ตอนที่ 32 : มายาที่ 30 ตัวแทนงานประลอง <= [100%]
มายาที่ 30
ตัวแทนงานประลอง [1]
ข่าวเรื่องที่มีนักฆ่าลอบเข้าไปสังหารฮิเอ็นถึงในพระราชวังหลวงเมืองเอราเดสแพร่กระจายไปทั่วมหานครอย่างรวดเร็ว ประชาชนต่างพากันตื่นกลัวและพากันกล่าวประณามการกระทำของโลกมืดกันอย่างบ้าคลั่ง กองกำลังรักษาความปลอดภัยของแต่ละเมืองทวีกำลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ใบประกาศจับโทนินและผู้ร่วมทีมอีกสามคนปลิวว่อนให้ทั่วมหานคร
หลังจากอนามันสั่งให้โลกมืดหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว คนของโลกมืดก็พากันเงียบหาย ไม่มีคดีลอบสังหารใดๆ ไม่มีคดีลักพาตัวใดๆ ไม่มีแม้แต่เงาของคนโลกมืด ชีวิตประจำวันของแต่ละคนดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและสงบสุข
กองกำลังทหารของแต่ละเมืองยังคงดำเนินการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่กำลังจะปะทุขึ้นอย่างขยันขันแข็ง
กระแสการไหลของเวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วดั่งสายน้ำ เวลาผ่านไปได้เกือบห้าเดือนเต็มๆแล้วนับตั้งแต่อนามันสั่งหยุดการเคลื่อนไหวของโลกมืด ไม่มีข่าวของโลกมืดผ่านหูเฟลมไปเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่แค่เฟลมเท่านั้น แต่ทั้งนิก สองแฝด และบรรดานักข่าวโลกมืดทั้งหลายต่างก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทุกคนในโลกมืดปรารถนามาแสนนาน เวลาที่เฟลมและสองแฝดแสนจะชื่นชอบ เวลาแห่งความสงบสุข
แต่การใช้ชีวิตในโรงเรียนก็ใช่ว่าจะสงบสุขอย่างที่เฟลมคิด ในเมื่อเฟลมยังต้องเรียนหนังสืออย่างหนัก ทำการบ้านที่มีอยู่กองพะเนิน และยังต้องฝึกพิเศษทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ถ้ามีเวลาว่างก็ยังต้องมาคอยสอนเพื่อนๆที่ไม่ได้เข้าร่วมฝึกพิเศษให้หัดใช้พลังเวทย์อีก พูดได้คำเดียวว่าเหนื่อยอย่างสุดซึ้ง
การเรียนการสอนที่เฟลมเคยคิดไว้ว่ามันแสนจะง่ายดายกลับไม่เป็นไปตามที่เฟลมคิดแล้วในตอนนี้ หลังจากที่นักเรียนปีหนึ่งเริ่มปรับตัวจนชินกับการเรียนการสอนแล้ว การเรียนแต่ละวิชาก็หนักขึ้นจนน่าตกใจ
วิชาแรกคือวิชาคำนวณบัญชีชั้นสูง วิชาที่อาจารย์
นั่นก็ยังพอรับได้ในระดับหนึ่ง แต่พี่แกเล่นสั่งการบ้านเลขเด็กทีละห้าร้อยข้อนี่สิที่เฟลมรับไม่ได้ เลขแต่ละข้อก็แสนจะยากแสนยาก ถ้าทำไม่เสร็จละก็ พี่แกจะเปลี่ยนจากอาจารย์หนุ่มไฟแรงเป็นซาตานหนุ่มทันที วิ่งรอบโรงเรียนห้าสิบรอบเป็นการลงโทษที่ทำการบ้านไม่เสร็จ คงไม่มีใครปรารถนาอยากจะทำอย่างแน่นอน
วิชาต่อมาคือวิชากฎหมายมหานครของอาจารย์
วิชาถัดมาเป็นวิชาการพยาบาลของไดอาน่า รัน วิชานี้ก็ไม่มีอะไรมากมายนัก แค่ทำแผลได้ก็ถือว่าสอบผ่าน แต่คนที่โชคร้ายที่สุดก็คงจะเป็นพวกนักเรียนที่ใช้พลังเวทย์รักษาหรือเวทย์มนต์ได้ เพราะอาจารย์แกมักจะจับตาเคี่ยวคนเหล่านี้เป็นพิเศษ เคี่ยวหนักจนถึงขนาดที่ว่าลินนะยังล้มฟุบมาแล้วหลายรอบ
