นับสืบอวกาศ ตอน แมวพลิกคดี
เมื่อนับสืบหนุ่มบินลงมาจากดาวอังคาร เพราะต้องมาแก้ไขคดีที่ซับซ้อน แม้แต่ตำรวจเองก็ยังงงเลย...
ผู้เข้าชมรวม
639
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“กรุณานั่งรอในห้องนั่งเล่นนี่ไปพลางๆก่อนนะค่ะ”
แม่บ้านของคฤหาสน์ “มอร์ตัน” วัยกลางคนเชื้อเชิญให้ผมนั่งเล่นที่เก้าอี้นวมตัวหนึ่งภายในห้องนั่งเล่นอันโอ่โถงและหรูหรา จากนั้นหญิงสาวท่าทางโศกเศร้าในชุดไว้ทุกข์ก็กล่าวขึ้นต่อไปว่า
“ตอนนี้คุณหนูกำลังมีแขกค่ะ ดิฉันจะเข้าไปเรียนให้เธอทราบเดี๋ยวนี้ ว่าแต่...คุณต้องการเครื่องดื่มอะไรดีค่ะ”
“อะไรก็ได้ครับที่เย็นๆขอบคุณมาก...เอ้อ เรียนคุณไอรีนด้วยนะครับว่าไม่ต้องรีบร้อน ผมคอยได้” ผมตอบอย่างสุภาพและยิ้มให้
เธอรับคำ แล้วก็ตบมือขึ้นเบาๆ3ครั้ง ทันใดนั้นเองเสียงเพลงคลาสสิคก็ดังกังวานด้วยระบบดิจิตอลสเตริชั้นเลิศ แทรกลึกเข้าไปถึงหัวจิตหัวใจทีเดียว แล้วคุณแม่บ้านก็เดินออกไปจากห้อง สักครู่ต่อมาจึงมีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งนำน้ำส้มคั้นแช่เย็นจนเป็นเกล็ดในแก้วเจียระไนทรงสูงมาเสิร์ฟให้ผมแล้วก็ออกไป
ผมหยิบหนังสือ “นิวยอร์ก เดย์ลี่” ฉบับวันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ซึ่งก็คือวันนี้ขึ้นมากางอ่านพลิกไปที่ข่าวไม่เล็กไม่ใหญ่ข่าวหนึ่งตรงหน้าสุดท้าย ซึ่ง ณ มุมหนึ่งนั้นมีรูปภาพผู้หญิงที่ปราศจากชีวิตนางหนึ่งในชุดไนท์กาวน์สีขาวซึ่งชโลมไปด้วยโลหิตแดงฉาน มีมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่งปักติดที่ทรวงอกของเธอ และก็ยังมีส่วนประกอบในภาพอีกหนึ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษ
นั่นก็คือ รูปแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาวขนปุยตัวหนึ่ง ช่างภาพได้ถ่ายตอนมันนอนหมอบนิ่งอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆศพผู้เป็นเจ้าของ ตัวของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด!!!
เนื้อหาและภาพข่าวตรงกับที่ผมได้รับทราบทางทีวี เมื่อวานนี้ที่บ้านพักบนดาวอังคารไม่ผิดกันมันก็น่าจะเป็นข่าวธรรมดาข่าวหนึ่งที่ไม่น่าสนใจ ถ้าหากว่า....ฆาตกรที่สังหารผู้หญิงคนนี้ไม่ใช้สามีที่เพิ่งแต่งกันได้เพียงปีเศษซึ่งมีชื่อว่า....เดวิด แม็คครีรี่
ฆาตกรคนนี้จับได้ทันทีทันควันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งไม่ห่างจากบ้านมากนักและตำรวจก็มั่นใจเต็มที่ว่าเขาคือผู้ลงมือสังหารแพททริเซีย มอร์ตัน จากพยานที่ให้ปากคำและรอยนิ้วมือบนมีดมรณะเล่มนั้นหลักฐานทุกอย่างมัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด เป็นที่เชื่อแน่ว่าเขาเป็นฆาตกรตัวจริง ไม่ผิดแน่
