อิเหนา ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา
ของ ม.6 ทำรายงานอ่ะ นั่งพิมพ์อยู่ 2 วัน - - เยอะเชรี่ยๆ
ผู้เข้าชมรวม
11,059
ผู้เข้าชมเดือนนี้
40
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อิเหนา
ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา
๏ร่าย ครั้นสายแสงสีรวีวร ทินกรเกือบกึ่งเวหา
จึงชวนสาวสรรค์กัลยา ลีลาศลงสู่ท่าชลธาร
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏พระทองหวน นางจึงสรงสนานในสระศรี กับกำนัลนารีเกษมศานต์
หอมกลิ่นโกสุมปทุมมาลย์ อายอบชลธารขจรไป
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว
นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร ตูมตั้งบังใบอรชร
ดอกขาวเหล่าแดงสลับสี บานคลี่ขยายแย้มเกสร
บัวเผื่อนเกลื่อนกลาดในสาคร บังอรเก็บเล่นกับนารี
นางทรงหักห้อยเป็นสร้อยบัว สวมตัวกำนัลสาวศรี
แล้วปลิดกลีบปทุมมาลย์มากมี เทวีลอยเล่นเป็นนาวา
ลางนางบ้างกระทุ่มน้ำเล่น บ้างโกรธว่ากระเซ็นถูกเกศา
บ้างว่ายแซงแข่งเคียงกันไปมา เกษมสุขทุกหน้ากำนัลใน
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๕
๏ร่าย สรงเสร็จเสด็จทรงเครื่อง ย่างเยื้องจากฝั่งสระใหญ่
เที่ยวเล่นริมธารสำราญใจ ชมพรรณดอกไม้นานา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ปะหลิ่ม ชวนฝูงอนงค์นางรำฟ้อน ทอดกรกรีดกรายซ้ายขวา
งามงอนอ่อนจริตกิริยา ดังกินราลงเล่นชลธาร
แล้วร้องเรื่อยรับขับครวญ โหยหวนสำเนียงเสียงประสาน
บ้างเก็บโกสุมตูมบาน มะลิดกทุกก้านกิ่งกอ
กำนัลในไล่เก็บชิงกัน ที่ไปไม่ทันก็ตามขอ
บ้างเคล้าเพื่อนอยู่หลังรั้งรอ บ้างเก็บได้ใส่ห่อผ้าห่มมา
ลางนางบ้างชวนกันแล่นไล่ ซ่อนซุ่มพุ่มไม้แล้วไปหา
บ้างร้องหวีดวิ่งชิงชี้ฟ้า สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ
ฯ ๘ คำ ฯ แมลงภู่ทอง เจรจาบทที่ ๓๖
๏ร่าย แล้วหยุดนั่งยังแผ่นศิลาลาด เตียนสะอาดใต้ร่มโศกใหญ่
จึงสั่งสาวสรรค์กำนัลใน ใครเก็บดอกไม้ได้ให้ออกมา
เราจะทำบุหงารำไป ยังขาดสิ่งไรให้เร่งหา
จะได้ไปถวายเทวา ในทันในเวลาเย็นนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น หมู่นางกำนัลสาวศรี
ได้ดอกไม้มาด้วยยินดี ถวายพระบุตรีทันใด
แล้วชวนกันเลือกบุหงา ที่กลิ่นกล้ารื่นรสสดใส
ก็ได้ถ้วนทุกพรรณดอกไม้ แต่ปะหนันยังไม่ได้มา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น ฝ่ายนางยุบลค่อมทาสา
ครั้นแจ้งรับสั่งพระธิดา ก็ชวนฝูงกัลยาเพื่อนกัน
ลดเลี้ยวเที่ยวบุกไปทุกแห่ง แลลอดสอดแสวงดอกปะหนัน
พลางเก็บผลไม้ในไพรวัน เลี้ยวลัดดัดดั้นเดินไป
ฯ ๔ คำ ฯ เพลง
๏ นางยุบลบานจิตคิดเพลิน หลงไปตามเนินเขาใหญ่
ครั้นเหลียวหลังมาไม่เห็นใคร ก็ตระหนกตกใจเป็นสุดคิด
จะกลับมาก็ไม่รู้แห่งทาง ความกลัวบี้มปางจะดับจิต
ทีนี้เห็นจะตายวายชีวิต สุดคิดก็ร่ำโศกา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด เจรจาบทที่ ๓๗
๏ปิ่นตลิ่งใน เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา
สถิตยังสุวรรณพลับพลา กับพี่เลี้ยงเสนาทั้งนั้น
พระแสนระลึกตรึกคะนึง ถวิลถึงบุษบาสาวสวรรค์
