คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {o n l y u} - `chp1
ONLY YOU
PAST OF LOVE
กริ้งง~
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นเหมือนอย่างทุกวัน ตั้งแต่ที่ผมมาทำงานที่ร้านดอกไม้นี่แทนคุณแม่ของผมซึ่งท่านป่วยอยู่ ตอนนี้ก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นเห็นร่างสูงที่ผมคุ้นเคยเดินเข้ามาที่ผมก่อนจะเอ่ยประโยคเดิมๆ
“ดอกกุหลาบสีแดงสิบสองดอกครับ”
แล้วนี่ก็เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ที่เขามาที่ร้านผมได้ทุกอาทิตย์เพียงเพื่อมาซื้อดอกกุหลาบในจำนวนที่แตกต่างกัน แล้วในวันนี้เขาซื้อทั้งหมดสิบสองดอกแล้ว ดอกกุหลาบสีแดงสิบสองดอก หมายถึง .. ขอให้คุณเป็นคู่ของผมเพียงคนเดียว
“อะนี่ดอกกุหลายของนาย”
“หืม ทำไมวันนี้ทำเร็วจังเนี่ย”
“ก็ไม่มีลูกค้าเลยนี่ วันนี้มีแต่นายคนเดียวอ่า”
ผมเอ่ยพลางยู่ปากเล็กน้อย วันนี้นั่งเฝ้าร้านมาทั้งวันก็แทบจะไม่มีลูกค้าเลย ทั้งที่อีกไม่กี่วันก็จะวันวาเลนไทน์แล้วแท้ๆ ทำไมไม่ครึ้กครื้นเหมือนร้านอื่นเขาบ้างนะ
“ก็นายไม่ขยันไงละตัวเล็ก ลูกค้าเลยไม่อยากมาเข้าร้านนาย”
“พูดงี้เดี๋ยวโดนหรอก”
“โอ๋ๆล้อเล่นนะครับ”
เสียงทุ้มนั้นเอยขึ้นพลางส่งมือหนามาลูบเบาๆที่หัวผม เพราะเรารู้จักกันมาก็หลายเดือนเลยทำให้เรายังพอสนิทกันอยู่บ้าง ชานยอลมักจะมานั่งเล่นอยู่ที่ร้านผมเสมอหลังจากที่เขาซื้อกุหลาบเสร็จซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะซื้อมันไปทำไมในเมื่อสุดท้ายแล้ว เขามักจะลืมช่อกุหลาบทิ้งไว้ที่ร้านผมตลอด
“นี่วันนี้อย่าลืมดอกกุหลาบไว้อีกนะ นายอะชอบลืมทิ้งไว้ตลอดเลย”
ผมพูดพลางช้อนตาขึ้นมองอีกคนเล็กน้อย ริมฝีปากของเขายกยิ้มมาที่ผมอย่างที่ชอบทำก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาสีแดงกลางร้านแล้วไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์
“ถ้าผมลืมไว้อีกนายก็เก็บไว้เลยซิ ถือซะว่าผมให้นายไง” ริมฝีปากหนาเอ่ยพูดช้าๆ “แล้วนี่นายจะซื้อมันไปทำไมละ” ผมถามอีกคนขึ้นอย่างสงสัย ไม่ใช่ว่าเพิ่งสงสัยนะ แต่ผมสงสัยมานานแล้วหละว่าเขาจะซื้อมันไปทำไมทั้งที่เขาไม่เคยจะเอามันไปให้ใครเลย หนำซ้ำ ตอนผมจะคืนดอกกุหลาบให้เขาเขากลับบอกให้ผมเก็บมันไว้เองซะอย่างงั้น ทำให้ผมไม่กล้าที่จะเก็บตังค่ากุหลาบเลย
“ซื้อให้คนแถวเนี้ย”
“..”
