นี่เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนนึงนามว่าป๋อ
“ตื่นได้แล้วใกล้ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะ”เสียงหวานใสของนิรมลได้กระซิบข้างหูลูกเพื่อปลุกเจ้าตัวเล็กมาอาบน้ำแต่งตัว
“ผมไม่ไปได้ไหมครับ”ป๋อที่ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนแล้วเดิมไปสวมกอดแม่
“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวคุณครูก็ว่าหรอก”นิรมลย่อตัวลงสวมกอดลูก
“ครับ”
หลังจากกอดกันเสร็จป๋อก็เข้าไปอาบน้ำและก็ส่องกระจกมองใบหน้าและร่างกายของตัวเองเช่นทุกทีใบหน้าและร่างกายทางด้านซีกซ้ายที่มีแต่ลอยเหมือนถูกน้ำร้อนลวกและติดกันจนเป็นพังพืดติดและส่วนที่ติดกันนั้นก็ใช้การไม่ได้เค้าได้แต่มองกระจกและแอบร้องไห้ร้องกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญร้องกับคำพูดเหล่านั้นที่ดังก้องในหูร้องกับสิ่งที่ทำให้แม่ของเค้าต้องทนถูกว่าไปด้วยร้องกับความออ่นแอของตัวเองและร้องไห้ให้กับหัวใจที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนอกจากผู้เป็นแม่
“เสร็จหรือยังครับลูกใกล้ได้เวลาแล้วนะ”นิรมลที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ชั้นล่างได้ตะโกนขึ้นขึ้นมาถามลูกชาย
“จะเสร็จแล้วคร้าบ”เด็กน้อยรีบจัดการการกลับเครื่องแบบของตัวเองและรีบลงไปข้างล่าง
“อย่าวิ่งลงบันไดสิจ๊ะ แม่บอกกี่ครั้งแล้วหืม”
“ขอโทษคร้าบ”ป๋อแสดงท่าทีทะเลนออกมาและวิ่งไปหอมแก้มแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร
“โฮ วันนี้ยังหน้ากินเหมือนเคยเลยนะคร้าบ”ป๋อมองอาหารตรงหน้าละพูดออกมาเช่นทุกที
“อาหารแม่ก็หน้ากินทุกวันแหละ มามารีบกินกันเดี๋ยวสาย”นิรมลยิ้มอ่อนให้ลูกชายและลงมือทานอาหารพร้อมกัน
โรงเรียนประธมZz
ห้อง ป1/1
“เห้ย พวกมึงรู้ปะว่าไอเด็กอัปลักษณ์นั้นแม่งยังไม่ย้ายโรงเรียนออกไปอีกวะ”เสียงเอ็มที่คุยกับกลุ่มเพื่อนดังขึ้นเป็นพอเป็นพิเศษเมื่อเห็นป๋อเดินเข้ามา
“หรอวะ กูนึกว่าแม่งจะย้ายออกไปละที่ไหนได้ แม่งทนมือทนเท้าดีวะ ฮ่าาา”เสียงของไมค์ที่ดังขึ้นและตอนหลังหันไปพูดกับป๋อ
“เออจริงวะแม่งทนดีจริง”แซกหันไปตอบและก็หันไปบอกกับป๋อว่า “งั้นปีนี้มึงก็ช่วยทนพวกกูอีกหน่อยนะไอ้เด็กนอกคอก”
ป๋อที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็ได้แต่นิ่งและก้มหน้าเดินไปที่โต๊ะแต่ทันใดนั้น
โครม!
