รัก 'แท้'
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม วันไหนก็ตามที่เราได้มีความรัก วันนั้นโลกของเราก็มักจะสดใส แต่หากวันใดโลกที่เคยสดใสกลับกลายเป็นโลกที่หมองหม่น แล้วเราจะหา รักแท้ จากไหนล่ะ....
ผู้เข้าชมรวม
1,373
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
"ความรักเป็นสิ่งสวยงาม วันไหนก็ตามที่เราได้มีความรัก วันนั้นโลกของเราก็มักจะสดใส หากเราได้พบเจอรักแท้แล้ว โลกก็คงจะสดใสทุกวัน คนเราจึงพยายามเสาะแสวงหาความรักให้กับตนเอง เมื่อคนเราพบกับความรักแล้ว เขาก็จะพยายามทะนุถนอมมันไว้ให้ดีที่สุด แต่หากวันใดที่ความรักที่เขาเฝ้าทะนุถนอมนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน โลกที่เคยสดใสกลับกลายเป็นโลกที่หมองหม่น จากคนที่เคยรักกันก็กลายเป็นไม่รักกัน แล้วเราจะหา "รักแท้" จากไหนล่ะ......"
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"มะนาว....เธอสอบได้ประเทศรัสเซียน่ะ"
เสียงของอาจารย์เพ็ญศรีพูดอย่างปลื้มปิติกับลูกศิษย์ ตัวผมเองถึงกับประหลาดใจ ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผมจะสอบติดทุนนี้ แถมผมยังสอบติดตัวจริงอีกเสียด้วย ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมาก รัสเซียมันมีอะไรดีนะ ความจริงผมก็ยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทำไมผมถึงได้อยากไปรัสเซียนัก
ห้องเรียนไม้เก่าๆ แต่ติดแอร์ถึงสี่ตัวห้องนี้ที่ผมนั่งอยู่เป็นห้องของนักเรียนความสามารถพิเศษด้านภาษาอังกฤษชั้นม. 5 ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษค่อนข้างเก่งครับ ผมจึงสอบติดทุนนี้ได้โดยไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนคนไทยคนอื่นๆ ครับ ถึงผมจะไม่คาดคิดว่าจะติดก็ตามทีเถอะครับ
เสียงดังของเพื่อนในห้องเรียนไม้เก่าๆ ที่ต่างดีใจกับเพื่อนๆ ของตนแต่ละคนที่สอบติดทุนนี้ บางคนก็ได้ไปที่อเมริกา บางคนก็ได้ไปประเทศแถบยุโรป บางคนถึงจะไม่ได้ติดตัวจริง แต่ก็ยังติดตัวสำรองอันดับต้นๆ กัน
"ว่าไงหนุ่มรัสเซีย"
เสียงของแพรวเพื่อนสาวหน้ากลมเดินเข้ามาพูดกับผมที่นั่งอยู่ท้ายห้องคนเดียว ผมหัวเราะร่วนในทันที ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบ
"ยังเป็นหนุ่มไทยอยู่น่ะครับ... คือเราก็ต้องไปถามพ่อกะแม่ก่อน พ่อกับแม่เราอาจจะไม่ให้ไปก็ได้มั้ง"
แพรวยังคงยืนยิ้มหน้ากลมอยู่เหมือนเดิม เป็นจังหวะพอดีที่จูนเดินก้าวช้าๆ เข้ามาหาพวกเราสองคน
"Hi Russian boy! I would like to say
..congratulation with you."
"........................"
เธอพูดแบบเน้นเสียงสูงเล่นสำเนียงกับผม นั่นทำให้ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้กับจูน
จูนเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่จัดได้ว่ายังอ่อนต่อโลกมาก ผิวของเธอสีขาว รูปร่างเล็ก และผอมบาง ผมของเธอสีดำขลับ ใบหน้าของเธอเล็กๆ ดูน่ารักแบบเด็กๆ ผมมักจะเรียกเธอว่า "แม่" นั่นก็เป็นเพราะเธอชอบเล่นพ่อแม่ลูกกับคนอื่นซึ่งรวมถึงผมด้วย ติ๊งต๊องจริงๆ เลย ว่าไหมครับ? ใช่แล้วครับ! ที่ผมตกใจตอนเธอเดินเข้ามาหาผมนั้นก็เพราะว่าตอนนี้หัวใจของผมเริ่มรู้สึกว่าแอบชอบแม่สาวติ๊งต๊องคนนี้ซะแล้ว ให้ตายเถอะครับ ก็ความติ๊งต๊องของเธอมันช่างเย้ายวนนี่นา
สำหรับแพรวนั้นเธอจัดได้ว่าเป็นคนที่สวยเอาเรื่องเลยทีเดียว ใบหน้าของเธอกลมดิ๊ก ดวงตาของเธอก็กลมโต ผิวของเธอก็ขาว แต่ก็ยังแพ้จูน รูปร่างของเธอนั้นผอมเพรียวมากครับ แถมเธอยังเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีอีกครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่คิดจะชอบเธอเลย ก็คงเป็นเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของผมที่ผมจะพูดอะไรกับเธอก็ได้แทบทุกๆ เรื่อง