แต่ว่า....ต้องยกเว้นผมที่เพิ่งจะไปเยี่ยมเดวิดที่เรือนจำกลางเมื่อสักครู่ใหญ่ๆไว้สักคนล่ะ!!! ผมรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องนี้ จึงเงยหน้าขึ้นดุ แล้วก็เห็นเด็กสาวผมสีทองวัย18ในชุดไว้ทุกข์เดินตรงเข้ามา พร้อมกับชายร่างใหญ่ในเครื่องแบบตำรวจอีกคนหนึ่งพอผมลุกขึ้นยืนรับ ชายผู้นั้นก็ปราดเข้ามาจับมือผมทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณคิงส์ โพธิ์ดำ ผมเคยได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว ผมคือร้อยตำรวจโท จอห์น เวลล์ แห่งสอบสวนกลางครับ”
ผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “เช่นกันครับ ผมยินดีมากที่ได้รู้จักกับผู้หมวด”
“ทางกรมส่งคุณมาสืบคดีนี้หรือยังไงครับ”
“ถ้าผมบอกว่าใช้ล่ะ” แกล้งตอบกวนๆไป
“ถ้าใช้ก็เห็นทีจะเสียงเวลาเปล่าครับเพราะคดีนี้ปิดแล้ว เราจับคนร้ายได้แล้วหร้อมกับมีพยานและหลักฐานพร้อมมูล ผมกำลังจะให้สรุปสำนวนส่งฟ้องศาลใน2-3วันนี้”
ผมหัวเราะเสียไม่ตอบอะไร หันไปแนะนำตัวให้ไอรีน มอร์ตัน ทายาทคนเดียวของแพททริเซียเศรษฐีผู้เพิ่งจะวายชนให้รู้จักแล้วจากนั้นเราทั้งสามก็นั่งสนทนา
“ฉันเคยได้ยินนายเดวิดพูดถึงคุณให้คุณแม่ฟังบ่อยๆ” ไอรีนกล่าว เธอเรียกพ่อเลี้ยงของเธอว่า ‘นายเดวิด’ อย่างไม่ค่อยเต็มใจเอ่ยถึงด้วยซ้ำ “คุณคงเป็นเพื่อนของเขาใช้ไหมคะ”
“ครับ ผมกับเดวิดเป็นนักเรียนไฮสคูลรุ่นเดียวกัน เคยเรียนอยู่ด้วยกันถึง 6 ปี เราจึงสนิทกันมาก แม้จะห่างเหินกันไปนับสิบปีแต่เราก็ยังเป็นเพื่อนรักกันเสมอ”
“ถ้าเช่นนั้นคุณก็คงจะมาเยี่ยมเขาผิดที่เสียแล้วค่ะ ตอนนี้เขาอยู่ใน.....”
“ครับ ผมทราบ และได้ไปเยี่ยมเยียนเขาเมื่อก่อนจะมาที่นี่แล้ว”
ไอรีนแสดงสีหน้าฉงน “แล้วที่คุณแวะมาที่นี่.....”
“ในฐานะนักสืบพิเศษของเดวิดไงล่ะครับ”
“เอ๊ะ ข่าวก็ออกไปแล้วไม่ใช้หรือว่าคดีมันปิดแล้ว ยังจะมีอะไรที่ต้องให้คุณมาสืบอีก” เสียงของไอรีนเข้มขึ้น ดวงตาจ้องผมเขม็งอย่างไม่พอใจ
“นั้นเป็นความเห็นของตำรวจแต่ไม่ใช้ความเห็นของผม เดวิดเป็นเพื่อนสนิทที่ผมมั่นใจที่สุดถึงบางครั้งเขาจะมีอารมณ์โกรธง่าย แต่เขาไม่มีทางฆ่าใครโดยเด็ดขาดเพราะเขาเป็นคนที่กลัวคุกตะรางและโรงศาล เขาก็ขอกินอุจจาระสุนัขเสียดีกว่า และจากการได้สนทนากับเขารวมทั้งวิจารณญาณบางอย่างของผม ผมมั่นใจว่าเดวิดไม่ใช้ฆาตกร!!!” ผมเน้นเสียงตอบอย่างมั่นใจที่สุด “ดังนั้นที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเดวิด”
“ที่คุณคิงส์พูดคงไม่ใช้หมายความว่าตำรวจไม่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหานะครับ” ผู้หมวดหนุ่มข่มเสียงที่ชักจะไม่ค่อยพอใจไว้ แต่ผมก็ยิ้มอย่างใจเย็น
“ผมไม่ได้ว่าอย่างนั้น ตามวิสัยตำรวจแล้วย่อมต้องการปิดคดีให้เร็ว และแม่นยำที่สุด แต่ผู้หมวดคงจะไม่เถียงนะครับว่า บางครั้งตำรวจก็ยังพลาดจับคนผิดอยู่บ่อยไป” คำพูดของผมทำให้ ร.ต.ท.จอห์น นิ่งไป ผมจึงเริ่มเข้าเรื่องอย่างไม่ยอมเสียเวลา “ผู้หมวดช่วยบอกได้ไหมครับว่า หลักฐานอะไรที่ทำให้ตำรวจปักใจเชื่อว่าเดวิดเป็นฆาตกร”