ให้เร่าร้อนอุราจาบัลย์ ดังเพลิงกัลป์ลามลนสกนธ์กาย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏หรุ่ม จะใคร่ไปชมศาลเทวา ให้พาใจเศร้าบรรเทาหาย
จึ่งเสแสร้งแกล้งชวนพระน้องชาย กับพี่เลี้ยงสี่นายผู้ร่วมใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ร่าย พร้อมหมู่แสนสุรเสนี จากที่พลับพลาอาศัย
ไม่เสด็จโดยทางที่คลาไคล ภูวไนยดั้นดัดลัดมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ชมตลาด มาถึงอารามพนาเวศ ที่ประเทศแทบเชิงภูผา
พื้นปราบราบรื่นล้วนศิลา พฤกษาร่มแสงพระอาทิตย์
อันซุ้มทวารแลปราการ ล้วนแล้วแก้วประพาฬไพจิตร
เจดีย์วิหารดังนิรมิต แกล้งประดิษฐ์รูปสัตว์อัดเมียง
กระหนกกลายลายจำหลักเครือขด มุขลดหน้าบันชั้นเฉลียง
ปลูกไม้ดอกผลรอบเรียง มีระเบียงสามชั้นบรรจง
ชมพลางพระทางคะนึงใน หวั่นหวั่นหฤทัยพิศวง
คิดถึงบุษบาโฉมยง พระเดินดัดลัดลงเลียบมา
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
๏ร่าย ชวนองค์อนุชาพาประพาส ชมพรรณรุกขชาติที่เชิงผา
พอได้ยินเสียงโศกา พระตรึกตราประหลาดหลากใจ
หยุดยั้งฟังศัพท์สำเนียงนั้น สำคัญที่ทางไม่สงสัย
จึ่งห้ามคนทั้งปวงไว้แต่ไกล แล้วเสด็จคลาไคลดำเนินมา
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งเห็นทาสี โศกีร่ำไรอยู่ในป่า
จึ่งซักไซ้ไต่ถามกิจจา เอ็งมาร้องไห้อยู่ไย
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น นางยุบลโศกาน้ำตาไหล
ครั้นเห็นพระองค์ผู้ทรงชัย ความที่ดีใจเป็นสุดคิด
บังคมก้มกราบกับบาทา ดังอมฤตฟ้ามายาจิต
ทีนี้จะรอดชีวิต ทูลแถลงแจ้งกิจทุกประการ
ข้าน้อยมาตามพระบุตรี บัดนี้ยังเสด็จอยู่ที่ศาล
สั่งให้เที่ยวเก็บสุมามาลย์ จะสักการอารักษ์ฤทธิรณ
ข้ามาเก็บปะหนันหลงอยู่ จะกลับไปก็ไม่รู้แห่งหน
พระช่วยไว้อย่าให้วายชนม์ นางยุบลวิงวอนไปมา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๘
๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
จึ่งว่าเราจะช่วยชีวา จงให้กติกาสัญญาไว้
ถ้าทำตามคำเราได้มั่นคง จะพาลงจากเนินเขาใหญ่
อันสิงสัตว์ในป่าพนาลัย หยาบคายร้ายใช่พอดี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๘
๏ บัดนั้น นางยุบลค่อมทาสี
ความกลัวเป็นพ้นพันทวี อัญชลีสนองพระวาจา
แม้นพระเมตตาพาส่ง ให้ลงจากเนินภูผา
จะบรรหารประการใดมา ไม่แข็งขัดวัจนาภูวไนย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเฉลยไข
เองอยู่นี่ก่อนอย่าร้อนใจ เราไปไม่ช้าจะมาพลัน
สั่งเสร็จเสด็จลีลา แลลอดสอดหาดอกปะหนัน
ลงจากอารามเชิงเขานั้น จรจรัลไปริมธารา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ได้บุหงาปะหนันทันใด ภูวไนยลิขิตด้วยนขา
เป็นอักษรทุกกลีบมาลา แล้วกลับคืนมายังคิรี
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปใกล้ แล้วส่งดอกไม้ให้ทาสี
เอ็งเร่งเอาไปจงดี อย่าให้ผิดที่สัญญาไว้
แม้นใครถามว่าได้ไหนมา เอ็งอย่าบอกแจ้งแถลงไข
จำเพาะส่งแต่องค์อรไท แล้วเร่งหลีกออกไปเสียให้พ้น
สั่งพลางทางพายุบลค่อม เดินอ้อมแอบไม้ไพรสณฑ์
ลงจากเชิงผาอารญ จรดลดั้นดัดลัดมา
