ชีวิตที่สองของเทพธิดาผู้สร้างศาสตราวุธ
นางคือสตรีที่รักในการสร้างศาสตราวุธ หวังสังหารข้าให้พ้นทางหรือ? แม้แต่สวรรค์ก็อยู่ข้างข้า ไม่ยอมให้ข้าตายจากไปพร้อมกับความอยุติธรรมที่สุมอยู่ในอก กลับมาครานี้ข้าจะกระชากหน้ากากจอมปลอมของพวกเจ้าให้สิ้น
ผู้เข้าชมรวม
5,961
ผู้เข้าชมเดือนนี้
23
ผู้เข้าชมรวม
จีนโบราณ เกิดใหม่ ย้อนยุค ความรัก นิยายจีน แฟนตาซี คลั่งรัก แก้แค้น ประลอง สร้างศาสตราวุธ ปรุงโอสถ นิยายรัก
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตัวละคร
ฮุ่ยหลิงซือ/ฮุ่ยหนิงเฟิ่ง
ฉินเทียนหลง
เหวินเหยียนหมิ่น
ซ่งเข่อหยิน
ซ่งชินหราน
***********************
ตัวอย่างอ่าน
การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว!
เหวินหลวนคุนก้าวประชิดติดขอบลานประลอง ซ่งชินหรานใบหน้าผ่อนคลาย รอยยิ้มงามแต่งแต้มอยู่ที่มุมปาก มือขาวผ่องข้างหนึ่งจับพู่กัน อีกข้างจับแขนเสื้อท่าทางคล่องแคล่วชำนาญ นางจุ่มหมึกสลับเขียนภาพลงบนกระดาษสำหรับเขียนแบบด้วยความประณีตบรรจง เพียงไม่นานก็คืบหน้าไปหลายส่วน
หันมองอีกทางฮุ่ยหนิงเฟิ่งยังคงนั่งหลับตานิ่งไม่ไหวติง หรือว่านางจะยอมแพ้ไปแล้ว? หากเป็นเช่นนั้นจริงนางก็ไม่ควรค่าให้ใส่ใจ
"นั่นนางกำลังทำสิ่งใด"
ผู้คนที่รอชมเรื่องสนุกโดยรอบต่างตั้งตารอคอยผลการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น พวกเขาคาดหวังจะได้เห็นการมุ่งมั่นออกแบบศาสตราวุธด้วยพลังที่มีทั้งหมดดังเช่นคุณหนูตระกูลซ่ง แต่ภาพสตรีผู้ออกปากท้าทายกลับตรงกันข้ามกับที่พวกเขาคิด นางนั่งหลับตาพริ้มราวกับว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว
"นางอาจกำลังสร้างสมาธิ"
"เป็นไปได้"
"มิใช่ไม่รู้ว่าอุปกรณ์ใช้งานอย่างไรหรอกนะ"
แน่นอนว่ามีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ เมื่อมีคนกล่าวขึ้นมาก่อนก็มีคนตาม ยิ่งมายิ่งเยาะเย้ยถากถางกันสนุกสนาน ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาไม่ไว้หน้าผู้ใด
ซ่งชินหรานเหยียดยิ้มปรายตามองสตรีที่กล้าท้าทายนางในใจรู้สึกขบขันที่นางทำเป็นสงบนิ่ง ความจริงคงร้อนรนไม่เป็นสุขปานมดบนกะทะร้อน นางหันมองดูก้านธูปเวลาเดินมาจวนจะถึงครึ่งทาง เหร่ตามองคนที่นั่งนิ่งอีกครั้งเมื่อไม่เห็นนางขยับซ่งชินหรานก็หันกลับไปเขียนแบบของตนเองต่อ