เกือบลืมไปเลยครับ ผมชื่อ "ปัน" ครับ แต่ด้วยความเปรี้ยวซ่าฮาไม่ติดเบรกของผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าผมไปเปรี้ยวตอนไหน ดังนั้นด้วยเหตุนี้ผมจึงมีชื่อว่า "มะนาว" ไปโดยปริยาย ไม่มีใครที่เรียกผมว่าปันเลย คิดแล้วก็เศร้านะครับ เพราะชื่อของผมกลายเป็นมะนาวไปซะอย่างนั้น
ถ้ากล่าวถึงหน้าตาของผมแล้วก็คงจะไม่ควรคู่กับเพื่อนสาวทั้งสองคนของผมหรอกครับ ถ้าจะให้อธิบายถึงหน้าตาของผม ผมก็คงจะอธิบายไม่ค่อยถูกหรอกครับ เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ผู้ชายในกลุ่มของผมเขาบอกว่าหน้าตาของผมดูคล้ายกับพี่สอง พาราด็อกซ์ อย่างไรอย่างนั้น อนึ่งก็คงเป็นเพราะว่าผมใส่แว่นตาที่ไม่ค่อยเข้ากับหน้าเท่าไรนัก และหน้าตาของผมมันก็ช่างเย้ายวนกวนอวัยวะเบื้องล่างเหมือนพี่สองไม่มีผิด
".....อย่าไปเลยไอ้ปัน ตอนแรกแม่ก็อยากให้แกไปอยู่หรอกนะ แต่ว่าพอแม่ได้คุยกับอากงแกแล้ว อากงของแกบอกว่า เค้าไม่ให้แกไป เพราะรัสเซียมันเป็นประเทศคอมมิวนิสต์น่ะ"
แม่เอ่ยกับผมหลังจากที่ผมไปบอกกับแม่ได้สองวัน ความจริงทุกคนก็คงจะรู้ๆ กันอยู่ว่ารัสเซียไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว แต่ก็เอาเถอะครับ ความเป็นจริงก็คงเป็นเพราะแม่ของผมนั่นแหละที่เป็นห่วงผมมากกว่า แม่จึงไม่อยากให้ผมไป ทำให้ผลสรุปก็คือผมอดไปรัสเซียนั่นเอง คิดๆไปก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะจะได้อยู่เมืองไทยเพื่อตามจีบจูนน้อยๆ ของผมต่อไป
ด้วยความที่จูนเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมจึงรู้สึกลำบากใจที่จะตามจีบเธออย่างเป็นที่สุด จูนนะจูน ทำไมเธอต้องมาสนิทกับมะนาวด้วยนะก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างทำไมเธอต้องหน้าตาน่ารักด้วยนะจูน แต่ก็เอาเหอะครับ ถ้าผมค่อยๆ ตามจีบเธอไปเรื่อยๆ มันก็ต้องมีหวังบ้างแหละ จริงไหมครับ
"แพรว....แกว่าเราควรจะทำยังไงดี"
"แกจะเอาจริงหรอ.....นาว
.จูนมันเป็นเพื่อนนะ"
แพรวถามผมกลับ
"ไม่รู้สินะ"
ผมตอบเธอแล้วก็ถอนหายใจ ผมระบายความในใจให้แพรวฟังแล้วฟังอีกนับได้เป็นล้านๆ รอบแล้ว ผมไม่รู้ว่าแพรวมันจะรำคาญผมบ้างหรือเปล่า แต่ก็เอาเหอะครับ.....ช่างหัวมันเนอะๆ
และแล้ววันหนึ่ง ก็ดูเหมือนกับว่าโชคชะตาความรักของผมมันจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อของเธอคือ "ริน" เธอเป็นสาวน้อยที่ดูเรียบร้อยมากๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดผมได้อย่างจัง ก็คือแก้มของเธอ ก็แก้มของเธอมันช่างป่อง มันช่างน่าหยิกเหลือเกินนี่ครับ คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักน่าหยิกจริงๆ
"แพรว แกว่าน่ารักป่าวว้า"
"คนไหนวะแก...มะนาว"
ยายหน้ากลมถาม
"ก็คนนั้นไงแก คนนั้นน่ะ ที่แก้มป่องๆ อ่ะ"
ผมพยายามชี้ให้แพรวมันดูสาวน้อยคนที่ผมหมายปองที่นั่งอยู่กันคนละฝั่งของโรงอาหาร
"อ๋ออ...เห็นแล้วเว้ยแก"
"เป็นไงบ้างล่ะ"
ผมรีบถามแพรวด้วยความอยากรู้
"ก็น่ารักดีนี่หว่า....แต่เดี๋ยวก่อนสินะ แกชอบจูนอยู่ไม่ใช่หรอ ทำยังงี้เค้าเรียกหน้าม่อนะเฟ้ย"
"เออน่า.... แล้วเราจะเลือกเอง ไม่จีบพร้อมกันหรอกน่า.....ไอ่หน้ากลม"
ผมพูดล้อเล่นกับแพรว
"ใครหน้ากลมไม่ทราบยะ"
"ก้อแกไง
แพรว"
จริงๆ แล้วถ้าไอ้แพรวมันไม่พูดขึ้นมาผมก็คงจะลืมนึกไปเลยสินะว่าผมกำลังจะจีบจูนอยู่แท้ๆ ทีเดียวเชียว แล้วก็ดันไปถูกใจรินเข้าซะอีก เอาไงดีล่ะมะนาว จูนหรือรินดีล่ะ เอาไงเอากันวะ เลือกจูนเลย ไม่สิ รินดีกว่า ไม่สิจูน รินน โอย! ปวดหัวเลย งั้นไม่คิดมากแล้ว เอาคนนี้เลยแล้วกัน
..