เสียงของร่างกายของป๋อที่ล้มลงไปที่พื้มแถมหัวยังโขกเข้าที่มุมโต๊ะมีรอยเลือดซึมขึ้นมา
“เฮ้ย เป็นไรป่าววะมึงเดินไม่มองเองนะเว้ย”แมนคนที่ใช้ขาแตะขาป๋อจนล้มหันไปหัวเราะกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
“ไม่เป็นไร”ป๋อรีบเอาผ้าเช็ดหน้ากดไว้ที่แผลและรีบเดินไปที่โต๊ะ
“เดี๋ยวนั้นไม่ใช่โต๊ะมึงนั้นโต๊ะกูโต๊ะมึงอยู่นู่น”เอ็มชี้ไปทางถังขยะที่ตอนนี้มีโต๊ะที่ติดชื่อป๋อโดยที่ขาสองข้างของโต๊ะลงไปที่ขยะส่วนเก้าอี้อยู่ในถังขยะเต็มๆ
“อ้อ แล้วมึงก็นั่งตรงนั้นไปเลยนะไม่ต้องเอามาวางใกล้พวกกูมันเหม็น ฮ่าๆๆ”
ป๋อได้แต่เม้นปากและดึงโต๊ะกับเก้าอี้ออกจากถังขยะและวางใกล้ถังขยะตามที่เอ็มบอกป๋อจัดโต๊ะและของของตัวเองจนเลยเวลามาได้สักพักจนคุณครูประจำชั้นเข้าห้องมาทำความรู้จักนักเรียนแต่ก็เหมือนที่เคยเป็นดังอนุบาลคุณครูเหล่านั้นเมินป๋อเช่นเคยและไม่สนใจเช่นเคยจนเวลาร่วงโรยไปยันเย็น
“อย่าลืมทำเวรนะมึงเวรมึงคนเดียวทุกวันเลยเห็นไหม”ไมค์ชี้ไปทางกระดาษที่จัดตารางเวรด้วยชื่อของแต่ละคนจนตอนนี้ชื่อทั้งหมดถูกขีดทิ้งและเขียนแทนด้วยชื่อป๋อเพียงคนเดียวถึงแม้เพื่อนบางคนจะเห็นชื่อตัวเองแล้วแต่ก็ไม่อยากกลับบ้านช้าจึงทำเป็นเมินและไม่สนใจ
“อืม”ป๋อได้แต่พยักหน้าเพราะไม่อยากมีเรื่องดีที่ตนบอกแม่ไว้ก่อนว่าอาจทำเวรให้มารับเย็นหน่อย
“เชื่อฟังกันดีวะแบบนี้ค่อยอยู่กันง่ายขึ้นไปกันพวกเรา”เอ็มและกลุ่มเพื่อนเดินออกไปจนลับตาป๋อก็ลุกขึ้นมาทำเวรตามที่บอกเอาไว้จนเสร็จและเห็นว่าใกล้เวลาที่แม่จะมารับแล้วจึงรีบจัดการตัวเองและลงไปหน้ารอที่หน้าตึกทันที
ภายในรถ
“เป็นไงมั้งครับ วันนี้สนุกไหม”นิรมลที่จอดรอลูกหันไปถามเช่นทุกที
“สนุกดีครับแม่”ป๋อหันไปตอบแม่ด้วยรอยยิ้มถึงแม้ในใจจะแอบร้องไห้กับคำตอบแต่เพราะไม่อยากให้นิรมลเครียดเรื่องตนจึงตอบไปแบบนั้น
“ดีแล้วครับ แล้วนั้นลูกไปโดนอะไรมา”หลังจากป๋อขึ้นรถและนิรมลก็เห็นแผลที่หัวของป๋อจึงได้จับหน้าของป๋อหันมาหาตัวเองให้เห็นชัดๆ
“ผมสะดุดล้มหนะครับแล้วหัวไปชนโต๊ะเข้า”
“วันหลังระวังหน่อยสิ”นิรมลดุและก็เริ่มเป่าแผลจองลูกชายตนเอง “โอมเพี้ยงแผลเอ๋ยจงรีบหาย เดี๋ยวกลับบ้านแม่จะรีบทำแผลให้นะครับแผลจะได้หายเร็วๆหน้าหล่อๆของลูกชายแม่จะได้ไม่มีรอย”
“ครับ”ป๋อหันไปยิ้มตาหยี่ให้แม่ของตนทันที