ฯ ๖ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นใกล้ถึงซึ่งศาลเทเวศร์ แฝงไม้นัยน์เนตรชำเลืองหา
แลเห็นระเด่นบุษบา นั่งเลือกมาลากับนารี
จึ่งชี้บอกยุบลทันใด มาใกล้พวกเพื่อนอึงมี่
เอ็งอย่าลัดลงตรงนี้ ไปที่อื่นก่อนจึ่งย้อนมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น จึ่งนางยุบลทาสา
บังคมก้มกราบกับบาทา แล้วแฝงกายาคลาไคล
ลัดเดินตามเนินเขานั้น มิให้เพื่อนกันสงสัย
แอบอ้อมด้อมเดินเข้าไป ชูแต่ดอกไม้ไม่พาที
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นบุษบามารศรี
นั่งปลิดบุหงามาลี กับพี่เลี้ยงนารีกำนัล
เหลือบไปเห็นนางยุบลค่อม เดินด้อมชูดอกปะหนัน
ดีใจถามไปด้วยพลัน บุหงานั้นได้ไหนมาให้เรา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น นางยุบลบังคมก้มเกล้า
ถวายดอกลำเจียกแก่นงเยาว์ แล้วหลีกเหล่ากำนัลหนีมา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นบุษบาเสนหา
ปลิดกลีบปะหนันมิทันช้า เห็นสาราก็อ่านทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ช้า ในลักษณ์นั้นว่าจรกา รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี
ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์ ดูไหนไม่มีจำเริญใจ
เกศานาสิกขนงเนตร สมเพชวิปริตผิดวิสัย
เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร
เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่ ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน
ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์ มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา
แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เลยจะดีกว่า
พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา ฤๅวาสนาน้องจะต้องกัน
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ร่าย ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสาร เยาวมาลย์เคืองขุ่นหุนหัน
จึ่งฉีกที่มีหนังสือนั้น ทิ้งลงเสียพลันทันใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น นวลนางกำนัลที่นั่งใกล้
จึ่งชวนกันเก็บเอาดอกไม้ มาใส่แซมมวยด้วยพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น จึ่งโฉมนวลนางบาหยัน
ว่าแก่พี่เลี้ยงทั้งสามนั้น ดอกปะหนันนี้เห็นจะรำคาญ
เดิมทีสิให้แสวงหา ครั้นได้มาไม่เป็นแก่นสาร
เห็นทรงเพ่งพิศอยู่ช้านาน น่าจะมีเหตุการณ์สิ่งใด
จึ่งเรียกเอาบุหงามาติดต่อ เป็นกลีบแต่พออ่านได้
เห็นความประจักษ์แจ้งไม่แคลงใจ มิใช่ใครอื่นอย่าสงกา
ระเด่นมนตรีกุเรปัน แม่นมั่นแก่ใจเป็นหนักหนา
ทำไมจึ่งรู้ว่ากัลยา ให้หาลำเจียกจะต้องการ
ช่างเสาะหามาได้ดังประสงค์ แล้วส่งมาต่างราชสาร
นางค่อมไปไหนจึ่งพบพาน ได้วานเป็นทูตถือมา
ว่าแล้วจึ่งสั่งนางกำนัล เจ้าจงชวนกันไปเที่ยวหา
ข้าจะใคร่แจ้งกิจจา มาแล้วหลบหน้าไปแห่งใด
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่
แย้มสรวลแล้วชวนกันไป เที่ยวหาแห่งใดไม่พบตัว
ค้นทั้งรอบวัดแลวิหาร ที่สถานเทวาก็หาทั่ว
บ้างว่าอาจใจช่างไม่กลัว บ้างหวัวบ้างโกรธโกรธา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๐
๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา
เห็นกำนัลผ่อนกันออกมา บ้างดูมาลาที่ให้ไป
อันระเด่นบุษบาโฉมยง จะทรงเลือกบุหงาก็หาไม่
ดูบุหรงอันลงจับไม้ พระจะใคร่ให้นางเห็นกาย
จึ่งดำเนินเดินผ่านออกมา จะให้สบนัยนาโฉมฉาย
ครั้นนางไม่เห็นก็อุบาย เยื้องกรายฉายกริชอันฤทธี
ฯ ๖ คำ ฯ กลอง
๏ แสงกริชแวววาบปราบมา ดังสายฟ้าต้องเนตรมารศรี
นางร้องสุดเสียงเทวี สลบลงกับที่ทันใด
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ แล้วพระบุกชัฏลัดป่า หนีมาตามเนินเขาใหญ่
ไปยังพหลพลไกร เข้าในวัดเชิงเขานั้น
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ไม่มีขวัญ
เข้าอุ้มองค์อรไทไว้พลัน ฝูงกำนัลตระหนกตกใจ
บ้างเอาน้ำลูบพักตรา แล้วเอาสุคนธามาทรงให้
นางค่อยคลี่คลายสบายใจ แต่ยังมิได้พาที
พระพี่เลี้ยงบังคมทูลถาม เป็นไฉนโฉมงามของพี่
จึ่งร้องสุดเสียงไม่สมประดี สลบลงดังนี้ด้วยอันใด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น บุษบาจึ่งแจ้งแถลงไข
น้องดูบุหรงก็งงไป มิได้แจ้งเหตุอันตราย
เห็นแต่แสงปลาบวาบมา วิญญาณ์หวาดหวั่นขวัญหาย
สุดที่จะดำรงทรงกาย ด้วยแสงฉายมาต้องนัยนา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น พระพี่เลี้ยงตริตรึกปรึกษา
อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา กับลักษณ์ในบุหงาอันเดียวกัน
แล้วจึ่งทูลเตือนพระบุตรี ตะวันบ่ายชายสีสุริย์ฉัน
จวนเวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ขอเชิญขวัญเมืองแม่เสด็จไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นบุษบาศรีใส
จึ่งพาฝูงอนงค์นางใน กลับไปยังสุวรรณพลับพลา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ช้าปี เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา
ยับยั้งนั่งเล่นที่ศาลา ถวิลถึงบุษบาเทวี
เย็นนี้จะขึ้นมาบนกุหนุง พระหมายมุ่งจะใคร่พบโฉมศรี
ครั้นจะกลับพลับพลาก็ไม่ดี เหมือนแกล้งตามเทวีทั้งไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ร่าย เล่นพลางทางดูทินกร เมื่อไรจะอ่อนหย่อนแสงกล้า
พระเสแสร้งแกล้งชวนอนุชา พูดเล่นเจรจาสำราญใจ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๑
๏ บัดนั้น เสนากิดาหยันน้อยใหญ่
บรรดาที่ตามเสด็จไป อยู่ในหน้าวิหารลานวัด
บ้างตั้งวงลงเตะตะกร้อเล่น เพลาเย็นแดดร่มลมสงัด
ปะเตะโต้คู่กันสันทัด บ้างถนัดเข่าเดาะเป็นน่าดู
ที่หนุ่มหนุ่มคะนองเล่นจ้องเต สรวลเสเฮฮาขึ้นขี่คู่
บ้างรำอย่างชวามลายู เป็นเหล่าเหล่าเล่นอยู่บนคิรี
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์มะเดหวี
จึงปรึกษาพี่เลี้ยงผู้ภักดี อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา
องค์ระเด่นมนตรีกุเรปัน ก็เห็นผูกพันอยู่หนักหนา
จะได้ข้างอิเหนาฤๅจรกา เป็นน่าสนเท่ห์หฤทัย
จะไปไหว้พระปฏิมากร เห็นจะแก้ความร้อนของเราได้
เสี่ยงดูให้รู้แจ้งใจ ว่าจะได้ข้างไหนเป็นมั่นคง
ตรัสพลางทางชวนพระธิดา ลงจากพลับพลาอันสูงส่ง
พรั่งพร้อมกำนัลนางอนงค์ เสด็จตรงขึ้นไปบนคิรี
ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า
