทนี้ หากน้องรู้คำแปลศัพท์นั้น ๆ น้องก็(มักจะ)สามารถเลือกตัวเลือกที่ถูกต้องได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว : )
ตัวอย่างข้อสอบในพาร์ทนี้ก็เช่น.. ให้บอก synonym/antonym ของศัพท์คำ ๆ หนึ่ง (อาจขีดเส้นใต้คำว่าmanslaughter และถามว่าคำไหนที่แปลเหมือนคำนี้ ..โอ้ย เจ็บใจ o-net ข้อนี้อยู่เลย =*=)
แน่นอนว่าการท่องศัพท์ย่อมไม่ง่าย เพราะศัพท์มีเป็นล้าน ให้ตายน้องก็คงไม่รู้หมดทุกคำ = =..
แล้วเราจะท่อง/จำยังไงดีละ ??
*เทคนิคแรก.. สังเกตรากศัพท์.. เช่น dict = say/speak
คำที่มีคำนี้ก็จะเกี่ยวกะการพูดทั้งหมด.. เช่น
dictation เขียนตามคำบอก
dictionary พจนานุกรม (พจน์ = คำพูดด้วยใช่มะในภาษาไทย :) )
predict ทำนาย (อ้อ เพิ่มเติม.. pre เป็น prefix แปลว่าก่อน.. ถ้าเราไม่รู้คำแปลของคำนี้ แต่เรารู้คำว่า pre กะ dict เราก็แปลแบบเกรียน ๆ ก่อนก็ได้ว่า .. พูดก่อน.. พูดก่อนคืออะไรละ ..ก็เหมือนทำนายใช่ม้าา :) )
verdict คำพิพากษา
ฯลฯ
พอแบบนี้.. ต่อไปเวลาน้องจะท่องศัพท์ น้องก็ท่องศัพท์พวกนี้ให้อยู่กลุ่มเดียวกันให้หมด : )
นอกจากนี้..การสังเกตรากศัพท์จะช่วยน้องได้มากเวลาทำ reading passage แล้วแปลศัพท์ไม่ออกจ๊ะ : )
มันจะช่วงแนะทางการเดาค.หมายของคำศัพท์คำนั้นได้อีกด้วยย
*เทคนิคสอง.. synonym ช่วยได้ !!
เทคนิคนี้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอข้อสอบที่ถามแบบที่พี่ยกตัวอย่างไปด้านบน >_< !!
ภาษาก็เหมือน ๆ กันแหละนะ .. อย่างในไทยก็จะเรียกว่า ไวยพจน์ ใช่มะ คือคำที่มีค.หมายเหมือนกัน
นอกจากนี้.. ถ้าสมมุติเวลาน้องต้องเขียนเรียงความ หรือกล่าวสุนทรพจน์แล้ว น้องก็สามารถสรรคำที่สวยหรูมาเพิ่มความไฮโซโก้เก๋ให้ได้อีกด้วย !!
เช่น massive vast huge tremendous gigantic ที่แปลว่าใหญ่โตมโหฬารทั้งหมดจ้า : )
*เทคนิคสาม.. แต่งเป็นประโยค : )
สำหรับพี่..พี่ชอบอันนี้นะ เพราะมันทำให้เรารู้วิธีใช้จริง ๆ ละ
เช่น หากน้องสับสนคำว่า retain (กักเก็บ) กับ sustain (ยังชีพ)
น้องก็อาจแต่งเป็นประโยค
Dams retain water เขื่อนกักเก็บน้ำ
200 bath can sustain my life เงิน 200 บาทยังชีพฉันได้
อะไรแบบนี้แหละค่า : )
(แหะ ๆ จำได้จากครูสมศรี ^^ )
*เทคนิคสี่.. 3 อันบนมันเรียบไปอะพี่ เผอิญหนู/ผมรักในเสียงดนตรี !
จัดไปเต็มที่เลยจ๊ะเด็ก ๆ = = เอามันไปทำเป็นเพลงซะ =w=
แต่อันนี้พี่ไม่ค่อยแนะนำนะ..ดูจากประสบการณ์ตรงจากเพื่อนพี่คนนึงเอง 555
กว่าจะรู้คำแปลศัพท์นึงก็ร้องเพลงเกือบจบ =[]=!!
ค.จริงจำเป็นเพลงมันก็ดี เพราะเราจะจำอะไรที่เป็นทำนองได้ดีกว่าเรียบ ๆ
แต่ยังไงถ้าจะร้องเป็นเพลงก็ดึงคำแปลนั้นออกมาไว ๆ นะจ๊ะ..อย่าโก๊ะแบบเพื่อนพี่ =w=b
แต่ยังไงก็ตาม.. พี่แนะนำเทคนิค 3 ที่สุด.. เพราะมันจะไม่ใช่แค่ว่าเราใช้สำหรับการสอบ แต่เราจะสามารถใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปในอนาคตได้นะคะ..
