ปรัชญา สถ. ตอน แบบฉบับของเมริษฐ์
เรื่องสั้นรำลึกอดีตวัยเรียนของเด็กถาปัด หน้าพระลาน
ผู้เข้าชมรวม
311
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“คนสวยต้องไม่เข้าส้วม ไม่ขี้ ไม่เยี่ยว ไม่กินข้าวให้ใครเห็น เวลาเดินต้องสโลว์ ห้ามวิ่งเด็ดขาด”
เมริษฐ์เปิดประเด็นด้วยบัญญัติแห่งการเป็นคนสวย
“ห่..คนอะไรของมึงวะ ไม่ขี้ไม่เยี่ยว ไม่กินข้าว “ เดนสงสัย
“แล้วมึงเคยเห็นน้องออน ตอนเข้าส้วม หรือตอนกินข้าวเหรอ” เมถามกลับ ยกชื่อน้องต่างคณะที่เป็นขวัญใจหนุ่มๆสถาปัตย์อย่างพวกเราเป็นตัวอย่าง
“กูไม่เคยเห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าน้องเขาจะเป็นอย่างที่มึงบอกนี่” เดนแย้ง
“นั่นแหละถ้าไม่มีใครเคยเห็น แสดงว่าน้องออนเป็นคนสวย” เมฟันธงสรุปด้วยตรรกะทฤษฎีของตน
เมริษฐ์มักมีทฤษฎีส่วนตัวที่ทำให้เพื่อนอึ้งๆอยู่เสมอ ก่อนที่จะพูดกันถึงเรื่องของเขาต่อ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับเขาสักหน่อยนึงก่อนดีกว่า
คุณลองนึกภาพ ชายหนุ่มผมหยิกหยักศกพองาม เสื้อผ้ายี่ห้อดีมีระดับ ใบหน้าที่ไม่คล้ายไทยแท้ ออกไปทางคมเข้มแบบแขกนิดๆ น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกแบบพระเอกหนังไทยรุ่นสมบัติ เมทนี อ๊ะ..เดี๋ยวก่อน ตอนนี้คุณคงจินตนาการภาพชายหนุ่มคมสันมาดเท่ประมาณ ตุ้ย ธีรภัทรอยู่ใช่ไหมครับ หยุดนิดนึง คุณต้องขยายรอบเอวชายหนุ่มคนนั้นออกด้านข้างสัก
“เฮ้ยๆ กูเจอแล้ว” อีกครั้งที่เมวิ่งมาหน้าตาตื่น ขณะเพื่อนๆกำลังนั่งเสวนากันอยู่หน้าคณะ
“เจออะไรของมึง” พวกเราต่างสงสัย
“กูเจอเด็กเด็คฯ คนนึงโอโห เสป็คกูเลย เจอแล้วฮอร์นนี่เลย” เมพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นถึงสาวคณะมัณฑนศิลป์ที่อยู่ตรงข้ามคณะเราซึ่งมักเรียกคนที่เรียนคณะนี้ว่า”เด็กเด็คฯ” ย่อมาจากคำว่า Decorate
เพื่อนๆฟังจากน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเมแล้วพากันฮือฮา เพราะปกติเมจะเป็นคนช่างติ ช่างเลือก น้องคนนั้นไม่ดี เจ๊คนนี้ไม่เด็ด ไม่เคยมีใครสมบูรณ์แบบในสายตาเม แต่คราวนี้มันตื่นเต้นขนาดนี้ แสดงว่าคงต้องเจอสาวสวยคนไหนที่หลุดรอดสายตาเรดาร์ของหนุ่มชีกออย่างพวกเราเป็นแน่
“ฮอร์นนี่เป็นยังไงวะ” ตุ๋ยงง
เมได้แต่อมยิ้มบอก “มึงต้องไปดูเอง”
“มึงเจอที่ไหนวะ เฮ้ย ไปดูกัน” โจ๋ ถามแล้วหันมาชวน ไม่ต้องรอคำตอบ พวกเราพากันยกขบวนไปดูให้เห็นกับตา ตามประสาหนุ่มผู้รักการพิสูจน์ความจริง โดยเฉพาะเป็นเรื่องสาวสวยแล้วย่อมไม่มีใครยอมพลาดโอกาส
“คนไหนวะ” ตุ๋ยสงสัย เมพาทุกคนมาที่ห้องสมุด แต่ยังไม่เห็นสาวคนไหนเป็นที่สะดุดตา
“คนนั้นไง เลือกหนังสืออยู่ตรงชั้นโน้น” เมตอบแบบหลบๆเขินๆ โบ้ยหน้าไปทางชั้นหนังสือด้านหนึ่ง
ทุกคนมองตาม “ไหนวะ มองไม่เห็นเลย” โจ๋สงสัย
“เดี๋ยวกูเดินไปดูเอง” เดนชักรำคาญ
