Coffee สูตรต้องห้าม (ปฐมบท) - นิยาย Coffee สูตรต้องห้าม (ปฐมบท) : Dek-D.com - Writer
×

Coffee สูตรต้องห้าม (ปฐมบท)

บางสิ่งบางอย่าง เราไม่ควรที่จะต้องรู้ เพราะบางที่สิ่งที่คุณได้พบได้เห็น อาจจะทำให้คุณ ไม่มีโอกาสที่จะได้หายใจ

ผู้เข้าชมรวม

104

ผู้เข้าชมเดือนนี้

3

ผู้เข้าชมรวม


104

ความคิดเห็น


2

คนติดตาม


0
จำนวนตอน : 1 ตอน
อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 56 / 22:45 น.

แท็กนิยาย

กาแฟ สืบสวน

อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

Prologue

     ณ มอเตอร์เวย์แห่งหนึ่ง ยามกลางดึกที่มีแสงไฟสลัวจากเสาไฟในตอนกลางคืนส่องลงมาพื้นถนนให้เห็นเป็นย่อมๆ ซึ่งข้างทางล้อมรอบไปด้วยร้านค้าต่างๆรายล้อม ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านหนังสือ แม้แต่ปั้มน้ำมันก็มี และแน่นอนว่าหากเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวต้องมีน้อย หรือแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติ และคนที่ไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆนั้นแหละ และอย่างที่รู้กัน หากเป็นตอนกลางคืน และยิ่งไม่มีนักท่องเที่ยวอีก บรรยากาศจะเงียบสนิท และวังเวงราวกับเมืองที่ไม่มีคนอยู่ ผิดแผกจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง ถ้าเป็นคุณล่ะก็คุณไม่ทางที่จะกล้าเดินคนเดียวในที่แห่งนี้หรอก

    แต่ตอนนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

    รถโตโยต้าสีแดงคันหนึ่งกำลังวิ่งอยู่บนถนนด้วยความเร็วสูง ราวกับวิ่งหนีอะไรสักอย่างกำลังพุ่งมาทางมอเตอร์เวย์ และด้วยเวลาเป็นช่วงตีสาม ซึ่งประจวบเหมาะกับถนนที่ปราฎจากฝูงรถคนขับรถคันนั้นก็เตรียมจอดรถตรงมอเตอร์เวย์ แต่ด้วยความที่รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจึงทำให้เบรกไม่อยู่ รถจึงเสียหลักไปชนที่กั้นเลนรถจนล้มเป็นแนวตะแคงกระเด็นเกือบถึงฟุตบาท บัดซบ!” ชายสวมโม่งสีดำที่นั่งข้างคนขับพูดพลางพยายามเอาตัวออกจากรถที่พังยับเยิน    “ขับภาษาอะไรว่ะ จิน ขณะที่คนขับสวมโม่งสีขาวตะโกนสวนกลับไปทันที แกเป็นคนบอกให้รีบ ฉันก็เหยียบเต็มสปีดแล้วนะเว้ย แล้วบอกกี่ทีว่าอย่เรียกฉันว่าจิน ให้เรียกว่าไวท์ ไอ้แบล็คแบล็คกระชากคอไวท์แกอยากมีเรื่องหรือไง” “คิดว่ากลัวหรือไงทันใดนั้นเสียงอันน่าเกรงขามก็ดังขึ้น จนทำให้ทั้งคู่ชะงัก พวกแกจะทะเลาะกันอีกนานไหมร่างกายอันบึกบึนสูงใหญ่ ใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีแดงหนาๆ พร้อมทั้งหัวที่สวมโม่งสีแดง ยืนต่อหน้าแบล็คและไวท์ แล้วทั้งสองก็ยืนตรงเรียบร้อยราวกับสุนัขรับใช้ที่เจ้านายเรียกมันให้อยู่เฉยๆ เงาของโม่งแดงได้คลุมเต็มร่างของทั้งสอง เมื่อเทียบกับแบล็คกับไวท์ ที่ผอมแห้ง ใส่เสื้อแขนยาวสีดำและขาวหลวมโพรกล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่าเทียบไม่ติด แสดงให้เห็นชัดว่าคนนี้คือหัวหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย

 ครับ หัวหน้าเรดแบล็คและไวท์ยืนตรงก่อนที่จะพูดอย่างพร้อมเพรียง เตรียมขนของไปให้หมดอย่าเหลือหลักฐานไม่แต่ชิ้นเดียว อย่าให้ตำรวจจับได้เมื่อจบคำพูดของเรด แบล็คและไวท์รีบหยิบกระเป๋าเหล็กที่ล็อกไว้อย่างดีไว้กับตัวคนละสองใบ รวมแล้วมีกันหกใบ ทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายหาที่หลบซ่อนกัน แต่ท้ายที่สุดก็คว้าน้ำเหลว       

ผมไม่เจอครับ” “ฉันก็หาไม่เจอ แล้วไวท์ล่ะ” “คงจะหาเจอแล้วหนีไปแล้วมั้งครับทันใดนั้นไวท์ตะโกนหาเจอแล้วครับ” “ให้มันได้ยังนี้สิ ไม่เสียแรงที่ฉันพาแกจากญี่ปุ่นมาด้วยระหว่างที่เรดชมไวท์ แบล็คได้แต่เคียดแค้นไวท์ที่ได้หน้า เจอร้านกาแฟตรงหัวมุมโน้นครับ ยังเปิดไฟอยู่เลย”         “งั้นเราไปกันเถอะทั้งสามก็วิ่งไปยังหน้าร้านกาแฟแห่งนั้น เมื่อทั้งสามเดินมาถึงก็พบว่าร้านตั้งตรงจุดเดียวกับเสาไฟริมทางส่องตรงหน้าร้านให้ได้เห็นชัดเห็นทั้งสภาพหน้าร้านและในร้านได้ชัดเจนซึ่งหน้าร้านไม่ได้ตกแต่งอะไรเลยนอกจากกำแพงสีกาแฟ แต่ป้ายร้านนั้นอยู่เหนือประตูเป็นจุดอับแสงจึงมองไม่เห็น และแบล็คสังเกตว่าประตูไม่ได้ล็อกจึงเปิดเข้าไป พอเข้าไปในร้าน พวกเขาก็เริ่มสำรวจสิ่งต่างๆภายในร้านที่ตกแต่งด้วย โต๊ะไม้สีขาว เก้าอี้หนังหลากสี เคาน์เตอร์ที่ชงกาแฟให้ลูกค้า และกลิ่นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่โชยออกมาบรรยากาศเหมาะกับคำว่าร้านคาเฟ่ที่เพิ่งเปิดใหม่อย่างสมบูรณ์ หัวหน้าครับตรงนี้แหละแสงที่ผมเห็นไวท์กระชิบพลางชี้ให้เรดเห็นแสงสีส้มอ่อนๆบริเวณหลังร้าน เรดบอกทำท่าให้ทุกคนเงียบ แล้วตามแสงไฟนั้นไปโดยเรดเป็นคนเดินนำจนกระทั่ง เงาของใครบางคนโผล่ออกมา ทั้งสามสะดุ้งพร้อมชักปืนออกมา แกเป็นใคร?หลังจากสิ้นเสียงนั้น มีคนออกมาจากจากหลังร้าน เขายืนตรงหน้าทั้งสามพร้อมโค้งคำนับ มีอะไรกันเหรอครับ?” “หุบปากและอยู่เฉยๆซะ ถ้าแกไม่เชื่อฟังพวกเราล่ะก็แกตาย”แบล็คหยุดเดี๋ยวนี้เรดตะโกนเป็นรอบที่สอง แบล็คทำหน้าไม่พอใจแต่เขาก็หยุดอยู่เฉยๆ อ๋อ คุณคือ แก๊งค์คัลเลอร์ ซินะทั้งสามคนสะดุ้งไปตามๆกันหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา นายเป็นใครทำไมถึงรู้จักพวกเรา” “เดี๋ยวนะคนโม่งขาวชื่อ จิน ส่วนโม่งดำชื่อ กาย แล้วโม่งแดงที่ดูเป็นหวหน้านั้นนะน่าจะชื่อ สิงห์สินะจินและกายชักปืนออกมา แต่สิงห์ยกมือมาปรามเอาไว้