แม้ว่าจะไม่เคยออกแบบศาตราวุธมาก่อน แต่นางก็สัมผัสอาวุธมาบ้าง ทั้งยังอ่านตำรามาพอสมควร เพียงแค่คัดลอกแต่ละส่วนออกมา ผสมกันสักสองสามอย่าง ก็ไม่มีผู้ใดรู้แล้วว่านางเลียนแบบดาบกระบี่เล่มใด
ส่วนสตรีชนบทผู้นั้นนางไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจ คิดถึงเรื่องราวหลังประกาศผล นางจะได้รังแกคนสมใจก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก มือที่เขียนภาพอยู่ก็ไหลลื่นขึ้นเป็นกอง
ในขณะที่ซ่งชินหรานกำลังขะมักเขม้นในการเก็บรายละเอียด ฮุ่ยหนิงเฟิ่งก็เริ่มลงมือ นางบรรจงร่างภาพตามแบบในหัวอย่างตั้งใจ แม้ว่าจะรีบเร่งแต่ลายเส้นก็สม่ำเสมองดงาม ก่อนที่เสียงฆ้องจะดังขึ้นนางก็เก็บรายละเอียดเสร็จเรียบร้อย
ซ่งชินหรานขยับเยื้องย่างด้วยท่าทางนางพญามุ่งตรงไปยังผู้จัดการประลอง นางกวาดตามองเขาเล็กน้อยพบว่าเป็นคนตระกูลซ่งเช่นกัน หากแต่เป็นเพียงเด็กจากตระกูลสาขาที่คนในตระกูลไม่ใส่ใจว่าจะเข้าเรียนที่สำนักศึกษาตระกูลซ่งหรือไม่
ซ่งรุ่ยอวี้อึดอัดใจกับสายตาดูแคลนของญาติผู้พี่แต่ก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองให้เรียบร้อย เพราะเจ้าตำหนักรวมทั้งอาจารย์จากตำหนักศาสตรายังนั่งมองอยู่ข้างหลัง เขาส่งกระดาษของซ่งชินหรานให้กับศาสตราวิญญาณ มันกลืนเข้าไปทั้งหมดก่อนที่ฐานวงกลมจะกระจายคลื่นพลังออกมาจนผู้คนรับรู้ได้
ด้ามจับกระบี่ค่อยๆ ก่อเกิด ก่อนที่คมกระบี่จะไล่เรียงขึ้นไปตามแบบที่ซ่งชินหรานได้ออกแบบไว้อย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกระบี่ที่เจิดจรัสอยู่กลางอากาศ มันหมุนวนเผยรูปโฉมที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผู้คนโดยรอบจ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกค้าง
สมแล้วที่นางเป็นถึงคุณหนูตระกูลซ่ง ตระกูลที่เป็นรองเพียงตระกูลฮุ่ยเท่านั้น!
กระบี่ของซ่งชินหรานเงางามจนคล้ายจะสะท้อนใบหน้าคนออกมาได้ รูปร่างบอบบางเพรียวงามดังหญิงสาวผู้น่าทะนุถนอม หากแต่นางกลับแข็งกร้าวและสง่างามอยู่ในที อัญมณีสีแดงเลือดที่ประดับอยู่คู่กันทำให้เกิดความรู้สึกหรูหราฟุ่มเฟือย เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นศาตราวุธของเหล่าสตรีตระกูลใหญ่ หรือจอมยุทธหญิงที่เก่งกาจในยุทธภพ
ฮุ่ยกุ้ยหรงหรือเจ้าตำหนักศาสตรา เป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ควบคุมหนึ่งตำหนักในสำนักศึกษาตระกูลฮุ่ย ตำหนักศาสตรา แม้ภายในจะมีคลื่นใต้น้ำเพียงใดแต่นางก็สามารถยืนหยัดจนมาถึงตอนนี้ได้ บ่งบอกถึงความสามารถในการจัดการของนาง