๏ ครั้นถึงเนินผาศิลาลาด เห็นพวกชายเกลื่อนกลาดอึงมี่
หยุดอยู่แล้วมีเสาวนีย์ ให้สาวศรีไปขับเสียฉับพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๒
๏ บัดนั้น สาวใช้รับสั่งแล้วผายผัน
วิ่งพลางร้องไปว่าใครนั้น มาเล่นนี่นันอยู่ดังนี้
พระประเทียบจะเสด็จขึ้นมา อย่าช้าจงไปเสียจากที
ชาวไหนมาชมคิรี สนธยาราตรียังไม่ไป
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีศรีใส
จึงขับโยธาเสนาใน วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง
พระโฉมยงกับองค์อนุชา ประสันตาผู้ร่วมฤทัยหวัง
วิ่งเข้าไปในวิหารซ่อนบัง แอบหลังพระปฏิมากร
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีศรีสมร
กับระเด่นบุษบาบังอร ก็พากันบทจรจรลี
มาถึงศาลาริมอาราม จึงตรัสห้ามกำนัลสาวศรี
ให้หยุดยั้งนั่งอยู่แต่นอกนี้ อย่าจรลีตามเราเข้าไป
ให้แต่สี่พี่เลี้ยงกัลยา เชิญเครื่องบูชาเข้ามาให้
สั่งพลางนางเสด็จคลาไคล เข้าในวิหารพระปฏิมา
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ช้า ครั้นถึงจึงถวายนมัสการ อธิษฐานตามความปรารถนา
แล้วจึงจุดเทียนมิทันช้า กัลยาออกนามตามจำนง
เล่มหนึ่งเทียนระเด่นบุษบา ปักลงตรงหน้านวลหง
เล่มหนึ่งเทียนอิเหนาสุริย์วงศ์ ปักลงเบื้องขวาเทวี
เล่มหนึ่งเทียนท้าวจรกา อยู่เบื้องซ้ายบุษบามารศรี
เทียนทองทั้งสามเล่มนี้ ขอจงเป็นที่เสี่ยงทาย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ร่าย แล้วมีเสาวนีย์อันสุนทร ตรัสสอนพระบุตรีโฉมฉาย
เจ้าอย่าขวยเขินสะเทินอาย จงเสี่ยงทายอธิษฐานด้วยวาจา
แม้นเจ้าจะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์ทักแท้จงหนักหนา
แม้นจะได้ข้างระตูจรกา ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป
แม้นจะได้ข้างอิเหนากุเรปัน ให้รัศมีเพลิงนั้นแจ่มใส
ให้เทียนจรกาดับทันใด ขอให้เห็นประจักษ์บัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น บุษบาประณตบทศรี
จึงทูลสนองพระชนนี ลูกนี้อดสูเป็นพ้นไป
จะให้ว่าเหมือนคำพระมารดา ลูกจะกล่าววาจากระไรได้
นางนิ่งขวยเขินสะเทินใจ อรไทบิดพลิ้วไปมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีเสนหา
กับสี่พี่เลี้ยงกัลยา ปลอบนางบุษบายุพาพาล
เราอยู่ด้วยกันแต่เท่านี้ ไม่มีใครมาในวิหาร
จำแข็งใจกล่าวพจมาน จึงจะได้แจ้งการที่เดือนร้อน
จงตั้งจิตอธิษฐานด้วยวาจา กัลยาจงฟังแม่สั่งสอน
อภิวันท์ปัญจางค์ชลีกร ดวงสมรของแม่จงว่าไป
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๓
๏ เมื่อนั้น บุษบาบังคมประนมไหว้
จำเป็นกล่าวคำด้วยจำใจ ว่าไปตามคำพระมารดา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา
ได้ฟังมธุรสพจนา จึงตอบวาจาไปพลัน
อันนางบุษบานงเยาว์ จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น
จรกาใช่วงศ์เทวัญ แม้นได้ครองกันจะอันตราย
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๔
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีโฉมฉาย
กับพี่เลี้ยงไม่แจ้งแห่งอุบาย ก็ตื่นตายยินดีเป็นพ้นนัก
