ร็อกสตาร์!! - ร็อกสตาร์!! นิยาย ร็อกสตาร์!! : Dek-D.com - Writer

    ร็อกสตาร์!!

    เคยโดนตัวเองในวัยเด็กผลักจากด้านหลังให้ก้าวต่อไปบ้างไหม??

    ผู้เข้าชมรวม

    74

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    74

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.พ. 56 / 19:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                     เชื่อไหมครับว่า คนอย่างผมเคยพยายามเล่นกีต้าร์อยู่ช่วงหนึ่งในสมัยมัธยมต้น แรงบันดาลใจสมัยวัยรุ่นที่กำลังสรรค์สร้างอัตลักษณ์ของตัวเอง สร้างความเป็นอย่างหลากหลายขึ้นมาประกบกับตัวเรา จำได้ว่า ครั้งนั้นเห็นนักดนตรีเท่ห์ๆทางมิวสิควิดีโอ ก็พาลฝันอยากเป็นดาวเด่น อยากยืนอยู่ท่ามกลางแสงสป็อตไลต์ฉายประกอบเจิดจ้า ทุกคนต่างรั้งรอเพื่อฟังเพลงที่เรากำลังจะบรรเลงซักวันหนึ่ง...ซักวันหนึ่ง
       

                       แต่เมื่อดูจากจังหวะจะโคนและวี่แววขณะนั่งถือกีต้าร์อยู่กับตัว ดีดไปดีดมาแล้ว ผมรู้สึกได้เลยว่าเครื่องดนตรีประเภทนี้ พระเจ้าคงลืมใส่พรสวรรค์ให้ติดตัวมากับผมด้วยแน่ๆ และไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยกับมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะเลยแม้แต่ครั้งเดียว...แต่ เอาเข้าจริงผมก็คงไม่มีพรแสวงด้วยละนะ เล่นๆหยุดๆ ด้วยข้ออ้างนานัปการในสมัยนั้น แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ ความอ่อนแอในจิตใจที่เข้ากลืนกินความปรารถนา จนกลายเป็นการหลีกหนีจากสิ่งที่เราไม่ได้ถนัด

       

                      จนสุดท้าย ความคาดหวังที่ผมจะได้เล่นกีต้าร์ก็คือ การตีคอร์ดง่ายๆหรือเล่นเมโลดี้บางเพลงได้ เพราะตอนนั้นแรงบันดาลใจต่อมาคือติดใจพระเอกภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เล่นกีต้าร์ให้คนรักฟังอยู่ริมระเบียงติดชายหาด ผมเองก็หวังจะเป็นผู้ชายโรแมนติกคนนั้น ให้คนที่เรารักหนุนไหล่อยู่ข้างๆแล้วดีดเพลงที่เธอชื่นชอบ

       

                      แน่นอนครับ...ผมไม่ได้เป็น รู้สึกเสียใจอยู่นิดหน่อย
       

                      ผมเลิกเรียนกีต้าร์ไปปีเดียวกันกับที่เริ่มเรียน พอจะดีดเมโลดี้ง่ายๆบางตัวได้ แต่ไม่มี่ความสามารถในการประกอบคอร์ดแต่อย่างใด ความฝันในการเป็นผู้ชายโรแมนติกริมชายหาดกับนักดนตรีที่เจิดจ้าไปด้วยแววตาก็คงจะเลือนหายไปด้วยเหมือนกัน  ความฝันนี้มันจบอย่างรวดเร็วเสียจริง

       

                      หลังจากเหตุการณ์ความฝันกีต้าร์พังทลายไปได้ประมาณ 3 – 4 เดือน ผมจำได้ว่า ผมหงุดหงิดกับมันมากเลย ตอนนั้นเรามัวไปเสียเวลาทำอะไรอยู่ได้ในเมื่อมันไม่ใช่ เรียนไปก็เสียเงินเสียทองเปล่าๆ ไม่ได้ห่าอะไรขึ้นมา เล่นเองก็ไม่ได้ แล้วจะเรียนไปทำไม?? ยอมรับนะครับว่า ตอนนั้นตัวผมเองเป็นคนที่อับอายกับความคิดในการเล่นกีตาร์มากๆ ใครพูดถึงการชวนกันไปเรียนกีต้าร์ในสมัยนั้นผมคงต้องขอบายออกจากวงอย่างรวดเร็ว ชอบฟังเสียงการบดสายกีต้าร์แต่ไม่ได้ชอบที่จะเข้าไปร่วมวงไพบูลย์กับวงการนี้   

       

                     มาถึงวันนี้ วันที่ผมพึงใจในการจับปากกากับเคาะแป้นพิมพ์แทนการดีดสายกีต้าร์ เมื่อมองกลับไป ก็รู้สึกถึงแง่คิดอีกอย่างหนึ่ง การเล่นกีต้าร์ในครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องของการเสียเวลา เสียเงิน เสียทองเปล่าๆ แต่อย่างใด

       

                      การเล่นกีต้าร์ในครั้งมัธยมต้นกลายเป็นเรื่องขำๆและการชื่นชมตัวเองที่เมื่อหวนคิดกลับไปแล้ว เอ๊ะ...เราก็มีด้านนี้อยู่เหมือนกัน เราเคยอยากเป็นร็อกสตาร์ที่กระโดดดีดกีต้าร์บนเวที ผู้คนตะโกนเป็นเสียงให้จังหวะที่ล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรา 

