อิเหนา ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา - อิเหนา ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา นิยาย อิเหนา ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา : Dek-D.com - Writer

    อิเหนา ตอน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิมา

    ของ ม.6 ทำรายงานอ่ะ นั่งพิมพ์อยู่ 2 วัน - - เยอะเชรี่ยๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    11,059

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    40

    ผู้เข้าชมรวม


    11.05K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ส.ค. 49 / 23:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      อิ

      อน เก็บดอกไม้ ฉายกริช ไหว้พระปฏิม


                      ร่าย ครั้นสายแสงสีรวีวร                            ทินกรเกือบกึ่งเวหา

      จึงชวนสาวสรรค์กัลยา                                        ลีลาศลงสู่ท่าชลธาร

      ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

                พระทองหวน นางจึงสรงสนานในสระศรี          กับกำนัลนารีเกษมศานต์

      หอมกลิ่นโกสุมปทุมมาลย์                                    อายอบชลธารขจรไป

      น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา                                     ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว

      นิลุบลพ้นน้ำขึ้นรำไร                                          ตูมตั้งบังใบอรชร

      ดอกขาวเหล่าแดงสลับสี                                      บานคลี่ขยายแย้มเกสร

      บัวเผื่อนเกลื่อนกลาดในสาคร                                บังอรเก็บเล่นกับนารี

      นางทรงหักห้อยเป็นสร้อยบัว                                 สวมตัวกำนัลสาวศรี

      แล้วปลิดกลีบปทุมมาลย์มากมี                              เทวีลอยเล่นเป็นนาวา

      ลางนางบ้างกระทุ่มน้ำเล่น                                    บ้างโกรธว่ากระเซ็นถูกเกศา

      บ้างว่ายแซงแข่งเคียงกันไปมา                              เกษมสุขทุกหน้ากำนัลใน

      ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๕

                ร่าย สรงเสร็จเสด็จทรงเครื่อง                     ย่างเยื้องจากฝั่งสระใหญ่

      เที่ยวเล่นริมธารสำราญใจ                                    ชมพรรณดอกไม้นานา

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ปะหลิ่ม ชวนฝูงอนงค์นางรำฟ้อน                ทอดกรกรีดกรายซ้ายขวา

      งามงอนอ่อนจริตกิริยา                                       ดังกินราลงเล่นชลธาร

      แล้วร้องเรื่อยรับขับครวญ                                     โหยหวนสำเนียงเสียงประสาน

      บ้างเก็บโกสุมตูมบาน                                         มะลิดกทุกก้านกิ่งกอ

      กำนัลในไล่เก็บชิงกัน                                          ที่ไปไม่ทันก็ตามขอ

      บ้างเคล้าเพื่อนอยู่หลังรั้งรอ                                  บ้างเก็บได้ใส่ห่อผ้าห่มมา

      ลางนางบ้างชวนกันแล่นไล่                                   ซ่อนซุ่มพุ่มไม้แล้วไปหา

      บ้างร้องหวีดวิ่งชิงชี้ฟ้า                                        สรวลสันต์หรรษาสำราญใจ

      ฯ ๘ คำ ฯ แมลงภู่ทอง เจรจาบทที่ ๓๖

                ร่าย แล้วหยุดนั่งยังแผ่นศิลาลาด                 เตียนสะอาดใต้ร่มโศกใหญ่

      จึงสั่งสาวสรรค์กำนัลใน                                       ใครเก็บดอกไม้ได้ให้ออกมา

      เราจะทำบุหงารำไป                                           ยังขาดสิ่งไรให้เร่งหา

      จะได้ไปถวายเทวา                                             ในทันในเวลาเย็นนี้

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                              หมู่นางกำนัลสาวศรี

      ได้ดอกไม้มาด้วยยินดี                                        ถวายพระบุตรีทันใด

      แล้วชวนกันเลือกบุหงา                                       ที่กลิ่นกล้ารื่นรสสดใส

      ก็ได้ถ้วนทุกพรรณดอกไม้                                     แต่ปะหนันยังไม่ได้มา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               ฝ่ายนางยุบลค่อมทาสา

      ครั้นแจ้งรับสั่งพระธิดา                                        ก็ชวนฝูงกัลยาเพื่อนกัน

      ลดเลี้ยวเที่ยวบุกไปทุกแห่ง                                   แลลอดสอดแสวงดอกปะหนัน

      พลางเก็บผลไม้ในไพรวัน                                     เลี้ยวลัดดัดดั้นเดินไป

      ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

                ๏ นางยุบลบานจิตคิดเพลิน                        หลงไปตามเนินเขาใหญ่

      ครั้นเหลียวหลังมาไม่เห็นใคร                                ก็ตระหนกตกใจเป็นสุดคิด

      จะกลับมาก็ไม่รู้แห่งทาง                                      ความกลัวบี้มปางจะดับจิต

      ทีนี้เห็นจะตายวายชีวิต                                       สุดคิดก็ร่ำโศกา

      ฯ ๔ คำ ฯ โอด เจรจาบทที่ ๓๗

                ปิ่นตลิ่งใน เมื่อนั้น                                      พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา

      สถิตยังสุวรรณพลับพลา                                         กับพี่เลี้ยงเสนาทั้งนั้น

      พระแสนระลึกตรึกคะนึง                                        ถวิลถึงบุษบาสาวสวรรค์

      ให้เร่าร้อนอุราจาบัลย์                                           ดังเพลิงกัลป์ลามลนสกนธ์กาย

      ฯ ๔ คำ ฯ

                หรุ่ม จะใคร่ไปชมศาลเทวา                       ให้พาใจเศร้าบรรเทาหาย

      จึ่งเสแสร้งแกล้งชวนพระน้องชาย                           กับพี่เลี้ยงสี่นายผู้ร่วมใจ

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ร่าย พร้อมหมู่แสนสุรเสนี                         จากที่พลับพลาอาศัย

      ไม่เสด็จโดยทางที่คลาไคล                                   ภูวไนยดั้นดัดลัดมา

      ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

                ชมตลาด มาถึงอารามพนาเวศ                    ที่ประเทศแทบเชิงภูผา

      พื้นปราบราบรื่นล้วนศิลา                                     พฤกษาร่มแสงพระอาทิตย์

      อันซุ้มทวารแลปราการ                                       ล้วนแล้วแก้วประพาฬไพจิตร

      เจดีย์วิหารดังนิรมิต                                            แกล้งประดิษฐ์รูปสัตว์อัดเมียง

      กระหนกกลายลายจำหลักเครือขด                          มุขลดหน้าบันชั้นเฉลียง

      ปลูกไม้ดอกผลรอบเรียง                                        มีระเบียงสามชั้นบรรจง

      ชมพลางพระทางคะนึงใน                                    หวั่นหวั่นหฤทัยพิศวง

      คิดถึงบุษบาโฉมยง                                             พระเดินดัดลัดลงเลียบมา

      ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า

                ร่าย ชวนองค์อนุชาพาประพาส                   ชมพรรณรุกขชาติที่เชิงผา

      พอได้ยินเสียงโศกา                                            พระตรึกตราประหลาดหลากใจ

      หยุดยั้งฟังศัพท์สำเนียงนั้น                                   สำคัญที่ทางไม่สงสัย

      จึ่งห้ามคนทั้งปวงไว้แต่ไกล                                   แล้วเสด็จคลาไคลดำเนินมา

      ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

                ๏ ครั้นถึงจึ่งเห็นทาสี                                โศกีร่ำไรอยู่ในป่า

      จึ่งซักไซ้ไต่ถามกิจจา                                          เอ็งมาร้องไห้อยู่ไย

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               นางยุบลโศกาน้ำตาไหล

      ครั้นเห็นพระองค์ผู้ทรงชัย                                     ความที่ดีใจเป็นสุดคิด

      บังคมก้มกราบกับบาทา                                       ดังอมฤตฟ้ามายาจิต

      ทีนี้จะรอดชีวิต                                                 ทูลแถลงแจ้งกิจทุกประการ

      ข้าน้อยมาตามพระบุตรี                                       บัดนี้ยังเสด็จอยู่ที่ศาล

      สั่งให้เที่ยวเก็บสุมามาลย์                                     จะสักการอารักษ์ฤทธิรณ

      ข้ามาเก็บปะหนันหลงอยู่                                     จะกลับไปก็ไม่รู้แห่งหน

      พระช่วยไว้อย่าให้วายชนม์                                   นางยุบลวิงวอนไปมา

      ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๘

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา

      จึ่งว่าเราจะช่วยชีวา                                            จงให้กติกาสัญญาไว้

      ถ้าทำตามคำเราได้มั่นคง                                     จะพาลงจากเนินเขาใหญ่

      อันสิงสัตว์ในป่าพนาลัย                                        หยาบคายร้ายใช่พอดี

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๓๘

                ๏ บัดนั้น                                               นางยุบลค่อมทาสี

      ความกลัวเป็นพ้นพันทวี                                      อัญชลีสนองพระวาจา

      แม้นพระเมตตาพาส่ง                                        ให้ลงจากเนินภูผา

      จะบรรหารประการใดมา                                      ไม่แข็งขัดวัจนาภูวไนย

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีเฉลยไข

      เองอยู่นี่ก่อนอย่าร้อนใจ                                        เราไปไม่ช้าจะมาพลัน

      สั่งเสร็จเสด็จลีลา                                               แลลอดสอดหาดอกปะหนัน

      ลงจากอารามเชิงเขานั้น                                       จรจรัลไปริมธารา

      ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

                ๏ ได้บุหงาปะหนันทันใด                            ภูวไนยลิขิตด้วยนขา

      เป็นอักษรทุกกลีบมาลา                                       แล้วกลับคืนมายังคิรี

      ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ

                ๏ ครั้นถึงจึ่งเข้าไปใกล้                              แล้วส่งดอกไม้ให้ทาสี

      เอ็งเร่งเอาไปจงดี                                               อย่าให้ผิดที่สัญญาไว้