แต่พี่ก็รู้ว่ากว่าจะแต่งประโยคนึงให้กับคำนึงได้ (แบบที่ตัวเองจำได้ด้วย) มันก็เสียเวลา+เปลือง memory บ้าง..
ยังไง..พี่ก็อยากให้น้องลองทุกวิธีเท่าที่ยังมีเวลาอยู่ แล้วค้นพบให้เจอว่าตัวเองถนัดแบบไหน แล้วทำให้ดีที่
สุดไปเลยนะคะ ! พาร์ทนี้มันเก็บคะแนนได้ง่ายจริง ๆ พี่ยังเสียดายเลยที่พี่ไม่ยอมท่องศัพท์น่ะ : (
>Writing
พาร์ทนี้พี่ชอบนะ : )... เพราะไม่ต้องรู้คำแปลศัพท์นั่นเอง ใช้วิธีจับผิด 55
แต่ก็เป็นพาร์ทที่ดูเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ถ้าไม่แม่นจริง แต่ ๆ grammar ใน error analysis ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรนัก ถ้าเราจับหลักได้
เด่น ๆ ของ error analysis ที่ชอบออกก็จะเป็นพวก..
1. ใช้คำไม่ถูกตำแหน่งหน้าที่ ตำแหน่งใดควรเป็น n. v. adj. adv. ,, เช็คเรื่อง word function
2. กริยาไม่สัมพันธ์กับประธาน เช่น ประธานเป็นเอกพจน์แต่กริยาเป็นพหูพจน์ ***
3. การใช้กริยาแท้/ไม่แท้ กริยาช่วย ***
4. การใช้คำเชื่อม - สันธาน/บุพบท
5. การใช้สรรพนามแทนนาม และ possessive adj.
6. การใช้ active/passive voices รวมถึง special verb of feeling และ have หรือ get something done
7. การลำดับคำในประโยค indirect
8. การใช้ article
(อ้างอิงจากเอกสารประกอบการสอนร.ร.เตรียมอุดมศึกษา)
(อันที่ใส่ดาวไว้..พี่ใส่เองนะ.. เพราะพี่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เจอเยอะมาก ๆๆๆๆๆ)
(แต่ไม่ใช่ว่าอ่านแค่เฉพาะ 8 ข้อนี้นะ =_=.. 8 ข้อนี้คือให้ดูมากเป็นพิเศษเพราะออกบ่อย)
อีกประเภทของ writing ที่เจอในข้อสอบบ่อย ๆ ก็คือ sentence completion นั่นเอง..
เด่น ๆ ก็จะออกคล้าย ๆ error นั่นแหละ แต่ที่สำคัญของ sentence completion คือ.. ค.สัมพันธ์ระหว่างประโยคหน้ากะส่วนที่จะเติมไป (คู่ขนาน/ขัดแย้ง)
อารมณ์ก็คือ.. ก็ต้องแปลออกบ้างแล้วละส่วนนี้ =w=
เช่น..
Samples of a very special tomato are collected somewhere deep in the mountains of Peru. _________; it is remarkably ugly -- a green, berrylike fruit that is not good to eat. However, it has a winning quality. It is twice as meaty as an ordinary tomato.
1. This tomato can grow at high altitudes
2. This tomato is resistant to drought and disease
3. This tomato is one of the new super plants scientists have discovered
4. This tomato will never win a prize at a crop fair
(ข้อสอบ GAT รอบ ก.ค.'53)
ให้เวลาคิดติ้กต๊อก ๆๆ .. ข้อนี้ตอบอะไรหว่า ??
สังเกตเครื่องหมาย ; it is บลา ๆๆ
แปลว่าประโยคหลัง ; มันกำลังขยายประโยคที่อยู่ด้านหน้า(ประโยคที่หายไป)อยู่
และนอกจากนี้.. จนจบประโยคนั้น มี However ซึ่งแสดงถึงเนื้อหาที่ขัดแย้งกันระหว่างประโยคด้านหน้าและประโยคด้านหลัง
สมมุติน้องแปลอะไรไม่ออกเลย ! แปลออกแค่ว่า อย่างไรก็ตาม มันมีคุณภาพเยี่ยม (winning quality)
น้องก็มามาคิด.. มัน ___ แต่คุณภาพเยี่ยม
มันเหมือนการเปรียบเทียบระหว่างภายในกะภายนอก (ข้างนอกขรุขระข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง)
ก็ลองเดา.. มันรูปร่างเห่ยมากก แต่คุณภาพเยี่ยม (อร่อย)
แล้วใน 4 ประโยคที่กล่าวมา..อะไรใกล้เคียงกับรูปร่างเห่ยละคะ ?