       

                      ไม่ได้โอเวอร์ครับ ในตอนเด็ก ภาพเวทีจำลองกับผู้ชมมายาผุดขึ้นมาบนหัวเสมอ เสียงดนตรีที่เราเล่นเป็นเพลงสุดมันส์สร้างผู้คนคลุ้มคลั่งอยู่หน้าเวที แท็กกันไปมา ตะโกนโหวกเหวกเหมือนวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของโลก

       

                      ตอนนั้นเราไม่โกหกตัวเอง เราสามารถตะโกนเรื่องความฝันของเราออกมาได้อย่างไม่อายใคร ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการว่ายข้ามลำธารลาวา หรือ กระโดดจากอวกาศตัวเปล่าแล้วรอดชีวิต เราพร้อมที่จะทุบตีสิ่งที่กีดขวาง ถึงแม้ว่าจะเป็นการตีกันระหว่างหินกับกระดาษที่ไม่มีการรู้ผล หรือแม้แต่จะมีมังกรมานอนขวางเส้นทาง ผมคงพนันได้เลยว่า ตัวเราในตอนเด็กคงจะขว้างก้อนหินปลุกมันขึ้นมาและฟาดฟันกับมันอย่างไม่ยี่หระ

       

                      กลับกลายเป็นเรื่องที่น่าแปลก มนุษย์เรายิ่งเข้าใกล้วันสุดท้ายของชีวิตเท่าไหร่ พวกเราก็พาลคิดว่าต้นทุนของเรายิ่งสูงขึ้นในการเดินทางตามความต้องการของตัวเอง โอกาสในการออกนอกเส้นทางแห่งความมั่นคงที่จืดชืด เพื่อแล่นไปกับความฝันอันหวือหวาและน่าติดตามเหมือนภาพยนตร์โดเรมอนในสมัยเด็ก

       

                      ผู้คนอาจจะมีข้ออ้างนานัปการในการวางความฝันไว้บนพื้น แต่ผมคิด อาจจะคิดด้วยความเป็นเด็กมากมายก็ตามว่า คนเหล่านั้นก็แค่เอาข้ออ้างเหล่านั้นมาปิดบังส่วนที่ปวกเปียกของจิตใจตนเอง ทำไมละ ในเมื่อเวลาของเราที่กำลังจะได้ชื่นชมกับความฝันที่สามารถทำให้มันเป็นความจริงได้นั้นน้อยลง แต่เรากลับยอมทอดทิ้งมันด้วยเหตุผลนานัปการมากขึ้นเรื่อยๆ ความฝันที่เบาเหมือนขนนกสีสวยในการแบกรับของอุ้งมือวัยเด็ก กลับกลายเป็นก้อนหินมหึมาและสุดแสนอัปลักษณ์ที่เราไม่สามารถออกไปโชว์กับคนอื่นๆ ด้วยความเกลียดกลัวการเย้ยหยัน ถากถางโดยเฉพาะจากคนรู้ใจ

       

                      ที่น่าตลกกว่านั้นคือ ตอนนี้เราอยู่ในโลกที่ผู้คนพากันพูดถึงความฝันกันอย่างหนาหู แรงบันดาลใจที่มาจากภาพยนตร์ เรื่องราวของผู้คนที่น่าสนใจถูกถ่ายทอดเข้าสู่มวลชนจำนวนมาก แต่มีน้อยคนนักที่จะเลือกเดินออกจากเส้นทางเดิมและก้าวขาซักข้างหนึ่งแตะลงบนเส้นทางใหม่เอี่ยมที่อนาคตไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร

       

                      อย่างน้อย ตอนนี้เมื่อมีใครซักคนพูดถึงเรื่องกีต้าร์ ก็หวนกลับไปคิดถึงวันเวลาที่หัดเล่นกีต้าร์ ถึงแม้มันจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร แต่ก็เหมือนหลักหมุดที่ถูกปักลงบนเส้นทางหนึ่งของชีวิตและเป็นหมุดที่แน่นของชีวิตกับความพยายาม ผมยิ้มให้กับมันและยังคงยิ้มให้กับกีต้าร์ตัวนั้น คิดถึงตัวผมเคยกล้าวิ่งเข้าไปหาความฝันที่สูงล้ำ และ ตอนนี้ผมคนนั้นก็กลับมาผลักหลังของผมให้เดินต่อไปจากจุดที่เคยอยู่

       

                      เฮ้! พี่ชาย ความฝันของของพี่ตอนนี้อาจจะไม่ได้อยากเป็นร็อกสตาร์แล้วก็นะ แต่พี่ก็ยังต้องวิ่งไปอยู่นะ รู้ป่าวไอ้หนูหน้าอ่อนที่หล่อคล้ายๆผมพูดขึ้นมา

       

                      ใช่ครับ ตอนนี้ผมมีความฝันใหม่แล้ว เอาละ ถึงเวลาออกวิ่งอีกครั้งแล้ว วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ด้วยเหตุผลอะไรนะเหรอ... ก็แค่พรุ่งนี้เราอยากอยู่อีกที่หนึ่ง ก็เท่านั้นเอง แตร๊ดดดด ร็อกสตาร์!!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×