นายเวลล์มองผมนิ่งเหมือนจะชั่งใจสักครู่ก็ตอบว่า
“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานเย็น ทั้งสองสามีภรรยาได้ไปร่วมงานสังสรรค์ของสมาคมแห่งหนึ่ง แต่พอกลับมาถึงบ้าน ก็มีพยานในบ้านหลายคนได้ยินเสียงทั้งสองทุ่มเถียงกันอย่างรุนแรงในห้อง แล้วต่อมาคุณเดวิดก็ผลุนผลันออกมา ขับรถออกจากบ้านไปอย่างเร็ว ทางตำรวจได้รับแจ้งว่าคุณแพททริเซียถูกฆาตกรรม ก็รีบตามจับคุณเดวิดทันที และพบเขาหลบอยู่ในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง”
“เดี๋ยวครับ เดวิดบอกผมว่าเขาไม่ได้หลบ เพียงแต่เข้าไปดื่มเหล้าดับอารมณ์เท่านั้น”
“แต่เราก็พบว่าที่มือเขามีรอยมีดบาดแสดงว่าเกิดการต่อสู้กัน และภายหลังก็พบว่าที่มีดเล่มนั้นมีรอยนิ้วมือของเขาอยู่เต็มไปหมด”
“เดวิดก็ให้การไปไม่ใช้หรือครับ ว่าคุณแพททริเซียหยิบมีดขึ้นมาจะแทงเขา เขาจึงต้องเข้าไปแย่งทำให้เกิดมีบาดแผลขึ้นหมวดก็รู้นี่ว่าที่มีดนั้นนอกจากรอยนิ้วมือของเดวิดแล้วก็ยังมีของคุณแพทด้วย”
“ครับ ก็ใช้ แต่ทำไมคุณเดวิดไม่ให้การว่าเขาทำทุกอย่างไปเพื่อป้องกันตัวจึงเกิดการพลั้งมือ”
“เรื่องอะไรเขาจะยอมรับเช่นนั้นในเมื่อเขาไม่ได้ทำ ก็เป็นอันว่ารูปการณ์และปากคำของพยาน ทำให้ตำรวจปักใจเลยทันทีว่าเดวิดคือฆาตกรแน่”
“ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้แน่ นอกจากเขานั้นแหละ” ไอรีนขัดขึ้นด้วยเสียงกร้าวดวงตาของเธอคลอไปด้วยน้ำตา “เขาโกรธแค้นที่คุณแม่ปูดเรื่องโสโครกที่เขาเอาเงินไปบำเรอเลขาฯ ส่วนตัวให้คนอื่นฟังในงานผู้ชายตัณหาจัดคนนั้นยอมรับไม่ได้แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง อีกอย่างหนึ่งถ้าคุณแม่ตายไปเขาก็จะได้รับเงินประกันถึง 5 ล้านเหรียญที่คุณแม่ทำให้ด้วย”
“คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นเรื่องจริงในเมื่อเดวิดได้เปิดเผยกับผมซึ่งเป็นเพื่อนที่ไม่เคยปิดบังกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างคุณแม่ของคุณล้วนแต่ระแวงไปเองทั้งสิ้น และเรื่องที่เดวิดจะหวังเงินประกันด้วยวิธีนี้มันก็เป็นเรื่องตลกสิ้นดี บริษัทประกันเขาไม่จ่ายเงินให้ผู้เอาประกันหรอกครับ ถ้าเดวิดจะทำก็ควรจะทำให้มันแนบเนียนกว่านี้ อย่างน้อยให้ตายเหมือนอุบัติเหตุจะยังสวยกว่า”
ไอรีนนิ่งเฉยไปทันที ยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้า หมวดจอห์นกล่าวขึ้นว่า
“เป็นอันว่าคุณคิงส์มีความเห็นว่าคดีนี้มีมือที่สามอย่างนั้นหรือครับ”
“ผมคิดเช่นนั้นจริงๆ” ผมตอบอย่างมั่นใจ “ไอรีน ตอบผมซิ ว่าใครเป็นคนเข้าไปพบศพคุณแม่ของคุณเป็นคนแรก”
“ฉันกับป้ามาเรีย (คุณแม่บ้าน)” เธอตอบค่องข้างห่วน “อย่าบอกนะว่าคุณกำลังเข้าใจว่าฉันทำมาตุฆาตมารดาตัวเอง”
“อายังไม่ได้พูดหรือเข้าใจยังงั้นเลยนะหลานสาว” ผมกล่าวเสียงยิ้ม “ขอให้อาเรียกหนูอย่างนี้เถิดเพราะอาจจะอ่อนกว่าคุณแม่หนูไม่กี่ปี อย่างน้อยก็คงแก่กว่าหนูสักเท่าหนึ่ง ตอบคำถามของอาดีกว่า...หลังจากเดวิดขับรถออกไป เป็นเวลาเท่าไรก่อนที่หนูจะขึ้นไปพบคุณแม่”
