คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAP. III ϟ you change my world
ความสนุกเพียงชั่วข้ามคืนของใครบางคน
กลับเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบให้กับใครอีกคนโดยไม่รู้ตัว
----------------------------------------------------
C H A P T E R 3
6 years later
Seoul, Korea 2014
บยอนแบคฮยอนเด็กน้อยในวันนั้นโตขึ้นมากแล้ว จากเด็กผู้ชายร่างบอบบางดูไม่ประสีประสากับโลกอันกว้างใหญ่กลับดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มอันเป็นเสน่ห์และนิสัยที่น่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าตัวที่ยังไม่เสื่อมคลายแต่กลับเพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน
“อเมริกาโน่ร้อนหนึ่งแก้วครับพี่คนน่ารัก” เสียงนักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีเจ้าประจำของร้านสั่งกาแฟยอดนิยมสำหรับอากาศเย็นๆ อย่างฤดูหนาวนี้คิมจงแดตามจีบ ' พี่แบคฮยอน ' มาได้หลายเดือนแล้วแต่ไม่เห็นพี่คนน่ารักจะใจอ่อนให้สักที ใจแข็งจริงๆ
“ได้เลย” เจ้าร้านเจ้าของฉายาคนน่ารักยิ้มตอบรับออเดอร์จากลูกค้าประจำก่อนจะถามต่อ
“วันนี้บราวนี่สูตรใหม่ ลองมั้ย”
ทั้งรู้ว่าโดนพี่เขาหลอกขายของแต่เด็กหนุ่มก็ยังยิ้มรับอย่างเต็มใจซื้อขนมเค้กราคามหาโหดของที่ร้านอีก เขาโดนแบคฮยอนแอทแทคไปแล้วจริงๆ ช่วงสิ้นเดือนแล้วซะด้วยกลับหอไปคงต้องต้มบะหมี่สำเร็จรูปกินไปอีกหลายวัน
แต่ก็ช่างเถอะปากท้องไว้วันหลังงานจีบสาวต้องมาก่อน!
“จัดมาเลยครับ พี่ทำอะไรผมก็ชอบหมดแหล่ะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างขันแข็งพร้อมทั้งหยอดมุกหวานหยดย้อยซึ่งท่าเพื่อนเขามาคงโก่งคออ้วกกันเป็นทิวแถว
เมื่อแบคฮยอนเดินไปเตรียมอาหารจงแดถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เงิน! เงิน! เงิน!
เพื่อพี่คนน่ารัก .. จงแดยอมกินแกลบตลอดทั้งปีก็ได้ครับ!
“น่ารักจริงๆ ชิมดูว่าชอบมั้ยเดี๋ยวพี่แถมให้อีกชิ้น” แบคฮยอนกล่าวด้วยรอยยิ้มน่ารักก่อนจะออกปากแถมให้ลูกค้าประจำอย่างใจดี
จงแดหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดพระเจ้าพี่แบคฮยอนน่ารักมากจริงๆ นะ ..
บรรยากาศร้านยังคงดำเนินไปในแบบที่มันควรจะเป็นอย่างทุกวันที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนมากก็จะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยข้างๆ หรืออีกแง่ก็คือมหาลัยเก่าของแบคฮยอนและเป็นมหาลัยปัจจุบันของจงแดนั่นเอง
แบคฮยอนโชคดีที่ได้ทำเลค่อนข้างดีทีเดียว ร้านจึงไม่เงียบเหงามีลูกค้าเข้าออกอยู่แทบตลอดทุกช่วงเวลา ยิ่งหิมะตกหนักอย่างในช่วงหน้าหนาวนี้แล้วด้วยล่ะก็ทุกคนมักแห่กันมาหาที่หลบหนาวจนแทบรับลูกค้าไม่ทัน ยิ่งร่างเล็กจัดโซนหนังสือและให้บริการฟรีไวไฟแล้วด้วยลูกประจำแน่นขนัดทุกวัน
นี่คือความฝันสูงสุดของคนอย่างบยอนแบคฮยอน .. ตั้งแต่เด็กเขาฝันเอาไว้ว่าอยากจะเป็นบาริสต้าเปิดคาเฟ่ต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองสักร้านหนึ่ง มีหนังสือมากมายหลายประเภทให้ลูกค้าได้เลือกอ่านอยากให้เป็นจุดพักผ่อนสำหรับใครหลายๆ คนหรือจะเป็นจุดนับพบก็ได้ ทั้งๆ ที่เมื่อคุณพ่อเสียไปเขาก็ไม่เคยกล้าฝันถึงความฝันนี้อีก
แต่ในวันนี้เขาก็ทำมันสำเร็จแล้ว .. สำเร็จตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ แหน่ะ!