..
น้องคนไหนตอบข้อ 4 เอาไปเลย 2.5 คะแนน : )
(มะเขือเทศนี้ไม่มีทางที่จะชนะการประกวดผลไม้ได้.. การประกวดผลไม้ส่วนใหญ่ดูจากรูปร่างมัน (?) )
ส่วนนอกจากการนั่งอ่าน grammar แล้ว.. วิธีที่พี่คิดว่าช่วยได้สมควรคือ..อ่านไปควบคู่กะ reading นี่แหละ
เพราะเวลาอ่านพวก passage มันจะเป็น grammar ที่ถูกต้อง.. เมื่อเราอ่านจนคุ้นเคยกับมัน เพราะมาทำ error analysis จะทำให้สามารถจับจุดผิดได้ดียิ่งขึ้นค่ะ : ) !
>Reading
เป็นพาร์ทที่(น่าจะ)เก็บคะแนนง่ายที่สุดแล้วละ : ))
และน้องบางคนก็คงโอดครวญอยู่...พี่ ? มันง่ายยังไงอะ ถ้าหนูไม่รู้ศัพท์ละ หนูแปลไม่ออก
พี่ก็แปลไม่ออกแหละ =w= .. แต่.. เวลาเจอคำมาเยอะ ๆ ดูบริบทรอบ ๆ เราก็จะพอเข้าใจค.หมายคร่าว ๆ
ได้จริงมะ : )
เทคนิคของ reading ไม่ใช่รู้ศัพท์ทุกคำ.. แต่อ่านแล้วเข้าใจบทความซะมากกว่า !
เพราะข้อสอบส่วนนี้จะเน้นถาม MAIN IDEA !!
หรือไม่ก็ถามตรง ๆ เลย.. เช่นพวก information ต่าง ๆ (which is true/not true according to the
passage? etc.)
บางครั้ง.. ไม่ต้องอ่านทั้ง passage ก็สามารถทำข้อสอบได้ทุกข้อด้วยซ้ำ !!
(แต่ถ้าเพื่อค.ชัวร์ ถ้าเวลาเหลือพี่แนะให้อ่านทั้งหมดนะ : ) )
สำหรับข้อสอบแนว reading.. พี่แนะนำให้อ่านคำถามและคำตอบทั้งหมดก่อน เพราะมันจะทำให้เราได้รู้เนื้อ
เรื่องเกี่ยวกับบทความนั้น ๆ ได้คร่าว ๆ
พอจากนั้น กวาดสายตาดูบทความทั้งหมด.. พยายามหาสิ่งที่คำถามถามหาแล้วตอบได้เลย (ส่วนใหญ่คำ
ตอบก็มีชัดเจนในตัวเลือกแล้วละ)
และนอกจากนี้..พวกที่ถามคำศัพท์เช่น what is the meaning/synonym of '______'
บางทีเราไม่รู้คำ ๆ นั้นก็พอจะเดาได้นะ กรณีเช่น
What increasingly looks like a civil war in Libya is an unusual conflict, since outside humanitarian
agencies have so little role in the country. Independent eyes and ears on the ground are essential
if there is to be any proper assessment of the humanitarian conditions, and where urgent
medical aid needs to be sent.
eyes and ears on the ground..
อย่าเพิ่งตกใจหากไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรก็ลองดูรอบ ๆ ก่อน และลองสมมุติว่าคำที่ไม่รู้เป็นคำ ๆ นึง เช่น A
เราก็ลองแปลจากเท่าที่รู้.. A อิสระนั้นจำเป็น..
แล้วอะไรที่จำเป็นเกี่ยวกะสงครามกลางเมือง ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครต้องการรับการรักษาอะไรที่ไหน
พอนึกออกยัง จะหาอะไรไปแทน A ดี ?
พวกนักข่าวก็ได้จ่ะ : ) ก็พอ make sense ได้เน๊าะ !
