สุดท้ายก็ได้รักเธอ
จะมีใครสักกี่คนที่จะได้เจอรักแรกพบอย่างผม ตอนแรกเหมือนฝันไป แต่ต่อมาเขาก็กลับทำให้ฝันของผมเป็นจริงซะงั้น
ผู้เข้าชมรวม
121
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ดาวบนท้องฟ้าที่ส่องประกายพร้อมกับแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในค่ำคืนอันน่ารื่นรมย์ตลอดทางเดินริมรั้วมหาวิทยาลัย ฉายให้เห็นเงาของกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดเส้นทาง หลังจากที่กลับมาจากการเลี้ยงฉลองที่ร้านน้ำชาชื่อดังข้างมหาวิทยาลัย ที่ซึ่งเป็นที่นิยมของนักศึกษาและผู้คนโดยเฉพาะวัยรุ่นที่มักจะเลี้ยงร้านนี้เป็นสถานที่ในการเลี้ยงฉลองและพบปะสังสรรค์กันเป็นประจำ และก็แน่นอนว่า ร้านน้ำชาแห่งนี้ ก็เป็นร้านประจำของเราเช่นกัน
แทนที่จะตรงกลับเข้ารั้วมหาลัย นักศึกษากลุ่มนั้นกลับเดินตรงไปยังร้านคาราโอเกะร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน เพื่อปลดปล่อยความเครียดและความทุกข์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาในตลอดช่วงเวลาของการเตรียมตัวสอบอันน่าเบื่อหน่ายแหน็ดเหนื่อย หลังจากปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเบาลง พวกเขาก็พากันกลับ โดยตลอดเส้นทางที่เดินกลับมานั้น ผมเป็นคนเดียวที่รู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจมันอัดอั้นจนยากที่จะบรรยายออกมา ความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันคืออะไรกันแน่ และเกิดขึ้นเพราะอะไรกัน
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อาม เป็นชื่อเล่นของผมเอง ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในคณะนี้ ผมมีเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนเพียงไม่กี่คน แต่ต่อมาผมก็ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่อีกมากมาย จากหนึ่งกลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสาม ไปไงมาไงผมก็ไม่รู้ สุดท้ายผมก็มีเพื่อนสนิทถึงแปดคนซะงั้น เราทั้งหมดรวมกลุ่มกันคอยชวนกันเที่ยว ชวนกันเรียน แต่บางครั้งก็ถนัดเล่นกันมากกว่า พวกเราสัญญากันว่าเมื่อสอบเสร็จและเกรดออกมาแล้ว คนที่ได้เกรดเอในแต่ละวิชา จะต้องจ่ายเงินเพื่อนำไปเลี้ยงฉลองกันทุกเทอมและทุกปีการศึกษาจนกว่าเราจะเรียนจบ โดยกำหนดว่า เอหนึ่งตัวมีค่าเป็นเงินหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายเมื่อเกรดออกมา ผมกลายเป็นคนที่ได้เอทุกตัว รวมทั้งสิ้นหกวิชา ผมจึงต้องจ่ายเงินมากที่สุดในกลุ่ม ดังนั้นเพื่อเป็นการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์ เราทั้งหมดจึงนัดกันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านนมสด ซึ่งเป็นร้านน้ำชาที่ประจำของพวกเรา
การเลี้ยงฉลองดำเนินไปภายใต้บรรยากาศอันสนุกสนาน เพื่อนๆทุกคนต่างปลดปล่อยเอาความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ตอนเตรียมตัวสอบออกมา เพื่อเป็นการผ่อนคลาย แต่ก็มีเพื่อนบางคนที่ยังกังวลและเศร้ากับผลการเรียนที่ออกมาแล้วไม่น่าพอใจ สมดั่งคำที่เด็กมหาลัยมักพูดกันว่า "สอบเสร็จแล้วดีใจ ไว้เสียใจตอนเกรดออก" แต่ด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการผ่อนคลายได้เชิญชวนให้เพื่อนๆบางคนที่กำลังเครียดนั้น หันมาคล้อยตามและปล่อยใจให้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเพื่อนๆๆที่เหลือ