คงต้องขอบคุณเขาคนนั้น .. ปาร์คชานยอล
คนที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาลนับจากเมื่อหกปีก่อน ..
แบคฮยอนจัดสรรหาเงินที่ได้จากชานยอลด้วยความระมัดระวังกับจำนวนเงินมากมายมหาศาลสำหรับเด็กอายุไม่ยี่สิบปีอย่างเขาในตอนนั้น จนในที่สุดก็ยื้ออนาคตเขาได้จนจบปีสี่อย่างไม่น่าเชื่อแม้จะรับมาเพียงครึ่งเดียว
ในตอนแรกแบคฮยอนแทบจะมืดแปดด้านไม่กล้านำเงินไปฝากธนาคารที่ไหน เพราะกลัวจะโดนซักถามและถูกเรียกผู้ปกครองจากทางธนาคารซึ่งแน่นอนว่าต้องจบเห่แน่ๆ ร่างบางใช้เวลาคำนวณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจะต้องใช้คร่าวๆ จนจบปริญญาตรี นับว่าโชคดีที่เป็นคนขยันและเรียนเก่งเขาได้ทุนจากมหาลัยแม้จะไม่ใช่ทุนเต็มแต่ก็นับว่าลดค่าใช้จ่ายลงมากโข ก่อนจะเสาะหาหอพักที่ประหยัดงบที่สุดพร้อมทั้งมองหางานพิเศษทำเพื่อหาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ไม่ว่าจะเป็นล่ามชั่วคราวรับจ้างแปลเอกสารหรือแม้กระทั่งสอนพิเศษเด็กมัธยมตอนปลายเตรียมเอนท์ แบคฮยอนก็ทำมาหมดแล้วและมันก็ยิ่งพัฒนาให้เขากลายเป็นคนเก่งรอบด้านโดยไม่รู้ตัวจากเด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งทั่วไปที่ทำงานงกๆ คอยรับใช้พี่สาวไปงั้นๆ
สถานการณ์ที่ยากลำบากมักจะบีบคั้นมนุษย์ให้พึ่งพาตัวเองได้ดีเสมอ ..
แบคฮยอนตัดสินใจลงทุนเปิดคาเฟ่ต์ตามความฝันของตัวเอง แม้จะเสี่ยงเพราะประสบการณ์ด้านนี้น้อยเกินไป และเงินเก็บก็มีแค่เท่าที่อดออมได้ไม่ได้มากมายพอสำหรับการขาดทุน แต่คนเราย่อมต้องกล้าได้กล้าเสียนี่คือความคิดที่ค่อนข้างเด็ดขาดของแบคฮยอนซึ่งคนภายนอกคงต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าคนตัวเล็กๆ ดูทำงานไม่ค่อยเป็นอย่างแบคฮยอนจะกล้าได้มากขนาดนี้
อาจจะเพราะความน่ารักมีเสน่ห์อยู่ตรงที่รอยยิ้มหวานๆ เรียกความเอ็นดูจากเจ้าของที่เก่าได้เป็นอย่างดี ทำให้แบคฮยอนโชคดีสามารถเช่าตึกมาทำร้านได้ในราคาย่อมเยา หลายๆ อย่างรวมกันแล้วคงต้องบอกว่าจังหวะชีวิตของเขากำลังดีทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยไปอย่างช้าๆ
เขาเอง .. ก็คงไม่ใช่คนโชคร้ายมากเท่าไหร่ล่ะมั้ง อย่างน้อยสวรรค์ก็ยังใจดีส่งชานยอลมาให้ในช่วงเวลาตัดสินทางเดินชีวิตให้ตัวเอง
ร่างเล็กหายใจออกแรงๆ อย่างผ่อนคลาย หลังจากคิดย้อนไปถึงความหลังพลางมองร้านไปรอบๆ ราวกับต้องย้ำกับตัวเองว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน ร้าน ' บยอนคาเฟ่ต์ ' ของเขาคือของจริงในชีวิตจริงและสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองทั้งนั้น
อ่อไม่สิ .. ส่วนหนึ่งของความฝันเขาแทบจะเป็นส่วนใหญ่ๆ เลยก็คงจะเป็นชานยอล คนที่แลกอนาคตเขากับความเจ็บปวดในคืนนั้น ทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับว่าขายตัวเองแต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าหากไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นเขาคงไม่สามารถมีอนาคตได้แบบนี้ อาจจะไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะเรียนมหาลัย
หากเล่าให้ใครฟังเขาคงต้องมีคนเป็นร้อยถาม ว่าไม่โกรธคนที่ขืนใจตัวเองหรอ ไม่แจ้งความเพราะกลัวหรออะไรแนวๆ นี้ เห็นทีคงจะไม่ใช่เรื่องเสื่อมเสียของตัวเองก็คงไม่มีใครอยากพูด รับรู้เพียงแค่ว่าที่มีอนาคตอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะคุณชานยอล ..