หัวหน้าครับ พวกเราจะ…….” “ใจเย็นๆก่อน ดูท่าทางเค้าจะไม่ใช่คนธรรมดาซะแล้วล่ะ รู้เยอะอย่างนี้ คงจะเคยอยู่เส้นสายเดียวกับเราแล้วล่ะสินะ” “หึ หึชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ ขอบคุณที่ช่วยห้ามลูกน้องของคุณไว้นะครับคุณสิงห์ ไม่งั้นบั้นปลายชีวิตอันล้ำค่าคงจะสิ้นไปกับ ความใจร้อนของคนบางคนจินและกายรู้สึกไม่สบอารมณ์กับผู้ชายคนนี้เลยแต่ทำได้แค่ค้อนสายตาไปที่เขา ผมลืมแนะนำตัวไป ผมเป็นบาริสต้าของร้านนี้ชื่อ ฟาเอลครับ เอ้าถอดชุดบิดบังใบหน้าออกแล้วนั่งลงก่อน เพราะคุณเป็นเหมือนลูกค้าผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณหรอกเดี๋ยวผมชงกาแฟให้ทุกท่านรับประทานทั้งสามคนก็นั่งลงที่โต๊ะที่ใกล้กับเคาน์เตอร์มากที่สุดเพื่อให้เห็นว่าเขาชงอย่างไรบ้าง ฟาเอลเริ่มชงกาแฟอย่างคล่องแคล่วยังกับหุ่นยนต์กำลังชงกาแฟให้ สิงห์ก็เริ่มมองฟาเอลตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเป็นคนผอมสูงปานกลางมีผมสีดำสนิท    ทรงผมของเขาแต่งด้วยเจลต่งผม แล้วหวีผมแสกข้าง แต่งตัวแบบบาริสต้าทั่วไปแต่ใส่ผ้ากันเปื้อนลายชื่อของร้าน ‘Rainbow Cafe’  อายุราวๆสามสิบกว่าๆ หน้าตาของเขาดูท่าทางเป็นคนหน้าตาดีในระดับหนึ่ง แล้วยิ่งแสงไฟจากเสาไฟริมทางส่องเข้ามาในร้านทำให้หน้าตาของเขาดูดีมากในรดับหนึ่ง แต่ว่าไม่ถึงนาทีกาแฟร้อนของเขาก็เสร็จ พร้อมกลิ่นหอมกรุ่น เชิญรับประทานครับ” “ฉันจะเชื่อได้ยังไงว่ามันไม่มีพิษ” “นั่นสิ”       แบล็คและไวท์เสริม ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ผมจะทานให้คุณดูเขายกถ้วยกาแฟดื่มอย่างรวดเร็วจนหมด เสียดายกาแฟรสชาติเยี่ยมไปแล้วแก้วหนึ่งเลยฮ่า ฮ่าสิงห์พูดอย่างสะใจ งั้นเดี๋ยวผมชงมาให้เรื่อยๆนะครับต่อมาทั้งสามต่างก็ดื่มกาแฟของฟาเอลไปเกือบสิบแก้วได้แล้วกาแฟของเขามีหลากหลายสีมาก น่าแปลกนะ ผ่านมาตั้งนานแล้วตำรวจยังไม่เห็นมาเลย” “เฮ้ย! อย่าพูดให้เป็นลางสิ คนเค้ากำลังเอ็นจอยกับกาแฟที่อร่อยที่สุดอยู่นะ” “บางทีเค้าอาจจะยังไม่เจอหรอกครับ บอกแล้วไงคุณเป็นเหมือนลูกค้าผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณหรอก”    ฟาเอลพูดเพื่อให้พวกสิงห์สบายใจก่อนที่จะชงกาแฟแก้วสุดท้ายเสร็จ เอาล่ะ แก้วสุดท้ายแล้วครับ เป็นจุดขายของร้านเราชื่อว่า กาแฟโลหิต Bloody Coffee” ฟาเอลเสิร์ฟถ้วยสีแดงไว้บนโต๊ะ พร้อมช้อนคนกาแฟข้างๆถ้วย ถึงแม้สีของกาแฟจะมีสีตรงตามชื่อว่า สีเลือดแต่ความหอมของกาแฟทำให้ร่างกายของทั้งสามขยับไปหยิบถ้วยกาแฟมาดื่มเองโดยไม่รู้ตัว