วิชาถัดมาคือวิชาแนะแนววิชาและอนาคตของดรีม อาจารย์สาวตัวเล็กน่ารัก วิชานี้เป็นวิชาที่ทุกคนมักจะรอคอย เพราะดรีมไม่ค่อยได้สอนอะไรอยู่แล้ว ส่วนมากจะปล่อยให้นักเรียนนั่งทำการบ้านเสียมากกว่า แถมบางครั้งยังช่วยนักเรียนทำการบ้านอีกต่างหาก
วิชาต่อมาคือวิชาประวัติศาสตร์มหานครของเอซี โดเวล อาจารย์สาวแสนสวยผู้มีแว่นตาหนากรอบสีทองเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว วิชานี้เป็นวิชาที่สองแฝดและเพื่อนๆในห้องต่างเกรงกลัวเป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากเรียนประวัติความเป็นมาของมหานคร แต่ที่ไม่อยากเรียนก็เพราะอาจารย์เอซีแกสุดจะโหดน่ะสิ
ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนนางฟ้าใจดี แต่ข้างในน่ะต่างกันราวกับฟ้ากับเหว ถ้ามีนักเรียนแม้แต่คนเดียวคุยกันในชั้น อาจารย์แกก็จะสั่งทำรายงานเรื่องมารยาทในห้องเรียนห้าสิบหน้าทันที ไม่ใช่สั่งทำแค่คนเดียว แต่สั่งทำทีทั้งห้อง ถ้ามีคนคุยเพิ่มก็สั่งเพิ่มเป็นร้อยหน้า ถ้าไม่ส่งก็สองร้อยหน้า เป็นวิชาที่น่ากลัวเกินบรรยาย
วิชาถัดมาเป็นวิชาเมืองมิตรทั้งห้าของอาจารย์ริค อาจารย์หนุ่มผู้แสนสุภาพและผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มพิฆาต รอยยิ้มที่ทุกคนต่างเกรงกลัว ถึงแม้เสียงบรรยายของพี่แกจะนุ่มนวลชวนนอนขนาดไหน แต่ถ้าหลับในคาบของแก พี่แกจะสั่งทำรายงานห้าร้อยหน้าทันที ซึ่งทัสและนีออนเคยโดนมาแล้วเกือบสิบรอบ
สองวิชาสุดท้ายคือวิชาที่เด็กปีหนึ่งทั้งสายชั้นต่างขนานนามให้ว่า วิชานรกส่งมา วิชานั้นจะเป็นวิชาอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากวิชาศาตราและอาวุธของเอียน และวิชากำลังกายของหลินซึ่งมาสอนแทนนิสย่า
ทั้งสองมักจะเคี่ยวเหล่าตัวแทนทั้งสิบอย่างเมามันโดยไม่ดูว่านักเรียนเหนื่อยจนลิ้นห้อยขนาดไหน แต่การเคี่ยวในคาบและการฝึกพิเศษของทั้งคู่ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอยู่เหมือนกัน เพราะกาโอสามารถใช้ดาบได้อย่างคล่องแคล่ว เหมือนนายทัพใหญ่ยังไงยังงั้น ทั้งๆที่เพิ่งฝึกได้แค่ห้าเดือน
เปมินเองก็เช่นกัน ถึงแม้จะไม่เคยจับดาบมาก่อน แต่พอเพื่อนๆและอาจารย์ช่วยกันสอน เปมินก็กลายเป็นนักดาบที่ดูสง่าได้อย่างรวดเร็ว
ฝีมือของเฟลมและสองฝาแฝดก็รุดหน้าขึ้นมาก ความเร็วและความแรงในการเหวี่ยงดาบของเฟลมเพิ่มขึ้นมากจนน่าตกใจ สองแฝดเองก็เช่นกัน การรำดาบสั้นคู่พร้อมกันสี่เล่มไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทั้งคู่สามารถรำได้อย่างคล่องแคล่วและสวยงาม เป็นนักดาบคู่ที่เก่งที่สุดในโรงเรียนแล้วตอนนี้
หลังจากผ่านการฝึกพิเศษอย่างหนักและการเรียนมาอย่างโชกโชนได้ห้าเดือน วันเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เดือนธันวาคม เดือนแห่งการเริ่มต้นฤดูหนาว และแล้ว เวลาที่เฟลมและนักเรียนทุกๆคนในโรงเรียนเกรงกลัวก็มาถึง เวลาแห่งการสอบปลายภาค !!!
.
