จวกเละ...การศึกษาไทย - จวกเละ...การศึกษาไทย นิยาย จวกเละ...การศึกษาไทย : Dek-D.com - Writer

    จวกเละ...การศึกษาไทย

    โดย lemijung

    มุมมองของเด็กเตรียมแอดมิชชั่นคนหนึ่งที่มีต่อระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทย

    ผู้เข้าชมรวม

    2,279

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    2.27K

    ความคิดเห็น


    51

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 มิ.ย. 50 / 22:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในบทความนี้ผมจะขอวิเคราะห์วิจารณ์การศึกษาของไทยในมุมมองของผมทีละระดับไล่เรียงขึ้นไปละกันนะครับ


      อนุบาล

      ลองคิดถึงตอนที่พวกเราอยู่อนุบาลกันสิครับ คุณครูของพวกเราสอนอะไรบ้าง วาดรูป,เขียนเส้น,ท่อง กขค,ท่อง 1-10,ท่อง A-Z ผมอยากถามจริงๆ เลยครับว่ามันจะช่วยอะไรให้หัวสมองของเด็กเกิดการคิดอย่างสร้างสรรค์บ้างครับ ทำไมเราไม่ให้เด็กอนุบาลแสดงความเห็นมากกว่านี้ล่ะครับ

      และเพราะการศึกษาของไทยที่ย่ำแย่มาตั้งแต่ระดับอนุบาลส่งผลที่เสียหายที่สุดต่อเด็กไทยก็คือ

      1.พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น
      เพราะอนุบาลสอนแค่ท่อง ABC บางโรงเรียนก็ดีหน่อยแต่ก็สอนแค่คำศัพท์ง่ายๆ ทำไมพวกเราไม่ให้เด็กของเราหัด Speaking ตั้งแต่เล็กหละครับ ทางออกง่ายๆ ทำไมถึงไม่คิดกัน

      2.ความคิดไม่ออกนอกกรอบ
      ลองคิดดูสิครับว่าการศึกษาของเด็กอนุบาลนั้นไม่ได้ทำให้เด็กคิดนอกกรอบเลย อาจจะมีบ้างอย่างวิชาศิลปะ แต่ไม่คิดกันบ้างหรอครับว่ามันน้อยเกินไปหน่อย อันนี้ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงเหมือนกัน แต่พวกท่านก็คงจะคิดหาหนทางแก้กันได้แหละครับ หวังว่าคงจะไม่เกินความสามารถของพวกท่านนะขอรับ

      จะเห็นว่าอนุบาลเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด แต่รัฐบาลกลับละเลย และไปทุ่มเทให้กับการศึกษาในระดับชั้นที่สูงกว่า และมันก็เกิดปัญหาขึ้นมาอีก ซึ่งผมจะได้กล่าวต่อไป ส่วนหนทางจะแก้ปัญหาในการศึกษาระดับนี้ก็เริ่มจากการทำให้มันเป็นการศึกษาภาคบังคับก่อน แล้วจึงปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้นทีละระดับ สำหรับคนยากจนก็ควรให้ทุนสนับสนุนพวกเขามากกว่านี้ครับ


      ประถมศึกษา

      อย่างที่กล่าวในส่วนอนุบาลว่ารัฐบาลไทยให้การสนับสนุนการศึกษาระดับประถมมากกว่าอนุบาล แต่ก็ดูเหมือนมันจะยังไร้ซึ่งประสิทธิภาพอยู่ดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนะครับ แต่การศึกษาในระดับนี้หลังจากเปลี่ยนแปลงเป็นหลักสูตรใหม่แล้วก็ทำให้เด็กไทยต้องมีภาระหนักอึ้งตั้งแต่เล็ก ทั้งเด็กต้องเขียนรายงานเป็นตั้งแต่ป.2 ต้องเขียนบทความเป็นตั้งแต่ป.1 และการบ้านรวมทั้งรายงานในรูปแบบแปลกๆ อีกมากมาย ซึ่งก็เวียนหัวถึงผู้ปกครองต้องไปหาครูกวดวิชาตั้งแต่เล็ก เพราะว่าลูกไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับบทเรียน แต่ต้องทุ่มเทให้กับงานที่คุณครูที่โรงเรียนสั่งให้ทำ ลองคิดถึงถ้าตัวคุณเป็นพวกเขาสิครับ ป.1 คุณเขียนบทความเป็นหรือยัง หนักไปหรือเปล่าครับ ส่วนการแก้ปัญหาในระดับนี้ ผมคิดว่าควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญและคุณครูผู้มีความรู้ทั้งหลายมาปรึกษากัน และปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับระดับอนุบาล และระดับมัธยมที่ผมกำลังจะกล่าวถึงถัดไป