สุดยอดจริงๆ นายเนี่ย ฉันว่านายต้องขายดีอย่างแน่นอนสิงห์เอ่ยปากชมไม่หยุด ฟาเอลก็ได้แต่โค้งตัวลง แล้วหยิบกระเป๋าของทั้งสามคนขึ้นมา เฮ้ย! ของๆพวกเรานายจะเอาไปไหนน่ะไวท์ถาม ค่ากาแฟครับ” “เดี๋ยวก่อนสิคุณระหว่างที่สิงห์คว้าไหล่ของฟาเอลไว้ภาพที่เขาเห็นเริ่มพร้ามัว มันเกิดอะไรขึ้นสิงห์เกาะเคาน์เตอร์เอาไว้ และพยายามประคองสติของตัวเองไม่ต้องห่วงครับ ผมไม่ส่งคุณให้ตำรวจหรอก แต่….” “แต่…?” “ผมสนใจของในกระเป๋าพวกนี้ และความสามารถของคุณว่าเป็นคนที่มีความสามารถต่างๆ น่าจะทำอะไรได้อีกเยอะ ส่วนลูกน้องที่น่ารำคาญของคุณน่ะผมไม่ต้องการแล้ว ผมเลยกำจัดไปเรียบร้อยสิงห์รีบพยายามประคองตัวอีกครั้งเพื่อไปหาสองคนนั้น แต่ทั้งสองในตอนนี้กลายเป็นร่างเนื้อไร้วิญญาณเรียบร้อยแล้ว   ไม่นะ! ไอ้จิน ไอ้กาย” “ถ้าคุณทำตัวดีมีประโยชน์ ผมอาจจะบอกสูตรกาแฟนี้ก็ได้นะฟาเอลพูด แกใส่ยาลงไปตอนไหนน่ะ” “ผมคงไม่จำเป็นต้องบอก เพราะว่าคุณก็ใช่วิธีเดียวกับที่ทำกับ บลูยังไงล่ะ” “หรือว่าแกคือ….” “มันสายไปแล้ว ทันใดนั้นร่างกายอันใหญ่โตของสิงห์ก็ล้มลงกับพื้นที ส่วนฟาเอลนั้นยืนดูศพสองศพ กับคนที่หลับไปด้วยของฤทธิ์ยาอีกคนหนึ่ง หึ หึ ขอให้ฝันดีนะครับจากหน้าตาของเขาที่ดูนุ่มนวล ใจเย็น ได้เปลี่ยนไปเมื่อเขายิ้มแสยะ และหัวเราะให้เห็นฟันอย่างชัดเจน จนกลายเป็นปีศาจอำมหิตโดยสิ้นเชิง และเสียงหัวเราะของเขาได้ก้องกังวาลไปทั่วถนนย่านมอเตอร์เวย์ที่เงียบสงัดแห่งนี้ ราวกับว่าความชั่วร้ายกำลังจะครอบคลุมที่นี้แล้ว

 

 

 

 

 

 


อีกด้านหนึ่ง เวลาตีสาม บริเวณด่านคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ มีเสียงเรียกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากด่านนั้นพอดี ยูคาริทางนี้ กระเป๋าพวกเราหยิบมาให้แล้วนะ ครบหมดทุกใบ ยูคาริก็เดินไปหากลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว มิยูกิ ไม่ต้องตะโกนเรียกก็ได้ฉันอายเค้า อีกอย่างฉันก็เพิ่งมาประเทศนี้ครั้งแรกด้วย ฉันก็อยาก…” “ให้ฉันเงียบๆลงบ้างใช่ไหม โอเคค่ะประธานนักเรียนสุดสวยยูคาริโดนย้อนศรเต็ม ขอโทษค่ะ ทุกคนที่ทำให้เสียเวลา ไปหาแท๊กซี่เข้าโรงแรมกันเถอะยูคาริก็เดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นล่างสุดพร้อมกับสัมภาระของเธอ เธอใช้เวลาไปสิบกว่านาทีกว่าจะติดต่อแท๊กซี่ได้ เอ้า! ช่วยกันเอาของขึ้นรถหน่อยเร็ว” “ค่ะ. รอแป๊บหนึ่งนะปิ้ด!!! เสียงสายสะพายกระเป๋าของยูคาริขาดกระทันหัน เอ้า! สายกระเป๋าขาดเหรอ เดี๋ยวกลับไปที่โรงแรมเย็บให้ยูมิพูดพลางพายูคาริขึ้นรถ มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่กระเป๋านี้เพิ่งซื้อใหม่ๆ เพื่อมาเมืองไทยแท้ๆจะขาดได้ยังไง หรือว่ามันเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างยูคาริก็รีบกระเป๋าขึ้นรถไป.

