คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAP. V ϟ choose to shine
โลกมักเหวี่ยงสิ่งที่ไม่ขาดฝันให้มาเจอกัน
หากได้พบกันอีกครั้งก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปล่อยให้หลุดมือไป
----------------------------------------------------
C H A P T E R 5
นับจากวันที่แบคฮยอนได้เจอชานยอลอีกครั้งในรอบห้าปีจิตใจก็เหมือนจะไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่นัก เหม่อลอยตลอดเวลาจนลู่ฮานทักอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจให้เบอร์โทรกับชานยอลไป ผิดพลาดครั้งเดียวยังไม่พอรึไง นึกแล้วก็โกรธตัวเองและที่น่าโกรธยิ่งกว่านั้นก็คงจะเป็นการรอเขาคนนั้นโทรมาแทบจะทั้งวัน ..
คนระดับนั้นมาจริงจังอะไรกับเขาล่ะ
อย่างมากก็คงจะเป็นได้แค่คู่นอนชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะ
หัวเล็กส่ายไปมากับความคิดและอาการของตัวเองตลอดทั้งอาทิตย์นี้มากไปแล้ว พอซักทีๆๆๆ พ่นลมออกมาหนึ่งทีก่อนจะยืดตัวตรงตั้งสติให้อยู่กับปัจจุบันเลิกเพ้อเจ้อได้แล้วน่า!
ปี๊น !!!
เสียงบีบแตรเรียกความสนใจจากแบคฮยอนที่กำลังนั่งรอรถประจำทางอยู่ตรงป้ายรถเมล์ เจ้าของเสียงคือรถสปอร์ตสีดำคันหรูสัญลักษณ์เสือจากัวร์อยู่ด้านหลังรถที่นานๆ ครั้งจะเห็นมาแล่นอยู่ในเมืองแบบนี้ สิ่งนี้นี่เองที่กำลังจอดขวางทางกีดขวางรถที่กำลังผ่านไปผ่านมา
“ขึ้นมาสิ ฉันจะไปส่ง” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นมาหลังจากที่กระจกฝั่งขนาบข้างด้านคนขับถูกเลื่อนลงมาซึ่งทำเอาแบคฮยอนถึงกับผงะไปเมื่อได้เห็นหน้าเจ้าของรถ .. นี่มันคนที่เขากำลังเหม่ถึงอยู่นี่นา
“เอ่อ .. ไม่เป็นไรครับรถกำลังจะมา” ร่างเล็กอ้ำอึ้งตอบไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัวขึ้น
คนที่ขอเบอร์เขาไปแต่ไม่มีการติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง
ตอนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว ..
“ขึ้นมาเร็วๆ สิ รถติดเพราะนายนะ” เสียงจากคนในรถเร่งออกมาโดยไม่สนใจคำค้านของอีกฝ่ายไม่สนแม้กระทั่งว่าการจราจรตอนนี้เริ่มจะหยุดชะงักแล้วด้วยซ้ำ
สายตาของคนตัวเล็กกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบเมื่อเริ่มสังเกตบริเวณรอบข้างเขาก็กลายเป็นจุดเด่นไปเสียแล้ว สายตานับสิบของผู้คนแถวนั้นกำลังจับจ้องมองมาทางเขาซึ่งคงเกิดจากเพราะเจ้ารถคันหรูและเจ้าของแหล่ะที่เป็นเหตุ
“แฟนหรอเจ้าหนู” เสียงป้าวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เฝ้ามองอยู่สักระยะแล้ว
“อะ..เอ่อ.. มะ..ไม่ใช่ครับ” แบคฮยอนตะกุกตะกักลืมคำพูดภาษาเกาหลีที่ตัวเองอยู่กับมันมาตลอดยี่สิบสามปีไปเสียสิ้น
“งอนอะไรก็รีบดีกันซะละ แฟนดูท่าจะรวยนะนั่นอย่าปล่อยให้หลุดมือเชียว” เสียงคุณป้าคนเดิมยังคงพูดต่อโดยหาได้สนใจประโยคก่อนหน้านี้ของแบคฮยอนเลยสักนิด
“ไม่ใช่แฟนหรอกหน่อยครับคุณป้า”
ในที่สุดแบคฮยอนก็หาเสียงในลำคอตัวเองเจอสักที
“ จะอะไรก็ช่าง รีบไปเถอะ รถติดเพราะแฟนเราจะแย่แล้ว” เสียงของหญิงวัยกลางคนดุขึ้นมาเล็กน้อยจากเดิม
สนใจกันมากเลยให้ตาย .. บอกเขาทีว่านี่ไม่ใช่การไล่แบบอ้อมๆ ของคุณป้าน่ะ ..
เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันโดยรอบ แบคฮยอนจึงรีบลุกขึ้นพร้อมทั้งหอบของพะรุงพะรังของตัวเอง เปิดประตูรถอีกฝ่ายพร้อมขึ้นนั่งในทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลาอีกแม้แต่น้อย เขาอายจะแย่อยู่แล้ว ..
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ชานยอลว่าเพียงเท่านั้นก่อนจะดึงเกียร์รถขับออกจากจุดนั้นโดยทันที
คนตัวเล็กหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย
“คุณไม่ควรทำแบบนี้นะครับ” แบคฮยอนเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่บอกก็รู้ว่าไม่พอใจเล็กๆ ซึ่งเหมือนเสียงลูกแมวแง้วๆ ไร้พิษสงหากแต่ดูน่าเอ็นดูเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ในสายตาของชานยอลไม่มีความน่ากลัวเลยสักนิดเถอะ
“มากับฉันแล้วทำไมหรอ” นอกจากชานยอลจะเลี่ยงคำถามแล้วยังส่งเสียงกวนประสาทหยอกล้อคนตัวเล็กเพิ่มต่อไปอีก แม้สายตาจะยังไม่ถอนออกมาจากการมองเส้นทางข้างหน้าก็ตาม
“ผมเกรงใจ ..มันไม่เหมาะสมด้วย” เสียงเล็กงุบงิบตอบมือก็รูดสายคาดเข็ดขัดนิรภัยไปพลางๆ สายตาก็จับจ้องวิวด้านนอกหน้าต่างอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งๆ ที่ก็มีแต่รถติดเต็มไปหมดไม่มีอะไรน่าพิสมัยเลยแม้แต่นิด แต่คงดีกว่าการมองคนข้างๆ อย่างเต็มตาละมั้ง ..
คำตอบที่ทำเอาชานยอลหมดอารมณ์สนุกไปด้วยเลยทีเดียว
ชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์การตัดสินว่าตัวเองเหมาะสมไม่เหมาะสม เขาเป็นคนเลือกเองทั้งนั้นไม่มีใครมีสิทธิ์มายุ่งย่ามหรือเอาบรรทัดฐานทั่วไปมายุ่งเกี่ยว และนี่ก็แค่มารับกลับที่พักไม่ได้มีอะไรสักหน่อย
ทำไมถึงต้องทำให้ดูยุ่งยากขนาดนั้น
ก็แค่อยากมารับเพราะสนใจ แบคฮยอนก็แค่นั่งๆ ไปเถอะไม่อะไรลำบากเลยสักนิด
“เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะมีอะไรยังไงฉันก็คนแรกของนายนะแบคฮยอน” เสียงจริงจังต่างจากน้ำเสียงหยอกล้อในตอนแรกถูกเอ่ยขึ้นมาหลังจากความเงียบเข้าครอบงำอยู่นานนับนาที
“คุณนี่!” แบคฮยอนหันหน้ากลับมาค้อนอีกฝ่ายอย่างลืมตัวอย่างหมั่นไส้ คนบ้าอะไรเนี่ยจู่ๆ มาพูดเรื่องนี้ .. มันใช่เรื่องมั้ย ก่อนจะคิดได้ว่าตัวเองแสดงกิริยามากเกินไปจึงหันไปจ้องมองวิวด้านนอกเช่นเดิม