โถงประชุมรวมของนักเรียนชั้นปีหนึ่งโรงเรียนไดมอนเต็มไปด้วยนักเรียนร่วมสามสิบคน เฟลมและเหล่าเพื่อนซี้นั่งรวมกันอยู่ตรงหน้าเตาผิงไฟขนาดใหญ่ของโถงประชุม อากาศในเดือนนี้หนาวเสียเหลือเกิน หิมะเริ่มตกประปราย ลมหายใจที่พ่นออกมามักจะมีไอสีขาวขุ่นลอยตามออกมาด้วยเสมอ ลินนะหันกลับไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังด้านหลัง เวลาในตอนนี้เกือบจะหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว
ประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ของโถงประชุมรวมเปิดออกอย่างแช่มช้า ตามมาด้วยร่างของหลินและพี่เลี้ยงอีกสามคน จานา โอริ และเบลล์ หลินยิ้มน้อยๆให้นักเรียนทุกคนก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย
เด็กปีหนึ่งทั้งหมดลุกขึ้นยืนทำความเคารพตามมารยาทก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งอีกครั้งพลางถูมือทั้งสองข้างอย่างเอาเป็นเอาตาย อากาศหนาวช่างไม่เกรงใจใครเอาเสียเลย ถึงแม้จะอยู่ในห้องปิดและมีเตาผิงขนาดใหญ่ แต่ความหนาวก็ยังคงรุนแรงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
สวัสดียามค่ำนักเรียนทุกคน วันนี้ครูจะมาแจ้งเรื่องการสอบปลายภาคให้พวกเจ้าได้ทราบกัน หลินเอ่ยเริ่มเสียงเรียบ มีเสียงโอดครวญหลุดออกมาดั่งที่หลินคาดไว้ หลินหัวเราะน้อยๆก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตพูดต่อ
การสอบปลายภาคจะถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นั่นก็คือวันที่สิบห้าของเดือนนี้ หลินเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง
เวลาสองอาทิตย์ที่เหลือเราจะไม่มีการเรียนการสอนกัน แต่จะให้พวกเจ้าได้หยุดพักและอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมา โอริอธิบายเสริม นักเรียนหลายคนเริ่มยิ้มกันแก้มแทบปริ บางคนถึงขนาดร้องเฮออกมาเบาๆเมื่อได้ยินโอริบอกว่าจะไม่มีการเรียนการสอน
อย่าเพิ่งดีใจกันไป ที่พวกข้าให้เวลาถึงสองอาทิตย์ในการอ่านหนังสือสอบน่ะ พวกเจ้าคงพอจะเดากันได้ใช่ไหมว่าข้อสอบจะยากแค่ไหน จานาเอ่ยเพิ่มเติมด้วยเสียงเฉยชา เฟลมและสองแฝดนึกสยองตามจานาอยู่ในใจ
ให้เวลาถึงสองอาทิตย์ในการเตรียมตัวก่อนสอบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้อสอบคงจะยากแบบมหาโหด เฟลมกลืนน้ำลายเอื๊อก นึกอยากกลับไปหาอนามันใจจะขาด แต่จะว่าไปแล้ว อนามันก็ไม่คิดจะสั่งให้เฟลมเริ่มทำภารกิจซักที ถ้าหากอนามันยังไม่สั่งให้ลงมือล่ะก็ เฟลมกลัวว่าบางทีเขาอาจจะไม่สามารถทำงานลอบสังหารองค์รัชทายาททั้ง5ได้อีกแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเฟลมคงลงมือสังหารพวกของลินนะได้อย่างง่ายดายโดยไม่ลังเล แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าฆ่าไม่ลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
คิดไปคิดมาสมองก็เริ่มปวดตุ้บๆ เฟลมสะบัดศีรษะไปมาแรงๆเพื่อไล่ความคิดที่ชวนปวดหัวทั้งหลายทิ้ง แล้วเสียงของเบลล์ก็ช่วยดึงเฟลมกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