เดนแกล้งเดินผ่านแล้วหันไปมองในซอกระหว่างชั้นหนังสือตามที่เมบอก ยักคิ้วหลิ่วตาส่งสัญญาณเป็นเชิงถามว่าคนนี้เหรอ เมพยักเพยิดตอบ เดนอมยิ้ม เดินวนกลับมาที่โต๊ะ
“เป็นยังไงวะ” ทุกคนอยากรู้ เดนทำหน้ามีเลศนัยตอบ “มึงต้องไปดูเอง”
แล้วคนอื่นๆก็แกล้งเดินผ่านไปที่ชั้นหนังสือจนครบ กลับมานั่งที่โต๊ะอีกที
“มึงว่าเป็นไงล่ะ” เดนเปิดประเด็นถามความเห็น เมมองทุกคนแบบอยากรู้คำตอบ
“กูว่าก็ใช้ได้นะ” ตุ๋ยอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงแบบคนขี้เกรงใจ
“กูว่าหน้าแปลกๆดี แต่ไม่ใช่เสป็คกู” โค๊กผู้นิยมของแปลกแสดงความเห็น
“กูว่าเหมือนวัวน่ะ” โจ๋คนปากตรงกับใจพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ
“ไม่ใช่แค่วัว กูว่าแม่วัวชัดๆ พันธุ์เนื้อนมไข่น่ะ” เดนซ้ำอีกที
“เฮ้ย แบบนี้แหละ กูชอบ เห็นแล้วฮอร์นนี่” เมยังคงยืนยัน
“แล้วตกลงฮอร์นนี่มันคือยังไงล่ะวะ”ตุ๋ยยังคงสงสัยกับศัพท์เม
“ก็ ฮอร์นแปลว่าเขาไง เขาแหลมๆน่ะ คือพอเห็นเธอแล้วเขามันก็จะงอกแบบนั้นน่ะ มัน อูยย..บอกไม่ถูก” เมอธิบาย
เพื่อนๆชักเริ่มเข้าใจ เพราะสาวคนที่พูดถึงกันอยู่บางส่วนในร่างกายเธอค่อนข้างเกินไซส์มาตรฐานอยู่ไม่น้อย ตีความได้ว่าเขาที่เมว่านี่มันคงจะไม่ใช่เขาที่งอกบนหัวแน่นอน แต่ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้สึกอย่างที่เมรู้สึกสักคน คงปล่อยให้เมหลงใหลเธอคนนั้นไปคนเดียวแล้วกัน
ในตอนหลังที่เมพร่ำเพ้อหนักเข้า ฉายานี้ก็ไปเข้าหูเธอจนได้ แต่โชคยังดีเธอเข้าใจว่าเมเรียกเธอว่าฮันนี่ คือประมาณว่าที่รักอะไรอย่างนั้น เธอจึงออกจะเขินอายไม่น้อยเมื่อเจอกลุ่มพวกเรา
มีครั้งหนึ่ง ตุ๋ยบังเอิญเก็บกระเป๋าสตางค์ที่ฮอร์นนี่เธอทำตกไว้ได้แถวโรงอาหาร เพื่อนๆได้ทีรวมหัวกันให้เมเป็นคนเอาไปคืน โดยขู่แกมบังคับ ถ้าไม่เอาไปคืนก็ทิ้งไว้แล้วกัน พวกเราไม่สนใจหรอก เมจึงต้องเอากระเป๋าใบนั้นไปคืนเจ้าของอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผลจากการเป็นคนดีของเมเป็นยังไง ใครถามเมก็ไม่ยอมตอบปล่อยให้คาดเดากันไปต่างๆนาๆ แต่สรุปสุดท้ายแล้วเมก็เป็นฝ่ายเฝ้ามองฮอร์นนี่ของมันไปคนเดียวโดยไม่ได้รุกคืบหน้าต่อ
และอีกครั้งหนึ่งที่เมสร้างตำนานไว้ จนทำให้การกินเหล้าหน้าคณะของเพื่อนๆที่เคยตั้งวงกันประจำถึงกับแทบจะล้มเลิก ย้ายวงกันไปกินข้างนอกมหาวิทยาลัยเกือบจะถาวร
เอ่อ...คือที่พูดถึงการกินเหล้าหน้าคณะในสถานศึกษาอันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนของชาตินี่ต้องขออธิบายว่า การกินเหล้าของเราไม่ได้อยู่ในชุดเครื่องแบบนักศึกษา(เพราะธรรมดาที่คณะไม่มีใครใส่ชุดนักศึกษายกเว้นตอนสอบ) และเป็นยามวิกาลในเวลาที่แทบจะไม่มีใครอยู่ในมหา’ลัยแล้วเท่านั้น แล้วอีกอย่างพวกเราก็กินกันเป็นวงเล็กๆแค่5-6 คนเองน่ะครับ(แก้ตัวกันไปแบบน้ำขุ่นๆเลยเชียว) อ่า...มาเข้าเรื่องต่อแล้วกันนะ