ช่วงเวลาเย็นๆ แบบนี้มักจะเป็นช่วงที่การจราจรวุ่นวายมากที่สุดในช่วงเวลาตลอดทั้งวัน ทั้งคนเลิกงาน ทั้งเด็กนักเรียนเลิกเรียน ไหนจะกลุ่มคนประเภทอื่นอีกเยอะแยะสารพัด จนทำให้คนทั้งสองคนติดแหงกกันอยู่ในรถร่วมครึ่งชั่วโมงอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เมื่อยคอหรอไง ไม่อยากเห็นหน้าฉันขนาดนั้นเลย?” เมื่อความเงียบเข้าปกคลุมอยู่สักพักใหญ่ ชานยอลจึงเอ่ยถามอย่างจงใจกวนประสาทเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งเกร็งคอมองรอบข้างมาตลอดนับชั่วโมง
“เปล่าครับ ผมแค่อยากมองอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น” ข้ออ้างของแบคฮยอนทำเอาชานยอลต้องคิดในใจว่ารถสองข้างที่จอดนิ่งตลอดแนวถนนนั่นมันน่ามองกว่าหน้าเขาจริงๆ น่ะหรอ?
ชานยอลตัดสินใจปัดคำตอบของแบคฮยอนออกไปก่อนจะเริ่มตั้งคำถามใหม่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เดาไม่ออกถึงอารมณ์ว่าตามไปอย่างนั้นหรืออยากรู้จริงๆ กันแน่
“ห้าปีมานี้เป็นยังไงบ้าง”
และก็ได้ผลปฏิกิริยาของแบคฮยอนเปลี่ยนไปเล็กน้อยร่างเล็กชะงักตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบเสียงค่อยไม่ค่อยเต็มปากนัก
“ก็ดีครับ” ใบหน้าเล็กพยายามเลี่ยงหันไปมองทางอื่น หากแต่ชานยอลกลับทำเป็นสนใจยังคงส่งเสียงถามในสิ่งอยากรู้
“เป็นยังไงล่ะ เล่าสิ”
แบคฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเปิดปากเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาช่วงห้าปีมานี้ เมื่อคิดได้ว่าชานยอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีวันนี้ ยังไงซะเขาก็ควรจะได้รับรู้กับเงินของเขาที่เสียไป .. สารพัดเรื่องเล่าของแบคฮยอนทำเอาชานยอลต้องถามออกมาอย่างสงสัยเป็นครั้งปนทึ่งไม่ได้ ตัวเล็กแค่นี้แต่กลับเก่งจนเขาเองก็ตกใจ ไม่ใช่สิแค่เก่งอย่างเดียวคงไม่ถูกต้องขยันด้วยและประสบการณ์การทำงานตั้งแต่เด็กๆ ของเขามันสอนให้มองคนเป็นดูออกว่าใครพูดเรื่องจริง ใครพูดเพราะต้องการอวยตัวเองให้ดูดี และแน่นอนแบคฮยอนไม่ใช่คนประเภทที่สองหรอกชายหนุ่มมั่นใจ
คนตัวเล็กไม่ได้พูดอะไรนอกพูดในสิ่งที่เจ้าของเงินควรได้รู้ว่าเขาเพียงนำเงินของชานยอลมาต่อยอดและทำงานนั่นนี่เสริมเล็กน้อยเท่านั้น หากแต่ชานยอลกลับรู้ดีที่สุดว่าลำพังแค่เงินเพียงเท่านั้นไม่สามารถทำให้คนประสบความสำเร็จมีร้านเป็นของตัวเองได้ภายในเวลาไม่ถึงสองปีอย่างแบคฮยอนหรอกไหนจะค่าเรียนไหนจะค่าที่อยู่หากไม่เก่งและขยันจริงคงทำไม่ได้แน่
เด็กน้อยของเขาบริหารเงินได้ดีกว่าลูกเศรษฐีจบนอกบางคนเสียอีก
ยิ่งรู้มากขึ้นเขาก็ยิ่งภูมิใจ
แบคฮยอนสมควรแล้วที่จะได้รับการให้ความสนใจจากเขา ..