แล้วอย่างนี้แบคฮยอนจะเกลียดชานยอลได้ยังไงล่ะ นอกจากขอบคุณซ้ำๆ ในความกรุณาของอีกฝ่ายทุกๆ วัน ทั้งที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้เขาก็ได้เพราะผู้จัดการเลวๆ คนนั้นมันรับไปแล้ว แต่ชานยอลก็ให้เขาหยิบยื่นโอกาสหยิบยื่นทุกสิ่งที่เด็กคนหนึ่งไม่เคยกล้าหวังจะได้มาให้
ถ้าจะเกลียดใครก็คงเป็นตัวเองมากกว่าทำไมถึงได้โง่เง่าเชื่อใจคนเลวๆ แบบนั้นกันนะในวันนั้นมันช่างเป็นบทเรียนที่มีค่าจริงๆ ..
- - - ♡ t r u s t m e ♡ - - -
ลู่หานเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักลูกครึ่งจีนพนักงานคนเดียวของร้าน เป็นคนค่อนข้างอ่อนน้อมและขยันมากทีเดียว มาสมัครงานในช่วงที่แบคฮยอนเพิ่งเปิดร้านได้ไม่นานนัก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตัวเองก็กิจกรรมเต็มมือแต่เมื่อได้งานแล้วก็ยังทำได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เพียงเพราะเหตุผลว่า ' ก็พี่อุตส่าห์รับผมเข้ามาแล้วนี่นา ' แต่เพราะแบคฮยอนไม่อยากให้กระทบถึงการเรียนการเรียนจึงกำหนดงานให้ลู่หานไว้แค่วันเสาร์อาทิตย์หรือเฉพาะเวลาว่างไม่มีเรียนเท่านั้น
ลู่หานเรียนรู้งานได้รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อเสียอยู่อย่างเดียวไม่ค่อนมีปากมีเสียงเท่าไหร่ใครพูดอะไรก็เออออไปหน่อย เฮ้อ น่าเป็นห่วงเสียจริง
เมื่อท้องฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้มปนส้มบ่งบอกเวลาว่าใกล้จะค่ำมากแล้ว ลูกค้าเริ่มไม่มากอย่างช่วงกลางวันและร้านกำลังจะปิด ลู่หานจึงเดินมาหาเพื่อนสนิทอย่างโดคยองซูซึ่งมานั่งสั่งเครื่องดื่มรอกลับด้วยกันร่วมชั่วโมงแล้ว
“คยองซูวันนี้ฉันเลี้ยงเอง พี่แบคฮยอนบอกว่ามีเค้กสูตรใหม่ด้วยแหล่ะ” ทั้งที่ทำงานมาทั้งวันแต่เสียงก็ยังคงร่าเริงเหมือนเดิมนี่แหล่ะคือลู่หาน
ลู่หานอาศัยอยู่คนเดียวในโซลเมืองใหญ่แม่เขาย้ายกลับจีนไป ตั้งแต่เลิกรากันไปกับพ่อที่ต้องทำงานอยู่กลางทะเลแทบจะตลอดเวลาซึ่งก็หลายปีแล้วล่ะ ตอนนี้แม่ก็อยู่กินกับครอบครัวใหม่มีความสุขดีที่ปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนเขาไม่อยากเป็นส่วนเกินของแม่และไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพ่อด้วยเช่นกัน ..