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนผมก็ได้เป็นแฟนกับริน เธอเป็นคนที่มีความสนุกสนานเฮฮากว่าที่ผมคิดไว้แยะเลย ผมนึกว่าเธอจะเป็นเจ้าหญิงเรียบร้อยของผมซะอีก
ตอนแรกผมก็ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมาชอบคนอย่างผม ใครจะไปคิดล่ะครับ จริงไหมครับ หน้าตาก็หล่อซะขนาดพี่สอง พาราด็อกซ์ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งสงสัย
วันหนึ่งผมเกิดอาการสงสัยอยากรู้มากๆ ขึ้นมาก็เลยอยากจะให้เธอเกาอย่างด่วนที่สุด ผมจึงถามเธอไปเลยครับ
"ทำไมรินถึงยอมคบกับคนอย่างเราล่ะ"
เธอก็ตอบโดยทันทีแบบไม่ต้องคิดเลยครับ
"ก็เธอน่ารักดี นิสัยก็ดีด้วย คนเรามองกันที่หน้าตาไม่ได้หรอกนะ"
คำตอบของเธอทำให้ตัวของผมลอยจนชนขอบสวรรค์เลยครับ อยากจะร้องตะโกนบอกฟ้าจริงๆ เลยครับว่าในที่สุดคนหน้าอย่างพี่สองก็มีคนที่จริงใจด้วยแล้ว
..
"แกเลือกถูกแล้วแหละ..มะนาว..เราว่านะถ้าแกเลือกจูนน่ะ แกคงได้กินแห้ว"
แพรวพูดขึ้นขณะที่เรานั่งคุยกันอยู่ในสวนด้านหลังของโรงเรียน
"หน้ากลม...มันคงเป็นเพราะเราก็คิดว่าจูนมันเป็นเพื่อนแหละ เราก็เลยไม่จีบมันจะดีกว่า"
ผมก็แกล้งตอบแบบแมนๆ ไป
ผมเองก็นั่งคิดแล้วว่า ผมก็คงจะเลือกถูกแล้วจริงๆ นั่นแหละครับ ไม่เช่นนั้นแล้วผมอาจจะต้องกินแห้ว แล้วแถมอาจจะยังต้องเสียเพื่อนดีๆ ไปอีกทั้งคนก็เป็นได้ครับ ถ้าหากเธอไม่รับรักผม....
"ทำอะไรอยู่หรอริน"
"ก็คุยกะนาวไง"
รินตอบขณะคุยโทรศัพท์อยู่กับผม
"เราคุยกันมาตั้ง 4 ชั่วโมงแล้วนะ เธอเบื่อยังล่ะริน"
"ม่ายยยเบื่อ"
หญิงสาวตอบ
"เค้าไม่เชื่อเธอหรอก"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่คนหน้าเหมือนสอง พาราด็อกซ์จะพูดได้
"ม่ายเชื่อ ก้ออย่าเชื่อ......วางหูแล่ว"
"แงๆๆ อย่านะ อย่าน้า"
ผมออดอ้อนเธออย่างเต็มที่
"ชิ!"
"อย่างอนเค้าน้า...น้า....นะนะ"
ผมยังคงตอแยรินทั้งที่ผมรู้ว่าเป็นแค่การล้อเล่นเท่านั้น
"ก้อดั้ยย"
"เค้ารักรินนะ"
"เราก้อรักนาวเหมือนกันนะ"
รินตอบเสียงหวาน
ผมกะรินมักจะคุยหยอกเล่นกันด้วยข้อความที่หวานกันแบบนี้เสมอ ทั้งที่เราพึ่งจะคบกันมาได้ไม่กี่เดือนเอง แต่ก็เอาเถอะครับ ผมไม่สนใจหรอกว่าเธอจะจริงใจกับผมขนาดไหน ผมรู้เพียงว่าผมจริงใจกับเธอเต็มร้อยครับ....