เก่ง ฉลาด รู้จักพูด ที่สำคัญ .. มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
ชานยอลเป็นคนคุยค่อนข้างเก่งจับจุดได้อย่างง่ายดาย ชวนแบคฮยอนคุยอยู่พักใหญ่จนในที่สุดเจ้าตัวก็ผ่อนความเกร็งลงและกล้าที่จะพูดคุยมากขึ้น ชายหนุ่มยิ้มให้กับการประสบความสำเร็จของตัวเองไปอีกขั้น ก่อนจะปล่อยเสียงเพลงให้ขับกล่อมคนตัวเล็กที่นั่งฝืนร่างกายตัวเองได้หลับไป
อาจจะเพราะแบคฮยอนออกมาซื้อเข้าร้านตั้งแต่เช้ายันเย็นทั้งๆ ที่ร่างกายยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่เพราะการพักผ่อนไม่พอในช่วงนี้จึงทำให้เผลอหลับลงไปอย่างง่ายดายหลังจากที่สนิทใจกับคนที่นั่งข้างๆ มากขึ้นเล็กน้อย เขาก็เพลียเกินกว่าทิฐิจนฉุดรั้งความง่วงได้ ..
กว่าจะถึงร้านของแบคฮยอนก็ผ่านไปราวๆ ชั่วโมงกว่าชานยอลๆ ค่อยชะลอรถให้จอดอย่างนิ่มนวล นั่งมองใบหน้าใสอยู่เพียงครู่หนึ่งจึงสะกิดแขนร่างบางเบาๆ เป็นการปลุกแต่กลับได้รับเพียงเสียงงอแงของคนขี้เซากลับมาแทน
“ตื่นได้แล้วเด็กดี”
“ขออีกห้านาทีนะครับ งื้มๆๆๆ” เสียงงอแงแบบเด็กๆ ยามถูกขัดใจเรียกรอบยิ้มเอ็นดูจากชานยอลได้เป็นอย่างดี จะทำอะไรก็น่ารักไปซะหมด ..
เพียงครู่เดียวแบคฮยอนก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างรู้ตัวว่าเขาไม่ได้กำลังนอนอยู่ที่ห้องนอนของตัวเองแต่เป็นบนรถของใครบางคนต่างหากล่ะ คิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรือตาลืมขึ้นมาอย่างช้าๆก่อนจะปะทะเข้ากับสายตาอีกคนที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว
“ถึงแล้วหรอครับ” ยกมือขยี้ตาพลางส่งเสียงถามออกไปอย่างงงๆ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรเอาแต่จ้องหน้าตัวเองอย่างเดียว แบคฮยอนจึงจัดทรงผมที่ฟูจากการนอนแก้เก้อ .. จะมองอะไรกันขนาดนั้นล่ะเนี่ย
“เอ่อคุณ .. ถึงนานแล้วหรอครับ” ถามย้ำอีกทีละกัน
“เมื่อกี้เอง”
“อ่า .. งั้นก็ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” แบคฮยอนโค้งหัวขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นแผ่นแก้วห่อกระดาษคาเฟ่ต์ของตัวเองใบหน้าก็เห่อแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ตอนนั้นเขาเอาความกล้าที่ไหนมาใช้กันนะ ..
