ภาษากายที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพูด - ภาษากายที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพูด นิยาย ภาษากายที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพูด : Dek-D.com - Writer

ภาษากายที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพูด

วันเกิดปีนี้คุณทำอะไรเพื่อใครบ้าง

ผู้เข้าชมรวม

1,217

ผู้เข้าชมเดือนนี้

3

ผู้เข้าชมรวม


1.21K

ความคิดเห็น


3

คนติดตาม


1
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  6 ม.ค. 54 / 09:30 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    วันคล้ายวันเกิด..ปกติแล้วคุณทำวันนี้เพื่อใคร?

     

    ไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนฝูง

    ซื้อเค้กมาเป่าแล้วตัดแบ่งแจกเพื่อนที่โรงเรียน

    ทำบุญตักบาตรตอนเช้า

    ไปแจกขนมบ้านเด็กอ่อน เด็กกำพร้า

     

    คุณรออะไรจากใคร?

     

    รอแฟนเซอร์ไพรส์ดินเนอร์คืนนี้

    รอของขวัญพิเศษสุดหวานจากคนรัก

    รอเพื่อนส่งคำอวยพรมาให้ทางแมสเสจ

    รอการ์ดวันเกิดนับร้อย

    รอที่จะเดินเข้าไปในห้องทำงาน หรือห้องเรียนที่ปิดไฟมืด แล้วก้าวที่สามมีแสงเทียนสว่างพรึบอยู่บนเค้ก กับเสียงเพลงแฮ็บปี้เบิร์ดเดย์ทูยู

    หรือ..จะรอลุ้นตอนแกะกล่องของขวัญสีสวยจากคนรู้จักมากหน้าหลายตาในงานวันเกิดที่จัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการที่สุดในรอบปี

     

    ใช่!

    เกือบทุกปีฉันก็อยากทำกิจกรรม และมีความคาดหวังไม่ต่างอะไรกับคำกล่าวข้างต้น

    บนพื้นฐานคอนเซ็ปที่ว่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดในรอบปีเพื่อตัวเอง และจะได้รับความสำคัญจากคนใกล้ชิดตามลำดับอย่างไรบ้าง

     

    เพิ่งมาปีสองปีนี้เอง

    ที่ฉันคิดเปลี่ยนคอนเซ็ปนั้น ให้กลายเป็นการทำอะไรเพื่อคนอื่น และทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อความประทับใจของผู้ให้กำเนิด

    โดยเฉพาะปีนี้ วันคล้ายวันเกิดที่เพิ่งผ่านมา อันที่จริงก็ถัดจากวันนั้นอีกหนึ่งวัน เพราะฉันติดวันธรรมดาที่ต้องเรียนหนังสือ และหอพักอยู่ไกลจากบ้านเกินกว่าจะกลับไปในวันนั้นได้

     

    ฉันคิดทำอะไรเล็กๆ ไม่มีพิธีรีตองมากมาย

    แต่เพียบพร้อมด้วยความยิ่งใหญ่ที่ออกมาจากใจจริง

    ฉันแค่อยากทำอะไรที่ไม่เคยทำจริงๆจังๆเสียทีในวันนั้น

     

    การกราบพ่อแม่..

    ฉันก็เคยทำมาก่อนหน้านี้

    การกราบแม่..ก็เคยกราบตอนวันเกิดเมื่อปีก่อน กราบที่หน้าตักก่อนนอน

    ส่วนกราบพ่อ..

    ด้วยความไม่กล้าพอ ฉันก็ได้แต่แอบเข้าไปกราบท่านตอนที่ท่านนอนหลับอยู่ ไม่กล้ากราบต่อหน้าเพราะฉันไม่เคยทำสิ่งนั้น และด้วยเหตุผลที่ฉันทำตัวใกล้ชิดกับพ่อน้อยกว่าแม่

     

    ปีนี้ฉันจึงคิดทำอะไรที่มันจริงจังมากขึ้น และได้ประโยชน์กับหลายฝ่าย

    ฉันคิดซื้อพวงมาลัยดอกไม้สักสองพวง

    คิดฉากที่ให้พ่อกับแม่นั่งบนเก้าอี้ตัวติดกัน

    คิดมอบพวงดอกไม้อีกอันให้น้องสาว

    ก้มลงกราบแทบเท้าด้วยกัน

    เพราะฉันคิดว่า..ถ้าฉันกราบท่านทั้งสองโดยมีน้องยืนมองอยู่ห่างๆ

    น้องอาจรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก

     

    ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คาดหวังให้ผลมันออกมาเป็นอย่างที่ต้องการอะไรหรอก

    แค่ได้แสดงจากใจให้พ่อแม่ได้รับรู้ว่า..ฉันสำนึกในบุญคุณของท่านที่ทำให้มีวันนี้ได้

    เพียงเท่านั้น...