“คนตัวเตี้ยๆที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่นี่ไง”
“บ้าแล้ว”
“จริงๆนะ”
ผมเลือกที่จะยืนเงียบเพราะไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี คำพูดของอีกคนวนเวียนอยู่ในหัวผมจนมึนไปหมดแล้ว ชานยอลมักจะแกล้งผมแบบนี้อยู่ตลอดทุกครั้งที่เขามาซื้อกุหลาบที่ร้านผม แต่ผมก็ไม่ชินกับมันซักที ตอนนี้รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลยนี่ผมกำลังเขินหรอ
“ล้อเล่นน่า ฮ่าๆ” ชานยอลพูดจบก็ยื่นเงินจำนวนหนึ่งมาตรงหน้าผม “อะค่ากุหลาบนาย วันนี้ไม่ลืมไว้แล้วหละ” ผมเอื้อมมือไปรับเงินนั่นมาด้วยใบหน้านอยด์เล็กน้อยก่อนจะเดินหนีไปที่หลังร้าน กี่ครั้งแล้วที่เขามักจะแกล้งผมแบบนี้ตลอด ผมก็หวั่นไหวเป็นนะ
ชานยอลลุกขึ้นเดินตามมาที่ผมก่อนจะดึงมือของผมไปกุมไว้แล้วส่งสายตาหวานมา “ไปส่งหน้าร้านหน่อยดิตัวเล็ก” ผมมองอีกคนกลับด้วยใบหน้าบูดบึ้งด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ค้างอยู่เมื่อกี้ทำให้ผมเลือกที่จะเงียบตอบเขาไป
“นะครับนะ”
“ขามีก็เดินไปเองซิ”
“ก็อยากให้ไปส่ง”
เสียงทุ้มยังคงพูดไม่เลิกจนผมจำใจก้าวเท้าเดินตรงไปที่หน้าร้าน พร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของอีกคนกลับมา ชิ แกล้งคนอื่นมันสนุกมากใช่ป่าว
“งอนอีกอะดิ หนะๆ”
“อะไรไม่ได้งอน”
“อย่างงี้ตลอดอะโถ่”
มือหนาส่งมาขยี้หัวผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมยุงไปหมดแล้วเพราะชานยอลแท้ๆเลย ผมสะบัดมือเข้าออกพลางหันหน้าหนี ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดจริงๆแล้วนะ ทำไมเขาชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย
“ไม่เอาซิครับ ผมขอโทษไม่แกล้งแล้วอะ”
“...”
“แบคฮยอน”
“...”
“แบคฮยอนนนนนนน”
“อะไร”
ชานยอลดึงแก้มของผมเบาๆ ซึ่งมันก็เจ็บอยู่พอสมควร ผมมองค้อนไปที่อีกคน แต่เลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไรเพราะผมรู้ว่าเขาแกล้งผมงี้ไปซักพักก็คงจะเลิกแกล้งไปเอง การต่อสู้กับชานยอลมันไม่สนุกซักเท่าไหร่หรอกนะ อาจเพราะไซส์ของเราที่มันโครตจะแตกต่างกัน
“เด็กดีเขาไม่ทำหน้าบึ้งกันหรอกนะครับ”
“...”
“ไหนบอกผมซิ คุณแม่เคยบอกว่ายังไง”
“เด็กดีไม่ทำหน้าบึ้งใส่คนอื่น” ผมตอบอีกคนพลางกรอกตาไปมา คำพูดของแม่ที่เคยบอกผมซึ่งผมเคยเล่าให้ชานยอลฟังตั้งแต่แรกๆที่เรารู้จักกัน ไม่นึกเลยว่าเขาจะเอามันมาใช้กับผมแบบนี้
“เด็กดีต้องทำยังไงอีกครับ”
“ต้องยิ้ม”
“ไหนละยิ้ม”
ผมค่อยๆฉีกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างจำใจที่สุด เรียกเสียงหัวเราะอีกคนได้อย่างดี ชานยอลขำพลางกุมท้องตัวเองไปด้วย อะไรมันจะตลกขนาดนั้นกัน ชานยอลนี่อารมณ์ดีตลอดเวลาเลยนะ แล้วใบหน้าของเขาตอนนี้มันก็ทำให้ผมยิ้มไปด้วยโดยไม่รู้ตัว นี่ซินะผมเลยโกรธเขาไม่ลงซักที
“เฝ้าร้านดีๆนะรู้ไหมตัวเล็ก”
“ผมตางหากละที่ต้องบอกให้นายกลับบ้านดีๆ”
“ฮ่าๆครับ พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“อืม”
ทันที่ที่เขาเดินออกไป ผมก็ยืนมองอยู่อย่างนั้น ริมฝีปากของผมตอนนี้กำลังคลี่ยิ้มบางๆ ร่างสูงเดินลับไปแล้วตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดพอสมควร ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปในร้านเพื่อทำความสะอาดก่อนจะกลับบ้านซึ่งบ้านผมก็ไม่ได้อยู่ไกลนักหรอก มันก็อยู่ข้างๆร้านดอกไม้ของผมนี่แหละ