 





 

แต่ขณะเดียวกันตอนตีสาม ในห้องๆหนึ่งซึ่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอยู่ ต่อมาจู่ๆเธอก็ลุกพรวดจากเตียงขึ้นมานั่ง พร้อมเสียงลมหายใจหอบอย่างรุนแรง ฝันร้ายอีกแล้วเหรอเธอลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปยังโต๊ะทั้งในห้องยังมืดอยู่ เธอมองไดอารี่คู่กับสมุดโน้ตและนิยายสยองขวัญที่กองเต็มโต๊ะของเธอ ยัยริญเอ้ย! เก็บไปฝันอีกแล้วถึงฝันร้ายแบบนี้เธอกุมขมับและส่ายหัว เพื่อปลุกสติให้กลับมานี้แหละวิธีของเธอ หลังจากเธอตั้งสติกลับมาได้ เธอเปิดโคมไฟแล้วพลิกกระดาษไปยังหน้ากำหนดการพรุ่งนี้ จะเห็นว่าเธอเขียนอักษรตัวโตๆด้วยไฮไลท์สีชมพูว่า ไปเที่ยวกับญาติ กับมะนาว และไพลิน’ “เอาเถอะ! เราเองต้องเก็บแรงเอาไว้สำหรับพรุ่งนี้ นอนดีกว่าเธอบ่นพึมพำเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟแล้วกลับไปที่เตียง และวางหัวหนุนหมอนจากนั้นเองก็นอนต่อพร้อมกับทิ้งความกังวลใจออกไป.

 


 

 

แม้จะอยู่ช่วงเวลาเดียวกัน แต่สถานที่แตกต่างๆกัน ความรู้สึกอาจจะไม่เหมือนกันทุกคน อย่างตอนเวลาตีสาม บางคน…….


กำลังวุ่นวายกำลังแผนการที่ตนวางไว้

ฟาเอลกำลังขนศพของ จิน และกายใส่ถุงดำ และลากสิงห์ไปขังที่ห้องใต้ดิน


กำลังดิ้นรนหาทางหนี

สิงห์ฝันเห็นฟาเอลกำลังทรมาณเขาอยู่ในห้องที่มืดสนิท ไม่เห็นแม้แต่ตัวเอง


กำลังครุ่นคิด

ยูคาริคิดเรื่องสายกระเป๋าที่ขาดกระทันหัน ว่ามันขาดตอนไหน เมื่อไหร เพราะอะไร ทั้งๆที่ไม่มีใครสามารถตอบคำถามเธอได้ถูกใจเธอสักคน พลางหยิบรูปร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่เขียนภาษาญี่ปุ่นปนอังกฤษทับไว้ด้วยปากกาแดงว่า เป้าหมาย Rainbow Café มอเตอร์เวย์


กำลังฝันถึงอนาคตอันแสนหวาน

ริญกำลังคิดถึงทริปที่เธอใฝ่ฝันอยากไปกับญาติ และเพื่อนๆในวันหยุด ระหว่างนอนอยู่บนเตียง ในขณะนั้นลมในห้องพัดจนไดอารี่เปิดไปหน้ากำหนดการวันพรุ่งนี้ มาร์คด้วยวงกลมสีแดง เป็นรูปร้านกาแฟที่ดูราบเรียบ แต่ภายในดูดีต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง แสงอาทิตย์ส่องมาทางป้ายชัดเจนว่า ‘Rainbow Cafe’.



หารู้ไม่ว่าอนาคตอันใกล้นี้ชะตาได้นำพาพวกเขาสู่คำว่า โศกนาฎกรรม

เพียงเพราะกาแฟถ้วยเดียว.




คุณพร้อมที่จะร่วมผจญภัยไปกับคดีในครั้งนี้แล้วหรือยัง?

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

คำนิยม Top

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

คำนิยมล่าสุด

ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

ความคิดเห็น