lisa118 เปิดตำนาน “เสือ” จากความเชื่อโบราณสู่ยุคปัจจุบัน - lisa118 เปิดตำนาน “เสือ” จากความเชื่อโบราณสู่ยุคปัจจุบัน นิยาย lisa118 เปิดตำนาน “เสือ” จากความเชื่อโบราณสู่ยุคปัจจุบัน : Dek-D.com - Writer

    lisa118 เปิดตำนาน “เสือ” จากความเชื่อโบราณสู่ยุคปัจจุบัน

    เปิดตำนาน “เสือ” จากความเชื่อโบราณสู่ยุคปัจจุบัน

    ผู้เข้าชมรวม

    159

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    159

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 พ.ค. 65 / 16:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    นับตั้งแต่ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล เสือเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมจีนและได้สร้างตำนานมากมายผ่านเรื่องเล่าปากต่อปาก บทเพลง บทกวี รวมถึงงานศิลปะจากการสร้างสรรค์ของจิตรกร หลักฐานสำคัญที่เจอ คือ รูปปั้นเสือโบราณยุคหินใหม่ที่ถูกพบในประเทศจีน นับตั้งแต่นั้นมา ตำนานของเสือก็โด่งดังไปทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะสือโคร่งนับเป็นเสือที่ได้ชื่อว่า เป็นจุดศูนย์กลางของระบบความเชื่อในภูมิภาคเอเชีย และยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อเสือโคร่งเบงกอล ซึ่งเป็นเสือโคร่งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นสัตว์ประจำชาติของอินเดีย นอกจากนี้ เสือโคร่งเบงกอลหลวง ยังเป็นสัตว์ประจำชาติของบังคลาเทศ เช่นเดียวกับที่เสือโคร่งมลายูที่เป็นสัตว์ประจำชาติของมาเลเซีย 

    ตามความเชื่อมยังมีการเชื่อมโยงกันระหว่างเหล่าสัตว์ในเกาหลีใต้และในประเทศเล่ามาข้างต้น จากความเชื่อดังกล่าว เสือโคร่ง จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณมายาวนานนับพันปี และเป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดตำนาน เรื่องราวของจักรวาลวิทยา ศาสนา และปรัชญา โดยเฉพาะในยุคจีนโบราณ เสือโคร่ง คือ หนึ่งในสัตว์ 12 ราศีของจีน ที่มีความเชื่อว่า เด็กคนไหนเกิดในปีเสือจะเป็นคนชอบแข่งขัน มีความมั่นใจในตัวเอง และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่กล้าหาญ

    และถ้านำมามองในแง่ของจิตวิญญาณ เสือ จะเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ ความกล้าหาญ และความแข็งแกร่งทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งความงดงามของสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ชนิดนี้ที่มาพร้อมกับความกล้าหาญและความดุร้าย ยังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นภาพของความแตกต่างอันงดงามของธรรมชาติ

    ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความเชื่อเช่นนี้ได้นำมาประยุกต์เข้ากับการเมืองและในแง่การทหาร เช่นในระหว่างยุคโชซอนของประเทศเกาหลี กองกำลังทหารนั้นจะต้องสวมใส่หนังเสือเพื่อแสดงถึงความเคารพยำเกรงของผู้ใต้บังคับบัญชา และใช้เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญ และเมื่อถึงที่ญี่ปุ่นมีอาณานิคมเหนือเกาหลี กลุ่มชาตินิยมก็ได้นำเอาเสือมาเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่น

    ในประเทศจีน เสือได้เป็นหนึ่งในสี่สัตว์ที่ฉลาดที่สุด เคียงคู่กันกับมังกร นกฟินิกซ์ และ เต่า ซึ่งจิตรกรชาวจีนนิยมหยิบมาสรรค์สร้างงานศิลปะ ด้วยคอนเซ็ปต์เช่นนี้ เหล่าสาวกศาสนาพุทธนิกายวัชรยานเอง ได้มีการนำหนังเสือมาเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงความโกรธให้เป็นปัญญา และมีการสวมใส่หนังเสือในระหว่างการนั่งสมาธิ ด้วยความเชื่อที่ว่า หนังเสือจะช่วยปกป้องการรบกวนของวิญญาณและภัยอันตราย ในขณะเข้าสู่ห้วงสมาธิ

    แม้กาลเวลาจะผ่านไป ปัจจุบันเสือโคร่งยังนำมาผูกโยงเข้ากับความเชื่อและความศรัทธา ว่าจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่สามารถดลบันดาลให้ชีวิตแคล้วคลาดปลอดภัย ประสบแต่ความสุขความเจริญ จนก่อให้เกิดมาเป็นการนำชิ้นส่วนของเสือ เช่น เขี้ยวเสือ หนังเสือ และอวัยวะเพศของเสือ ที่นำมาสร้างเป็นเครื่องรางของขลังต่าง ๆ นอกจากนี้ ชิ้นส่วนของเสือยังมีการนำมาใช้ทำยาจีนนับเป็นเวลากว่าพันปีอีกด้วย

    จากความเชื่อดังกล่าว ปัจจุบันกลับกลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เนื่องจากเหล่ามนุษย์ทั้งหลายมีการคุกคามชีวิตของเหล่าเสือโคร่ง และทำให้เสือโคร่งกลายมาเป็นหนึ่งในสัตว์ที่กำลังตกอยู่ในวังวนของธุรกิจการค้าสัตว์ป่า และหากมนุษย์ยังไม่มองเห็นความสำคัญของชีวิตเสือ ในอนาคตชื่อของ เสือโคร่ง อาจกลายเป็นเพียงแค่ตำนาน ที่ลูกหลานไม่มีวันได้เห็น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×