วงเหล้าปกติมักเต็มไปด้วยความเฮฮาสนุกสนาน คุยกันฉันท์มิตรแซวกันนิดหยอกกันหน่อยไม่ถึงกับมีการโกรธเคืองกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ครั้งที่มีเรื่องนี่จริงๆก็เริ่มจากเมเปิดประเด็น
“ใครเคยสังเกตมั่งวะว่า ติ๋วชอบใส่แต่ถุงเท้าสีแดง” เมพูดถึงเพื่อนสาวในชั้นปีของเราคนหนึ่งซึ่งเธอออกจะเป็นแนวหน่อมแน้มคิกขุ(ศัพท์โบราณไปไหมเนี่ย)สมกับเป็นเด็กจากรร.สตรีแบบคอนแวนต์
“แล้วมึงทำไมถึงสังเกตว่าติ๋วชอบใส่ถุงเท้าสีแดง”ตุ๋ยรีบหยอดเมื่อเห็นจังหวะ
ได้ผล เพื่อนอีก 4-5 คนในวงที่เหลือต่างพากันล้อเลียนเมเป็นที่สนุกสนานประมาณว่าเมท่าทางน่าสงสัย คิดอะไรถึงขนาดไปนั่งสังเกตถุงเท้าติ๋วอยู่ได้
“เม red sock ๆๆๆๆ” โจ๋ใส่กระหน่ำล้อไม่ยั้งปาก
เมฉุนเลือดขึ้นหน้า เหล้าที่อยู่ในปากถ่มถุยใส่หน้าโจ๋ทันที เพื่อนคนอื่นในวงเริ่มชะงัก
“แน่จริงมึงพ่นมาอีกสิ ไอ้เม red sockๆๆๆๆ “ โจ๋ไม่หยุดปากยังใส่ไม่ยั้ง สมทบด้วยเดนที่หันมารับลูกอีกคนช่วยกันล้อไม่หยุดปาก
เมหันรีหันขวางบอกอาการหงุดหงิดเต็มที่ และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด เมหยิบขวดโซดามาทุบกับขอบโต๊ะดังเปรี้ยง โซดาในขวดหกกระจายฟองฟู่ ขวดในมือแตกเป็นปากฉลามยกขึ้นชี้หน้าคนล้อด้วยหน้าตาถมึงทึง คราวนี้ได้ผลทั้งวงแตกกระเจิงโดยเฉพาะโจ๋กับเดนสองสหายที่เผ่นถอยไปตั้งหลักในระยะปลอดภัย เพื่อนคนอื่นก็ถือคติปลอดภัยไว้ก่อนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รัศมีของเมริษฐ์เลยสักคน โดยสรุปวงเหล้าในวันนั้นต้องเลิกไปโดยปริยาย
ครั้งต่อๆมาเวลาใครชวนกินเหล้ากันที่หน้าคณะก็มักจะมีคนยกเหตุการณ์ในวันนั้นมาอ้างอิงให้เปลี่ยนสถานที่ไปที่อื่นดีกว่าไม่อยากให้เกิดอาการของขึ้นกันอีก แต่จริงๆแล้วเมเล่าให้ตุ๋ยฟังภายหลังเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
“จริงๆกูยกขวดจะมาเคาะให้มันหยุดล้อกันเฉยๆ แต่ขวดมันเสือกแตกเอง กูเลยต้องเก๊กโมโหต่อไม่งั้นก็เสียฟอร์มตายห่..สิวะ” เมสารภาพเสียงอ่อยๆ
และปิดท้ายความเป็นเมริษฐ์อีกครั้ง เมื่อวันหนึ่งเดนกระหืดกระหอบมาหาเพื่อนๆที่นั่งหน้าคณะ
“เฮ้ย...เมเว๊ย เมื่อกี้นี้กูเห็นน้องออนเข้าห้องน้ำหลังหอศิลป์”เดนรีบบอก
“แล้วไงวะ”เมทำหน้าสงสัย”มึงไปแอบดูเขาหรือไง”
“เห้..กูอยู่แค่หน้าห้องน้ำเฉยๆเว๊ย..ก็ไหนมึงบอก คนสวยต้องไม่เข้าส้วม ไม่ขี้ ไม่เยี่ยว นี่กูเห็นหายเข้าไปนานด้วยกูว่าน่าจะหนักนะไม่ใช่เบา” เดนพูดถึงทฤษฎีการขับถ่ายของเม
“งั้นแสดงว่า...”เมกำลังจะพูด
“ทฤษฎีของมึงผิด”เดนได้ทีรีบสรุป
“ไม่ใช่...นี่แสดงว่าจริงๆแล้วพวกมึงผิด น้องออนจริงๆแล้วไม่ใช่คนสวย” เมสรุปด้วยความเชื่อมั่นในความคิดของตน
นี่คือแบบฉบับของเขา...ชายคนที่ชื่อว่า...เมริษฐ์
ผลงานอื่นๆ ของ linkdreams ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ linkdreams
ความคิดเห็น