กำลังใจแด่ผู้ที่เป็นเกย์..เป็นเกย์ก็เปลี่ยนได้

ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

ใครว่าเกย์เปลี่ยนใจไม่ได้

เนื้อเรื่อง

นำบทความมาจากเว็บๆหนึ่งนะคะ เห็นว่าน่าสนใจและมีประโยชน์จึงนำมาบอกต่อค่ะ 

โพสต์โดยคุณ ยอดขวัญ..เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า

วันนี้น้องชายที่รักได้ส่งบทความไดอารี่หมอดูของคุณหมอพีร์มาให้อ่านครับ
เป็นเรื่องของเกย์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ชนิดกลายเป็นคนละคนไปเลย
ตลอดจนเราก็มีตัวอย่างจากคนรักใกล้ๆตัว ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้จนเห็นผลทันตาในเวลาไม่นานครับ
จากการที่เค้ายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ที่ไม่มีเพศแล้ว
พี่ชายคนนี้มีหัวใจให้กับธรรมะมานาน และมีการฝึกปฏิบัติภาวนาด้วยความตั้งใจจริง
ในช่วงหลังถึงกับรับประทานมังสวิรัติและรักษาศีล ๘ ทั้งชีวิต

ชื่นชมและศรัทธาในความตั้งใจจริงของพี่เค้าอย่างที่สุดเลยครับ (พี่คือแรงบันดาลใจและกำลังใจให้ผมแบบสุดๆ)
ที่แม้สิ่งที่พี่เค้าเคยทำไว้ในอดีตจะส่งผลให้พี่เค้าเป็นเกย์ที่สมบูรณ์พร้อมได้
ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ฐานะทางสังคม อาชีพการงาน และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่พี่เค้ากลับไม่เลือกสิ่งล่อเหล่านั้น
กลับเลือกวิถีการปฏิบัติภาวนา มีความเพียร ละกามด้วยความตั้งใจจริง

ปรากฎให้เห็นกับตาแบบนี้ มีตัวอย่างให้เห็น ช่วยสร้างกำลังใจให้กับเราได้มากๆ เลยทีเดียว
ทำให้เรามีกำลังใจในการภาวนา รักษาศีล และทำทานเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ
อนุโมทนากับคุณหมอพีร์และน้องชายที่รักด้วยกับสิ่งดีๆ ที่นำมแชร์ให้กันครับ



ไดอารี่หมอดู - ฉบับที่ ๘๗ โดยหมอพีร์

...อาทิตย์นี้มีเรื่องราวที่น่าประทับใจเยอะมากเลยค่ะ คือว่ามีคนกลับมาดูดวงซ้ำ คราวนี้เป็นปลี้มที่สุดคือมีคนเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้หลายคนมาก ๆ อันดับแรกจะเห็นเลยว่า ทุกคนที่เปลี่ยนแปลงตนเอง หน้าตาจะสวย หล่อขึ้นชัดเจนก่อนเลย ความจริงจิตใจเปลี่ยนไปก่อนเลยทำให้หน้าตาเปลี่ยนไป บางคนเปลี่ยนทั้งหน้าและจิต จำไม่ได้เลย คนเก่าตายไปแล้ว ไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องคนไหนก่อนดี เอาคนที่ประทับใจที่สุดก่อนเลยดีกว่าค่ะ เพราะขนาดพีร์ถึงขั้นทึ่งตะลึงงันก็ว่าได้ ขอตั้งเรื่องตามหนังสือกรรมพยากรณ์ของคุณดังตฤณ "ตอนชนะกรรม" ซึ่งเรื่องนี้มีความละม้ายคล้ายคลึงกันนิดหนึ่งค่ะ ส่วนที่แตกต่างก็คือพี่เขาเป็นผู้ชายแค่นั้นเอง