เกิดมาไม่ได้ยินใครฦๅเล่า พระเป็นเจ้ากล่าวคำให้ประจักษ์
ชะรอยว่าบุญของลูกรัก เห็นเที่ยงแท้นักไม่สงกา
ต่างคนยอกรบังคม นบนิ้วประนมเหนือเกศา
มะเดหวีจึงมีวาจา ตอบพระปฏิมาไปทันใด
ซึ่งพระองค์ตรัสมาทั้งนี้ ข้าบาทยังมีความสงสัย
ด้วยอิเหนามิได้ชอบใจ จึงเกิดเหตุเภทภัยดังนี้
เขาไปเลี้ยงระเด่นจินตะหรา นางร่ำพรรณนาเป็นถ้วนถี่
พระปฏิมามิได้พาที มะเดหวีจึงว่าแก่บุษบา
แม่ทูลเท่าไรไม่ตอบถ้อย ชะรอยบุญแม่น้อยเป็นนักหนา
ลูกรักจงกล่าววาจา ให้เหมือนแม่ว่าทุกสิ่งไป
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น บุษบาเยาวยอดพิสมัย
บังคมก้มพักตร์ละอายใจ แล้วทูลไปเหมือนคำพระมารดา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น พระองค์พงศ์อสัญแดหวา
จึงตอบคำไปมิได้ช้า จินตะหราใช่วงศ์เทวัญ
อิเหนากับบุษบาโฉมยง เป็นวงศ์เทวากระยาหงัน
วาสนาเขาเคยคู่กัน ที่จะมิรักนั้นอย่าสงกา
บัดนี้ตามมาถึงคิรี ก็เพราะมีใจแสนเสนหา
ว่าพลางทางต้อนค้างคาวมา ธูปเทียนชวาลาก็ดับไป
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ พระจึงย่องมานั่งลงข้างข้าง กลัวจะผิดตัวนางยังสงสัย
ต่อได้ยินสุรเสียงทรามวัย พระลูบไล้ประคองต้องกาย
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น บุษบาอกสั่นขวัญหาย
กอดชนนีไว้ไม่เคลื่อนคลาย มือชายมาถูกลูกนี้
นางสะบิ้งสะบัดปัดป้อง หวาดหวีดกรีดร้องอึงมี่
มืดมนเป็นพ้นพันทวี พระชนนีจงช่วงลูกด้วยเรา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีเสนหา
สำคัญว่าองค์พระปฏิมา หยอกนางบุษบาทรามวัย
จึงห้ามว่าอย่าร้องครื้นเครง แม่ต้องตัวเจ้าเองว่าอยู่ไหน
ใครจะสามารถอาจใจ ล่วงเข้ามาได้ในนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่
ได้ยินสุรเสียงพระบุตรี สาวศรีคิดแปลกประหลาดใจ
ต่างคนคลานคลำหาเทียน วนเวียนไปมาไม่หาได้
พบแต่ข้าวตอกดอกไม้ ซ่าเหง็ดได้เทียนแล้วจุดมา
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
เห็นแสงไฟแต่ไกลก็ลีลา จากองค์กัลยามาพลัน
เข้าแอบอยู่หลังพระปฏิมา นัยนาแลลอดรับขวัญ
ก่นแต่ตกใจอยู่อย่างนั้น ไม่สำคัญว่าพี่รักนางเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้น นวลนางซ่าเหง็ดสาวศรี
มาถึงจึงเอาอัคคี ถวายพระชนนีบังอร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีศรีสมร
ก้มเกล้าดุษฎีชลีกร แล้วสอนบุษบาให้ทูลไป
ว่าอิเหนามาตามด้วยความรัก ข้อนี้ไม่ประจักษ์ยังสงสัย
ซึ่งมาจากหมันหยาเวียงชัย เพราะดาหามีภัยจึงไคลคลา
หวังจะช่วยรณรงค์สงคราม มิใช่มาด้วยความเสนหา
นี่แวะมาไหว้พระปฏิมา แล้วจะไปหมันหยาธานี
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเรืองศรี
จึงสนองพจนาพาที แม้นเทวีมิเชื่อวาจา
แต่นี้อย่ามาบูชาเรา ยังเขาวิลิศมาหรา
ว่าพลางกระซิบสั่งประสันตา กับองค์อนุชาภูธร
ทีนี้พี่จะออกไปใหม่ เจ้าเร่งไล่ค้างคาวอย่าหยุดหย่อน
กว่าพี่จะกลับบทจร ว่าแล้วก็ต้อนค้างคาวไป
ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ ไฟดับมืดมนอนธการ ในวิหารหาเห็นกันไม่