เจมส์ ต้า ตาล บุค แบง มอร์ เหมียว เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มที่ผมกล่าวถึงมาโดยตลอด เราทั้งแปดคนคบกันมาเป็นทอดๆ โดยการแนะนำให้รู้จักต่อๆกันเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ร่วมหัวชนโรงมาอยู่ด้วยกันซะงั้น ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีเหมือนกันที่ได้มาเจอพวกมัน
หลังจากที่เราบันเทิงกับอาหารมื้อดึกสุดแสนพิเศษในความคิดของเพื่อนๆๆผม แต่มันกลับกลายเป็นความเศร้าของผมแทน เพราะผมต้องจ่ายตังก์มากที่สุด แต่อีกใจหนึ่งก็ยังดีใจที่เห็นเพื่อนๆทุกคนมีความสุข และยังภูมิใจกับผลการเรียนของตนเองอีกด้วย ผมจ่ายเงินให้แก่พนักงานบริกรของร้าน และพากันเดินออกกันมาจากบริเวณนั้น และตัดสินใจว่าจะไปสนุกกันต่อที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านนมสดมากนัก อีกเหตุผลหนึ่งที่เราตัดสินใจไปที่ร้านนั้นก็คือ เงินยังเหลือจากการเลี้ยงที่ร้านน้ำช้าเมื่อกี้ เพื่อเป็นการบริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ เราจึงต้องใช้ให้หมดภายในเงินเดียว
ผมติดต่อพนักงานร้านคาราโอเกะแล้วก็พาเพื่อนๆขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นโซนของตู้คาราโอเกะ ที่มีอยู่สองขนาดคือห้องเล็กและใหญ่ เราตัดสินใจเช่าห้องใหญ่เพื่อจะได้จุสมาชิกได้ครบ หลังจากนั้น ความเครียดและความทุกข์ทั้งหลายก็ได้รับการปลดปล่อยออกมาผ่านเสียงเพลงที่กระหึ่มไปด้วยตู้ลำโพงสองข้าง มอร์เป็นนักร้องประจำกลุ่ม ส่วนต้าและตาลก็เป็นคูหูขาแด๊นซ์ พาไปทุกที่ย่อมมีมันส์ ส่วนบุคก็ร้องเพลงแหกปากตามประสาผู้ชายวัยรุ่น ฝ่ายแบงและเหมียวก็นั่งดิ้นอยู่กับที่ เพราะเป็นคนเงียบๆ นานๆที่ถึงจะลุกขึ้นจับไมค์ร้องเพลงเองบ้าง แต่พอจับแล้วก็ชักมันส์จนไม่ค่อยจะยอมวาง ส่วนผมก็เรื่อยๆๆตามประสา ร้องบ้างเต้นบ้าง นานๆครั้งที่จะได้มีโอกาสใช้เงินหาความสนุกใส่ตัว เพราะกลุ่มพวกเราไม่นิยมไปเที่ยวตามสถานที่บันเทิงต่างๆที่อยู่ไกลจากมหาลัย
บริเวณห้องด้านล่างจะเป็นโซนสำหรับการให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งดึกๆอย่างนี้จะไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าใดนัก หลังจากร้องคาราโอเกะกันแล้ว ต้า ตาล เจมส์ และแบงค์ ก็ตัดสินใจเล่นอินเทอร์เน็ตต่อ ผมไม่อยากจ่ายเงินอีก ก็เลยเลือกที่จะยืนดูพวกเพื่อนๆเล่นเอ็มซะมากกว่า ผมยืนอยู่หลังแบงค์ และเห็นมันกำลังสนทนาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งภาพผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในดิสเพลย์ของเอ็มเอสเอ็ม ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ คล้ายกับว่าผมรู้สึกชอบเขา แต่ก็กลับไม่มั่นใจ จนกระทั่งสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผู้ชายคนที่แบงค์กำลังคุยอยู่ด้วยนั้นเขากลับนั่งเล่นเอ็มอยู่ในร้านเดียวกันกับที่เราอยู่ ผมเลยบอกแบงไปว่า ให้บอกกับผู้ชายคนนั้นว่าเขาน่ารักดี แบงก็จัดการไปตามที่ผมบอก แต่โชคดีที่เรานั่งเล่นกันอยู่คนละโซน ทำให้ผมไม่อายที่จะบอกแบงให้ทำเช่นนั้น