ตอนแรกพี่เขาเดินเข้าในห้องเป็นคิวสุดท้ายนั่งลงตรงหน้า พีร์ก็งงนิด ๆ พร้อมกับคิดว่าเหมือนจะเคยเจอกันมาแล้ว แต่หน้าไม่คุ้นเลย พอพี่เขาพูดออกมาก็จำได้ ตอนนั้นที่ว่าจำได้แล้วนะ พีร์ตกใจมากเลยนะคะ เพราะอะไรรู้ไหมคะ เมื่อสองปีที่แล้วพี่เขาไม่เป็นแบบนี้เลย เพราะว่าพี่เขามีโหงวเฮ้งหน้าตาจะเหมือนผู้หญิง เสียงเหมือนผู้หญิง จิตชอบเพศเดียวกัน นิสัยใจคอจะค่อนไปทางผู้หญิงมาก ๆ จิตใจจะโลเลไปมา พูดเยอะในทางฟุ้งซ่าน พูดออกมาจะติดท่าทางผู้หญิงเยอะ มีลักษณะจริตที่ถูกดัดออกมาตามจิตมีอาการจีบปากจีบคอนิดหน่อย หงุดหงิดง่าย เหงาเศร้าว้าเหว่ จิตจะมีลักษณะอยู่คนเดียวไม่ค่อยได้ ชีวิตต้องมีเพื่อน มีชีวิตไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่ค่อยมีเป้าหมาย คาดหวังในรักแท้

สิ่งที่พีร์ตกใจคือ หนึ่งหน้าตาพี่เขาที่เหมือนผู้หญิงตอนนี้กลายเป็นผู้ชายเต็มตัวไปแล้ว มีลักษณะอ้วนขึ้นกว่าเดิมแต่ไม่ได้หมายถึงเป็นคนอ้วน โหงวเฮ้งปรับในลักษณะทำให้หน้าตามีบารมีในการเป็นหัวหน้า ผิวขาวผ่องใสดูดี ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เดิมเลย อึ้งมาก พีร์พูดไปชมพี่เค้าไปว่าไม่น่าเชื่อว่าพี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ บอกเขาอีกว่า รู้ไหมคะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะจิตใจพี่เปลี่ยนไปหมดเลย

ผลของมันเลยโชว์มาที่ใบหน้าให้เห็น จิตใจจากโลเล กลายเป็นหนักแน่นชัดเจนไม่โลเลแบบเดิมเลย มีความเป็นผู้ชายมาก เพราะผู้ชายมีโครงสร้างทางจิตใจที่เป็นเหตุและผล ผู้หญิงจะมีโครงสร้างทางจิตใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์นำหน้า พี่เค้าไม่ค่อยมีลักษณะการพูดที่ฟุ้งหรือเพ้อเจ้อแบบเดิม น้ำเสียงเป็นผู้ชาย เพราะใจเป็นชาย เสียงที่เปล่งออกมาจากการมีสติไม่ติดความเป็นผู้หญิงออกมา กลับสู่ความเป็นธรรมชาติมาก ๆ โดยไม่มีความทุกข์ใจที่เป็นแบบนี้ ทางร่างกายไม่มีจริตทางผู้หญิงหลุดมา จิตใจยังมีความสุขจากตัวเองชัดเจน มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ดี จิตใจไม่ติดเพื่อนแบบเก่า ประมาณว่าถ้าไม่เพื่อนฉันอยู่ไม่ได้ นอกจากนั้นความสุขใจที่พี่เขามีตอนนี้ พร้อมที่จะมีเสน่ห์กับผู้หญิง แถมยังมีแรงดึงดูดผู้หญิงเข้ามา และจิตใจพี่เขาตอนนี้ไม่ได้รักเพศเดียวกันแล้ว เขาสามารถรักผู้หญิงได้ ตายแล้วพี่ร์อึ้งมาก มหัศจรรย์แห่งธรรมะ เปลี่ยนมนุษย์กันได้เห็น ๆ ค่ะ พี่เขายอมรับว่าใจตอนนี้ชอบผู้หญิงแล้วไม่ได้รักเพศเดียวกันเหมือนเมื่อก่อน และตอนนี้กำลังคบหาดูใจผู้หญิงคนหนึ่ง อาจจะมีแผนแต่งงานเร็ว ๆ นี้ พี่ขอดูวันเดือนปีเกิดของพี่ผู้หญิง ซึ่งก็เหมาะสมกันเหมือนกัน ตรงที่ว่าพี่ผู้หญิงมีใจเข้าหาธรรมะเหมือนกัน