เมื่อครู่นางเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามการกระทำหยามหมิ่นของซ่งชินหรานที่นางเข้ามาก่อกวนการประลอง เพราะนางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าผู้เยาว์ตระกูลซ่งที่กล้าโอ้อวดต่อหน้าเจ้าตำหนักสำนักศึกษาตระกูลฮุ่ยจะมีฝีมือถึงขั้นใด
แม้ว่าซ่งชินหรานจะทำตัวไม่น่ารัก แต่ดวงตาโค้งดังดวงจันทร์ของเจ้าตำหนักศาสตราก็มองดูกระบี่ของนางด้วยความประทับใจ
การต่อยอดจากศาสตราวุธที่มีมาก่อนย่อมสามารถทำได้ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดทำนักก็ตาม เพราะผู้สร้างศาสตราวุธถือในเรื่องของการให้เกียรติแก่ผู้สร้างด้วยกันและยังมีศักดิ์ศรีของตนเอง
แต่ซ่งชินหรานไม่ใช่ผู้สร้างศาสตราวุธ นางย่อมไม่ถือสา และที่สำคัญก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว
ซ่งรุ่ยอวี้เห็นเจ้าตำหนักผงกศีรษะก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้ดีว่าแม้ใบหน้าของผู้อาวุโสฮุ่ยกุ้ยหรงจะยิ้มแย้มแต่นางก็สามารถสั่งลงโทษคนด้วยใบหน้าเช่นนี้ได้เช่นกัน เห็นซ่งชินหรานยืดอกด้วยความภูมิใจแล้วเขาได้แต่ส่ายศีรษะ หากผลงานชิ้นนี้ของญาติผู้พี่เละเทะเกรงว่าเจ้าตำหนักคงไม่ไว้หน้าตระกูลซ่ง
"คุณหนูเชิญอธิบาย"
ซ่งชินหรานไม่ได้สนใจผู้คนที่มุงดู นางมองตรงไปยังผู้อาวุโสทั้งสามท่านที่อยู่บนแท่นยกสูง ทั้งลอบคาดเดาในใจว่าหนึ่งในนั้นจะต้องเป็นเจ้าตำหนักที่ร่ำลืออย่างแน่นอน
"กระบี่เล่มนี้ข้าออกแบบขึ้นมาด้วยตนเอง วัตถุดิบที่ใช้ล้วนเป็นของล้ำค่า" ซ่งชินหรานอธิบายถึงที่มาของแนวคิดและวัตถุดิบที่ต้องใช้อย่างมั่นใจ กระบี่ของนางจะต้องหรูหราและสร้างจากวัตถุดิบที่ล้ำค่าเท่านั้น
"ผลึกที่ฝังอยู่บนกระบี่เป็นอัญมณีที่ได้จากสัตว์อสูร มันจะส่งพลังเสริมให้กับกระบี่และผู้ใช้ให้สามารถใช้ออกได้อย่างไม่ติดขัด" อัญมณีที่ได้จากสัตว์อสูรเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าผลึกอสูร ผู้ใช้พลังปราณสามารถดูดซับพลังจากมันได้ ทั้งยังสามารถนำมาปรับแต่งอาวุธยุทธภัณฑ์ต่างๆ ได้อีกด้วย เรื่องราวเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจของผู้คนในอดีต แต่ตอนนี้ผู้ทรงความรู้อย่างนางเท่านั้นจึงจะรู้ ซ่งชินหรานปรายตามองคู่ต่อสู้ก่อนจะเหยียดยิ้ม ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น เกรงว่าแค่เพียงตำรานางคงไม่เคยสัมผัส