เธอนิ่งเหมือนจะคิด “ก็สักสิบนาที ฉันไม่กล้าขึ้นไปทันทีเพราะกลัวคุณแม่จะไล่ออกมา”
ผมพยักหน้า “เวลาสิบนาที มันเหลือเฟือนสำหรับการสวมรอยเขามาทำฆาตกรรม หนูบอกได้ไหมว่าในบ้านนี้มีใครท่าทีไม่หวังดีกับเดวิดบ้าง”
“ทุกคนค่ะ รวมทั้งฉันด้วย!!! นายนั้นแต่งงานกับคุณแม่แทนที่จะทำให้คุณแม่มีความสุขกลับมาทำลายความสุขของท่านหมด ฉันอยากจะฆ่าเขาด้วยมือเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ”
“ทุกคนล้วนแต่มีคติกับคุณเดวิดทั้งหมด” หมวดเวลล์บอก “และมันก็ไม่ช่วยให้อะไรกระจ่างได้หรอกครับคุณคิงส์ คนในบ้านนี้รักและเคารพคุณแพททริเซียทั้งนั้นคงจะไม่มีใครคิดจะแก้แค้นคุณเดวิดด้วยวิธีนี้จริงไหมครับผมว่าอย่าเข้าข้างเพื่อนของคุณเกินไปเลย”
“แต่ผมยังไม่จนหรอกหมวด ที่ถามไปทั้งหมดยังไม่ใช้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผม แต่ความตั้งใจของผมที่ตรงจากดาวอังคารมานี่โดยเร็วอยู่ตรงนี้ต่างหาก” ผมยื่นนิ้วแตะไปที่รูปแมวตัวที่นอนหมอบข้างๆศพของแพททริเซีย มอร์ตัน “แมวพันธุ์เปอร์เซียที่เห็นในรูปนี่เป็นแมวที่คุณแม่หนูรักมากใช้ไหม ไอรีน”
“ค่ะ ท่าเลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กให้อาหารเองและให้มันนอนกับท่าน มันติดท่านมากไม่ค่อยจะยอมอยู่ห่างหรอกค่ะ” ไอรีนตอบด้วยสีหน้างงๆเล็กน้อย เช่นเดียวกับหมวดหนุ่มแห่งสอบสวนกลาง
“แม้แต่ตอนที่เกิดเหตุร้ายเมื่อวานนี้ มันก็อยู่ร่วมด้วยใช้ไหม”
“ค่ะ” เธอรับ แต่น้ำเสียงดูจะไม่ค่อยมั่นคงเหมือนเดิม
“ขอให้อาดูมันหน่อยได้ไหม”
แทนคำตอบไอรีนลุกขึ้นออกไปจากห้องสักครู่ต่อมาก็อุ้มแมวขนปุยสีขาวตัวหนึ่งมาส่งให้ผม ผมรับมาลูบเนื้อตัวมันอย่างปรานี ดูท่าทางมันหงอยมากเหมือนจะรู้ว่าเจ้าของได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ตัวของมันยังเปื้อนเลือดอยู่นะคะ ไม่มีใครกระจิตกระใจจะทำความสะอาดให้มันแต่เจ้าแวนด้ามันก็เหมือนจะรู้ทุกอย่างมันซึมและไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งวัน” ไอรีนบอกให้ทราบ
“หนูพูดถูก อาคิดว่ามันรู้ทุกอย่างแน่ๆและมันนี่แหละจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะบอกให้เรารับรู้ว่าฆาตกรที่แท้จริงเป็นเดวิดแน่ๆหรือไม่”
ร.ต.ท. จอห์นและไอรีนนั่งตะลึง แทบไม่เชื่อกับคำพูดของผม
“คุณคิงส์ คุณอย่าบอกนะว่า คุณมีความสามารถรีดความจริงได้จากสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ มันเป็นไปไม่ได้แน่ ถึงมันจะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแต่มันพูดออกมาไม่ได้เหมือนคน” นายเวลล์ร้องลั่น