ถามพี่เขาว่าไปทำอะไรมาถึงเปลี่ยนได้เยอะขนาดนี้ พี่เขาบอกพีร์ว่า เพราะซีดีแผ่นเดียวที่ให้ไปไง พีร์นึกขึ้นได้ว่าเคยให้ซีดีหลวงพ่อปราโมทย์กับพี่เขาไปหนึ่งแผ่น หลังจากนั้นพี่เขาก็หาดาวน์โหลดเพิ่มจากเว็บไซด์ พี่เขาบอกว่าฟังมาตลอด มีตั้งแต่แผ่นที่หนึ่งยันสามสิบเลย และเขายังบอกอีกว่าเมื่อก่อนคิดว่าปฏิบัติธรรมต้องสวดมนต์ทุกวัน ต้องนั่งสมาธิทุกวันถึงจะมีสิทธิ์ก้าวหน้าทางธรรม แต่พอมาฟังธรรมของท่านไปเรื่อย ๆ จิตใจมีสติระหว่างวัน รู้ตัวได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งฟังและปฏิบัติตามยิ่งทำให้เปลี่ยนนิสัยไปหมดเลย หลังจากนั้นจิตใจจะชอบนั่งสมาธิ หรือสวดมนต์ได้โดยไม่รู้สึกทรมานเหมือนเมื่อก่อน สติพี่เขาตื่นมาก ๆ ค่ะ รู้ตัวได้ดีมากทีเดียว

ธรรมชาติของกรรมข้อกาเมเมื่อผิดมาก ๆ จะส่งผลให้จิตใจรักเพศเดียวกัน พอรักเพศเดียวกันแล้วตอนแรกบางคนอาจจะเป็นลักษณะที่หญิงก็ได้ชายก็ดี พอหนักขึ้นกว่านั้นจะไม่สามารถรักเพศตรงข้ามได้เลย พอบอกว่าจะมีแฟนเป็นเพศตรงข้ามจะทุกข์ใจมาก ๆ และกลัวที่จะรักเพศตรงข้าม อันนี้ไม่แปลกค่ะ มันเป็นแบบนี้เองเป็นธรรมดา แต่ถ้าวันหนึ่งภาวนาเข้าถึงแก่นได้จริง ๆ จิตคุณจะคืนกลับสู่ธรรมชาติเดิมแท้เอง สุดท้ายไม่มีผู้หญิงไม่มีผู้ชาย

พีร์สังเกตลักษณะการหลุดออกจากการรักเพศเดียวกันของพี่เขาคือ สติเขาค่อนข้างไวในการรู้ตัวค่ะ เช่น พอเขาจะบ่น เขาเห็นความอยากจะบ่น เขาก็ไม่บ่นออกไป และเมื่อมีอาการอยากจะพูดออกไป จะเห็นสัญญาของการคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงผุดขึ้นมา แต่ไม่ทำตาม เช่นต้องพูดออกมาให้เป็นเสียงผู้หญิงตาม พี่เขาคงไปเห็นมันพอดีว่าจิตมันสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา ทำให้ไม่ได้ทำตามแบบเดิม เกิดเสียงพูดที่เป็นผู้ชายปกติขึ้นมาแทนที่ พีร์อาจจะอธิบายออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่นะคะ ไม่รู้จะพูดแบบไหนดี รู้แต่ว่าเจอคนที่รักเพศเดียวกันค่อนข้างเยอะ บางคนลักษณะเหมือนผู้ชายหมดเลยนะ แต่จิตมันไม่ใช่เลยเห็นกันได้ง่าย ๆ เลย มีบางบ้านถ้าไม่อยากให้ที่บ้านรู้ห้ามมาดูด้วยกันนะคะ เพราะบางคนความลับอาจจะแตกได้ค่ะ หรือบางคนที่มีลักษณะกำลังสับสนว่าจะรักผู้หญิงหรือรักผู้ชายดี มันก็โชว์มาให้เห็นกันนะคะ