      แม้นใครถามว่าได้ไหนมา                                     เอ็งอย่าบอกแจ้งแถลงไข

      จำเพาะส่งแต่องค์อรไท                                       แล้วเร่งหลีกออกไปเสียให้พ้น

      สั่งพลางทางพายุบลค่อม                                     เดินอ้อมแอบไม้ไพรสณฑ์

      ลงจากเชิงผาอารญ                                            จรดลดั้นดัดลัดมา

      ฯ ๖ คำ ฯ เพลง

                ๏ ครั้นใกล้ถึงซึ่งศาลเทเวศร์                        แฝงไม้นัยน์เนตรชำเลืองหา

      แลเห็นระเด่นบุษบา                                           นั่งเลือกมาลากับนารี

      จึ่งชี้บอกยุบลทันใด                                            มาใกล้พวกเพื่อนอึงมี่

      เอ็งอย่าลัดลงตรงนี้                                            ไปที่อื่นก่อนจึ่งย้อนมา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               จึ่งนางยุบลทาสา

      บังคมก้มกราบกับบาทา                                       แล้วแฝงกายาคลาไคล

      ลัดเดินตามเนินเขานั้น                                       มิให้เพื่อนกันสงสัย

      แอบอ้อมด้อมเดินเข้าไป                                      ชูแต่ดอกไม้ไม่พาที

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นบุษบามารศรี

      นั่งปลิดบุหงามาลี                                              กับพี่เลี้ยงนารีกำนัล

      เหลือบไปเห็นนางยุบลค่อม                                  เดินด้อมชูดอกปะหนัน

      ดีใจถามไปด้วยพลัน                                          บุหงานั้นได้ไหนมาให้เรา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               นางยุบลบังคมก้มเกล้า

      ถวายดอกลำเจียกแก่นงเยาว์                                แล้วหลีกเหล่ากำนัลหนีมา

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นบุษบาเสนหา

      ปลิดกลีบปะหนันมิทันช้า                                     เห็นสาราก็อ่านทันที

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ช้า ในลักษณ์นั้นว่าจรกา                           รูปชั่วต่ำช้าทั้งศักดิ์ศรี

      ทรลักษณ์พิกลอินทรีย์                                         ดูไหนไม่มีจำเริญใจ

      เกศานาสิกขนงเนตร                                          สมเพชวิปริตผิดวิสัย

      เสียงแหบแสบสั่นเป็นพ้นไป                                  รูปร่างช่างกระไรเหมือนยักษ์มาร

      เมื่อยิ้มเหมือนหลอกหยอกเหมือนขู่                         ไม่ควรคู่เคียงพักตร์สมัครสมาน

      ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์                                    มาประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา

      แม้นแผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย                                 อย่ามีคู่เลยจะดีกว่า

      พี่พลอยร้อนใจแทนทุกเวลา                                  ฤๅวาสนาน้องจะต้องกัน

      ฯ ๘ คำ ฯ

                ร่าย ครั้นอ่านเสร็จสิ้นในสาร                      เยาวมาลย์เคืองขุ่นหุนหัน

      จึ่งฉีกที่มีหนังสือนั้น                                           ทิ้งลงเสียพลันทันใด

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               นวลนางกำนัลที่นั่งใกล้

      จึ่งชวนกันเก็บเอาดอกไม้                                     มาใส่แซมมวยด้วยพลัน

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               จึ่งโฉมนวลนางบาหยัน

      ว่าแก่พี่เลี้ยงทั้งสามนั้น                                       ดอกปะหนันนี้เห็นจะรำคาญ

      เดิมทีสิให้แสวงหา                                             ครั้นได้มาไม่เป็นแก่นสาร

      เห็นทรงเพ่งพิศอยู่ช้านาน                                    น่าจะมีเหตุการณ์สิ่งใด

      จึ่งเรียกเอาบุหงามาติดต่อ                                    เป็นกลีบแต่พออ่านได้

      เห็นความประจักษ์แจ้งไม่แคลงใจ                           มิใช่ใครอื่นอย่าสงกา

      ระเด่นมนตรีกุเรปัน                                           แม่นมั่นแก่ใจเป็นหนักหนา

      ทำไมจึ่งรู้ว่ากัลยา                                              ให้หาลำเจียกจะต้องการ

      ช่างเสาะหามาได้ดังประสงค์                                 แล้วส่งมาต่างราชสาร

      นางค่อมไปไหนจึ่งพบพาน                                   ได้วานเป็นทูตถือมา

      ว่าแล้วจึ่งสั่งนางกำนัล                                        เจ้าจงชวนกันไปเที่ยวหา

      ข้าจะใคร่แจ้งกิจจา                                            มาแล้วหลบหน้าไปแห่งใด

      ฯ ๑๒ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               ฝูงนางกำนัลน้อยใหญ่

      แย้มสรวลแล้วชวนกันไป                                      เที่ยวหาแห่งใดไม่พบตัว

      ค้นทั้งรอบวัดแลวิหาร                                         ที่สถานเทวาก็หาทั่ว

      บ้างว่าอาจใจช่างไม่กลัว                                      บ้างหวัวบ้างโกรธโกรธา