วิชาที่พวกเจ้าจะสอบมีทั้งหมดเจ็ดวิชาด้วยกัน สอบภาคทฤษฎีสี่วิชา นั่นคือ กฎหมายมหานคร คำนวณบัญชีชั้นสูง ประวัติศาสตร์มหานคร และเมืองมิตรทั้งห้า แต่ละวิชาจะมีข้อสอบสองร้อยข้อ เบลล์เอ่ยเพิ่มเติม ดวงตาสีชมพูอ่อนฉายแววสะใจเล็กน้อยเมื่อเห็นน้องๆปีหนึ่งพากันอ้าปากค้าง หลินหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ จากนั้นจึงกลับมาตีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเดิม
สอบภาคปฏิบัติทั้งหมดสามวิชา ได้แก่ วิชาศาสตราและอาวุธ วิชากำลังกาย และการพยาบาล หลินกล่าวขึ้น นักเรียนต่างพากันกลืนน้ำลายดังเอื๊อกอย่างสยดสยอง
ใช้เวลาสองอาทิตย์ที่เหลือให้คุ้มค่าล่ะ แล้วอย่าลืมฝึกฝนร่างกายด้วยล่ะ หลินกล่าวก่อนจะแจกรอยยิ้มให้นักเรียนสาว แต่ตอนนี้นักเรียนสาวนั้นไม่มีอารมณ์จะกรี๊ดกร๊าดแล้ว เพราะอีกสองอาทิตย์เวลาแห่งความตายก็จะมาเยือนแล้ว
อ้อ ลืมบอกไป พวกเจ้าต้องทำคะแนนให้ได้อย่างต่ำวิชาละร้อยห้าสิบคะแนนถึงจะถือว่าสอบผ่าน ถ้าต่ำกว่านั้นก็ตก ส่วนภาคปฏิบัติก็ต้องแล้วแต่อาจารย์แต่ละท่านจะพิจารณา ถ้านักเรียนคนใดตกเกินสามวิชา นักเรียนคนนั้นจะโดนไล่ออกทันที หลินพูดด้วยเสียงขี้เล่น แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนคิดจะเล่นด้วยเลยซักคน ต่างคนต่างนั่งกันหน้าซีด
แล้วก็นะ ถ้ามีวิชาไหนคะแนนต่ำกว่าร้อยแม้แต่วิชาเดียว พวกเจ้าก็ไม่ได้เรียนต่อเหมือนกัน จานากล่าวเสริมพลางกวาดดวงตาสีเงินไปทางนีออนและนีโอสองแฝดจอมแสบ
แล้วก็อย่าคิดว่าใช้พลังเวทย์ในการโกงข้อสอบแล้วจะไม่มีคนรู้นะ ถึงจะมีอาจารย์จอมเวทย์แค่สี่คนในโรงเรียน แต่อย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตา จานากล่าวขู่สองแฝดด้วยเสียงเย็นยะเยือกเพราะจานารู้ดีว่าทั้งสองมีพลังเวทย์สายลม พลังเวทย์ที่สามารถใช้ในการโกงข้อสอบได้อย่างสบายๆ สองแฝดพยักหน้ารับด้วยหน้าตาเหยเก
ถ้ายังงั้นวันนี้เราแยกย้ายได้ ประธานนักเรียนทั้งห้าคนไปพบข้าที่ห้องประชุมเล็กที่โถงกลางโรงเรียนด้วยนะ หลินกล่าวก่อนจะเดินหายออกไปจากโถงประชุมรวม พลันห้องทั้งห้องก็ดังกระหึ่มด้วยเสียงคุย หัวข้อสนทนาก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ การสอบปลายภาคมหาโหดนั่นเอง
ไปกันเหอะ เดี๋ยวอาจารย์จะรอนาน กาโอกล่าวเร่งเฟลมและประธานนักเรียนที่เหลือ ทั้งหมดพยักหน้ารับ แล้วร่างของทั้งห้าคนก็หายไปจากโถงประชุมอย่างเงียบๆ
..........
ห้องประชุมเล็กที่โถงกลางโรงเรียนไดมอนนั้นไม่เด่นสะดุดตาเอาเสียเลย ถึงแม้จะเคยมาหลายครั้งแล้ว แต่เฟลมก็ยังจำไม่ได้ซักทีว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ กาโอกวักมือเรียกเฟลมและเพื่อนๆที่เดินตามหลังให้เดินเข้ามาหาตน ดวงตาสีเขียวสดมองไปทางประตูไม้บานโทรมๆที่สีของมันนั้นแทบจะกลืนเข้าไปกับสีของกำแพงด้านข้าง
เฟลมยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างมีมารยาท เมื่อได้ยินเสียงตอบรับมาจากภายใน เฟลมก็ผลักประตูให้เปิดออก
ภายในห้องนั้นมีประธานนักเรียนตั้งแต่ปีสองถึงปีหกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แถมยังมีเหล่าอาจารย์ทั้งหมดของโรงเรียนไดมอนอีกต่างหาก อลันที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะผงกหัวรับการทำความเคารพของพวกเฟลมน้อยๆ จากนั้นจึงผายมือไปยังเก้าอี้ห้าตัวที่ยังเหลือว่างข้างโต๊ะ พวกของเฟลมเดินตรงไปนั่งลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งหมดนั่งลง อลันก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาสีอเมธิสต์กวาดมองไปยังทุกๆคนอย่างพิจารณา