เคยบอกกับรุ่นพี่ทางธรรมคนหนึ่งที่เขารักเพศเดียวกันเหมือนกัน ประมาณว่า เห็นไหมจิตที่คิดว่าตัวเองรักผู้ชายมันเป็นแค่สัญญา เดี๋ยวถ้าวันไหนพี่ภาวนารู้ทันสัญญาทำงานได้ วันนั้นพี่ก็จะกลับมาเป็นปรกติ เพราะเคยสัมผัสกับคำว่าสัญญามากับตัวเองเลย ทำให้เข้าใจระดับหนึ่ง เหมือนกับคำพูดที่ว่า ตัวเราเมื่อวานมันคืออดีต ส่วนตัวตนของเราวันนี้เป็นคนละคนกัน ไม่ใช่คนเดียวกัน ตอนแรกที่เริ่มภาวนาจะงงกับคำพูดนี้มากค่ะ ไม่เคยเข้าใจสักที

พอวันหนึ่งไปเห็นความจริงเข้าว่าเรื่องราวในอดีต ที่ผ่านไปเมื่อวาน เวลาที่ต้องนึกถึงขึ้นมามันจะอาศัยการรู้ผ่านสัญญา และสัญญาจะทำงานโดยการย้อนเอาข้อมูลเก่าขึ้นมา คำว่าสัญญาแปลว่าความจำได้หมายรู้ค่ะ เมื่อก่อนไม่เข้าใจเหมือนกัน วันนั้นเลยถึงบางอ้อขึ้นมาว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง จำได้สนิทใจเลยว่าวันนั้นกำลังนั่งสมาธิอยู่ จิตเกิดการระลึกถึงเรื่องของตัวเราในวันก่อนขึ้นมา ตอนนั้นจิตถอยกลับไปนึกถึงกลับไม่พบกับตัวตนอะไรเลย เจอแต่ความว่าง ไม่มีอะไรเลย จิตตกใจสะดุ้งแรงมาก คิดทวนไป ไม่มีตัวเราเลยเหรอ ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ (ไม่ได้มีความหมายถึงบรรลุธรรมนะคะแค่ไปเห็นขณะเดียวว่าไม่มีใครในอดีต) ใจตอนนั้นตกใจค้างอยู่นิด ๆ คิดขึ้นมาว่า เฮ้ยตัวเราเมื่อวานมันหายไปไหน

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า ตัวตนปัจจุบันที่เราคิดว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ ถูกสร้างขึ้นมาจากจิตเรานี่แหละ อาศัยสัญญาเดิมที่จำได้ว่าเคยเป็นแบบนั้นเคยเป็นแบบนี้ สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาตลอด เช่นตัวเราวันนี้ต้องเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อวาน ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งจิตมันสร้างขึ้นมา หรืออย่างเช่นคิดว่าเราเคยรักผู้หญิง เราเคยรักผู้หญิง พรุ่งนี้ตื่นมาเจอผู้ชายหล่อ ๆ เธอต้องห้ามรักเพราะเธอรักผู้หญิงไม่ใช่รักผู้ชาย

ก่อนหน้าพี่ผู้ชายคนนี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นทอม พอมาภาวนาในลักษณะเดียวกันกับพี่ผู้ชายคนนี้ ใจเขาหายจากการรักเพศเดียวกันเยอะมาก อีกนิดเดียวจะเป็นปรกติแล้ว และหน้าตาโหงวเฮ้งถูกปรับเหมือนกัน สวยขึ้นทุกวัน จิตใจเริ่มกลับมาชอบ ๆ ผู้ชายได้แล้ว สัญญาทำงานก็จำได้ว่าลักษณะว่าผู้หญิงเป็นแบบนั้นแบบนี้จะคอยทำตาม