ที่มาทำงานพิเศษเขาไม่ได้ลำบากขัดสนเรื่องเงินอะไรหรอก ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าคยองซูเพื่อนสนิทที่เป็นลูกมหาลัยเศรษฐี แต่ก็นับว่าพอมีพอกินทางบ้านส่งเสียให้เรียนจนจบได้พ่อกับแม่แย่งกันจ่ายค่าเทอมให้เขาด้วยซ้ำ
แต่ไม่รู้สิ .. ตั้งแต่ลืมตามาชีวิตลู่หานก็มีแต่แม่ พูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่สนิทใจกับพ่อเท่าไหร่นัก แต่เมื่อแม่กลายเป็นคนของครอบครัวอื่นแล้ว เขาเองก็ลำบากใจจะใช้เงินของแม่เหมือนกัน เขาไม่อยากรบกวนเงินของครอบครัวคุณแม่มากเกินไป อีกแค่สองเดือนเท่านั้นเขาก็จะเรียนจบแล้ว คิดว่าจะรีบหางานทำให้เป็นหลักเป็นแหล่งจะได้เลิกใช้เงินจากทางบ้านอย่างถาวรสักที
“ได้สิจะกินให้พุงกางเลยคอยดูนะลู่หาน” เจ้าของชื่อยิ้มรับก่อนจะตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
คยองซูรู้ดีที่สุดว่าลู่หานเกลียดคำว่าเกรงใจจากเขามากที่สุดถ้าหากไม่รับก็จะโดนหาว่าดูถูกฐานะทางบ้านซะอีก
' รวยไม่เท่าเลยเลี้ยงไม่ได้ใช่ป่ะ '
น้ำเสียงตัดพ้อกึ่งๆ ปนประชดประชันของลู่หานยังคงติดหูคยองซูมาจนถึงทุกวันนี้
“ระวังเถอะ อ้วนแล้วพี่จงอินทิ้งจะหัวเราะให้” ลู่หานส่ายหัวให้กับความขี้เล่นของเพื่อนก่อนเดินไปหยิบเค้กสูตรใหม่ตามที่บอกไว้แถมยังไม่ลืมแซวเพื่อนทิ้งท้ายไว้อีกด้วย
“อย่าสิ พี่จงอินยิ่งฮอตๆ อยู่กลัวนะเนี่ย!!!” คยองซูว่าพลางยู่ปากอย่างน่ารักตามหลังเพื่อนไป
“ล้อเล่นน่า แปลกแบบนี้มีอยู่คนเดียวพี่จงอินไม่กล้าทิ้งหรอก” คนหน้าหวานหันมาตอบเพื่อนตาโตในขณะที่ก้มๆ เงยๆ ตักเค้กชิ้นสวยน่ากินใส่จาน
“ลู่หานคนบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว” คนตาโตบ่นงึมงำพร้อมกับใบหน้าแดงๆ ของตัวเอง
คิมจงอินที่ลู่หานพูดถึงนั้น คือว่าที่แพทย์หนุ่มแฟนหมาดๆ ของคยองซูเอง ไม่มีใครในมหาลัยไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน อาจจะเพราะด้วยการขอคบที่ยิ่งใหญ่ไปหน่อย ก็แค่กลางเวทีตอนงานและเปลี่ยนปะเพณีระหว่ามหาลัยเอง ..