    และฉันก็แอบคิดว่า พ่อกับแม่ถ้าได้มาอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นด้วยกัน

    คงจะเกิดสายใยรักผูกพันแน่นแฟ้น และเข้าใจกันมากขึ้นเมื่อมีลูกมาช่วยเชื่อมโยง

    ฉันแอบหวังให้พ่อกับแม่รักกันมากขึ้นด้วย

     

    เมื่อสถานการณ์จริงมาถึง

    ฉันก็เตรียมจัดทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการโดยไม่บอกให้ใครได้เตรียมตัวล่วงหน้า แม้แต่น้องสาวของฉัน

     

    วันนั้นพ่อไปรับฉัน และก็พาฉันไปประชุมงานเครียดๆของพ่องานหนึ่ง

    กว่าจะกลับก็เย็นได้ที่แล้ว

    ฉันสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของพ่อกับงานนั้น

    แต่ฉันก็ไม่มีทางละความตั้งใจที่มี

    เมื่อวางแผนไว้แล้ว ก็ต้องทำให้ได้ ไม่ว่าบรรยากาศจะอำนวยหรือไม่ก็ตาม

     

    ก่อนไปประชุมฉันบอกให้แม่อยู่รอฉันกับพ่อกลับมาก่อน อย่าเพิ่งหนีขึ้นไปทำงานข้างบน

    เมื่อถึงเวลาที่ฉันกลับบ้าน และมีพ่อ แม่ น้องสาว อยู่พร้อมหน้า

    ฉันก็บอกให้พ่อกับแม่มานั่งคู่กัน

    ทีแรกท่านก็สงสัยกันใหญ่ว่าจะทำอะไร

    ฝ่ายแม่ก็บอกว่าทำไมต้องไปเกี่ยวกับพ่อด้วย..คือตอนแรกแม่คิดว่าฉันจะทำอะไรสักอย่างให้ท่านเซอร์ไพรส์ แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะอยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย

     

    งุนงงกันพักใหญ่ แต่พ่อก็เป็นฝ่ายบอกว่านั่งๆไปเถอะ ลูกบอกให้ทำอะไรก็ทำไปก่อน แต่ก็ไม่วายหันมาถามอย่างระแวดระวังว่า ฉันจะทำอะไร

    ฉันไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้าไปหยิบพวงมาลัยดอกไม้ที่เตรียมไว้แล้วสองพวง

    บอกให้น้องสาวเตรียมตัว น้องก็งงอีกระลอกว่า ให้ทำอะไรอีกนะ

     

    ฉันบอกให้น้องสาวคุกเข่าลงตรงหน้าที่แม่นั่ง ส่วนฉันคุกเข่าลงตรงหน้าที่พ่อนั่ง

    ณ ตอนนั้นฉันสัมผัสได้ถึงกระแสความเย็นที่ตลบอบอวลไปทั้งบ้าน

    พ่อหัวเราะแบบเก้อๆ แม่ก็ยิ้มแบบเกร็งๆ

    ส่วนน้องสาว ถึงแม้จะงงกับแผนการฉุกละหุกปานนั้น ก็ยอมลงนั่งคุกเข่าตามที่ฉันบอกโดยดีแล้วรับพวงมาลัยไปถือ

     

    เราสองคนที่น้องนั่งนิ่งไปพักหนึ่ง

    นิ่งไปเพราะว่า..ฉันกำลังคิด

    คิดว่าจะชวนน้องก้มลงกราบแทบเท้าพ่อกับแม่เลยดีไหม

    แต่จู่ๆ โดยที่ไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า

    ฉันยื่นพวงดอกไม้ให้พ่อ พร้อมกับที่น้องยื่นให้แม่เสร็จ ปากของฉันก็โพล่งออกไปพร้อมยกมือขึ้นพนมที่อกว่า..

     

    อะ...แพ็ทพูดตามพี่นะ (นิ่งอึ้งไปอีกยกหนึ่งก่อนพูดต่อ)

    ขอขอบคุณ..ที่ทำให้เราได้เกิดมา..จนเติบโตถึงทุกวันนี้

    ขอบคุณที่ช่วยเลี้ยงดู...