เรื่องราวของพี่เขาเป็นสิ่งที่บอกได้ว่ากรรมสามารถชนะได้จากการกระทำจริงๆ นึกถึงพี่เขาทำให้อิ่มอกอิ่มใจจริง ๆ ค่ะว่าเปลี่ยนได้ขนาดนี้ วันนั้นใจปีติตามตลอด ชีวิตยิ่งทำดีถูกทาง ยิ่งวิ่งหนีวิบากได้ไว การทำทานเปรียบเสมือนขี่มอเตอร์ไซค์ ถือศีลห้าเปรียบเหมือนขี่รถเก๋ง ภาวนาเปรียบเหมือนขี่เครื่องบิน เริ่มต้นขี่มอเตอร์ไซค์ก่อน หลังจากนั้นขยับขึ้นมาขับรถเก๋ง บางคนเคยทั้งขี่มอเตอร์ไซค์และขับรถเก๋งมาแล้ว ชาตินี้เกิดมาเลยเจอเครื่องบินเกิดความฉลาดขึ้นมาว่าถึงไวกว่าอย่างอื่นเลยถึงเร็วกว่าหน่อย ดังนั้นชาตินี้เกิดมาเจอศาสนาพุทธแล้ว เปรียบเสมือนเจอเครื่องบินแล้วไม่ขึ้นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วนะคะ
....................

เมื่ออ่านจบ น้องชายได้แชร์ต่อว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนจากความเป็นเกย์ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แล้วก็เข้าใจว่าทำไมไม่หาย
ก็เพราะในแต่ละคราวเราเติมเหตุอยู่เรื่อยๆ บางทีก็หลงใหลยินดีตามราคะไปเมื่อใจมีราคะ ไม่ได้เอาราคะไว้ดูอย่างเดียว
เอาราคะไว้สนองด้วย กรณีบทความนี้ทำให้น้องมองย้อนไปถึงที่คุณดังตฤณเขียนไว้ในเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ที่เกย์คนนึงหายได้สนิทเลย รายนั้นถือศีล 8 จริงจังด้วยครับ เวลาปีเดียวเค้าก็หาย รู้ได้ด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปลี่ยนความเคยชินมันไม่ง่ายเลย เพราะกรรมรักษาเส้นทางของมัน
สิ่งที่น้องสังเกตเห็นอย่างนึงและคงเป็นเชื้อเกย์ในจิตคือเราหวงอัตตภาพเกย์ไว้ ไม่ได้อยากหายจริงๆ เพราะว่าเราเคยเสพเพศรสจากการเป็นแล้วเราติดใจ
น้องเองก็เห็นตัวเองมีสิ่งนี้ในใจเวลาสนองราคะ ตรงนี้แหละคือสัญญาเก่าที่หมอพีร์บอก เราหวงสัญญานี้ไว้หมายว่าเป็นเราและไม่อยากทิ้งไป กลัวสุขตรงนี้จะหายไปน่ะครับ

ตัวน้องเองบอกว่าหลังจากภาวนาอย่างสม่ำเสมอแล้ว น้องมีความเป็นชายเพิ่มขึ้นมาก แม้ยังไม่หาย แต่มีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวขึ้นมาก ไม่หน่อมแน้มเคอะเขิน
เวลาเดินเหินออกไปในสาธารณะที่มีคนจับจ้องก็ไม่กลัวแล้ว
ช่วงไหนที่ภาวนาต่อเนื่องรวมถึงทำในรูปแบบ น้องจะรู้สึกห่างจากความมี ความเป็นอะไรไปชั่วคราว

น้องแชร์ต่อว่า ถ้าหากอยากหายจริงๆ ก็ต้องลองภาวนาจริงจังสัก 1 ปี ไม่เติมเชื้อใหม่เข้าไป
ของแบบนี้ต้องลองครับ แค่คิดอย่างเดียวมันก็จะเห็นเหตุที่เรายึดถือไว้เท่านั้นล่ะครับ
คือใจมันอาลัยอาวรณ์สัญญาเพศรสที่เคยสัมผัส ตรงนี้น่ะครับคือเชื้อเกย์ที่เราหวงอยู่
ผมได้มีโอกาสแชร์กับพี่ชายที่รักของผมที่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้เพราะความตั้งใจจริง
ถึงเรื่องหัวข้อของเกย์นี้ พี่ชายได้ให้คำสอน คำแนะนำและข้อคิดมากมาย
ที่ช่วยให้ผมและเหล่าน้องๆ เพื่อนๆ เกิดแรงบันดาลใจ และกำลังใจในการฝึกฝนตัวเองขึ้นอีกมากเลยครับ
ขออนุญาตมาแชร์ให้กับพวกเรา ครับ