ไอ้แพรวก็มีแฟนคนหนึ่งเหมือนกัน มันชื่อว่าไอ้อั๋ง ไอ้อั๋งเป็นผู้ชายที่ขี้เก๊ก แต่ผมก็คงต้องยอมรับว่ามันหน้าตาดีไม่หยอกเลยทีเดียว แต่ดูจากบุคลิกลักษณะภายนอกของมันแล้วช่างดูเหมือนเกย์ซะเหลือเกิน เพราะฉะนั้นเมื่อผมเจอมัน ผมจึงมักจะเรียกมันว่า "ไอ้เกย์!" และด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าผมสักเท่าไร
ทั้งสองคบกันก่อนที่ผมจะคบกับรินอีก แล้วผมจะกล่าวถึงไอ้อั๋งทำไมน่ะหรอ แน่นอนแหละครับ มันคือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของ"ความรัก"ของผม.......
ไอ้อั๋งมันชอบแอบหึงผมกับแพรวอยู่บ่อยๆ ทั้งที่พวกเราก็สนิทกันมาก่อนที่พวกมันจะคบกันอยู่แล้ว มันชอบด่าผมให้แพรวฟังเป็นประจำ ประมาณว่าตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ยังชอบไปยุ่งกับแฟนมันอีก แต่แพรวก็แค่เพียงรับฟังมัน และไม่เคยโต้เถียงอะไรกับมัน
มีครั้งหนึ่งผมนั่งคุยกะแพรวอยู่ในห้องเรียน แล้วอั๋งมันเดินผ่านมาเห็นพวกเราพอดี ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรนะครับที่มันมองเข้ามาในห้องเรียน แต่คืนนั้นเองมันก็โทรไปบอกกับแพรวว่ามันรู้สึกอยากจะชกประตูห้องให้ตกลงมาทับมะนาวให้ตายๆ ตรงหน้ามันไปเลย สมองของมันช่างสร้างสรรค์วิธีการตายให้กับผมเหลือเกินนะครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรมัน เพราะผมรู้ว่ามันไม่ชอบขี้หน้าผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว.....
เช้าวันหนึ่ง ผมเกิดมาโรงเรียนเช้าผิดปกติไปนิดหน่อย ผมก็เลยเดินขึ้นไปบนห้องเรียน ผมมองไปรอบๆ แล้วผมก็พบกับจูนที่นั่งฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเรียนกลางห้อง แปลกแฮะ ทำไมวันนี้จูนมาโรงเรียนเร็วจัง ก็ธรรมดาเธอมักจะมาสายกว่าผมอีกนี่นา ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะที่เธอนั่งอยู่ จากนั้นผมก็ค่อยๆ ย่อตัวลงจนระดับสายตาของผมตรงกับใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอพอดี ผมมองเห็นหยดน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาอาบแก้มเด็กสาว
"แม่จ๋า แม่เป็นอะไรจ๊ะ"
ผมถามโดยใช้ภาษาพ่อแม่ลูกที่มักจะใช้กับเธอเป็นประจำ เธอเงยหน้าขึ้นมาทำให้ผมเห็นว่าเธอกำลังนั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่
"มะนาว...."
เธอพูดน้ำเสียงกระเส่า
"เราทะเลาะกะแม่เราอ่า"
ห้องทั้งห้องเงียบงันไปพักหนึ่ง ผมก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรเหมือนกัน
"
เล่าให้มะนาวฟังสิจูน"
ผมพูดเบาๆ กับเธอ
"ก็คือว่า..."
หลังจากนั้นเธอก็นั่งระบายเรื่องที่เธอทะเลาะกับแม่ให้ผมฟังอย่างละเอียดยิบ ผมก็รับฟังเธอตลอดอย่างตั้งใจ เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่พวกเราอยู่กันลำพังเพียงสองคน เมื่อเธอได้พูดระบายเรื่องราวของเธอจนจบ แล้วเธอก็ยิ้มออก เธอยิ้มให้กับผมทั้งที่น้ำตายังคงนองทั่วหน้า ผมลูบปอยผมของเธอเบาๆ
"มะนาว....จูนขอบคุณมากนะ"
เธอพูด ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ยิ้มให้กับเธอ ความรู้สึกในตอนนี้มันช่างเหมือนกับตอนที่ผมชอบเธอจริงๆ ผมเข้าใจแล้ว
"ไม่เป็นไรจ้ะ...เพื่อนรัก"
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ผมเรียกว่าความรักที่เคยมีให้กับจูนนั้น แท้จริงแล้วมันก็คือสิ่งนี้นี่เอง มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ที่เคยแอบชอบเพื่อนรักของผม
..