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๐

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา

      เห็นกำนัลผ่อนกันออกมา                                     บ้างดูมาลาที่ให้ไป

      อันระเด่นบุษบาโฉมยง                                       จะทรงเลือกบุหงาก็หาไม่

      ดูบุหรงอันลงจับไม้                                             พระจะใคร่ให้นางเห็นกาย

      จึ่งดำเนินเดินผ่านออกมา                                    จะให้สบนัยนาโฉมฉาย

      ครั้นนางไม่เห็นก็อุบาย                                       เยื้องกรายฉายกริชอันฤทธี

      ฯ ๖ คำ ฯ กลอง

                ๏ แสงกริชแวววาบปราบมา                        ดังสายฟ้าต้องเนตรมารศรี

      นางร้องสุดเสียงเทวี                                           สลบลงกับที่ทันใด

      ฯ ๒ คำ ฯ โอด

                ๏ แล้วพระบุกชัฏลัดป่า                              หนีมาตามเนินเขาใหญ่

      ไปยังพหลพลไกร                                               เข้าในวัดเชิงเขานั้น

      ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา

                ๏ บัดนั้น                                               พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ไม่มีขวัญ

      เข้าอุ้มองค์อรไทไว้พลัน                                        ฝูงกำนัลตระหนกตกใจ

      บ้างเอาน้ำลูบพักตรา                                         แล้วเอาสุคนธามาทรงให้

      นางค่อยคลี่คลายสบายใจ                                    แต่ยังมิได้พาที

      พระพี่เลี้ยงบังคมทูลถาม                                      เป็นไฉนโฉมงามของพี่

      จึ่งร้องสุดเสียงไม่สมประดี                                    สลบลงดังนี้ด้วยอันใด

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              บุษบาจึ่งแจ้งแถลงไข

      น้องดูบุหรงก็งงไป                                              มิได้แจ้งเหตุอันตราย

      เห็นแต่แสงปลาบวาบมา                                      วิญญาณ์หวาดหวั่นขวัญหาย

      สุดที่จะดำรงทรงกาย                                         ด้วยแสงฉายมาต้องนัยนา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                               พระพี่เลี้ยงตริตรึกปรึกษา

      อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา                                             กับลักษณ์ในบุหงาอันเดียวกัน

      แล้วจึ่งทูลเตือนพระบุตรี                                      ตะวันบ่ายชายสีสุริย์ฉัน

      จวนเวลาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์                              ขอเชิญขวัญเมืองแม่เสด็จไป

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นบุษบาศรีใส

      จึ่งพาฝูงอนงค์นางใน                                         กลับไปยังสุวรรณพลับพลา

      ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

                ช้าปี เมื่อนั้น                                         พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา

      ยับยั้งนั่งเล่นที่ศาลา                                           ถวิลถึงบุษบาเทวี

      เย็นนี้จะขึ้นมาบนกุหนุง                                       พระหมายมุ่งจะใคร่พบโฉมศรี

      ครั้นจะกลับพลับพลาก็ไม่ดี                                   เหมือนแกล้งตามเทวีทั้งไปมา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ร่าย เล่นพลางทางดูทินกร                          เมื่อไรจะอ่อนหย่อนแสงกล้า

      พระเสแสร้งแกล้งชวนอนุชา                                  พูดเล่นเจรจาสำราญใจ

      ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๑

                ๏ บัดนั้น                                               เสนากิดาหยันน้อยใหญ่

      บรรดาที่ตามเสด็จไป                                         อยู่ในหน้าวิหารลานวัด

      บ้างตั้งวงลงเตะตะกร้อเล่น                                   เพลาเย็นแดดร่มลมสงัด

      ปะเตะโต้คู่กันสันทัด                                          บ้างถนัดเข่าเดาะเป็นน่าดู

      ที่หนุ่มหนุ่มคะนองเล่นจ้องเต                               สรวลเสเฮฮาขึ้นขี่คู่

      บ้างรำอย่างชวามลายู                                        เป็นเหล่าเหล่าเล่นอยู่บนคิรี

      ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

                ๏ เมื่อนั้น                                              โฉมยงองค์มะเดหวี

      จึงปรึกษาพี่เลี้ยงผู้ภักดี                                       อันเหตุทั้งนี้ซึ่งมีมา

      องค์ระเด่นมนตรีกุเรปัน                                       ก็เห็นผูกพันอยู่หนักหนา

      จะได้ข้างอิเหนาฤๅจรกา                                      เป็นน่าสนเท่ห์หฤทัย

      จะไปไหว้พระปฏิมากร                                        เห็นจะแก้ความร้อนของเราได้

      เสี่ยงดูให้รู้แจ้งใจ                                               ว่าจะได้ข้างไหนเป็นมั่นคง

      ตรัสพลางทางชวนพระธิดา                                   ลงจากพลับพลาอันสูงส่ง

      พรั่งพร้อมกำนัลนางอนงค์                                    เสด็จตรงขึ้นไปบนคิรี

      ฯ ๘ คำ ฯ เพลงช้า

                ๏ ครั้นถึงเนินผาศิลาลาด                           เห็นพวกชายเกลื่อนกลาดอึงมี่

      หยุดอยู่แล้วมีเสาวนีย์                                         ให้สาวศรีไปขับเสียฉับพลัน