"...พี่รู้สึกดีใจที่ได้เห็นบทสนทนาอย่างเปิดใจอย่างนี้ในหมู่กัลยาณมิตรที่กำลังฝึกฝนตัวเอง

พี่กำลังเขียนกลอนที่เป็นเหมือนหัวข้อธรรมที่พี่ใช้พิจารณา สอนตัวเอง ในกระบวนการแปรเปลี่ยนตัวเอง จากคนใจหนัก จนเป็นคนใจดี

พี่พบว่าคำว่า "คน" ที่ยังคงมีในระหว่างขั้นตอนการขัดเกลาตัวเองนี่แหละ ที่ยังทำให้เราเป็นนั่นเป็นนี่ และยังยึดถือกับการเป็นอะไรสักอย่าง เช่น เป็นคนทานมังสวิรัติ เป็นคนถือศีล ๘ เป็นชาย เป็นหญิง เมื่อใจเราปกติขึ้น เราแทบไม่ต้องบอกกับตัวเองเลยว่าเราเป็นใคร เราถือศีลอะไร เพราะทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ ความหิวหลังหมดเวลาทานยังคงมีบ้าง ไม่ใช่ปัญหากับใจ เพราะใจจะวางเอง ความทุกข์จากการต่อรอง ตั้งคำถาม หาคำตอบจึงไม่มี

ถึงนาทีนี้ พี่ว่าพี่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมาย แค่ใจฉลาดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เวลาเห็นรูปที่ดูดี รูปนั้นก็ยังคงดูดี แต่มันไม่มีค่า ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ใจมันไม่เสพรูป ไม่ว่ารูปแบบไหน มันเหมือนเดินผ่านตู้โชว์อาหารตามร้านอาหารญี่ปุ่น เห็นนะไม่ไม่ใช่ไม่เห็นอาหารที่ตั้งๆอยู่ แล้วบางทีก็ดูน่ากิน แต่ใจเรารู้แน่ชัดว่า อาหารเหล่านี้มันไม่ใช่ของจริง กินไม่ได้ ไม่มีคุณค่าอาหารอะไรเลย เราจะไม่รับของที่เป็นอันตรายกับร่างกายและจิตใจเราเอง

ทำไปเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เราอยู่ตัว โลกทั้งโลกจะเป็นธรรมะให้เราเห็นต่อหน้าต่อตาเลย ค่อยๆทำแล้วเราจะรู้ได้ด้วยตนเองครับ ถึงตอนนั้นเพศเป็นเพียงสมมุติ เกย์ไม่เกย์ ไม่มีความหมายอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม อย่ากลัวความเป็นเกย์เลย ความเป็นเกย์ ไม่ใช่อุปสรรคต่อการเข้าถึงมรรค ผล นิพพานเลย จะนั่งหล่อ เดินหล่อ หรือนั่งแล้วดูอ่อนหวานไม่ใช่เรื่องหลัก ถ้าไม่ชอบใจตัวเองตรงไหน ก็ค่อยๆลดละ สำรวม เหมือนเราไม่อยากดูเป็นคนไม่สะอาด ก็ตัดเผ้าตัดผม ตัดเล็บให้สะอาดเรียบร้อย พวกบุคลิกภาพนี่ ทางพุทธเรียกว่า วาสนา ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณธรรม หรือความเป็นพระอริยะของจิต ตราบเท่าที่กาย วาจา ใจ เราเป็นปกติ