ทุกคนคงยังจำถึงเรื่องทุนที่ผมเล่าให้ฟังได้ใช่ไหมครับ ทุนที่ทำให้ผมเคยคิดอยากจะไปรัสเซียเอามากๆ ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ไปก็ตามทีเถอะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าทุนที่ผมรักและใฝ่ฝันมันจะย้อนกลับมาเล่นงานผมให้ช้ำใจภายหลัง
"มะน๊าวววว.... รินได้ทุนไปอเมริกาแล้ว"
รินโทรมาหาผมในคืนวันหนึ่งขณะที่ผมนอนดูทีวีอยู่
"อะไรนะคะ...ทุนอะไรหรอจ๊ะ"
"ก็ทุนเดียวกับที่มะนาวสอบได้ประเทศรัสเซียนั่นแหละจ่ะ"
เธอตอบด้วยนำเสียงสุดดีใจ
"แล้วเธอไปสอบติดเอาตอนกันไหนล่ะ"
"ก็เค้าติดตัวสำรองอ่า แล้วเค้า...แล้วเค้าพึ่งโทรมาบอกว่ามีคนสละสิทธิ์แล้ว เราก็เลยจะได้ไปไง!"
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารินสอบติดตัวสำรองทุนนี้ด้วย
"ทำไมรินไม่เคยเล่าให้นาวฟังเลยอ่า"
สายปลายทางเงียบไปชั่วขณะ
"ก็เค้ากลัวมะนาวจะเสียใจอ่า...."
"อื้มม"
ผมตอบอย่างเข้าใจ ทั้งที่จริงแล้วผมยังไม่เข้าใจอะไรเลย
"
ความจริงแล้วรินก็ไม่ได้อยากไปมากมายอะไรหรอก แต่แม่รินอยากให้เราไปหาประสบการณ์น่ะ"
"แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...."
"ไม่เป็นไรนะมะนาว...อย่าพูดถึงมันเลย"
เธอเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดต่อ
"แล้วอีกอย่าง... รินก็ไปแค่ปีเดียวก็กลับแล้วไงจ๊ะ"
จริงด้วยสินะ ผมลืมไปสนิทเลยว่าทุนนี้มีอายุแค่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น
"จ้าคนดี....เค้าจะรอเธอกลับมาละกันนะ"
"จ้ะ"
รินตอบ
ผมกลับไปนั่งคิดมากคนเดียวอยู่ทั้งคืน แล้วผมจะทำยังไงดีนะ แต่ในตอนรุ่งเช้าผมก็รู้สึกสบายใจ เมื่อเธอมาบอกกับผมว่าอีกตั้งแปดเดือนกว่าเธอจะไป อย่างนั้นพวกเราก็มีเวลาด้วยกันอีกเหลือเฟือเลยสิ
..
สามเดือนหลังจากนั้น ผมกับรินก็ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอย่างเป็นที่สุด ผมขอบอกตรงๆ เลยว่า เราเป็นคู่รักที่หวานกันเอามากๆ ไม่รู้ว่าเกินเด็กมากไปหรือเปล่านะครับ แต่เธอทำให้ผมลืมความเป็นสุภาพบุรุษไปหมดสิ้นเลย ก็เราทั้งจับมือกัน ลูบหน้าลูบตากัน ใจจริงแล้วผมก็ชอบเหมือนกันนะ แต่ผมก็ยังคิดว่ามันไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไรนัก...เอาเถอะครับ
ก็เพราะความหวานของเรานี่เอง มันทำให้ตอนนี้ผมเริ่มมั่นใจเกือบร้อยเต็มแล้วว่าเราจะยังคงรักกันเหมือนเดิมเมื่อตอนเธอกลับมาจากอมริกา
อาจารย์เพ็ญศรีก้าวช้าๆ เข้ามาในห้องเรียน
"Summer Course จ้า
นักเรียนทุกคน.......ใครสนใจจะไป Summer Course บ้าง ปีนี้พวกเราจะไปที่ประเทศแคนาดากัน"
เย็นวันนั้นผมก็รีบกลับบ้านในทันที พอเข้าไปถึงในบ้านปุ๊บ
"นะ นะนะ แม่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา"
"อูย! ก็ได้เว้ย นี่ชั้นเห็นว่าคราวก่อนชั้นห้ามแกไปรัสเซียนะ ไม่อย่างงั้น ชั้นคงไม่ให้แกไปง่ายๆ หรอก"
"เย้ๆๆๆๆๆ "
ผมดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นลิงโลดที่ลูกอ้อนของผมนั้นประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น แม่ของผมดูมีความไม่พอใจในสีหน้าเล็กน้อย ปากของเธอสบถพึมพำอยู่คนเดียว แต่ผมก็พอจะอ่านปากเธอออกนะ เธอพูดว่า
"แพงก็แพง ชั้นไม่น่าหลวมตัวเลย ไอ้ลูกเวรเอ๊ย!"