พระจึงค่อยย่องคลาไคล ออกไปยังองค์พระบุตรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ โอบอุ้มนงลักษณ์ใส่ตักไว้ ลูบไล้ปทุมทองผ่องศรี
นาสาสูบรสสุมาลี หอมกลิ่นเทวีฟุ้งขจร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นบุษบาดวงสมร
สุดคิดที่จะปล้ำปลิดกร บังอรร้องอึงคะนึงไป
พระชนนีจงช่วยลูกด้วยรา ชะรอยพระพี่ยาเข้ามาได้
ข่มเหงลูกนี้เป็นพ้นไป จะหยิกข่วนเท่าไรไม่นำพา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น มะเดหวีตกใจเป็นหนักหนา
ใช้นางประเสหรันกัลยา จงไปจุดเทียนมาบัดนี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้น ประเสหรันพี่เลี้ยงโฉมศรี
จึงวิ่งไปพลันทันที แล้วจุดอัคคีมาฉับไว
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงทวาราก็เพลิงดับ จึงกลับไปจุดมาใหม่
ถึงสามทีแล้วไม่ได้ไฟ ด้วยค้างคาวบินไปบินมา
พอเหลียวไปเห็นปล้องไม้ วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา
จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา แฝงตัววิ่งพาเข้ามาพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ
๏ ครั้นถึงจึงเบีดอัคคี เห็นระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น
บุษบาเคลื่อนองค์ลงทัน อิเหนานั้นยุดพระกรไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น มะเดหวีเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงว่าแก่ระเด่นมนตรีไป เป็นไฉนมาทำอหังการ์
ลบหลู่ดูหมิ่นเป็นพ้นนัก องอาจราชศักดิ์เป็นหนักหนา
แต่เราเป็นผู้ใหญ่กำกับมา ยังว่าทำได้ถึงเพียงนี้
ฮึกฮักหักหาญไม่คิดกลัว ถือตัวว่ามีศักดิ์ศรี
จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี เห็นดีแล้วฤๅประการใด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีก็แก้ไข
ทูลสนองพระชนนีไป ลูกมิได้องอาจอหังการ์
อันนางบุษบาบังอร พระบิดรได้ยกให้แก่ข้า
แต่ยังเยาว์อยู่ด้วยกันมา พระมารดาก็แจ้งอยู่ด้วยกัน
หักหาญเอาไปให้ระตู สุดรักสุดรู้จะอดกลั้น
สู้ตายไม่เสียดายชีวัน จะทราบถึงทรงธรรม์ก็ตามที
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น โฉมยงองค์มะเดหวี
จึงตอบคำระเด่นมนตรี เจ้าว่าได้ด้วยมีศักดา
แต่เยาว์มานั้นได้ตุนาหงัน เพราะร่วมวงศ์พงศ์พันธุ์อสัญหยา
จึงทำตามจารีตบุราณมา หวังมิให้วงศาอื่นปน
ครั้นจำเริญวัยขึ้นทั้งสอง ท้าวปองจะปลูกให้เป็นผล
นัดจะแต่งวิวาหมงคล กุศลไม่เคยคู่กับนัดดา
เจ้าตัดมาว่าไม่เลี้ยงเทวี ให้มีคู่เถิดตามปรารถนา
การจึงขาดกันแต่นั้นมา ทรงธรรม์ก็ไม่ว่าประการใด
ครั้นข้างจรกามากล่าว สมพระทัยท้าวจึงยกให้
เจ้ามาทำหยาบหยามเอาตามใจ แกล้งจะให้ได้ความอัประมาณ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีสนองสาร
ซึ่งว่าลูกสลัดตัดรอนราน ไม่เลี้ยงเยาว์มาลย์เหมือนว่านี้
คือใครที่ได้ถือสาร มาว่าขานจึงทราบบทศรี
พระมารดาได้ไหนมาพาที จงชี้ความชั่วเอาตัวมา
อันนางนี้สิเป็นของลูก รักใคร่พันผูกนักหนา
พระชนนีว่าของจรกา ก็ให้ตัวขึ้นมาชิงชัย
แม้นแพ้แลจึงจะส่งนาง บัดนี้ที่จะวางอย่าสงสัย
ชวนกันข่มเหงไม่เกรงใจ เอาเมียเขาไปให้จรกา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๕