โรงเรียนมัธยมปลายZz
ห้อง ป1/1 ผ่านไปครึ่งเทอม
“ไงมึงกูได้ยินแม่ของมึงถูกไล่ออกจากที่ทำงานหรอวะ ฮ่าๆ”เสียงไมค์ดังขึ้นหลังจากที่เห็นป๋อเดินเข้าห้องมาเช่นทุกที
“นายรู้ได้ไงอะ”ป๋อตาโตขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินที่ไมค์พูด
“ทำไมกูจะไม่รู้ก็พ่อกูทำงานที่เดียวกันกับแม่มึงไง”ไมค์เดินเข้ามาหาป๋อโดยมีพวกเอมนั่งฟังกันด้วยความสนุก
“มึงรู้มะทำไมแม่มึงถึงถูกไล่ออก”ไมค์เริ่มยิ้มออกมาอย่างสนุก
“ก็เพราะแม่มึงเอาตัวอัปลักษณ์อย่างมึงไปที่บริษัทแล้วบังเอิญหัวหน้าแผนกเค้าเห็นและรับไม่ได้ก็เลยยื่นเรื่องขอให้ไล่แม่มึงออกไง”ไมค์เล่าตามที่พ่อของตนเล่าออกมาให้ฟังเหมือนที่ได้ยิน
“ไม่จริง แม่แค่พาเราไปกินข้าวที่นั้นเองนะ”ป๋อเริ่มร้องไห้และเดินถอยหลังออกจากห้องขึ้นเรื่อยๆ
“ทำไมจะไม่จริงวะไม่เชื่อมึงลองถามแม่มีงดู ฮ่าๆๆ”
“มึงนี่มันตัวซวยจริงอยู่ไหนแม่งก็มีแต่คนรังเกียจ”เอ็มเริ่มสมทบ
“แม่งขนาดแม่มันมันยังทำให้ซวย”ไมค์
“มึงแม่งไม่น่าเกิดเลยหวะเกิดมาดีแต่พาคนรอบตัวซวย”แซก
“ไอตัวซวย/อัปลักษณ์ไม่พอยังพาคนอื่นซวยอีก/แม่งมึงมันสุดจริงหวะ”คนในกลุ่ม
“ถ้ามึงตายบางทีอาจไม่ต้องพาคนอื่นซวยไปด้วยก็ได้นะ ฮ่าๆ”หลังเอ็มพูดจบป๋อก็วิ่งออกไปจากห้องทันที
“ไอ้เอ็มถ้ามันตายขึ้นมาจริงจะทำไงวะ”แซกเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงพูดขึ้น
“แม่งมันไม่ตายหรอกก็เห็นแม่งทนอยู่ทุกที”ไมค์พูดจบก็หัวเราะกลับกลุ่มเพื่อนต่อ
บนด่านฟ้าของตึก
ป๋อมองโทรศัพท์ที่ขอมาจากคุณครูประจำชั้นโดยที่คุณครูประจำชั้นไม่ตามมาเหมือนที่ทำกับเด็กคนอื่นๆคุณครูให้มาแค่คำพูดที่ว่ารีบใช้ให้เสร็จแล้วเอามาคืนด้วยป๋อได้แต่ยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงคำพูดนั้นแต่ก็ยังดีที่คุณครูมีเมตาให้เค้ายืม ป๋อรีบกดโทรศัพท์หาแม่ทันที
“แม่ครับ”
(ว่าไงจ๊ะลูก)
“ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”ป๋อที่เริ่มเสียงสั่นพยายามควบคุมเสียงให้อยู่”
(หืม ถ้าแป๊บเดียวก็ได้อยู่นะ)
“แม่ครับที่แม่ตกงานเป็นเพราะผมใช่ไหมครับ”น้ำตาของป๋อเริ่มไหลออกมา
(ลูกรู้เรื่องแม่ตกงานได้ยังไง /คุณนิลมลคะถึงตาคุณแล้วคะ /ค่า เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยคุยกันนะครับ) นิรมลรีบวางสายแล้วเดินเข้าไปในห้องสัมภาษ
