ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า? ยังคงเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ข้อมูลเบื้องต้น

ในออสเตรเลีย รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าและได้ออกนโยบายเพื่อพัฒนาการสนับสนุนสำหรับพวกเขา แต่ก็ยังเป็นหัวข้อที่มีการโต้เถียงกันมานาน หลายคนมองว่าเป็นความอยุติธรรมต่อผู้บริโภค โดยชอบอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเพียงเพราะว่าผู้ซื้อประเภทใดประเภทหนึ่งเลือกที่จะขับรถ นโยบายบางอย่าง เช่น แนวคิดในการลดต้นทุนในการจดทะเบียนแบรนด์ EV และการจัดหาที่จอดรถเฉพาะสำหรับ EV ก็ถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ดูเหมือนไม่รู้ถึงความไม่พอใจของผู้คน หรือจงใจเพิกเฉยต่อความคิดเห็นของพวกเขา รัฐบาลยังคงสนับสนุนอย่างจริงจังต่อยานพาหนะประเภทใดประเภทหนึ่งทั่วประเทศ ส่งผลให้ยานพาหนะประเภทนี้ครอบงำถนนของเรา รถยนต์ไฟฟ้ายังคงแข็งแกร่ง ราวกับไม่มีใครคิดหรือว่าไม่ยุติธรรม

ในกรณีนี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายได้รับความเสียหาย แต่ก็ยังมีที่สำหรับรถดับเบิ้ลแค็บ รถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดเช่น ไฮลักซ์ รีโว ราคา, Ford Ranger, Nissan Navara, Mitsubishi Triton และ Volkswagen Amarok ยังคงได้รับประโยชน์จากมาตรการจูงใจด้านภาษีและสิทธิพิเศษในการจอดรถในการแข่งขันเพื่อขาย แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับรถยนต์ที่ไม่ใช่ไฟฟ้า ยานพาหนะ เพื่อประโยชน์ที่จะไม่เปลี่ยนบทความนี้เป็นเรื่องราวการบัญชี ฉันจึงไม่ใช่นักบัญชี ดังนั้นจึงไม่มีทางให้ผู้อ่านของฉันเข้าใจนโยบายภาษีอย่างครอบคลุม พูดง่ายๆ ก็คือ รุ่นดับเบิ้ลแค็บมีสิทธิ์ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมของการยกเว้นภาษี ตราบใดที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารถยนต์นั้นใช้ในการทำงาน

ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย (ATO) ภาษีเพิ่มเติมส่วนใหญ่จำกัดเฉพาะการเดินทางเพื่อไปทำงานและการใช้งานที่ไม่ได้ทำงาน "เป็นครั้งคราว" และ "ไม่บ่อย" อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากยอดขายรถดับเบิ้ลแค็บในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Toyota Hilux Revo Standard Cab เป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนกำลังซื้อมันเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำงาน การลดหย่อนภาษีรวมกับคุณภาพที่เหนือกว่าทำให้รถดับเบิ้ลแค็บได้รับความนิยมมากขึ้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งการตลาดของ 4x4s เพิ่มขึ้นจาก 9.1% ในปี 2010 เป็น 16.7% ในปีที่แล้ว ตัวอย่างเช่น ยอดขาย Ford Ranger 4x4 เพิ่มขึ้นจาก 9,836 คันในปี 2010 เป็น 37,889 คันในปี 2020 ในขณะที่มีปัจจัยอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนยอดขาย Ranger อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า “สิ่งจูงใจ” ทางภาษีของรัฐบาลมีบทบาทสำคัญ

สำหรับที่จอดรถ ทุกประเทศและทุกเมืองมีแผนและระบบที่แตกต่างกัน จึงไม่เหมือนกัน ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกมีที่จอดรถฟรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในใจกลางเมือง เช่น นอร์เวย์ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องค่าโดยสารฟรี ในออสเตรเลีย การเป็นเจ้าของ ute จะช่วยให้คุณมีทางเลือกในการจอดรถมากขึ้นในเมือง เนื่องจากหากคุณเป็นเจ้าของ Ute คุณสามารถใช้โซนโหลดได้ฟรี โดยทั่วไป เป็นการยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างพนักงานส่งของที่ขับรถจริงๆ กับพนักงานประจำที่บังเอิญขับรถรุ่นดับเบิ้ลแค็บเพื่อใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษี แม้ว่าจะมีหลักฐานว่าสิ่งจูงใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น เครดิตภาษีและที่จอดรถในเมืองเพิ่มเติมได้ช่วยผลักดันการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลกลางและรัฐบาลของรัฐส่วนใหญ่ทั่วประเทศยังคงไม่ผูกมัดต่อสิ่งจูงใจสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลออสเตรเลียใต้กลายเป็นรัฐบาลแรกในโลกที่พัฒนาแล้วที่ประกาศค่าธรรมเนียมผู้ใช้ถนน ซึ่งจะกีดกันการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในรัฐ ฉันเข้าใจเจตนาของรัฐบาลเซาท์ออสเตรเลีย รัฐบาลกังวลว่าการเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าจะลดรายได้ที่เกิดจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะนำไปใช้ในการบำรุงรักษาถนน เป็นการชดเชยรายได้ภาษีที่หายไปจากผู้ใช้รถใช้ถนน อีกตัวอย่างหนึ่งเป็นแบบอย่างมากกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลวิกตอเรียได้เสนอเงินอุดหนุนเป็นเงินสดสูงถึง 3,000 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 20,000 คัน แต่ถ้ารัฐบาลระบุว่าจะเรียกเก็บเงินรถยนต์ไฟฟ้าเช่น SACs เป็นรายไมล์ ดูเหมือนว่าจะเป็นการอุดหนุน EVs แต่ในความเป็นจริงแล้ว ค่าสะสมไมล์ได้ชดเชยผลประโยชน์ของเงินอุดหนุนดังกล่าว ตรงกันข้ามกับสองตัวอย่างข้างต้นได้ทำไปแล้วอย่างแน่นอน ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐมนตรีคมนาคมของรัฐเพิ่งประกาศว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาเพิ่มสิ่งจูงใจสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า รวมถึงการลดต้นทุนการจดทะเบียน การเปิดช่องทางเดินรถ ลดที่จอดรถ และเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานสำหรับชาร์จสาธารณะ รัฐบาลยังประกาศด้วยว่าจะไม่พิจารณาชาร์จผู้ใช้ถนนจนกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40 ของรถยนต์ทั้งหมดบนท้องถนนของรัฐ

ภายในปี 2564 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถยนต์ใหม่ ประเด็นเรื่องแรงจูงใจจะดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้ มารอดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะครองตลาดรถยนต์อย่างเดียวได้หรือไม่