๏ เมื่อนั้น องค์มะเดหวีเสนหา
ได้ฟังเร่าร้อนในอุรา สุดปัญญาที่จะหย่อนผ่อนลง
อิเหนานั้นก็ดันดึงไป ไม่วางนางให้ดังประสงค์
แม้นรู้ถึงท้าวทั้งสององค์ ก็จะทรงพระโกรธดังเพลิงกัลป์
จะปลอบวอนโดยดีดีกว่า อย่าให้กิจจานี้ฟุ้งซ่าน
คิดแล้วจึงกล่าวพจมาน กระนี้ฤๅหลานว่ารักน้อง
ฝูงคนรู้ไปจะได้อาย ทั้งจะขายบาทาท้าวทั้งสอง
ถ้าจะใคร่ได้ดังใจปอง ค่อยตริตรองให้ปรกติกัน
แม้นรักอย่าให้น้องได้อาย แม่จะช่วยเบี่ยงบ่ายผ่อนผัน
เห็นจะสมดังจิตที่คิดนั้น อันจะทำดึงดันไปดังนี้
ก็จะทรงพระโกรธมากไป ที่ไหนจะได้นางโฉมศรี
เจ้าจงตรึกดูให้ชอบที สุดแท้แต่ดีด้วยกัน
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน
คิดเอ็นดูบุษบาลาวัณย์ จึงคาดคั้นเอาคำพระมารดร
จงให้สัตย์ปฏิญาณแก่ลูกรัก จำเพาะพักตร์พระปฏิมาก่อน
แม้นรับจะให้ได้บังอร จะวางกรอรไทให้ไคลคลา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๖
๏ เมื่อนั้น มะเดหวีจนใจเป็นหนักหนา
ทั้งสี่พี่เลี้ยงกัลยา จำรับวาจาด้วยจำใจ
แม่จะทูลเบี่ยงบ่ายให้หายโกรธ พระจะเคืองคุมโทษไปถึงไหน
จะผันผ่อนวอนว่าภูวไนย สุดแต่จะให้ได้แก่เจ้านี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๗
๏ เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีเกษมศรี
ดังได้ผ่านฟ้าดุษฎี จึงทูลพระชนนีไปทันใด
พระองค์ได้รับวาจา จะวางนางบุษบาไปให้
จะขอเปลี่ยนอาภรณ์บังอรไว้ จะได้ชมพลางต่างกัลยา
ว่าแล้วจึงเปลื้องเครื่องทรง ยื่นให้แก่องค์ขนิษฐา
บุษบาเบือนเสียไม่นำพา ยุดพระมารดาไว้มั่นคง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น มะเดหวีมีศักดิ์สูงส่ง
จึงเปลื้องเครื่องพระบุตรีทรง ให้องค์ระเด่นมนตรี
รับเอาอาภรณ์ของนัดดา มาทรงให้บุษบาโฉมศรี
เสร็จแล้วจึงพานางเทวี จรลียังสุวรรณพลับพลา
ฯ ๔ คำ ฯ กินรรำ
๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา
จึงชวนสังคามาระตา กับพี่เลี้ยงกลับมาพลับพลาพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ช้าปี เมื่อนั้น ระเด่นบุษบาสาวสวรรค์
ในอกหมกไหม้ดังไฟกัลป์ อยู่ยังห้องสุวรรณไสยา
บรรทมรำพึงคะนึงไป ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มใจหนักหนา
ตัวกูแม้นม้วยมรณา ก็ดีกว่าที่เป็นดังนี้
ไม่สรงไม่เสวยกระยาหาร เยาวมาลย์มัวหมองรัศมี
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี ดังเลือดตามารศรีจะหยัดลง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้น มะเดหวีศรีสวัสดิ์นวลหง
จึ่งปลอบพระบุตรีโฉมยง เจ้าจงระงับดับโศกา
ตามเสด็จภูวไนยใช้บน นฤมลจงฟังแม่ว่า
แม้นสองกษัตริย์ทราบกิจจา โทษาแม่นี้จะหนักนัก
ถึงพี่ยาได้มาต้องตัว ใช่ชายชั่วมาระคนปนศักดิ์
ฟังคำแม่เถิดนะลูกรัก เอาน้ำมาลูบพักตร์พระบุตรี
แล้วเอาสุคนธามาทรง บรรจงกวดเกล้าเกศี
พระพี่เลี้ยงช่วยแต่งให้เทวี จนรุ่งราตรีสว่างฟ้า
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ผลงานอื่นๆ ของ ::- [ คุ J x นู n ! c * Z ]-:: ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ::- [ คุ J x นู n ! c * Z ]-::
ความคิดเห็น