และแล้วปิดเทอมหน้าร้อนก็มาถึง ในที่สุดมะนาวก็ได้ไปแคนาดาสมใจอยาก อ้อ! ลืมบอกไปเลยครับ จูนกับแพรวก็ไป Summer Course กับผมด้วยนะ
เมื่อพวกเราไปถึงแคนาดากัน พวกเราก็ค้นพบว่าดินแดนแห่งนี้มันเป็นเหมือนกับสวรรค์บนดินแท้ๆ เลย อากาศก็ดี ผู้คนก็ไม่พลุกพล่าน อะไรจะดีกว่านี้อีกนะ ถึงพวกเราจะเรียกได้ว่ามาเรียน Summer Course แต่พวกเราก็มักจะโดดเรียนกันเพื่อไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง และก็ไปทำอะไรอื่นๆ อีกมากมาย มันช่างสนุกจริงๆ นะเนี่ย และการไปครั้งนี้ก็ทำให้ผมกับจูนและแพรวสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะแพรว ยิ่งผมได้สนิทกับมัน ผมก็ยิ่งได้รู้ว่ามันนิสัยดีขนาดไหน มันก็น่ารักดีเหมือนกันนะ.....
"ได้มาที่แคนาดาเนี่ยสนุกมากเลยอ่ะริน"
ผมพูดในคืนหนึ่งที่ผมคุยโทรศัพท์ทางไกลกับเธอ เธอเงียบไปสักพักหนึ่ง
"นาวสนุกกับแพรวมากเลยใช่ไหมล่ะ"
"อะไรนะ รินพูดว่าอะไรนะ"
ผมไม่เชื่อในสิ่งที่ผมได้ยิน รินหึงผมหรอเนี่ย
"รินถามนาวว่า....นาวสนุกกับแพรวมากใช่ไหมล่ะ"
"รินไปเอาจากไหนมาพูดคะ มันไม่ใช่ความจริงเลยนะคะ"
ผมเริ่มสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอก็กลับคิดหึงหวงผมขึ้นมา
"จะไปเอามาจากไหนมันก็ไม่สำคัญหรอกนาว แต่รู้ไหมว่าไม่ใช่แค่รินหรอกนะที่ไม่พอใจ.....แต่ยังรวมถึงอั๋งด้วย"
"ไอ้อั๋งหรอ....มันเล่าอะไรให้เธอฟังน่ะริน บอกนาวมานะ"
ผมรู้สึกได้ว่ารินเงียบไปพักใหญ่ คงเพราะเธอได้หลุดปากพูดความลับออกมาแล้ว
"ก็.... อั๋งบอกว่าแพรวกะนาวชอบเดินชิดๆ กัน แบบว่าตัวติดกันมากๆ เลย อย่างกะแฟนกันแน่ะ"
"แล้วมันจะไปรู้ได้ไงเล่า ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้มาแคนาดาด้วย"
นั่นทำให้รินเงียบไปอีกพักใหญ่
"ก็คือ...คือว่าอั๋งบอกว่า อั๋งไปถามไอ้แกะมาน่ะ"
หลังจากนั้นผมก็นั่งอธิบายให้เธอฟังจนเธอเข้าใจ ผมเกือบลืมไปแล้วนะว่าไอ้แกะก็มาแคนาดากับพวกเราด้วย ก็ไอ้แกะมันเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้อั๋งนี่ครับ คิดแล้วก็รู้สึกแค้น พรุ่งนี้เช้าผมคงต้องไปคุยกับมันซะหน่อยแล้วครับ ไอ้แกะนะไอ้แกะ!!.....
"ไอ้แกะ แกไปบอกอะไรกับไอ้อั๋งฮะ"
ผมกับยายแพรวหน้ากลมเดินเข้าไปหาไอ้แกะตัวอ้วนหน้าตี๋ ตาของมันช่างเล็กเสียจนผมแทบจะมองไม่เห็น มันกำลังนั่งเกาพุงอยู่บนโซฟาเพื่อรอเรียนในช่วงเช้าอยู่ ก็แน่นอนล่ะครับที่แพรวต้องมากับผมด้วยก็เพราะแพรวก็ทะเลาะกับไอ้อั๋งมาเหมือนกัน
"เปล่านี่"
แต่ผมทำสีหน้าเค้นเอาความลับจากมัน มันจึงยอมปริปากพูด
"ก็เรา.....ก็แค่บอกมันว่าแกกับแพรวดูสนิทกันดีนะ"
"แกแน่ใจหรอ"
"คือเราบอกไอ้อั๋งแค่นั้นจริงๆ"
ผมไม่เชื่อมันอย่างแน่นอนครับ ตอนนี้มันทำให้ผมรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที ผมยื่นมือไปกระชากคอเสื้อของมันทันที ไอ้แกะมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
"นาว..พอเถอะ แกอย่าทำอะไรแกะมันเลย"
แพรวห้ามผมไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะทำอะไรไอ้แกะไปมากกว่านี้ ผมมองหน้าไอ้แกะเพื่อส่งความเคียดแค้นทั้งหมดลงไปที่มัน ก่อนผมจะยอมปล่อยคอเสื้อของไอ้แกะ แล้วผมกับแพรวก็เดินออกมาจากตรงบริเวณนั้นทันที
.