(แถมม : eyes and ears on the ground = people who are able to report what is going on there)
(ขอบคุณข่าวจาก BBC )
และก็..สำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรเยอะ (พี่รู้นา..พี่ก็เป็น เห็นเยอะ ๆ แล้วบางทีขี้เกียจอ่าน)
ก็ลองฝึกอ่านข่าว/บทความ ภาษาอังกฤษ
ก็จะช่วยให้อ่านพวกนี้ได้เร็วขึ้นนะ : )
RECOMMENDED BOOKS
หนังสือข้อสอบย้อนหลัง.. ค.จริงจะของสำนักพิมพ์ไหนก็ได้นะ แต่ที่พี่ใช้ก็มี,,
- AX absolute exam kit - อริสรา ธนาปกิจ
อันนี้ไม่รู้ว่าอันที่เล่มควาย ๆ หลาย ๆ ฉบับจะยังมีอยู่มั้ย = ="
เฉลยละเอียดมากก ละเอียดเกินไปสำหรับน้องที่เก่งแล้ว..
แต่สำหรับน้องที่ไม่ถนัด .. เล่มนี้จะเป็นเล่มที่ควรค่าแก่การชาบูมากที่สุด !
- เตรียมสอบ Admissions เฉลยข้อสอบภาษาอังกฤษ (ชุด 10 พ.ศ.) - ผศ.ดวงฤดี กาญจนพันธุ์ และคณะ , ภูมิบัณฑิต
พี่ใช้เล่มนี้ละ : )
ส่วนตัวพี่ชอบเฉลยของเล่มนี้เพราะไม่เยิ้นเย่อดี 5555 (พี่ขี้เกียจอ่านอะไรมากน่านะ.. น้องคนไหนไม่แม่นห้ามลอกเลียนแบบนะจ่ะ ! ตามที่พี่บอกไปแต่ต้นว่า..วิชาอังกฤษนี่ของหวานพี่ =w=)
หนังสือเตรียมสอบ CU-TEP / TU-GET / SMART-1 ดูของวิชาภาษาอังกฤษพี่ว่าก็โอเคอยู่นะ : )
อย่างของพี่เองพี่ใช้หนังสือ CU-TEP จ้า
- เตรียมสอบ CU-TEP + CD - สุทิน พูลสวัสดิ์
- CU-TEP PRACTICE TEST - สถาบันภาษา จฬ.
แต่ถ้าเพื่อค.exclusive.. ก็ซื้อแยกที่เป็น reading กะ writing เลยจ่ะ : )
- มันไม่ใช่หนังสือ..แต่พี่อยากแนะนำมากกก >_<
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/
- สำหรับฝึก reading.. อันนี้พี่เห็นจากเพื่อน ๆ นะ เห็นเค้าแนะนำกันว่าดี : D
read while you breath 1-2 - enconcept
(แต่ไม่รู้ว่าจะมีวางขายทั่วไปมั้ย ? ลองติดต่อที่โรงเรียนเขาดูนะคะ)
- นอกจากนี้.. สำหรับพวกคำศัพท์.. พี่ไม่มีหนังสือแนะนำเป็นพิเศษนะ ? 55555 (ก็ตามที่บอก พี่ไม่ชอบท่อง =*=)
แต่พี่เชื่อว่าน้องหลายคนเรียนพิเศษอังกฤษกันช้ะ ไม่ว่าจะเป็นที่ครูสมศรี enconcept หรืออื่น ๆ
สำหรับพี่ พี่ว่าคำศัพท์ที่สอนจากทุก ๆ สถาบันมันก็ครอบคลุมคล้ายกันหมดแหละ
(ก็คำศัพท์ยอดฮิตนี่นาา ใช้บ่อย เจอบ่อย)
ฉะนั้น ตั้งใจท่องตามที่อาจารย์เค้าสอน..ก็เพียงพอ(ระดับหนึ่ง) แล้วค่ะ : )
แต่อย่างถ้าน้องที่ไม่ได้เรียนพิเศษ.. พี่แอบแนะนำคำศัพท์ 4 หน้าของครูสมศรีแหละ
(เพราะที่ร.ร.เค้าแจกฟรี.. น้องสามารถลองดูรายละเอียดได้ที่เวบโรงเรียนเลยนะคะ)
ก็..วิชานี้พี่ยังขอยืนยันว่าเป็นวิชาที่ตัดคะแนนกันได้มากที่สุด
น้องที่เก่ง..อย่าประมาท.. ทำให้ดีที่สุดนะคะ ! (พี่ยังแอบเซงนิดหน่อย น่าจะทุ่มอ่านภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้ คะแนนจะได้เมพ ๆ 555)
น้องที่ไม่ถนัด.. สู้ตายเลยน้อง ! ทุ่มสุดตัว ! : )) พี่เชื่อว่าน้อง ๆ ทุกคนทำได้อยู่แล้วว !!
ความคิดเห็น