ตั้งแต่คยองซูคบกับจงอินมา เวลาที่เคยมีให้เพื่อนเพียงคนเดียวอย่างลู่หานเองก็ค่อยๆ หายไป วันนี้เจ้าตัวเลยอยากไถ่โทษด้วยการมาเฝ้าและอยู่ด้วยทั้งวัน แต่คงจะคุยกันเพลินไปหน่อยจนไม่รู้ว่าท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มไปเป็นสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่
“ให้ฉันไปส่งมั้ย วันนี้พี่เซฮุนมารับ” คยองซูเอ่ยถามเมื่อก้มลงมองดูนาฬิกา
“ไม่ต้องๆ ฉันต้องแวะไปให้อาหารเจ้าเหมียวก่อนไม่ได้ไปซะหลายวัน ไม่รู้จะมีอะไรกินรึยัง” ลู่หานหน้ายู่เมื่อคิดถึงเจ้าเหล่าลูกแมว ที่ไม่รู้มีใครนำมาทิ้งไว้บริเวณข้างร้านสะดวกซื้อแถวป้ายรถเมลล์ที่มักจะลงเป็นประจำ
“เดี๋ยวแวะให้ก่อนก็ได้! พี่ฉันไม่ว่าหรอก ใจดีจะตาย” คยองซูพยายามตื้อเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แม้ปกติลู่หานจะชอบกลับเองแบบนี้ตลอดก็เถอะ
เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ตั้งแต่รู้จักกันมาลู่หานกลับไม่เคยเจอพี่ชายของเขาเลยสักครั้ง ตั้งแต่ปีหนึ่งยันตอนนี้ปีสี่แล้ว จะเจอๆ ก็คลาดกันตลอด มันช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ คนมันดวงจะไม่เจอกันก็ไม่เจอเลยแฮะ .. เพราะแม้แต่พี่แบคฮยอนเองก็ยังเคยเห็นหน้าพี่เซฮุนตั้งบ่อยไป
“อย่าเลยฉันเกรงใจ แถวนั้นไม่มีที่ให้รถพี่นายจอดหรอกน่า” ลู่หานมีท่าทีลำบากใจก่อนจะส่ายหัวให้เพื่อนสนิทพร้อมทั้งเหตุผลที่แย้งไม่ได้
“จะปฏิเสธกันก็พูดมา ใจร้าย!”
“อย่างอแงสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงหนม ไปก่อนนะรถเมลล์จะหมดแล้ว” หยอกล้อเพื่อนสนิทที่ตอนนี้หน้างอง้ำเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้มดูนาฬิกาพร้อมบอกลา
“สัญญาต้องเป็นสัญญานะ!”
“โอเคครับคุณหนู ไม่เหงาใช่มั้ยอยู่กับพี่แบคฮยอนไปก่อนนะ”
“พี่จะดูแลอย่างดีเลย” แบคฮยอนที่ยืนทำความสะอาดร้านอยู่หันมารับคำพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างใจดี
“งั้นผมไปก่อนนะ ฝากคยองซูให้ถึงมือพี่ชายเขาด้วย ขอบคุณมากครับ " ลู่หานก้มหัวบอกลาฝากฝั่งเพื่อนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกจากร้านไป
" คลาดกันอีกแล้วครับสองคนนี้ ตลอดเล้ย " คยองซูบ่นงึมงำๆ ใส่แบคฮยอนที่หันมาหัวเราะให้อย่างเอ็นดู
ในระหว่างที่รอเซฮุนมารับกลับบ้านนั้น คยองซูก็เล่าเรื่องราวมากมายให้แบคฮยอนฟัง ถ้าไม่ใช่เรื่องลู่หานส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่ชื่อจงอินเนี่ยแหล่ะ เขาเองก็เคยเห็นหน้าคาตาอยู่บ้างเพราะคนตัวสูงมารับคยองซูบ่อยๆ คนตัวเล็กเจ้าของร้านแบคฮยอนคิดพลางยิ้มๆ พยักหน้าเออออตอบรับลูกค้าที่เปรียบเสมือนน้องชายเขาอีกคน ที่ไม่รู้ไปสรรหาเรื่องราวจากไหนมาเล่าตั้งมากมาย ดูมีความสุขตลอดเวลาเลย
" พี่อ่ะมาช้ามาก ไม่ต้องเลยผมจะงอนแล้ว " หลังจากที่ล่ำลาแบคฮยอนแล้วก็หันไปโวยวายใส่พี่ชายของตนเองอย่างเซฮุนที่มารับช้าไปตั้ง 30 นาที !!!!