"แกพูดกับไอ้เกย์รู้เรื่องหรือยัง"
"ก็...ไม่เชิงว่าจบปัญหาแล้ว แต่ก็ดีขึ้นในระดับหนึ่งแหละ"
อีกหนึ่งวันหลังจากผมเกือบจะฆ่าไอ้แกะตายคามือ ผมก็ได้มีโอกาสหาเวลาว่างมานั่งคุยกับแพรวและจูน
"ใจเย็นๆ นะลูกแพรว เดี๋ยวแม่จะปลอบเธอเอง โอ๋ๆๆๆ"
จูนพยายามปลอบใจเพื่อนสาว
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เดี๋ยวเค้าก็มาง้อแล้วแหละ อีกไม่นานหรอก อั๋งน่ะ ...โกรธง่าย หายเร็วจะตายไป"
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ไอ้อั๋งก็โทรมาตามง้อแพรว ตอนแรกผมก็นึกว่ามันจะไม่มาง้อเธอเสียแล้ว แต่ไอ้แพรวมันก็พูดถูกครับ ไม่ทันไรก็มาง้อซะแล้ว.....
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเรากลับมาถึงไทยได้เพียงสองสัปดาห์ ความรักมันช่างเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนจริงๆ ครับ
"แพรว...แกโกหกเราหรือเปล่า"
"เราจะโกหกแกไปทำไมล่ะ"
เธอตอบสีหน้าจริงจัง
"เพราะเรื่องที่แคนาดาใช่ไหม.."
ผมถามด้วยความสงสัยว่าผมจะไปมีส่วนกับความรักของเพื่อนสาว
"มันก็ไม่ใช่หรอก...คงเป็นเพราะเราทนนิสัยอั๋งไม่ได้เองนั่นแหละ"
"แล้วแกร้องไห้หรือเปล่าฮะ เสียใจบ้างไหม"
"เราไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรเลย....แล้วเราจะร้องไห้ไปทำไมล่ะนาว"
เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้ากลมๆ
"ขอบคุณนะที่แกเป็นห่วงเรา"
แพรวช่างเป็นคนที่เข้มแข็งดีเหลือเกินนะครับ ถ้าเป็นผมเลิกกับริน ผมคงร้องไห้น้ำตาท่วมทุ่งแน่เลยครับ.....
เมื่อนั่งเฝ้านับวันเวลา ผมก็พบว่าอีกเพียงสองเดือนเท่านั้นแล้วสินะ อีกแค่สองเดือนจริงๆ รินก็จะไปอเมริกาแล้ว
"ริน"
"ทำไมจ๊ะ"
เธอเอ่ยเสียงหวานแหวว
"รินสัญญาได้ไหม...ว่ารินจะกลับมาหานาวอ่ะ"
ผมถามเพื่อตอกย้ำให้ตัวเองมั่นใจ
"แน่นอนสิจ๊ะ..รินสัญญา"
เธอตอบทันทีด้วยน้ำเสียงมั่นใจ นั่นทำให้ผมยิ้มหน้าบาน ตอนนี้พี่สอง พาราดอกซ์คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วสินะ.....
และแล้วสองเดือนก็ผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก แต่ผมก็ได้ใช้วันเวลากับเธออย่างคุ้มค่าที่สุดแล้วแหละ ทั้งไปดูหนังด้วยกันบ่อยๆ โทรคุยกันทุกวัน
"นาว...รินไปนะ"
เธอกำลังจะเดินเข้าจุดตรวจเอกสารของสายการบิน
"อื้ม"
ผมยิ้มให้เธอพร้อมกับพยักหน้า เธอค่อยๆ หันหลังแล้วก็ย่างเท้า แต่ทันใดนั้นเธอก็โผเข้ามาโอบกอดผม
"รินรักนาวนะ"
"นาวก็รักเธอจ้ะ....กลับมาหานาวนะ"
ผมกระซิบข้างหูเธอ
..
เวลาผ่านไปสามเดือนครับ พวกเราก็ยังคงคิดถึงกัน และยังโทรหากันอยู่บ่อยๆ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน....
มีผู้ชายคนหนึ่งมาชอบรินเข้า แต่รินก็มักจะบอกกับผมเสมอว่าเธอไม่ชอบเค้าหรอก แต่แล้ววันเวลายิ่งผ่านไป ความสนใจที่เธอมีให้กับผมก็น้อยลง
"รินชอบเค้าใช่ไหมล่ะ"
ผมถามเธอขณะเราแชทกัน
"เปล่านะ.....รินรักนาวคนเดียว"
เธอพิมพ์ตอบอย่างรวดเร็ว แต่ผมแกล้งเงียบไม่พิมพ์ตอบเธอ
"นาว....รินว่า..."