สายตาหยุดชะงักไปยังแผ่นกระดาษนั้นนานพอดูจับจ้องอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองชานยอลด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ เหมือนกำลังถามอีกฝ่ายอยู่ว่าหายไหนมา .. ชานยอลพอจะรู้ความหมายนั้นแต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเลิกคิ้วกวนๆ ให้อีกหนึ่งที
ถามเองสิแบคฮยอนถ้าอยากรู้
เมื่อเห็นร่างสูงไม่ยอมพูดอะไร ร่างเล็กก็นั่งรวบรวมความกล้าอยู่ประมาณครึ่งนาทีก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงไม่ค่อยมั่นใจนัก ไหนๆ ก็มาถึงนี่ล่ะ .. กล้าๆ หน่อยสิแบคฮยอนก็แค่ช่วงหนึ่งในชีวิตแหล่ะน่า
“คุณ .. หายไปไหนมาหรอครับ”
“ทำไม คิดถึงฉันหรอ” ชานยอลยังคงเลี่ยงคำถามแม้จะรู้ดีว่าแบคฮยอนต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนแถมยังต่อด้วยคำถามที่ชวนหัวใจสูบฉีดเลือดอย่างแรงอีกต่างหาก
“ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้ ขับรถกลับดีๆ นะครับ ขอบคุณอีกครั้งที่มาส่ง” แบคฮยอนรีบพูดเร็วๆ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเดินไป วันนี้เขามากพอแล้วอายจนหน้าแทบจะไหม้เพราะลุกเป็นไฟ คนขี้แกล้ง !
ชานยอลเห็นดังนั้นจึงอมยิ้มขำขันในแบบฉบับที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นเท่าไหร่นัก เปิดประตูรถออกก่อนจะก้าวขายาวๆ เดินตามให้ทันแบคฮยอนที่เดินไปก่อนแล้ว
“เดี๋ยวสิ” ส่งเสียงพลางดึงข้อมือของคนตัวเล็กที่เขาเดินเดินตามทันจนประชิดตัวเพียงไม่กี่ก้าวจนอีกฝ่ายต้องหันหน้ากลับมาปะทะสายตาด้วย
“ฉันมีงานด่วนที่ฮ่องกงเลยมาไม่ได้”
“..”
“ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”
“..”
“คิดถึง”
หลังสิ้นสุดคำพูดชานยอลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มีเพียงแบคฮยอนที่ยังไม่ถูกปล่อยมือมองมาอย่างอ้ำอึ้ง เขาไม่เคยรู้เลยว่าชานยอลจะตามมาพูดเช่นนี้กับตัวเอง .. ไม่เคยหวังเลยสักนิด ยืนค้างอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงเบาๆ หากแต่ว่าชัดเจนในความรู้สึก ..
“ผมก็นึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว ..” ตอบรับเพียงเท่านั้น ชานยอลก็เข้ามาประกบปากจุมพิตย่างแผ่วเบา ความรู้สึกหวานละมุนพร้อมกับการตอบสนองที่แสนไร้เดียงสาของคนตัวเล็กทำให้เขาแทบคลั่งเป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่าตลอดระยะเวลาห้าปีเด็กน้อยของเขายังไม่ได้แม้แต่จะไปจูบกับใคร ..
“ต้องมาสิคนดี ไนท์คิสนะครับ” กล่าวก่อนจะลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบาอย่างนึกเอ็นดู ส่งแบคฮยอนเข้าร้านไปก่อนจะเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีกลับไปยังรถ
ร่างเล็กเดินใจลอยเข้าร้านด้วยหัวใจเต้นระรัวจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ เหมือนมีผีเสื้อบินว่อนเต็มไปทั่วอยู่ในท้องบีบแน่นไปหมดแบคฮยอนลืมมันไปหมดแล้วทุกความรู้สึกแย่ๆ ที่ผ่านมาจากกระทำของชานยอลเพียงแค่ .. จูบหวานๆ แค่จูบเดียว
คุณทำอะไรกับผมกันแน่ .. ปาร์คชานยอล
พี่ปาร์คจะดีเพื่อน้องบยอนไปได้สักกี่น้ำมาดูกันค่ะ 555555555555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณมากๆ เลย
#ฟิคเชื่อใจ
ความคิดเห็น