ลำบากพี่แบคฮยอนให้ปิดร้านช้าเลยเห็นมั้ย L
คยองซูแง่งอนใส่พี่ชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาโค้งขอบคุณแบคฮยอนบอกลาพร้อมทั้งเดินออกไปยังรถที่ไม่ได้ดับเครื่อง เมื่อเห็นรถของเซฮุนค่อยๆ ขับออกไป แบคฮยอนก็ปิดประตูร้านปิดไฟ เคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วเขาก็เดินขึ้นชั้นสองซึ่งเป็นส่วนของที่พัก หลังจากทำธุระส่วนตัวทั้งหลายแหล่แล้วเจ้าตัวก็หย่อนตัวนั่งลงบนเตียง ก่อนจะคว้าไดอารี่ที่ตั้งข้างโต๊ะขึ้นมาเขียนเหมือนดังเช่นทุกวัน ..
' มีความรักช่วงวัยรุ่นนี่มันก็ดีไปอีกแบบเนอะ
น้องคยองซูยิ้มได้ทั้งวันเลยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนยิ้มยากจะตายไป
บางทีผมก็อยากลองสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่ารักแบบนั้นบ้าง
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องความรัก ไม่รู้ทำไมต้องนึกถึงหน้าคุณตลอด
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ ..คุณชานยอล
ฝันดีนะครับ
อีกหนึ่งวันธรรมดาของแบคฮยอน '
- - - ♡ t r u s t m e ♡ - - -
ชีวิตประจำวันของแบคฮยอนยังคงดำเนินต่อไปตามแบบฉบับเดิมของมันที่เคยเป็นมา ในแต่ละวันช่วงเช้าถึงเวลาเที่ยงๆ ช่วงพักกลางวันก็มักจะมีลูกค้าเนืองแน่น แต่ช่วงบ่ายๆ หน่อยก็ซาลงจะมีบ้างก็จำพวกนักศึกษารอเรียนคาบบ่ายแก่ๆ แต่ขี้เกียจกลับไปรอกันที่พัก เรียบๆ ง่ายๆ หากทว่ามีความสุขดีและนี่คือสิ่งที่เขาพอใจแล้ว
กริ๊ง!!
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นเรียกความสนใจเจ้าของร้านให้เอ่ยทักทายต้อนรับลูกค้าคล้ายระบบอัตโนมัติ แม้ว่าสายตาตอนนี้กำลังจดๆ จ้องๆ อยู่กับการแต่งหน้าครีมเค้กชิ้นใหม่ที่เพิ่งอบเสร็จก็ตาม
" บยอนคาเฟ่ต์ยินดีต้อนรับครับ "
เพราะวันนี้ลู่หานมีเรียนยาวตลอดช่วงบ่ายหน้าที่พนักงานจึงตกเป็นของแบคฮยอนด้วยทั้งเจ้าของบาริสต้าหรือแม้กระทั่งพนักงานในตอนนี้เขาเหมามันทั้งหมด
" โกโก้ร้อนแก้วหนึ่งครับ " เสียงทุ้มดูมีเสน่ห์ที่ฟังดูคุ้นหูแปลกๆ จนแบคฮยอนต้องขมวดคิ้วสงสัยเอ่ยขึ้นสั่งเมนูเครื่องดื่มที่ต้องการ
" ได้เลยครั .. " และก็พบกับคำตอบที่ตัวเองสงสัยทันทีเมื่อสบตาเข้ากับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่เสียงสดใสที่กำลังจะตอบรับกลับถูกดูดกลืนลงคอไปในทันที
หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งทีอย่างตั้งสติก่อนจะเริ่มกลับมาทำหน้าที่ตัวเองต่อ
" ระ..รับเค้กเพิ่มมั้ยครับคุณลูกค้า " ถามพลางหลบสายตาก้มหน้าก้มตากดเครื่องคิดเงินทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะกดทำไมนักหนาก็ลูกค้ายังไม่ได้สั่งจะคิดเงินได้ยังไงล่ะ
เขาจำเราไม่ได้หรอก ..
" นายชื่อแบคฮยอนรึเปล่า "
เสียงทุ้มเอ่ยถามคำถามที่ไม่คาดฝัน ..
ทำเอาแบคฮยอนชะงักพร้อมกับหัวใจที่กระตุกอย่างรุนแรง พระเจ้า!
มันยาวขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะเลยนะ T _ T
ใครยังอ่านอยู่บ้าง ขอเสียงหน่อย แงๆ รู้สึกเหงาหงอย
#ฟิคเชื่อใจ
ความคิดเห็น