      ฯ ๒ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๒

                ๏ บัดนั้น                                               สาวใช้รับสั่งแล้วผายผัน

      วิ่งพลางร้องไปว่าใครนั้น                                      มาเล่นนี่นันอยู่ดังนี้

      พระประเทียบจะเสด็จขึ้นมา                                 อย่าช้าจงไปเสียจากที

      ชาวไหนมาชมคิรี                                               สนธยาราตรียังไม่ไป

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีศรีใส

      จึงขับโยธาเสนาใน                                             วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง

      พระโฉมยงกับองค์อนุชา                                      ประสันตาผู้ร่วมฤทัยหวัง

      วิ่งเข้าไปในวิหารซ่อนบัง                                      แอบหลังพระปฏิมากร

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีศรีสมร

      กับระเด่นบุษบาบังอร                                         ก็พากันบทจรจรลี

      มาถึงศาลาริมอาราม                                         จึงตรัสห้ามกำนัลสาวศรี

      ให้หยุดยั้งนั่งอยู่แต่นอกนี้                                     อย่าจรลีตามเราเข้าไป

      ให้แต่สี่พี่เลี้ยงกัลยา                                            เชิญเครื่องบูชาเข้ามาให้

      สั่งพลางนางเสด็จคลาไคล                                   เข้าในวิหารพระปฏิมา

      ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

                ช้า ครั้นถึงจึงถวายนมัสการ                       อธิษฐานตามความปรารถนา

      แล้วจึงจุดเทียนมิทันช้า                                       กัลยาออกนามตามจำนง

      เล่มหนึ่งเทียนระเด่นบุษบา                                   ปักลงตรงหน้านวลหง

      เล่มหนึ่งเทียนอิเหนาสุริย์วงศ์                                ปักลงเบื้องขวาเทวี

      เล่มหนึ่งเทียนท้าวจรกา                                       อยู่เบื้องซ้ายบุษบามารศรี

      เทียนทองทั้งสามเล่มนี้                                       ขอจงเป็นที่เสี่ยงทาย

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ร่าย แล้วมีเสาวนีย์อันสุนทร                       ตรัสสอนพระบุตรีโฉมฉาย

      เจ้าอย่าขวยเขินสะเทินอาย                                  จงเสี่ยงทายอธิษฐานด้วยวาจา

      แม้นเจ้าจะได้ข้างไหนแน่                                     ให้ประจักษ์ทักแท้จงหนักหนา

      แม้นจะได้ข้างระตูจรกา                                       ให้เทียนพี่ยานั้นดับไป

      แม้นจะได้ข้างอิเหนากุเรปัน                                 ให้รัศมีเพลิงนั้นแจ่มใส

      ให้เทียนจรกาดับทันใด                                       ขอให้เห็นประจักษ์บัดนี้

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              บุษบาประณตบทศรี

      จึงทูลสนองพระชนนี                                           ลูกนี้อดสูเป็นพ้นไป

      จะให้ว่าเหมือนคำพระมารดา                                ลูกจะกล่าววาจากระไรได้

      นางนิ่งขวยเขินสะเทินใจ                                      อรไทบิดพลิ้วไปมา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีเสนหา

      กับสี่พี่เลี้ยงกัลยา                                              ปลอบนางบุษบายุพาพาล

      เราอยู่ด้วยกันแต่เท่านี้                                        ไม่มีใครมาในวิหาร

      จำแข็งใจกล่าวพจมาน                                       จึงจะได้แจ้งการที่เดือนร้อน

      จงตั้งจิตอธิษฐานด้วยวาจา                                  กัลยาจงฟังแม่สั่งสอน

      อภิวันท์ปัญจางค์ชลีกร                                        ดวงสมรของแม่จงว่าไป

      ฯ ๖ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๓

                ๏ เมื่อนั้น                                              บุษบาบังคมประนมไหว้

      จำเป็นกล่าวคำด้วยจำใจ                                     ว่าไปตามคำพระมารดา

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระสุริย์วงศ์พงศ์อสัญแดหวา

      ได้ฟังมธุรสพจนา                                              จึงตอบวาจาไปพลัน

      อันนางบุษบานงเยาว์                                         จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น

      จรกาใช่วงศ์เทวัญ                                             แม้นได้ครองกันจะอันตราย

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๔

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีโฉมฉาย

      กับพี่เลี้ยงไม่แจ้งแห่งอุบาย                                   ก็ตื่นตายยินดีเป็นพ้นนัก

      เกิดมาไม่ได้ยินใครฦๅเล่า                                    พระเป็นเจ้ากล่าวคำให้ประจักษ์

      ชะรอยว่าบุญของลูกรัก                                       เห็นเที่ยงแท้นักไม่สงกา

      ต่างคนยอกรบังคม                                            นบนิ้วประนมเหนือเกศา

      มะเดหวีจึงมีวาจา                                             ตอบพระปฏิมาไปทันใด

      ซึ่งพระองค์ตรัสมาทั้งนี้                                       ข้าบาทยังมีความสงสัย