“อย่างเพิ่งดูถูกสัตว์สิครับผู้หมวด จริงอยู่มันพูดไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าสัตว์เดรัจฉานมันมีจิตสำนึก มีอิมพริ้นติ้ง (ความฝังใจ) ที่จะจดจำเจ้าของหรือเหตุการณ์ต่างๆ ได้เพราะมันมีสมองเหมือนคน แม้จะไม่พัฒนาเท่า แต่มันก็มีความทรงจำที่ดี และโดยเฉพาะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนมนุษย์ ครั้งหนึ่งผมเคยสืบสวนในคดีฆาตกรรมรายหนึ่งซึ่งหาพยานและหลักฐานไม่ได้เลย แต่ปรากฏว่ามีสุนัขตัวหนึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ที่เจ้าของถูกฆาตกรรม ผมจึงนำมันไปเข้าทดสอบทางจิตด้วยวิธีที่เรียกว่า “อิมพัลซ์ทรานสเลชั่น” ซึ่งโปรเฟสเซอร์ท่านหนึ่งที่ดาวอังคารค้นคิดขึ้น ผลปรากฏว่าเราสามารถดึงคลื่นสมองที่สุนัขมีความฝังใจออกมาเป็นแผ่นฟิล์มได้ เราได้เห็นหน้าคนร้ายและวิธีฆาตกรรมจนกระทั่งจับคนร้ายได้ในที่สุด...นี่แหละผมจึงมั่นใจว่าแมวตัวนี้ช่วยเหลือเราได้ ผมจึงมาเพื่อขอยืมแมวตัวนี้ไปเข้าทำการทดสอบดังกล่าว หนูจะอนุญาตให้อาได้ไหม ไอรีน”
“ถ้าคิดว่าวิธีนี้จะช่วยให้นายเดวิดรอดพ้นคุกตะรางก็เชิญค่ะ ฉันอนุญาต แต่ฉันคิดว่าคงจะคว้าน้ำเหลวมากกว่าถ้าหลักฐานที่ได้ไม่ชัดเจน ก็คงจะป่วยการเปล่า”
“แต่อาคิดว่าไม่พลาดหรอก เพราะอาจะไม่ทำงานที่คิดว่าจะไม่สำเร็จเป็นอันขาด”
ผมสนทนาซักถามอีกสักครู่ใหญ่ๆก็ขอตัวกลับและถามถึงโรงแรมดีๆในละแวกนี้ไอรีนจึงแสดงน้ำใจบอกให้ผมพักอยู่ที่บ้านนี้ก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาหาโรงแรม ผมใคร่ครวญดูแล้วก็ตกลง ส่วน ร.ต.ท. จอห์น เวลล์ รีบขอตัวกลับที่ทำงาน เพื่อขอบันทึกการสนทนาที่ได้ในค่ำวันนี้ซึ่งมันคงมีประโยชน์ต่อเขาไม่น้อย
.....................................................................................................................
ตอนหัวค่ำ หลังจากร่วมรับประทานอาหารกับเจ้าของบ้านแล้ว ผมก็ขึ้นมาบนห้องที่จัดไว้ให้หร้อมกับเจ้าแวนด้า แมวพันธุ์เซียที่ผมอุ้มติดตัวตลอดเวลาและคืนนี้มันก็จะนอนกับผมเพื่อความปลอดภัย ในระหว่างนี้ผมก็จ้องมองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ เอามือลูบขนปุกปุยที่ตอนนี้มีโลหิตเกรอะกรัง มันดูจะชอบผมไม่น้อยเหมือนกัน เวลาเอาเกาคางให้มันก็จะหลับตานิ่งอย่างมีความสุขตามประสาแมว
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดให้ เป็นแม่บ้านที่ชื่อมาเรียนั้นเอง
“คุณหนูสั่งดิฉันให้เอาโกโก้เย็นมาให้คุณ และเอาอาหารแมวมาให้แวนด้าค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ ฝากบอกคุณหนูด้วยว่าผมขอบคุณ”
มาเรียว่างแก้วโกโก้ที่โต๊ะ และเดินไปวางถ้วยใส่อาหารแมวบนพื้นใกล้ๆ แวนด้า ส่วนผมยกโกโก้ขึ้นมาจิบพร้อมๆกับสังเกตเห็นมาเรียยิ้มนิดๆอย่างลึกลับพิกลอยู่
“ราตรีสวัสดิ์นะคะ” คุณแม่บ้านกล่าวก่อนออกไป แต่ผมไม่ชอบสิ่งที่แฝงในน้ำเสียงนั้นเลย....
.........................................................................................................................