“ครับเย็นนี้ผมจะอยู่รอแม่นะ”ป๋อวางสายจากแม่และวางโทรศัพท์ของครูไว้ที่พื้นโดยที่โทรศัพท์ของอาจารย์มีข้อความว่าส่งจดหมายสำเรจแล้วขึ้นบนหน้าจอป๋อมองแล้วยิ้มให้และเริ่มปีน
ข้ามรั้วกั้นบนด่านฟ้าจนตนเองมายืนอยู่บนขอบปูนของฝากที่อยู่นอกรั้ว
“ลมเย็นจัง”เด็กตัวน้อยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา
“แม่ครับต่อจากนี้แม่จะสบายแล้วนะ แม่ไม่ต้องมีตัวซวยอย่างผมพาให้แม่ซวยแล้วนะ”เมื่อเด็กชายพูดจบเด็กชายก็กระโดดลงจากด่านฟ้าทันทีและได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนมันจะจางหายไป “แม่ครับผมรักแม่นะ”
โรงพยาบาล
เสียงขอล้อเข็ญเตียงดังขึ้นเป็นระยะโดยที่บนเตียงนั้นมีร่างเด็กหนุ่มนามว่าป๋อที่ตอนนี้ตัวเต็มไปด้วยเลือดอยู่บนนั้น
“ป๋ออย่าเป็นอะไรนะป๋อ”เสียงนิรมลดังขึ้นตลอดระยะทางที่เตียงเข็ญเข็ญไป “แม่ขอโทษที่ไม่รอฟังลูก แม่ขอโทษ”เสียงของนิรมลดังขึ้นแข็งกับน้ำตา
“ผ-ม ร อ แม่ จ-น ถึง เย็น แล้วนะ”เสีงป๋อที่พยามพูดออกมาทีละคำและยิ้มให้แม่ดั่งเช่นเคยพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มขาดหาย
“ไม่นะป๋อ งั้นแม่ขอสั่งให้ป๋อรอแม่ตลอดไปได้ยินไหม อยู่กับแม่ตลอดไปนะ”นิรมลร้องไห้ดังหนักกว่ากว่าเดิมจนเตียงเข็ญมาถึงยังห้องฉุกเฉิน “ไม่นะ ขอร้องให้ฉันเข้าไปหาลูก” นิรมลพยามฝ่าพยาบาลและบุรุษที่กั้นเธอไว้ออก
“ไม่ได้ครับญาติคนไข้ต้องรออยู้ข้างนองครับ เชิญทางนี้ครับ”บรุษพยาบาลนำทางนิรมลเดินไปนั่งหน้าห้องแล้วตนจึงเดินเข้าไป
นิรมลที่ตอนนี้ร้องไห้พร้อมกลับบีบโทรศัพท์ในมือจนมือโดนปุ่มใดปุ่มหนึงทำให้หน้าจอสว่างวาบออกมาและเห็นข้อความที่ส่งมาโดยเบอร์นั้นเป็นเบอร์ที่ป๋อใช้โทรหาตนนิรมลจึงเริ่มเปิดอ่านทันที
//แม่ครับ
ผมขอบคุณครับที่แม่เป็นแม่ของผม
ผมขอบคุณหลายสิ่งหลายอย่างที่แม่ทำให้ผมมาโดยตลอด
และผมขอโทษที่เคยทำให้แม่ทุกใจเรื่องของผม
ผมขอโทษที่ทำโทษที่ทำให้แม่ซวยและถูกไล่ออก
ผมขอโทษที่ผมจะไม่ได้กราบเท้าแม่บ่อยๆอีกแล้ว
ผมขอโทษ
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากเกิดเป็นลูกแม่อีกครั้งลูกที่ไม่ทำให้แม่ต้องลำบาก
ลูกที่ไม่ต้องทำให้แม่แอบร้องให้แบบนี้
ลูกที่น่ารักขอกแม่
ผมรักแม่นะ