สิ่งที่เราต้องดูแลให้มากคือ กาย วาจา ใจที่เป็นปกติของเรา เริ่มต้นที่ศีลที่ดีนะ แค่ศีล ๕ ก็อนิสงค์มหาศาลแล้ว ตอนแรกอาจรู้สึกอึดอัดบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น ยิ่งกว่าคุ้มค่า เพราะรักษากายวาจาใจให้เป็นศีลนั้นเป็นการเจริญบารมี ๑๐ ที่เป็นธรรมชาติสุดๆเลย พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องบัญญัตินะ แต่ขอแลกเปลี่ยนตามประสบการณืตรงจากการรักษาศีลเพื่อเจริญบารมีดังนี้

ทานบารมี - ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตัวเอง
ศีลบารมี - รักษาใจให้เป็นปกติสุข
เนกขัมมะบารมี - เพื่อพาตัวตนให้พ้นจากอำนาจของกาม
ปัญญาบารมี - รู้แจ้ง เห็นจริง ใช้ปัญญาเพื่อรู้ว่าในสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ รู้ชัดในผลดี ผลเสียที่เกิดขึ้น จนใจฉลาด รู้ว่าเมื่อไหร่ควรผ่อน เมื่อไหร่ควรตึง รู้ทางสายกลาง
ขันติบารมี - ด้วยความอดทนอดกลั้น แม้จะยากเย็น ต้องฝืนใจ ตัดใจ สักแค่ไหน
วิริยะบามี - ด้วยความเพียร ทำบ่อยๆ
สัจจะบารมี - ด้วยการทำจริงๆ จนเห็นผล ไม่ใช่แค่คิดลอยๆ
อธิฐานบารมี - เพื่อความมั่นคงในพระรัตนตรัยและพระนิพพาน
เมตตาบารมี - ทำด้วยความรัก ความสุข ความปรารถนาดี ต่อตนเองและผู้อื่น
อุเบกขาบารมี - อะไรที่ทำจบไม่แล้วก็วางไจ ถ้าอยากน้อมมาพิจารณาเพื่อให้กำลังใจหรือเพื่อใช้ปรับปรุงตัวเอง คิดที่เดียวให้จบ ไม่คิดซ้ำซาก ซ้ำเติมตัวเองทั้งทางบวกและทางลบ

รู้ไหมว่าบารมี ๑๐ นี่แหละคือธรรมในการละสังโยชน์ ๑๐ หรือ สิ่งที่รัดเราไว้ในสังสารวัฏ
พี่เขียนซะยืดยาวก็เพื่อให้เรามั่นใจว่าแค่รักษาศีลให้ดีก็ได้อานิสงฆ์มากมายแล้ว

อย่างที่พี่เกริ่นไว้ว่ากำลังเขียนกลอนอยู่ พี่อยากแบ่งปันงานเขียนสั้นๆ ๑ ชิ้น เพื่อโมทนาความดีของน้องๆทุกคน

ใครทำอะไร
ไม่สำคัญเท่าเราทำอะไร

ใครพูดอะไร
ไม่สำคัญเท่าเราพูดอะไร

ใครคิดอะไร
ไม่สำคัญเท่าคิดอะไร

คนปฏิบัติธรรมมากๆ เห็นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองบ่อยๆก็เห็นความไม่น่ารักของตัวเองได้มาก อย่าลืมให้กำลังใจด้วยการโมทนาความดีของตัวเองเป็นพักๆด้วยนะ กำลังใจจากใครก็ไม่เท่ากำลังใจที่สร้างขึ้นจากตัวเอง ใจเราก็ต้องการรางวัลเล็กๆน้อยๆ เหมือนกัน ยิ้มขอบคุณใจที่รวมฝึกกับเราอย่างไม่โอดโอย เมื่อฝึกอย่างดีนะ เราไม่ต้องดูแลใจแล้ว ใจจะดูแลเราเอง จริงๆนะ :) เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะ

ด้วยความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยและศักยภาพของทุกสรรพชีวิต..."
ขอมาแชร์เป็นกำลังใจครับ ^^

http://larndham.org/index.php?/topic/38350-%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1/page__gopid__691999&#entry691999