แล้วคืนนี้ สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้และเฝ้ารอคอยก็เกิดขึ้นจริงๆ
โสตประสาทอันว่องไวของผมสัมผัสกับเสียงประตูห้องที่เปิดออกเบาๆแล้วเงาตะคุ่มๆเงาหนึ่งก็ย่างกรายเข้ามาภายในห้องอันมืดสลัวอย่างเงียบกริบ ร่างนั้นค่อยๆย่องอย่างระมัดระวัง แต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเจ้าของห้องคงไม่มีทางตื่นขึ้นมารับรู้ได้แน่ ซึ่งบุคคลผู้นี้ก็คาดผิดถนัด เพราะตั้งแต่ล้มตัวลงนอนบนเตียง ผมก็ไม่ได้หลับเลยแม้แต่งีบเดียว
ผมรอและรอจนกระทั่งคนผู้นั้นเดินมาถึงเตียงนอน นิ่งรอจนเห็นว่าลึกลับกลับเอื้อมมือไปที่ตัวเจ้าแวนด้าซึ่งนอนอยู่ข้างๆผมด้วยเจตนาที่ไม่ประสงค์ดีอย่างแน่นอน ฉับพลันนั้นเองผมก็ฉกมือไปกุมที่ข้อมือกลมกลึงของคนๆนั้นอย่างรวดเร็ว และเปิดไฟหัวเตียงสว่างจ้าขึ้น
คนๆนั้นผงะอย่างตกใจไม่คาดฝัน และพยายามจะหันหน้าหนี แต่จะมีปะโยชน์อะไร ในเมื่อเพียงแค่เห็นเงาแวบแรก ผมก็จำได้ว่าเป็นใคร
คนผู้นี้ก็คือ ไอรีน มอร์ตัน ทายากคนเดียวของแพททริเซีย มอร์ตันนั้นเอง!!!
“คุณ....คุณไม่ได้หลับหรือ ก็มาเรียบอกว่าคุณทานโกโก้....”เสียงของไอรีนสั่นระรัวเหมือนกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าขโมยของยังไงยังงั้น
“อาจะหลับได้ยังไง ในเมื่ออาตั้งใจที่จะคอยหนูตลอดคืนนี้” ผมตอบเสียงยิ้ม และปลดปล่อยข้อมือเธอเป็นอิสระ “มาเรียเห็นอาดื่มโกโก้ก็จริงแต่ก็ไม่ทันเห็นอากินยาปลุกประสาทตามไปนี่นา ไม่เช่นนั้นอาคงไม่ได้เห็นหนูคิดจะเอาแวนด้าไปทำอะไรสักอย่างที่จะหายไปตลอดกาล”
ไอรีนทรุดตัวลงกับพื้น และร่ำไห้ออกมาอย่างผู้แพ้
“จบ....จบสิ้นทุกๆ อย่างแล้ว.....ในที่สุดฉันก็ทำไมสำเร็จ”
ร.ต.ท. จอห์น เวลล์ แห่งสอบสวนกลางคงแทบช็อกทีเดียว เมื่อผมบอกให้เขาฟังถึงการกระทำเมื่อคืนนี้ของไอรีน มอร์ตัน และมาเรีย แม่บ้านคนสนิท ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
“คุณไอรีนลอบเข้ามาตอนดึกเพื่อลักเอาแวนด้าไป โดยให้มาเรียวางยานอนหลับ คุณคิงส์เสียก่อน....” หมวดหนุ่มทวนคำบอกเล่าอย่างงงงัน “ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าทั้งสองมีเจตนาที่จะปิดปากแมวตัวนั้นเพื่อปรักปรำคุณเดวิดไม่ให้หลุดพ้นข้าหา”
ผมก้มศรีษะเล็กน้อย “เธอยอมรับเช่นนั้นครับ”
“แล้วการฆาตกรรมคุณแพททริเซียก็คงเป็นฝีมือ.....โอ ผมไม่อยากเชื่อเลย....”
ไอรีนและมาเรียต่างปิดปากเงียบ ผมจึงหันมายิ้มให้ไอรีน
“ทำไมหนูไม่บอกความจริงให้ผู้หมวดรู้ล่ะ จะมีประโยชน์อะไรที่จะรักษาเกียรติคุณแม่ของหนูด้วยวิธียอมนิ่งรับเสียเอง อาอยากจะให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี”
“ฉันไม่มีความจริงอะไรจะให้ อยากจะตั้งข้อหาอย่างไรก็เชิญ....”
“เด็กโง่” ผมตวาดอย่างชักมีอารมณ์ “ทำไมเธอจะต้องทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นเดียวกับแม่ของเธอ เธอรู้อยู่เต็มอกไม่ใช้หรือว่าเดวิดไม่ได้ฆ่าคุณแม่เธอ แต่เธอฆ่าตัวเองต่างหาก....”