สวัสดียามค่ำทุกคน หัวข้อที่ข้าจะทำการประชุมในวันนี้ก็คือเรื่องของตัวแทนทั้งห้าคนของโรงเรียนไดมอน อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ เหล่าประธานนักเรียนปีสองถึงปีหกพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่พวกเฟลมกลับขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
พวกเจ้าคงรู้กันอยู่แล้วว่าทุกๆวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี ทางมหานครจะจัดงานเทศกาลที่แสนจะยิ่งใหญ่ ซึ่งนั่นก็คืองานเทศกาลดอกไม้ไฟ อลันกล่าวอธิบายเสริม พวกของลินนะพยักหน้าแล้วร้องอ๋อในทันที แต่เฟลมและนีออนก็ยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่อลันพูดอยู่ดี ทั้งคู่นั่งจ้องหน้ากันตาแป๋วอย่างงงๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งคู่จะไม่รู้จักงานเทศกาลที่แสนจะโด่งดังของมหานคร เพราะวันๆก็เอาแต่ฝึกวิชาหรือไม่ก็ลอบสังหาร ไม่เคยมีปีไหนที่จะได้หยุดพัก จะมีก็แต่ปีนี้เท่านั้นแหละ
ทุกๆปี เทศกาลนี้จะมีมีงานใหญ่ที่เป็นสีสันของเทศกาลอยู่งานหนึ่ง นั่นก็คืองานประลองฝีมือ อลันกล่าวต่ออย่างช้าๆ เฟลมและนีออนเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาหน่อยๆแล้ว สิ่งที่อลันต้องการก็คือส่งนักเรียนเข้าร่วมงานประลองนั่นน่ะเอง
ทางมหานครบอกว่าทางโรงเรียนเราสามารถส่งตัวแทนไปได้หนึ่งทีม สามารถมีสมาชิกได้เพียงห้าคนเท่านั้น อลันกล่าวต่ออย่างช้าๆและใจเย็น เริ่มมีเสียงคุยดังแทรกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เงียบหายไปเมื่อถูกสายตาดุๆของหลินจ้องมอง
ข้าจึงอยากจะขอตัวแทนซักห้าคนเพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมนี้ กล่าวจบ หลินก็ยกมือขึ้นทันที อลันพยักหน้าอนุญาตให้หลินพูด
ข้าขอเสนอ จานา โอริ และกาโอ หลินกล่าวเรียบๆ อาจารย์หลายท่านพยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่กาโอนั่งอ้าปากค้างด้วยความงงงวย กะว่าวันงานเทศกาลจะไปเดินเที่ยวกับเปมินซะหน่อย ไหงต้องมาเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ด้วยล่ะ
มีใครไม่เห็นด้วยไหม อลันกล่าวถาม ไม่มีเสียงคัดค้านใดๆทั้งสิ้น อลันเผยรอยยิ้มอย่างพอใจ
แล้วอีกสองคนล่ะ เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าประธานแต่ละชั้นปีก็พยายามแข่งยกมือกันอย่างสุดชีวิตเพื่อเสนอชื่อเพื่อนของตน บางคนก็เสนอชื่อของตนเอง จะมีก็แต่เฟลมและนีออนก็เท่านั้นที่ยังงงกันไม่เสร็จซักที
ลินนะ งานเทศกาลดอกไม้ไฟคืออะไรเหรอ เฟลมหันไปถามลินนะที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยเสียงเบาคล้ายเสียงกระซิบ นีออนพยักหน้าเห็นด้วยกับเฟลม ลินนะจึงหลุดขำออกมาน้อยๆ เป็นถึงนักฆ่าที่เก่งกาจ แต่ดันไม่รู้จักงานเทศกาลขึ้นชื่อของมหานครเสียนี่
ลินนะหันกลับไปมองเหล่าคณาจารย์ เมื่อเห็นว่าทุกคนถกเถียงกันเรื่องตัวแทนที่เหลืออีกสองคนไม่เสร็จซักที ลินนะจึงตัดสินใจเล่าเรื่องงานเทศกาลให้เฟลมและนีออนฟัง