"แม่นางซ่งชินหรานช่างมีความคิดยอดเยี่ยม" ได้ยินคำชมปลายคางของนางก็เชิดขึ้นเล็กน้อย
"แต่อาวุโสมีข้อคำถาม ขอถามแม่นางว่าท่านจะสามารถหาผลึกอสูรได้จากที่ใด" แม้ว่าแผ่นดินผานกู่ในอดีตจะมีสัตว์อสูรมากมาย แต่เมื่อถูกมนุษย์ล่าผลึกอสูรมาใช้ดึงดูดพลังปราณ กระทั่งใช้ตกแต่งอาวุธยุทธภัณฑ์พวกมันจึงสูญหายไปหมดสิ้น ไม่มีผู้ใดพบเห็นมากว่าร้อยปี ส่วนผลึกอสูรที่หลงเหลืออยู่ก็กลายเป็นของล้ำค่าของแต่ละแคว้นไป
ซ่งชินหรานคนนี้ผสมผสานอาวุธโบราณที่มีเพียงในตำราออกมา แล้วยังกล่าวอ้างว่าคิดเองทั้งหมด นางไม่คิดสักหน่อยหรือว่าอาจารย์ในสำนักศึกษาตระกูลฮุ่ยอย่างพวกเขาจะไม่ผ่านตามาบ้าง ฮุ่ยจี้เหรินเป็นบุรุษร่างใหญ่โตนั่งอยู่ข้างเจ้าตำหนักศาสตราเอ่ยถามขึ้นด้วยความคับข้องใจ
"นั่นมันก็......" ซ่งชินหรานอึกอัก หันมองพี่ชายตนเองด้วยความคาดหวัง แต่ซ่งเจียเล่อก็ไม่สามารถให้คำตอบนางได้เช่นกัน
"ยังมีแร่ที่แม่นางใช้มันคือสิ่งใด จึงสามารถทำให้ตัวกระบี่เงาวับปรากฏภาพสะท้อนได้ดังเช่นผิวน้ำ"
คำถามข้อนี้นางก็ตอบไม่ได้ ซ่งชินหรานกัดริมฝีปากด้วยความขัดใจ ดูเหมือนชายแก่อัปลักษณ์สองคนนี้กำลังรวมหัวกันกลั่นแกล้งนาง
"แม่นางซ่งชินหราน การจะสร้างศาสตราวุธของท่านออกมาได้ผู้สร้างศาสตราวุธจำต้องรู้จักวัตถุดิบ ทั้งวัตถุดิบเหล่านั้นยังต้องหาได้ในปัจจุบัน แม้ว่าอาวุธของท่านจะก้าวล้ำเกินกว่าศาสตราวุธในปัจจุบัน แต่การออกแบบของท่านก็นับได้ว่าสร้างสรรค์ออกมางดงาม ทรงพลังและไร้ที่ติ" ฮุ่ยกุ้ยหรงปล่อยให้อาจารย์ในสำนักสั่งสอนเด็กสาว ก่อนที่นางจะกล่าวขึ้นบ้างเพื่อไม่ให้เกิดข้อหมางใจเล็กๆ น้อยๆ ต่อกัน
"เชิญแม่นางหลิงซือ" ซ่งรุ่ยอวี้เห็นเรื่องราวสงบลงจึงหันไปหาเด็กสาวที่ยืนอยู่อย่างสงบบ้าง เห็นนางใช้เวลาวาดเพียงครึ่งชั่วยามเขาย่อมไม่คาดหวังสิ่งใด เมื่อได้รับกระดาษซ่งรุ่ยอวี้จึงส่งให้ศาสตราวิญญาณกลืนกินทันที ไม่ได้เหลือบตามองแม้แต่น้อย
ซ่งชินหรานมองดูแท่งเหล็กที่มีลักษณะคล้ายปิ่นถูกสร้างขึ้นอย่างช้าๆ ช้ายิ่งกว่าของนางถึงเท่าตัว ตรงปลายของปิ่นประดับด้วยดอกไม้ปราณ มันยังส่งดอกไม้ออกมาโปรยปรายอีกด้วย ผู้คนที่ตั้งตารอคอยต่างอ้าปากค้าง ตกตะลึงในความประหลาด
ปิ่นปักผม คือศาสตราวุธหรือ?
ผลงานอื่นๆ ของ เสี่ยวฮว๋า ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เสี่ยวฮว๋า
ความคิดเห็น