      ด้วยอิเหนามิได้ชอบใจ                                        จึงเกิดเหตุเภทภัยดังนี้

      เขาไปเลี้ยงระเด่นจินตะหรา                                 นางร่ำพรรณนาเป็นถ้วนถี่

      พระปฏิมามิได้พาที                                           มะเดหวีจึงว่าแก่บุษบา

      แม่ทูลเท่าไรไม่ตอบถ้อย                                      ชะรอยบุญแม่น้อยเป็นนักหนา

      ลูกรักจงกล่าววาจา                                            ให้เหมือนแม่ว่าทุกสิ่งไป

      ฯ ๑๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              บุษบาเยาวยอดพิสมัย

      บังคมก้มพักตร์ละอายใจ                                     แล้วทูลไปเหมือนคำพระมารดา

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระองค์พงศ์อสัญแดหวา

      จึงตอบคำไปมิได้ช้า                                           จินตะหราใช่วงศ์เทวัญ

      อิเหนากับบุษบาโฉมยง                                       เป็นวงศ์เทวากระยาหงัน

      วาสนาเขาเคยคู่กัน                                            ที่จะมิรักนั้นอย่าสงกา

      บัดนี้ตามมาถึงคิรี                                             ก็เพราะมีใจแสนเสนหา

      ว่าพลางทางต้อนค้างคาวมา                                ธูปเทียนชวาลาก็ดับไป

      ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์

                ๏ พระจึงย่องมานั่งลงข้างข้าง                     กลัวจะผิดตัวนางยังสงสัย

      ต่อได้ยินสุรเสียงทรามวัย                                     พระลูบไล้ประคองต้องกาย

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              บุษบาอกสั่นขวัญหาย

      กอดชนนีไว้ไม่เคลื่อนคลาย                                  มือชายมาถูกลูกนี้

      นางสะบิ้งสะบัดปัดป้อง                                       หวาดหวีดกรีดร้องอึงมี่

      มืดมนเป็นพ้นพันทวี                                          พระชนนีจงช่วงลูกด้วยเรา

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีเสนหา

      สำคัญว่าองค์พระปฏิมา                                       หยอกนางบุษบาทรามวัย

      จึงห้ามว่าอย่าร้องครื้นเครง                                  แม่ต้องตัวเจ้าเองว่าอยู่ไหน

      ใครจะสามารถอาจใจ                                         ล่วงเข้ามาได้ในนี้

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                              จึงพระพี่เลี้ยงทั้งสี่

      ได้ยินสุรเสียงพระบุตรี                                        สาวศรีคิดแปลกประหลาดใจ

      ต่างคนคลานคลำหาเทียน                                   วนเวียนไปมาไม่หาได้

      พบแต่ข้าวตอกดอกไม้                                        ซ่าเหง็ดได้เทียนแล้วจุดมา

      ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา

      เห็นแสงไฟแต่ไกลก็ลีลา                                       จากองค์กัลยามาพลัน

      เข้าแอบอยู่หลังพระปฏิมา                                    นัยนาแลลอดรับขวัญ

      ก่นแต่ตกใจอยู่อย่างนั้น                                       ไม่สำคัญว่าพี่รักนางเทวี

      ฯ ๔ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                              นวลนางซ่าเหง็ดสาวศรี

      มาถึงจึงเอาอัคคี                                               ถวายพระชนนีบังอร

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีศรีสมร

      ก้มเกล้าดุษฎีชลีกร                                            แล้วสอนบุษบาให้ทูลไป

      ว่าอิเหนามาตามด้วยความรัก                               ข้อนี้ไม่ประจักษ์ยังสงสัย

      ซึ่งมาจากหมันหยาเวียงชัย                                  เพราะดาหามีภัยจึงไคลคลา

      หวังจะช่วยรณรงค์สงคราม                                   มิใช่มาด้วยความเสนหา

      นี่แวะมาไหว้พระปฏิมา                                       แล้วจะไปหมันหยาธานี

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีเรืองศรี

      จึงสนองพจนาพาที                                            แม้นเทวีมิเชื่อวาจา

      แต่นี้อย่ามาบูชาเรา                                           ยังเขาวิลิศมาหรา

      ว่าพลางกระซิบสั่งประสันตา                                 กับองค์อนุชาภูธร

      ทีนี้พี่จะออกไปใหม่                                            เจ้าเร่งไล่ค้างคาวอย่าหยุดหย่อน

      กว่าพี่จะกลับบทจร                                            ว่าแล้วก็ต้อนค้างคาวไป

      ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์

                ๏ ไฟดับมืดมนอนธการ                             ในวิหารหาเห็นกันไม่

      พระจึงค่อยย่องคลาไคล                                       ออกไปยังองค์พระบุตรี

      ฯ ๒ คำ ฯ 

               ๏ โอบอุ้มนงลักษณ์ใส่ตักไว้                        ลูบไล้ปทุมทองผ่องศรี

      นาสาสูบรสสุมาลี                                              หอมกลิ่นเทวีฟุ้งขจร

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นบุษบาดวงสมร

      สุดคิดที่จะปล้ำปลิดกร                                        บังอรร้องอึงคะนึงไป

      พระชนนีจงช่วยลูกด้วยรา                                    ชะรอยพระพี่ยาเข้ามาได้

      ข่มเหงลูกนี้เป็นพ้นไป                                         จะหยิกข่วนเท่าไรไม่นำพา

      ฯ ๔ คำ ฯ โอด

                ๏ เมื่อนั้น                                              มะเดหวีตกใจเป็นหนักหนา

      ใช้นางประเสหรันกัลยา                                       จงไปจุดเทียนมาบัดนี้

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ บัดนั้น                                              ประเสหรันพี่เลี้ยงโฉมศรี

      จึงวิ่งไปพลันทันที                                              แล้วจุดอัคคีมาฉับไว

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ ครั้นถึงทวาราก็เพลิงดับ                         จึงกลับไปจุดมาใหม่

      ถึงสามทีแล้วไม่ได้ไฟ                                          ด้วยค้างคาวบินไปบินมา

      พอเหลียวไปเห็นปล้องไม้                                     วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา

      จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา                                 แฝงตัววิ่งพาเข้ามาพลัน

      ฯ ๔ คำ ฯ ชุบ

                ๏ ครั้นถึงจึงเบีดอัคคี                                เห็นระเด่นมนตรีอยู่ที่นั่น

      บุษบาเคลื่อนองค์ลงทัน                                       อิเหนานั้นยุดพระกรไว้

      ฯ ๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              มะเดหวีเคืองขัดอัชฌาสัย

      จึงว่าแก่ระเด่นมนตรีไป                                       เป็นไฉนมาทำอหังการ์

      ลบหลู่ดูหมิ่นเป็นพ้นนัก                                       องอาจราชศักดิ์เป็นหนักหนา

      แต่เราเป็นผู้ใหญ่กำกับมา                                    ยังว่าทำได้ถึงเพียงนี้

      ฮึกฮักหักหาญไม่คิดกลัว                                      ถือตัวว่ามีศักดิ์ศรี

      จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี                                       เห็นดีแล้วฤๅประการใด

      ฯ ๖ คำ ฯ 

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีก็แก้ไข

      ทูลสนองพระชนนีไป                                          ลูกมิได้องอาจอหังการ์

      อันนางบุษบาบังอร                                            พระบิดรได้ยกให้แก่ข้า

      แต่ยังเยาว์อยู่ด้วยกันมา                                      พระมารดาก็แจ้งอยู่ด้วยกัน

      หักหาญเอาไปให้ระตู                                         สุดรักสุดรู้จะอดกลั้น

      สู้ตายไม่เสียดายชีวัน                                         จะทราบถึงทรงธรรม์ก็ตามที

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              โฉมยงองค์มะเดหวี

      จึงตอบคำระเด่นมนตรี                                       เจ้าว่าได้ด้วยมีศักดา

      แต่เยาว์มานั้นได้ตุนาหงัน                                    เพราะร่วมวงศ์พงศ์พันธุ์อสัญหยา

      จึงทำตามจารีตบุราณมา                                     หวังมิให้วงศาอื่นปน

      ครั้นจำเริญวัยขึ้นทั้งสอง                                      ท้าวปองจะปลูกให้เป็นผล

      นัดจะแต่งวิวาหมงคล                                         กุศลไม่เคยคู่กับนัดดา

      เจ้าตัดมาว่าไม่เลี้ยงเทวี                                       ให้มีคู่เถิดตามปรารถนา

      การจึงขาดกันแต่นั้นมา                                        ทรงธรรม์ก็ไม่ว่าประการใด

      ครั้นข้างจรกามากล่าว                                        สมพระทัยท้าวจึงยกให้

      เจ้ามาทำหยาบหยามเอาตามใจ                            แกล้งจะให้ได้ความอัประมาณ

      ฯ ๑๐ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีสนองสาร

      ซึ่งว่าลูกสลัดตัดรอนราน                                     ไม่เลี้ยงเยาว์มาลย์เหมือนว่านี้

      คือใครที่ได้ถือสาร                                             มาว่าขานจึงทราบบทศรี

      พระมารดาได้ไหนมาพาที                                    จงชี้ความชั่วเอาตัวมา

      อันนางนี้สิเป็นของลูก                                         รักใคร่พันผูกนักหนา

      พระชนนีว่าของจรกา                                         ก็ให้ตัวขึ้นมาชิงชัย

      แม้นแพ้แลจึงจะส่งนาง                                       บัดนี้ที่จะวางอย่าสงสัย

      ชวนกันข่มเหงไม่เกรงใจ                                      เอาเมียเขาไปให้จรกา

      ฯ ๘ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๕

                ๏ เมื่อนั้น                                              องค์มะเดหวีเสนหา

      ได้ฟังเร่าร้อนในอุรา                                           สุดปัญญาที่จะหย่อนผ่อนลง