“อะไรนะคุณคิงส์ คุณแพททริเซียฆ่าตัวเอง....”ผู้หมวดจอห์นร้องอย่างตกใจ
“ผมแน่ใจกรณีนี้ตั้งแต่มองเห็นภาพข่าวทางทีวี และหนังสือพิมพ์แล้วล่ะครับผู้หมวด บางทีคุณอาจจะไม่เฉลียวใจคิดถึงจุดเล็กๆจุดหนึ่งในคดีนี้ก็ได้ รวมทั้งผมด้วย ผมเองก็คงปักใจเชื่อเหมือนกันว่าเดวิดเป็นฆาตกร ถ้าหากว่าไม่มีรูปเจ้าแวนด้ามานอนหมอบอยู่ข้างๆ ศพคุณแพททริเซีย....”
“แมวตัวนั้นน่ะหรือครับ” ดูเหมือนนายเวลล์จะมึนหัวแทบระเบิดทีเดียวตอนนี้
“ครับ ถ้าตำรวจสังเกตสักนิดอาจจะเห็นว่าความผิดปกติก็ได้ ที่ผมสังเกตเห็นก็คือ ทำไมเจ้าแวนด้าถึงได้ทำท่ามีความสุขนักเมื่ออยู่ข้างศพนายของมัน มองดูจากรูปที่หน้าหนังสือพิมพ์ประกอบด้วยก็ได้ มันได้แสดงท่าทางเหมือนเคลิ้มหลับ ซึ่งเป็นกิริยาของแมวที่ถูกเจ้าของลูบเนื้อตัวเป็นการกล่อมมัน และอีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ รอยเลือดที่ปรากฏบนตัวของมัน”
“ช่วยกรุณาอธิบายด้วยเถอะครับ ตั้งแต่เป็นตำรวจมา ผมยอมรับว่าไม่เคยเจอปริศนาที่ซับซ้อนเช่นนี้เลย สมองผมไม่แล่นเลยจริงๆ”
ผมหันไปอุ้มแวนด้าที่กำลังนอนเฉยบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่งขึ้นมาไว้บนอุ้งแขน มันร้อง “แง้ว” เบาๆ และเอาหัวสีกับแขนของผมอย่างประจบประแจง
“ถ้าผู้หมวดเลี้ยงแมวก็ลองสังเกตกิริยาของมันเวลาแสดงความรักต่อเจ้าของเถิดครับ เห็นไหมมันชอบเอาหัวไสกับเจ้าของแบบนี้ ตอนนี้ก็ดูหัวของมันจะเห็นว่ามีรอยเลือดกรังอยู่ แสดงว่าในขณะที่คุณแพทล้มลงกับพื้นแล้ว มันได้เข้ามาเอาหัวไสกับส่วนที่เปื้อนเลือดเหมือนกับมีคนเอามือเปรอะเลือดมาลูบหลังมัน ซึ่งก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลย และรอยเลือดที่เปื้อนตัวมันอีกแห่งก็คือ ที่คางและลำคอของมัน รอยเหล่านี้แสดงว่าคุณแพทยังไม่สิ้นใจทันที แต่ยังมีเวลาลูบหลังและเกาคางแมวที่ตัวเองรักจนมันเคลิ้มได้อย่างสบาย”
“แล้วมันบอกได้ว่าคุณแพททริเซียอัตวินิบาตกรรมได้อย่างไร” หมวดจอห์นยังไม่หายงง
ผมถอนหายใจเบาๆและยิ้มออกมา
“ผมขอถามผู้หมวดก็แล้วกันครับว่าสมมติถูกใครสักคนแทงและรู้ตัวว่ากำลังจะตาย ผู้หมวดจะยังมีอารมณ์เย็นถึงกับเอามือไปลูบหลังเกาคางให้แมวแบบเวลาว่างๆไม่มีอะไรทำหรือไม่ ยิ่งสำหรับคุณแพทที่ถูกคนที่เธอเคียดแค้นทำร้าย เธอจะยังมีอารมณ์ดีก่อนจะสิ้นใจหยอกกับแมวหรือ ทำไมแทนที่เธอจะรีบช่วยเหลือตัวเอง กลับไปทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นความตายที่เธอเต็มใจจะรับแล้ว อารมณ์ของเธอถึงได้สดชื่นปานนั้น แต่คำอธิบายของผมอาจจะไม่ตรงเสียหมดก็ได้ ดังนั้นเธอสมควรที่จะพูดได้หรือยังไอรีนว่าความจริงทั้งเป็นอย่างไร”