งานนี้น่ะเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันที่มหานครชนะสงครามเมื่อสิบห้าปีก่อนน่ะ จัดขึ้นทุกๆปีที่บริเวณวงแหวนกลางเมืองเอราเดส ลินนะอธิบาย เฟลมและนีออนพยักหน้ารับหงึกๆ
งานเทศกาลนี้น่ะยิ่งใหญ่มากเลยนะ พ่อค้าแม่ค้าในแต่ละเมืองจะนำของที่มีชื่อเสียงของเมืองตนมาขายกันในงาน และในงานก็จะมีงานประลองฝีมือด้วย งานประลองฝีมือนี้น่ะจัดขึ้นเพื่อเฟ้นหานักสู้ที่มีฝีมือดี ใครที่ชนะเลิศการประลองจะได้รับการขนานนามว่านักสู้อันดับที่ 1 ของมหานครเชียวนะ ทัสยื่นหน้าเข้ามาอธิบายเพิ่มเติมด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดี
เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ เป็นนักข่าวภาษาอะไรกัน เท่านั้นแหละ เฟลมก็รู้ในทันทีว่าเจ้าทัสมันไปอารมณ์ดีมาจากไหน ที่แท้ก็อารมณ์ดีเพราะจะได้แกล้งนีออนนั่นเอง นีออนกำหมัดและยกขึ้นสูงเตรียมพุ่งเข้าใส่ทันที
น่าน่า อย่าทะเลาะกันเลยนะ ลินนะกล่าวห้ามศึก นีออนจึงยอมลดหมัดลงแต่โดยดี ทัสเห็นดังนั้นก็หัวเราะเสียยกใหญ่ แต่พอหันไปสบเข้ากับดวงตาสีแดงเพลิงของเฟลมที่กำลังบ่งบอกว่าอารมณ์เริ่มคุกรุ่น ทัสจึงหุบปากฉับกลืนคำหัวเราะลงท้องทันที
แล้วทำไมมันถึงเรียกว่างานเทศกาลดอกไม้ไฟล่ะ ไม่เห็นมีดอกไม้ไฟเลย เฟลมเอ่ยพาซื่อ
มีสิ เขาจะจุดดอกไม้ไฟในเวลาหกโมงตรง จุดต่อเนื่องไปจนถึงเที่ยงคืนเลยนะ เค้าว่ากันว่าถ้าอยู่ดูดอกไม้ไฟตั้งแต่ลูกแรกจนถึงลูกสุดท้ายนะ ปีหน้า คนๆนั้นจะโชคดีตลอดทั้งปีเลยล่ะ ลินนะกล่าวตอบ เฟลมพยักหน้าเข้าใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยคิดอยากเที่ยวงานเทศกาลเลยซักครั้ง แต่พอได้ยินลินนะเล่าแบบนี้ก็น่าเที่ยวดีเหมือนกันแฮะ
ตกลงตามนี้นะ เสียงกล่าวสรุปของหลินทำให้เฟลม สองแฝดและลินนะหันหน้ากลับมานั่งฟังอาจารย์เหมือนเดิม อาจารย์และเหล่าประธานนักเรียนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสรุปที่ได้ออกมา แต่เฟลมไม่ได้ตั้งใจฟังการประชุมเลยไม่รู้ว่าเขาสรุปอะไรกัน แต่ที่รู้ๆคือไม่มีชื่อเขาอยู่ในทีมของตัวแทนแน่ เพราะเขาไม่ได้ถูกเสนอชื่อจากเพื่อนร่วมชั้นอย่างแน่นอน คงไม่มีใครอยากตายโดยการทำอะไรไม่บอกกล่าวเขาก่อนเป็นแน่
ตกลงว่าทั้งสิบคนนี้เราจะมาคัดกันให้เหลือสองนะ หลินกล่าวก่อนจะไล่รายชื่อทั้งสิบคนที่มีอยู่บนกระดาษในมือให้ทั้งห้องฟัง
เทมส์ รอย ธิม ซาดิน รีเวอร์ วิน เอเวล กามอส คาลิฟ และเฟลม เฟลมถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อของตนเองปิดท้ายรายการ เฟลมกวาดดวงตาสีแดงเพลิงของตนมองไปทางเพื่อนร่วมชั้นทั้งสี่อย่างคาดคั้น นึกสงสัยว่าใครบังอาจอยากลองดีกับเขานัก แต่ทั้งสี่ก็พากันส่ายหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ข้าเสนอชื่อเจ้าเอง รานิน อลันกล่าวกระซิบกับเฟลม เฟลมรู้สึกหงุดหงิดทันที เขาไม่ชอบให้อลันเรียกเขาแบบนี้เลย และเขาก็ไม่ชอบให้อลันเสนอชื่อของเขาตามใจชอบอีกด้วย
แล้วเราจะคัดกันยังไงล่ะขอรับอาจารย์หลิน เด็กปีสามคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ตามมาด้วยเสียงสนับสนุนอีกหลายสิบเสียง หลินยิ้มน้อยๆอย่างมีเลศนัย ซึ่งเฟลมรู้สึกไม่ถูกกับรอยยิ้มแบบนี้เอาเสียเลย