"ทำไมจ๊ะ"
ผมพิมพ์ถาม
"เราห่างกันสักสองสัปดาห์ดีไหม"
นั่นทำให้ผมถึงกับอึ้งในทันที สิ่งที่ผมคิดไว้คงจะเป็นจริงขึ้นมาแล้วสินะ สิ่งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคาดคิด สิ่งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด มันคงจะเป็นจริงแล้วสินะ
"อื้ม....ได้สิจ๊ะ แล้วอีกสองสัปดาห์เจอกันนะ"
แล้วจากนั้นผมก็ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทันทีเลยครับ หลังจากนั้นผมก็เดินไปที่ห้องนอน แล้วก็เปิดประตู จากนั้นก็ค่อยๆ ก้าวไปที่เตียง และล้มตัวลงนอน
ทำไมสิ่งแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเราด้วยนะ ทำไมรินถึงเปลี่ยนไป ทำไมเธอถึงทำกับเราแบบนี้ ทำไม.....ทำไมนะ คำถามมากมายวิ่งวนในหัวของผม
ผมนอนคิดแล้วก็มองไปที่นาฟิกา ตอนนี้เข็มนาฟิกาทั้งสองชี้ไปที่เลยสิบสองแล้ว ผมลุกขึ้นจากเตียง เปิดประตูออก แล้วเดินไปที่คอมพิวเตอร์ เปิดสวิตช์ขึ้น แล้วก็นั่งเขียนอีเมลล์ฉบับหนึ่งส่งไปให้ริน
.
"ถึง ริน
เราเข้าใจรินดีนะ เราคงไม่มีอะไรจะพูดกับเธอมากกว่านี้อีกแล้วแหละ เรายังคงรักเธอ ยังคงคิดถึงเธอ และยังคงเป็นห่วงเป็นใยเธอ รักของเราที่เคยให้เธอมันคงยังจะไม่พอสำหรับเธอ แต่สิ่งเดียวที่เรารู้คือเราทำดีที่สุดแล้ว แล้วอีกอย่าง...เราขอให้เธออย่าทรมานเราอีกเลยนะ
มะนาว"
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาที่เปลือกตาของผม ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงในทันทีด้วยจิตใจที่ร้อนรน ผมรีบวิ่งไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อจะเช็คอีเมลล์ และแล้วผมก็พบกับเมลล์ของเธอ รินส่งเมลล์ฉบับหนึ่งมาให้ผม แค่คิดผมก็ไม่อยากจะเปิดมันแล้ว ผมนั่งจ้องมันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง แต่แล้วในที่สุดผมก็คลิก
"ถึง มะนาว
มะนาว...รินขอขอบคุณกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยให้กับริน ตลอดเวลาที่รินคบกับเธอ รินมีความสุขมากๆ รินคงจะไม่ดีพอที่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอได้...รินขอโทษนะ ถึงยังไงรินก็จะเก็บความทรงจำดีดีที่มีกับเธอเอาไว้ในใจเสมอ มะนาวคงเข้าใจนะ คำว่า "รักแท้แพ้ใกล้ชิด" น่ะ มะนาว....เราเลิกกันนะ
ขอโทษด้วยนะที่รินมันหลายใจ
แฟนเก่าของเธอ"
ผมถึงกับน้ำตาไหลออกมาทันทีเลยครับ สิ่งที่ผมคิดมาตลอดหลังจากเธอจากไป สิ่งที่ผมกลัวมาตลอด....ความรักของผมจบลงแล้ว ผมนั่งร้องไห้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายชั่วโมง....
ผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยครับ ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกเศร้ามากๆ ผมยังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมยังคงทำใจรับกับมันไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
"แกยังไม่หายเศร้าเลยหรอ"
"ก็...ยัง"
ผมตอบ เพื่อนสาวหน้ากลมยิ้มให้ผม
"ไม่เป็นไรนะนาว แกอย่าคิดมากไปเลยนะ"
เธอยื่นหน้ากลมๆ ของเธอมาใกล้ๆ ผม ผมยิ้มให้กับท่าทางของแพรวและพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
"ความรักมันเป็นสิ่งไม่แน่นอนหรอกนะมะนาว"
แพรวพูด ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาอีกหลายเท่าเลย ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมยังคงมีมันอยู่ ใช่แล้วสินะ แพรวมันยังคงอยู่ตรงนี้ ผมยังคงมีมันอยู่
"นาว... เรารักแกนะ"
เพื่อนสาวพูดทั้งรอยยิ้ม ผมมองเข้าไปในดวงตาสดใสของมัน มันคงเป็นความรักที่เกิดขึ้นโดยความผูกพัน มันคงเป็นความรักที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยรู้ตัว มันคงเป็นความรักของผู้ชายที่จะมีต่อเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ความรักที่มีให้กับคนที่คอยเป็นห่วง ความรักที่มีให้กับคนที่คอยเคียงข้าง มันคงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า "รักแท้" สินะ
"เราก็รักแก
."
ผมเว้นวรรคเล็กน้อย
"ไอ้หน้ากลม!"
แล้วแพรวมันก็ยิ้มหน้ากลมดิ๊ก......
End.
ผลงานอื่นๆ ของ lemijung ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ lemijung
ความคิดเห็น