ผมหันไปถามไอรีนด้วยน้ำเสียงปลุกปลอบมากกว่าจะคาดคั้น และทันใดนั้นเองเด็กสาวก็ร่ำไห้ออกมาอีก เธอโผเข้ามากอดผมไว้แน่น และพูดเสียงสะอื้น
“หนูยอมแพ้แล้วค่ะคุณอา ทุกอย่างที่คุณอาพูดเป็นความจริง คุณเดวิดไม่ได้ฆ่าคุณแม่ แต่คุณแม่คิดสั้นฆ่าตัวเองเพื่อแก้แค้นเขา ถ้าทำให้ใครๆเข้าใจว่าคุณเดวิดฆ่าคุณแม่ เขาก็จะรับโทษและจะไม่ได้เงินประกันแต่บริษัทจะจ่ายให้หนูแทน ตอนที่หนูกับป้ามาเรียเข้าไป คุณแม่ยังไม่สิ้นใจ ท่าน กำลังลูบตัวเจ้าแวนด้าอยู่จริงๆ ท่านสั่งให้หนูทำตามที่ท่านต้องการก่อนสิ้นใจ แต่หนูก็ทำไม่สำเร็จ คุณอาคะ ... หนูจะต้องติดคุกไหมคะ หนูกลัวเหลือเกิน”
ผมหันมาทาง ร.ต.ท. จอห์น เวลล์ เหมือนจะให้เขาเป็นผู้ตอบ
“คุณกับมาเรียมีความผิดโทษฐานร่วมมือกันใส่ความบริสุทธิ์และปกปิดความจริงต่อเจ้าหน้าที่กระทงหลังอาจจะแค่ปรับแต่กระทงแรกนั้นรุนแรงมาก เว้นแต่ว่าคุณเดวิดจะไม่เอาความเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้น หนูไม่ต้องรับโทษหนักหรอก อาจะพูดเดวิดให้เอง” ผมหันมาบอกไอรีน
“แต่เขาจะอภัยให้หนูหรือคะ ในเมื่อหนูทำกับเขา..........”
“ไม่มีใครรู้จักเดวิดดีเท่าอาหรอกไอรีน หมอนั้นเป็นลูกผู้ชายพอตัวทีเดียว และอาก็รู้ความจริงเขารักคุณแม่ของหนูมากแต่ท่านระแวงไปเองต่างหาก เดวิดเองก็รักหนูเหมือนลูกในไส้ของเขาเรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่ อารับรอง....เอ้อ แต่อาขออะไรสักอย่างได้ไหม”
“ขออะไรคะ”
“เจ้าแวนด้าไง อาขอมันไปด้วย มันอยู่บ้านนี้คงไม่มีความสุขอีกแล้ว”
“ตามใจเถิดค่ะ คุณอาจะพามันไปทดลองหาความจริงอีกหรือเปล่าคะ”
ผมหัวเราะออกมาทันทีด้วยเสียงดังลั่น
“ไม่มีวิธีบ้าๆ บอๆ ที่ไหนที่จะแปลคลื่นสมองแมวมาเป็นภาพได้หรอกไอรีน อาเพียงแต่วางกับดักเพื่อให้ความจริงปรากฏเท่านั้น อาจจะเป็นชื่อเสียงของอารวมทั้งเหตุผลที่อายกเมฆขึ้นและชื่อวิธี “อิมพัลซ์ทรานสเลชั่น” ที่อาตั้งโก้ๆเองก็ได้ ทำให้หนูหลงกลเข้ามาติดกับ แต่อย่าโกรธอาเลย ทุกอย่างที่อาทำไปเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งเท่านั้นและมันก็ได้ผลที่น่าพอใจ”
ทั้งผู้หมวดหนุ่มและไอรีนถึงกับตะลึงงันแต่เด็กสาวก็กล่าวมาว่า
“หนูไม่โกรธหรอกค่ะ แลยอมรับแล้วว่าคุณอาคือนับสืบที่เก่งที่สุดในจักรวาล...”
ผมหัวเราะ แต่ไม่ยอมรับคำชมนั้นหรอกยกมือลูบขนแมวพันธุ์เปอร์เซียเบาๆ ถึงอย่างไรผมก็ยังต้องขอบใจมันที่ช่วยคลี่คลายคดีสำคัญคดีหนึ่งได้
และที่สำคัญ บ้านชายโสดของคิงส์ที่ดาวอังคารก็คงไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ ~*-drak of princess-*~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ~*-drak of princess-*~
ความคิดเห็น