ก็คงต้องมีการประลองกันซักหน่อย เท่านั้นแหละ เฟลมก็ต้องยกมือขึ้นกุมขมับทันที นึกสงสัยอยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องชวนปวดหัวเกิดขึ้น แต่ไม่นึกว่าจะชวนปวดหัวขนาดนี้ เฟลมไม่ได้กลัวการประลอง แต่เขาขี้เกียจมากกว่า ลองขอยอมแพ้ถอนตัวตอนนี้ดีไหมนะ
แล้วอย่าได้ขอยอมแพ้เชียวล่ะรานิน อลันเอ่ยเตือนเฟลมราวกับว่าเขารู้ว่าเฟลมกำลังจะขอยอมแพ้ เฟลมนึกสงสัยว่าทำไมเขาต้องฟังคำสั่งของอลันด้วย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเป็นยอมฟังเสียแต่โดยดี เพราะสายตาของอลันดูคาดหวังบางอย่างจากเขามาก
แล้วจะประลองกันวันไหนขอรับอาจารย์ เด็กคนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง
ก็คงเป็นพรุ่งนี้ ตอนฝึกพิเศษช่วงเช้า หลินกล่าวตอบ นักเรียนทั้งหมดหันขวับไปทางหลินทันทีราวถูกดีด
จะสอบแล้วยังต้องฝึกพิเศษด้วยเหรอขอรับ! หลายๆคนประสานเสียงถาม แล้วคำตอบที่ได้รับก็ทำเอาหลายคนหน้าซีด
แน่นอน แถมจะฝึกมากกว่าเดิมด้วยเพราะไม่มีการเรียนการสอนแล้ว หลินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม เท่านั้นแหละ เฟลมก็นึกอยากจะเอามีดเชือดคอตัวเองให้ตายลงเสียตรงนี้เลย อะไรมันจะโหดปานนั้น นี่คงกะไม่ให้เด็กได้พักเลยมั้งเนี่ย
ตกลงตามนี้นะ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะ แยกย้ายได้ เมื่อหลินกล่าวจบ ต่างคนต่างก็ลุกขึ้นพลางค้อมกายให้เหล่าอาจารย์ที่นั่งอยู่อย่างนอบน้อม
..........
คฤหาสน์ตระกูลบลูเบลล์ยังคงมืดสลัวเหมือนอย่างเคย เสียงย่ำฝีเท้าอย่างสม่ำเสมอดังขึ้นเบาๆ ทางเดินลงไปยังห้องสมุดใต้ดินนั้นมีกลิ่นเหม็นอับชื้น แสงเทียนที่ไหววูบอยู่บนเชิงเทียนในมือของอนามันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ให้ความสว่างอยู่ในตอนนี้ มิดไนท์ย่องตามอนามันไปอย่างระมัดระวัง
เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าห้องสมุดลับใต้ดิน อนามันก็ยกมือซ้ายขึ้นและออกแรงผลักอย่างเต็มกำลัง เส้นเลือดที่ปูดโปนช่วยบอกให้มิดไนท์รู้ได้อย่างดีว่าประตูบานนี้หนักมากแค่ไหน ประตูสีดำสนิทที่มีแต่กลิ่นสนิมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดราวกับเป็นการประท้วงไม่ให้อนามันเปิดมันออก แต่แล้วในที่สุดประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ก็ถูกผลักให้เปิดออกกว้าง
ภายในห้องสมุดใต้ดินมีกลิ่นเหม็นอับเหลือขนาด แม้แต่อนามันที่คุ้นชินกับการอยู่ในที่เหม็นอับยังต้องย่นจมูกอย่างรำคาญใจ กลิ่นมันช่างเหม็นเสียจริง อนามันเดินไปตามชั้นหนังสือ มือขวาลากยาวไปตามหนังสือที่ตั้งอยู่บนชั้นวางช้าๆ แสงเทียบไหววูบไปมาราวภาพมายา
แล้วมือที่มีแต่รอยย่นของอนามันก็ไปหยุดอยู่ที่หนังสือปกสีดำเล่มหนึ่ง มันมีขนาดไม่ใหญ่มาก อนามันยื่นเชิงเทียนไปส่องที่หนังสือ ปรากฏตัวอักษรสีเทาทึมทึบที่เขียนว่า ศาสตร์แห่งการคืนชีพ
มิดไนท์ขมวดคิ้วมุ่น มิดไนท์รู้สึกคุ้นชื่อหนังสืออย่างแปลกๆ ราวกับว่ามันเคยรู้จักหนังสือเล่มนี้มาก่อน อนามันคงจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาของมิดไนท์แล้ว ดวงตาสีเทาขุ่นถึงได้กวาดมองไปทั่วห้องอย่างระมัดระวัง