      อิเหนานั้นก็ดันดึงไป                                          ไม่วางนางให้ดังประสงค์

      แม้นรู้ถึงท้าวทั้งสององค์                                      ก็จะทรงพระโกรธดังเพลิงกัลป์

      จะปลอบวอนโดยดีดีกว่า                                     อย่าให้กิจจานี้ฟุ้งซ่าน

      คิดแล้วจึงกล่าวพจมาน                                       กระนี้ฤๅหลานว่ารักน้อง

      ฝูงคนรู้ไปจะได้อาย                                            ทั้งจะขายบาทาท้าวทั้งสอง

      ถ้าจะใคร่ได้ดังใจปอง                                         ค่อยตริตรองให้ปรกติกัน

      แม้นรักอย่าให้น้องได้อาย                                    แม่จะช่วยเบี่ยงบ่ายผ่อนผัน

      เห็นจะสมดังจิตที่คิดนั้น                                      อันจะทำดึงดันไปดังนี้

      ก็จะทรงพระโกรธมากไป                                     ที่ไหนจะได้นางโฉมศรี

      เจ้าจงตรึกดูให้ชอบที                                          สุดแท้แต่ดีด้วยกัน

      ฯ ๑๒ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีเฉิดฉัน

      คิดเอ็นดูบุษบาลาวัณย์                                       จึงคาดคั้นเอาคำพระมารดร

      จงให้สัตย์ปฏิญาณแก่ลูกรัก                                  จำเพาะพักตร์พระปฏิมาก่อน

      แม้นรับจะให้ได้บังอร                                          จะวางกรอรไทให้ไคลคลา

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๖

                ๏ เมื่อนั้น                                              มะเดหวีจนใจเป็นหนักหนา

      ทั้งสี่พี่เลี้ยงกัลยา                                               จำรับวาจาด้วยจำใจ

      แม่จะทูลเบี่ยงบ่ายให้หายโกรธ                              พระจะเคืองคุมโทษไปถึงไหน

      จะผันผ่อนวอนว่าภูวไนย                                     สุดแต่จะให้ได้แก่เจ้านี้

      ฯ ๔ คำ ฯ เจรจาบทที่ ๔๗

                ๏ เมื่อนั้น                                              ระเด่นมนตรีเกษมศรี

      ดังได้ผ่านฟ้าดุษฎี                                             จึงทูลพระชนนีไปทันใด

      พระองค์ได้รับวาจา                                            จะวางนางบุษบาไปให้

      จะขอเปลี่ยนอาภรณ์บังอรไว้                                 จะได้ชมพลางต่างกัลยา

      ว่าแล้วจึงเปลื้องเครื่องทรง                                   ยื่นให้แก่องค์ขนิษฐา

      บุษบาเบือนเสียไม่นำพา                                      ยุดพระมารดาไว้มั่นคง

      ฯ ๖ คำ ฯ

                ๏ เมื่อนั้น                                              มะเดหวีมีศักดิ์สูงส่ง

      จึงเปลื้องเครื่องพระบุตรีทรง                                 ให้องค์ระเด่นมนตรี

      รับเอาอาภรณ์ของนัดดา                                     มาทรงให้บุษบาโฉมศรี

      เสร็จแล้วจึงพานางเทวี                                       จรลียังสุวรรณพลับพลา

      ฯ ๔ คำ ฯ กินรรำ

                ๏ เมื่อนั้น                                              พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา

      จึงชวนสังคามาระตา                                          กับพี่เลี้ยงกลับมาพลับพลาพลัน

      ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

                ช้าปี เมื่อนั้น                                          ระเด่นบุษบาสาวสวรรค์

      ในอกหมกไหม้ดังไฟกัลป์                                     อยู่ยังห้องสุวรรณไสยา

      บรรทมรำพึงคะนึงไป                                          ให้คลั่งคลุ้มกลุ้มใจหนักหนา

      ตัวกูแม้นม้วยมรณา                                           ก็ดีกว่าที่เป็นดังนี้

      ไม่สรงไม่เสวยกระยาหาร                                     เยาวมาลย์มัวหมองรัศมี

      ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนทวี                                          ดังเลือดตามารศรีจะหยัดลง

      ฯ ๖ คำ ฯ โอด

                ๏ เมื่อนั้น                                              มะเดหวีศรีสวัสดิ์นวลหง

      จึ่งปลอบพระบุตรีโฉมยง                                      เจ้าจงระงับดับโศกา

      ตามเสด็จภูวไนยใช้บน                                       นฤมลจงฟังแม่ว่า

      แม้นสองกษัตริย์ทราบกิจจา                                 โทษาแม่นี้จะหนักนัก

      ถึงพี่ยาได้มาต้องตัว                                           ใช่ชายชั่วมาระคนปนศักดิ์

      ฟังคำแม่เถิดนะลูกรัก                                         เอาน้ำมาลูบพักตร์พระบุตรี

      แล้วเอาสุคนธามาทรง                                        บรรจงกวดเกล้าเกศี

      พระพี่เลี้ยงช่วยแต่งให้เทวี                                    จนรุ่งราตรีสว่างฟ้า

      ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×