หลังจากที่แบงบอกเขาไป เขากลับไม่สนใจผมเลย อาจเป็นเพราะเขาก็เขิล จึงไม่กล้าหันมามองว่าผมเป็นใครในกลุ่มแบง เพราะเราไปกันหลายคน ทำให้เขาไม่ทันมองหน้าผมว่าผมหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมนี่สิ เผลอไม่ได้ที่จะแอบหันไปมองเขา แม้จะเห็นแต่เพียงด้านข้างแต่ผมก็รู้สึกใจสั่นทุกครั้งที่เผลอมองเขา
คืนนั้นเราตัดสินใจเดินกลับเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกัน เพราะเราทั้งหมดพักอยู่หอพักภายในมหาวิทยาลัย ตามธรรมดาเวลาที่เดินกลับ เราก็จะร้องเพลงและเต้นไปตามทางเดินที่เดินผ่าน แต่คืนนั้นผมกลับรู้สึกเปลี่ยนไป ความรู้สึกอยากสนุกมันกลับหดหายไปสิ้น เหลือแต่เพียงความสงสัยและความหวังที่จะได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร เรียนที่ไหนหรือทำงานอะไร ผมจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้เจอกับเขา
ในวันหนึ่งผมจึงเริ่มดำเนินแผนการที่ได้คิดเอาไว้ในใจตั้งแต่คืนก่อนแล้ว หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืน สุดท้ายผมก็นึกออกว่าจะทำอย่างไรกับแผนการรักของผมดี ผมตัดสินใจยอมเสียฟอร์มและยอมหน้าด้านโดยการขออีเมลล์แอดเดรสของผู้ชายคนนั้นมาจากแบงค์ ในที่สุดผมก็ได้สิ่งที่อยากได้มาครอง ผมจึงไม่รอช้าที่จะเริ่มปฏิบัติการรักในทันที
ผมแอดเมลล์ของผู้ชายคนนั้นไปตามที่อยู่ที่แบงค์ให้มา รออยู่หลายวันกว่าที่เขาจะรับแอดและออนพร้อมกัน ผมเข้าไปทักเขาก่อนและรีบแนะนำตัวและเตือนความทรงจำของเขาถึงวันที่ผมฝากให้แบงบอกเขาว่าเขาน่ารัก ผมดีใจมากที่เขาจำคำที่ผมบอกได้
เอก คือชื่อของเขา เอกเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกับผม แต่ผิดตรงที่ว่าเขาเป็นนักศึกษาปริญญาโท ไม่ใช่ปริญญาตรีอย่างผม
เราติดต่อกันทางเอ็มเอสเอ็มเรื่อยมาตั้งแต่วันนั้น และเริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ตลอดเวลาที่คุยกับเขา ผมก็ไม่วายที่จะหยอกและแกล้งบอกรักต่อเขา เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์และเปิดทางให้เขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเขา ตั้งแต่นั้นผมก็คุยกับเขาอยู่เรื่อยๆๆ แต่เขาไม่ได้มีปฏิกริยาตอบสนองที่เด่นชัดมากนักว่าเขาคิดอย่างไรกับผม ผมจึงเริ่มถอดใจ และแอบเสียใจนิดๆที่เสน่ห์ของผมใช้ไม่ได้กับเขา หรือว่าเสน่ห์ของผมจะลดลงซะแล้ว
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ไม่รู้วันเขานึกยังไง เขากลับชวนผมไปกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ผมก็นึกแปลกใจและแอบตื่นเต้นเล็กน้อยที่เขาออกปากนัดผมซะเอง จากที่เขาไม่เคยแม้แต่จะบอกว่าคิดยังไงกับผมหลังจากที่เราคุยกันทางเอ็มมาตลอดเกือบห้าเดือน ด้วยความแปลกใจ ผมจึงรีบแต่งตัวและวิ่งลงจากหอไปทันทีโดยไม่รอลิฟต์