มิดไนท์ค่อยๆย่องถอยหลังไปหลบยังชั้นหนังสือที่อยู่ในมุมมืด มันกลั้นหายใจ เมื่ออนามันจับความรู้สึกอะไรไม่ได้อีก เขาก็เลิกให้ความสนใจกับสิ่งบุกรุก เขาหันกลับไปสนใจหนังสือที่อยู่ในมือแทน
เจอแล้ว! อนามันประกาศอย่างมีชัยเมื่อใช้ความพยายามในการเปิดหน้าหนังสืออยู่ซักพัก อนามันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ดูมอมแมมของตน ในมือมีเศษกระดาษที่แสนจะยับยู่ยี่ อนามันเลื่อนเศษกระดาษในมือให้เข้าใกล้กับหนังสือที่ตนเองถืออยู่ ดวงตาสีเทาขุ่นกวาดมองอย่างรอบคอบ
ในที่สุดข้าก็เจอซักที อนามันกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ห้าเดือนที่ผ่านมา มิดไนท์ได้ทำการจับตามองอนามันอยู่ตลอดเวลา อนามันเอาแต่นั่งอ่านหนังสือกองโตบนโต๊ะอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ลุกไปไหนเลยเป็นวันสองวัน จินขอเข้ามาในห้องอนามันยังไม่อนุญาตเลย
เมื่ออนามันหลับ มิดไนท์จึงย่องเข้าไปดูสิ่งที่อนามันกำลังอ่าน และมิดไนท์ก็พบว่าอนามันกำลังพยายามแกะภาษาปีศาจโบราณ ภาษาที่มิดไนท์สามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะมิดไนท์เป็นปีศาจที่อยู่มาถึงห้าร้อยปีแล้ว ภาษาโบราณจึงไม่ค่อยยากที่จะอ่านซักเท่าไหร่
และตัวอักษรที่อนามันกำลังพยายามแกะอยู่นั้นก็ดูจะไม่ค่อยน่าส่งเสริมซักเท่าไหร่ อนามันกำลังแกะคาถาการปลุกชีพปีศาจที่ถูกปิดผนึก
มิดไนท์ตวัดหางเบาๆ บังเกิดกระแสลมที่แสนจะอ่อนโยน กระแสลมนั้นต้องที่หนังสืออย่างแผ่วเบา แผ่วเบาขนาดที่อนามันยังไม่รู้สึก เมื่อสายลมลอยกลับมาปะทะกับหน้าของมิดไนท์ มิดไนท์ก็รู้ทันทีว่าอนามันกำลังอ่านอะไร
อนามันกำลังอ่านเวทย์บูชาเครื่องสังเวยแก่เทพปีศาจ มิดไนท์พองขนอย่างห้ามไม่อยู่ เวทย์นั่นเป็นเวทย์ต้องห้าม ผู้ใดที่ใช้จะต้องเสียอายุขัยไปครึ่งหนึ่งของชีวิตที่เหลือ ดีไม่ดี ผู้ใช้อาจตายทันทีหลังใช้ก็ได้ และถ้าผู้ปลุกชีพตาย ก็จะไม่มีใครสามารถบังคับมารที่ถูกปลุกขึ้นมาได้อีก แต่ถึงไม่ตาย มิดไนท์ก็ไม่ต้องการให้อนามันปลุกชีพปีศาจอยู่ดี
เมื่ออนามันทบทวนดูจนเรียบร้อยแล้วว่าสิ่งที่อยู่ในเศษกระดาษและสิ่งที่อยู่ในหนังสือนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน อนามันก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาขยำกระดาษในมือทิ้งอย่างไม่ไยดี ประตูเหล็กสีดำถูกดึงให้ปิดลง แล้วแสงสว่างจะหายไปจากห้องพร้อมกับร่างของอนามัน
มิดไนท์กระโดดออกมาจากที่ซ่อนตัว ความมืดไม่ใช่อุปสรรคสำหรับมิดไนท์เลยแม้แต่น้อย ดวงตาสีทองอร่ามช่วยทำให้มิดไนท์มองเห็นในความมืดได้ดีเท่าตอนกลางวัน มิดไนท์ใช้เท้าเขี่ยเศษกระดาษให้คลี่ออก แล้วดวงตาสีทองก็เบิกกว้างอย่างตกใจ
เจ้าคิดจะปลุกชีพลูซิเฟอร์จริงๆด้วยสินะอนามัน มิดไนท์กัดฟันอย่างเคียดแค้น สายลมพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของผู้ใช้ ร่างของมิดไนท์เลือนหายไปอย่างเงียบกริบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หนุกจัง
อนามันนี่เลวสมใจมากค่ะ
อยากให้รวมเล่มเร็วๆๆอ่ะ
สู้ๆๆค่ะ
เมื่อใดจะออกเล่ม 2 สักที
ข้าพเจ้านั้นรอมานานแสนนานแว้วววว ToT