    พูดได้เท่านี้ น้องสาวฉันก็หยุดพูดตามไปเสียอย่างนั้น

    พ่อก็ถามน้องว่าทำไมไม่พูดตามพี่เขาต่อล่ะลูก

    เราก็งงๆจึงหันไปมองหน้าน้อง

    พบว่าน้องกำลังยกมือขึ้นปิดปากหน้าแดง ทำท่าจะร้องไห้

    วินาทีนั้นฉันรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    เพราะน้องไม่เคยแสดงท่าทีอะไรตื้นตันให้พ่อแม่เห็นมาก่อน

    เพียงพูดตามฉันไม่กี่คำ..ก็ทำให้พ่อกับแม่ได้เห็นถึงความรักที่มีอยู่เต็มล้นใจมานานแสนนาน

     

    ฉันไม่ปล่อยให้บ้านเงียบสงัดอยู่ในกระแสเคล้าน้ำตาของน้องนานนัก ก็ชิงพูดต่อด้วยรอยยิ้ม

    ขอให้พ่อกับแม่มีความสุข...มีสุขภาพแข็งแรง..

    น้องสาวฉันไม่พูดตามฉันไปนานแล้ว

    แต่คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายหยุดนิ่งไปชั่วขณะเสียเอง

    แม่ฉันตาแดงก่ำ เริ่มมีเสียงสะอื้นไห้ตามมา

    ส่วนพ่อ..เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นประกายตาที่ต่างออกไป

    น้ำตาคลอเต็มสองหน่วยตาของพ่อ

    คราวนี้ทั้งพ่อแม่ และน้องก็น้ำตาซึมไปตามๆกัน

    ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก... ถึงแม้ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาในขณะนั้น

    ก็สัมผัสได้ถึงใจที่มีความรักล้ำค่า และความผูกพันที่มอบให้แก่กัน

    จนฉันต้องกลั้นน้ำตา และควบคุมเสียงให้เป็นปกติก่อนพูดต่อ

    พวกเรา..จะขอตอบแทนบุญคุณพ่อแม่..ไปจนกว่า..

    คราวนี้เสียงสะอื้นหนักกว่าเก่า

    เพราะฉันเองก็น้ำตาคลอ พูดอะไรไม่ออก อยู่เป็นนาน ก่อนจะปิดฉากลงด้วยเสียงสั่นๆ

    จนกว่า..จะตายจากกัน

    จบประโยคนั้นฉันก็ก้มลงกราบแทบเท้าพ่อ น้องสาวก็กราบเท้าแม่

    ช่วงเวลาที่ศีรษะของฉันก้มต่ำลงจนหน้าผากชิดสองมือที่พนมไว้บนพื้น

    มานะอัตตาของฉันมันลดฮวบลงไปอย่างมาก

    ฉันกราบด้วยความเงียบของเสียง แต่ดังกระหึ่มด้วยใจที่นอบน้อมอย่างสุดซึ้ง

    จากนั้นก็สลับกับน้อง เปลี่ยนไปกราบเท้าแม่ และให้น้องมากราบเท้าพ่อ

     

    ช่วงเวลาอันแสนมีค่าเสร็จสิ้นลงพร้อมกับคำอวยพรขอพ่อแม่

    เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกถึงช่วงเวลาอันมหัศจรรย์ของชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง

    สิ่งที่ฉันไม่เคยทำ

    ไม่คิดเลยว่าเมื่อทำแล้ว จะให้ผลทางใจอย่างล้ำค่า หาคำอธิบายได้ยากขนาดนี้

    คำพูดมีไม่กี่คำ

    แต่ความรู้สึก และกระแสเย็นซึ้งที่หลั่งไหลออกมา มันมีความหมายยิ่งกว่าคำพูดมากนัก

     

    ฉันเชื่อว่าวันนั้นจะเป็นอีกวันที่ครอบครัวฉันจุดคบเพลิงแห่งสายใยรัก และความอบอุ่นร่วมกัน

    และเป็นวันคล้ายวันเกิดสุดพิเศษ น่าประทับใจกว่าที่ฉันเคยเจอมาตั้งแต่เล็กจนโต

    ทั้งที่วันนั้น ไม่มีของขวัญสำหรับฉัน ไม่มีเค้กวันเกิดก้อนโต ไม่มีงานวันเกิด ไม่ได้ออกไปเที่ยวฉลองเฮฮาปาร์ตี้ที่ไหน

     

    แต่วันนั้น..

    จะเป็นวันสำคัญของชีวิตที่ฉันไม่อาจลืมเลือนไปจนกว่าสัญญาจะดับลง

     

    อีกวันแห่งความประทับใจ

    ๗ สิงหาคม ๒๕๕๓

    ศิลาริน พุทธบุตรี

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×