ผมยืนรอเขาอยู่นานที่บริเวณด้านหน้าของโรงอาหาร หันไปหันมาก็เห็นเขายืนอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของร้านค้า ผมจึงรีบเดินไปหาเขาทันทีด้วยหัวใจที่เต้นรัวดังจนเกือบจะได้ยิน เราแยกกันซื้อข้าวและมานั่งที่โต๊ะตัวเดียวกันที่อยู่ใกล้กับทีวีและตู้บริการน้ำดื่ม ที่จริงในวันนั้นผมเพิ่งจะทานข้าวมื้อเย็นไป แต่ก็บอกเขาไปว่าผมยังไม่ทานข้าว เพราะกลัวจะพลาดโอกาสดีๆแบบนั้นไป ผมจึงเลือกกินข้าวต้ม เมื่อเขาถามผมก็บอกเขาไปว่าผมไม่ค่อยสบายเลยไม่อยากทานข้าว ทั้งที่จริงๆแล้ว ผมยังรู้สึกอิ่มอยู่นั่นเอง
ระหว่างที่นั่งทานข้าวด้วยกัน เราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกันเลย เพราะผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขา และเขาก็เขิลเหมือนกัน ซึ่งผมสังเกตได้จากรอยยิ้มมุมปากและมือที่สั่นขณะยกช้อนเข้าปาก อาหารมื้อนั้นจึงดูเหมือนเป็นเพียงอะไรสักอย่างที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือระหว่างการดำเนินแผนการรักของเราสองคน
หลังจากที่เขิลกันอยู่พักใหญ่ เราก็ตัดสินใจกันกลับ ผมรีบมาออนเอ็มต่อ แล้วก็พบว่าเอกได้ออนเอ็มอยู่ก่อนแล้ว ที่จริงผมต้องเรียกเขาว่า พี่เอก เพราะเขาอายุมากกว่าผมถึงเจ็ดปี พี่เอกรีบเข้ามาทักผมและเริ่มสนทนาด้วยบทพูดที่แปลกออกไปจากเดิม พี่เอกถามผมว่า "หากเราจะรักใครสักคน จะรู้ได้ยังไงว่าเขารักเราไหม" หรือ " จะผิดมั้ย หากเรารักคนที่มีเจ้าของแล้ว " ผมรู้แล้วว่าเขาคิดยังไงกับผม เพราะไม่งั้นเขาคงไม่ถามผมเช่นนี้ ผมจึงรีบต่อบทโดยการแสร้งทำเป็นไม่รู้ และรีบหาคำตอบเพื่อนำมาใช้หาผลประโยชน์ใส่ตัวในทันที ใครจะปล่อยโอกาสให้ลอยผ่านไปซึ่งๆหน้า
สุดท้ายมาจนถึงวันนี้ เราทั้งสองคนก็ได้กลายมาเป็นคู่รักกันโดยที่ผมไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นไปได้มาก่อน เพื่อนๆต่างพากันสงสัยว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เวลาผ่านมาตอนนี้ก็เกือบจะสามเดือนแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เวลาที่นานเป็นปีๆ แต่เราทั้งสองต่างก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของรักที่เราทั้งสองมีให้ต่อกัน แม้อายุของเราทั้งสองจะห่างกันหลายปี แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการแสดงออกของความรักที่ผมมีต่อเขา
ในที่สุดเขาก็รักผม แผนการรักของผมก็สำเร็จไปตามที่คาดไว้ ไม่รู้เป็นไงมาไง อยู่ๆๆความฝันลมๆแล้งๆก้เกิดขึ้นเป็นความจริงซะงั้น แต่ผมก้ดีใจนะ ที่สุดท้ายผมก็ได้รักเขาอย่างเปิดเผย และได้ความรักจากเขากลับคืนมา ผมจึงอยากเล่าความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขานี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้อ่านและแบ่งปัน รวมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งของความรักของเราสองคน แม้บางท่านอาจคิดว่ารักรักของเรานั้นไม่เหมาะสม แต่ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่เคยมีความรักคงเข้าใจ ว่าความรักไม่เคยมีกฏเกณฑ์ หรือว่าท่านไม่คิดเช่นนั้นครับ?
ผลงานอื่นๆ ของ พฤกษชาติ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ พฤกษชาติ
ความคิดเห็น