      มัธยมศึกษา

      คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากหรอกครับ เพราะปัญหาของการศึกษาระดับนี้เป็นข่าวออกจะบ่อย เริ่มตั้งแต่การรับนักเรียนเข้าม.1 เนื้อหาการเรียนการสอนที่จัดระบบได้น่างงงวยเกินกว่าปกติชนจะเข้าใจ เรื่อยไปจนถึงระบบการเข้ามหาวิทยาลัย เอาล่ะครับ ผมจะขอแจกแจงเล็กน้อยละกัน

      เริ่มจากการรับนักเรียนเข้าม.1 ทำไมเหล่าพ่อแม่ต้องลำบากยากเข็ญเพื่อหาที่เรียนให้ลูกอย่างยากลำบากด้วยหละครับ แน่นอน เพราะมาตรฐานโรงเรียนที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว นั่นแหละครับเรื่องแรกที่ต้องจัดการ ซึ่งผมก็ไม่อาจระบุวิธีแก้ไขได้เช่นกัน แต่ประเด็นรองที่สามารถแก้ไขก็คือ การจับฉลากเข้าเรียนในสถานศึกษาต่างๆ ผมถามจริงๆ เถอะครับ ใครคิดไอ้ระบบนี้ขึ้นมา ไม่รู้จะคิดขึ้นมาเพื่ออะไร ผมบอกตรงๆ นะ ยกเลิกเถอะครับ กราบเลย มันไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลยในการรับนักเรียน ผมคิดว่านะ การเส้นเข้าโรงเรียนยังฟังดูมีเหตุผลกว่า (ความจริงมันก็ไม่ถูกนักหรอกครับ...หามาตรการป้องกันด้วยก็ดี) คุณคิดอะไรอยู่เอาเรื่องโชคชะตามาล้อเล่นกับการศึกษาหรอครับ น่าขันสิ้นดี ปัญหาก็แก้ไม่ยากหรอกครับ ยกเลิกซะ แล้วให้สอบเข้าทั้งหมดเลย (แฟร์มากๆๆ)

      ปัญหาต่อมา ก็คือเนื้อหาที่ให้เด็กเรียน ผมถามจริงเถอะครับ คุณจัดเนื้อหาอะไรมาให้ผมเรียน ผมก็ยังงงๆ อยู่ โดยเฉพาะเนื้อหาของม.ปลายแล้วก็ยิ่งงง คุณบ้าหรือเปล่าที่แทบไม่ใส่เนื้อหาอะไรให้แก่เด็กสายศิลป์เลย จะให้พวกเค้ามาเรียนทำไม แล้วยิ่งเด็กสายวิทย์พวกคุณก็อัดเค้าซะน่วม ถามจิงเถ๊อะ ไอ้ที่สอนๆ เค้าไปน่ะ เค้าได้ใช้หมดทุกอย่างหรอ จำเป็นต้องรู้ด้วยหรอบางเรื่องน่ะ แล้วไอ้บางเรื่องที่สายศิลป์ควรจะรู้ก็ไม่ให้พวกเขารู้ อย่างงี้มันปิดกั้นหรือเปล่าครับ ลองคิดดูสิครับ อีกปัญหาใหญ่ที่ตามมาของเด็กสองสายนี้ในไทยก็คือความต่างของระดับการเรียน พวกคุณก็ลองไตร่ตรองกันดูเถิดครับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคิดได้ไง ที่ต่างประเทศเด็กศิลป์ และเด็กวิทย์เขาเก่งเกือบเท่าเทียมกัน ลดหลั่นกันก็เล็กน้อย ส่วนการแก้ปัญหาก็คงไม่ยากหรอกครับ แค่ขอให้ผู้ใหญ่เอาใจใส่เด็ก มาช่วยกันนั่งคิดเพื่อจัดทำหลักสูตรที่ดีกว่านี้

      ปัญหาท้ายสุด และเป็นข่าวมากที่สุด คงไม่พ้นการรับนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย ระบบเก่ากับระบบใหม่ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป แต่ผมคิดว่านะระบบใหม่กำลังนำทางพวกเราไปสู่หนทางที่ดีกว่า แต่ปัญหาการรับนักเรียนเข้าก็คือ การที่ภาระอันหนักหน่วงสุดๆ ต้องตกกับเด็ก ทำไมต้องเครียดขนาดนั้นเลยหละครับ ทำไมไม่แก้ที่การศึกษาในระดับพื้นฐานก่อน ทำไมไม่ทำให้ทุกโรงเรียนดีเท่ากัน ทำไมล่ะครับ ลองทำดูสิครับ รับรองปัญหาสุดท้ายนี้จะไม่เกิดขึ้นหรอกครับ


      สรุป!!! : การศึกษาไทยต้องแก้แต่พื้นฐานครับ อย่าวัวหายล้อมคอกมาแก้ที่ปลายเหตุ




      ถึงความคิดของผมจะเป็นแค่ความคิดของเด็กคนนึง แต่ผมก็หวังว่าจะมีผู้ใหญ่ใจดีผ่านมาเห็น และเข้าใจในหัวอกของเด็กไทยบ้างนะครับ....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×