จากป๋อ//
หลังจากที่อ่านข้อความที่ป๋อได้ส่งให้ตนนิรมลก็ร้องไห้ออกมาทันทีและเวลาก็ผ่านไปนานแล้วก็มีบุรุษผู้ชายใส่ชุดผ่าตัดออกมาจากห้องฉุกเฉินเดินมาหานิรมลที่ตอนนี้นั่งก้มหน้าร้องไห้บุรุษคนนั้นเดินมาถึงตรงหน้านิรมลจนนิรมลลุกเงยหน้าขึ้นแต่ยังไม่ทันถามคำตอบบุรุษคนนั้นก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบทันทีจนนิรมลปล่อยโฮอีกครั้งและทุดตัวนั่งเก้าอี้ตัวเดิมจนบุรุษคนนั้นเดินเข้าห้องไปอีกครั้ง
“เอ่อ คุณน้าครับ”พวกเอ็มที่ที่ตอนนี้มีพวงมาลัยคนละพวงเดินมาพร้อมกลับผู้ปกครองและคุณครูประจำชั้นเดินเข้ามาหานิรมล
นิรมลได้เงยหน้าคนด้วยสายตาเม่อลอยหันไปมองหน้าทุกคน
“พวกผมอยากขอโทษ พวกผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป๋อเค้าตะ”
“พอแล้ว อย่าพูดนะขอร้องอย่าพูด”นิรมลที่ได้ยินส่งเสียงออกมาขึ้นขัดก่อนที่พวกเอ็มจะพูดจบ
“อะไรของเธอเนี่ยเด็กๆจะมาจอโทษ ยังจะอะไรอีกรีบๆรับไหว้ไปสิ”เสียงของผู้ปกครองไมค์ดังขึ้น
“แม่”ไมค์กระตุกเสื้อแม่แรงๆทันที
“อะไรก็แม่พูดความจริงนี่นา”แม่ของไมค์เมื่อเห็นเสียตาทุกคนมองตนอย่างกดดันก็เริ่มเงียบทันที
“อยากไหว้หรอ ไหว้สิไหว้เลย”นิรมลมองหน้าเด็กๆแต่ละคนด้วยสายตากดดัน “เร็วสิฉันรับไหว้อยู่มันจะได้จบไวๆไงฉันจะได้นั่งรอลูกฉันต่อ”
พูดจบไมค์ก็เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาก้มตัวลงไหว้แทบเท้า
“นี่เธอเคยทำอย่างนี้กับพ่อแม่เธอหรือเปล่า”นิรมลเอยขึ้นถาม
“ไม่ครับ”ไมค์ตอบด้วยความจริง
“รู้อะไรไหมลูกฉันหนะ อยากทำแบบนี้ทุกวันอยากขอบคุณฉันที่ให้เค้าเกิดมา อยากขอบคุณที่ฉันเลี้ยงเข้าจนโต”นิรมลพูดทั้งน้ำตาและกลืนก้อนสะอื้นไปพรางไปด้วย “แต่พวกเธอกลับทำให้ลูกของฉัน”เมื่อถึงท่อนนี้นิรมลไม่สามารถพูดออกมาต่อได้จริงๆได้แต่สะอื้นไห้
จนพวกเด็กๆที่ได้ฟังก็ร้องตามออกมาทันทีรวมถึงผู้ปกครองที่หันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า
“เอาพวงมาลัยกลับไปไหว้พอแม่ของพวกเธอให้เป็นก่อนเถอะ แล้วค่อยกลับมาไหว้ฉันเมื่อสัมกับคำว่าพระคุณของพ่อแม่จริงๆ”เมื่อนิรมลพูดจบก็หันไปมองที่ประตูห้องฉุกเฉินและทิ้งคำพูดเอาไหว้ “แล้วอย่าทำอย่างที่ทำกลับลูกของฉันไปทำกลับคนอื่นอีกคนอื่นคงจะไม่ใจด้แบบฉันแล้ว”
จบจ้า
ความคิดเห็น