หลังจากที่ทำความสะอาดร้านจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินมาที่หน้าร้านเพื่อล๊อกประตูเอาไว้ พรุ่งนี้ผมอาจจะมาเข้าร้านช้าหน่อยเพราะต้องไปเยี่ยมคุณแม่ของผมที่โรงพยาบาลแล้วคอยดูอาการของท่าน ผมเดินออกมาจากร้านเพื่อเลี้ยวเข้าไปในบ้านของตัวเอง ก่อนจะสะดุดตากับช่อดอกกุหลาบที่คุ้นเคยอยู่ไม่น้อยวางพาดอยู่บนตู้จดหมาย ผมเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเพ่งสายตามองดีๆก็พบว่า มันคือช่อกุหลาบที่ผมทำไว้เมื่อตอนเย็น ช่อกุหลาบ .. ที่ควรจะอยู่กับชานยอล
“อะไรกันเนี่ย ทำไมมาอยู่ตรงนี้”
ผมพลิกดูช่อกุหลาบอีกครั้ง เห็นการ์ดแผ่นเล็กๆสีขาวผูกไว้คู่กันอยู่ ซึ่งตอนที่ผมทำช่อกุหลาบนี่ผมไม่ได้ติดมันไว้ ผมพลิกแผ่นการ์ดนั้นขึ้นดูอย่างสงสัย เห็นเพียงตัวอักษร B ตัวเล็กๆแค่นั้น เรียกให้ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ผมเดินเข้าบ้านแล้วเก็บช่อกุหลาบนั้นไว้ในเผื่อพรุ่งนี้เจอกับชานยอลจะได้คืนมันให้กับเขา บางทีเขาอาจจะลืมมันไว้แล้วมีคนเอามันมาวางที่หน้าบ้านของผมก็เป็นได้
ผมขยี้ตาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงแสงแดดที่ส่องเข้ามาแยงตา หันไปดูนาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบแปดโมงแล้ว วันนี้ผมต้องแวะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล จึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว เป็นเวลาเกือบๆหนึ่งชั่วโมงที่ผมอาบน้ำนั้น ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“พี่แบคครับ”
“...”
เสียงอันแสนคุ้นเคยของคิมจงอิน น้องชายข้างบ้านที่ผมนัดกับเขาไว้ว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่ด้วยกัน จงอินกับผมสนิทกันมาตั้งแต่สมัยที่ผมย้ายบ้านมาแรกๆ ก็เกือบจะเจ็ดปีได้แล้ว พ่อแม่ของจงอินอยู่ที่ต่างประเทศ เขาเป็นเด็กขี้เหงาบางทีก็แวะมานอนเล่นที่บ้านผม
“แปปนึง อาบน้ำอยู่” ผมตะโกนตอบอีกคนออกไปพลางรีบล้างตัวเพื่อจะได้ออกไปเปิดประตูให้จงอินเข้ามาทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนจะไปที่โรงพยาบาล เสียงของจงอินเงียบไปซักพัก แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทน คาดว่าตอนนี้จงอินคงเปิดประตูเข้ามาในบ้านของผมแล้วแหละ แล้วเพราะคุณแม่เคยให้กุญแจบ้านสำรองไว้ที่จงอินด้วยนั้น ทำให้ชิวิตประจำวันของผมนั้นไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวมาตลอด เพราะจงอินมักจะชอบโผล่เข้ามาในตอนที่ผมไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้งซึ่งผมชินแล้ว
ทันทีที่ผมอาบน้ำเสร็จผมก็คลุมผ้าเช็ดตัวไว้อย่างแน่นหนา ก่อนที่จะแง้มประตูเพื่อมองออกมาภายนอกว่าจงอินอยู่ส่วนไหนของบ้าน ยังไงตอนนี้ผมก็มีเพียงแค้ผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันเอง แต่มันก็น่าอายอยู่ไม่น้อย ผมส่องสายตาไปจนทั่วก็พบเพียงความว่างเปล่าไม่เห็นร่างของอีกคนอยู่ จึงตัดสินใจเปิดประตู ออกมา แต่ก่อนที่จะได้วิ่งเข้าห้องนอนของตัวเอง ผมก็สัมผัสได้ถึงแขนแกร่งของอีกคนที่มาคว้าที่เอวผมไว้อย่างแรง
“จะเอ๋”
“เห้ย”
ผมทุบไปที่แขนอีกคนแรงพลางบอกให้เขาปล่อยผมออก แต่จงอินเป็นเด็กที่โครตจะกวนตีนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาคงไม่ปล่อยผมง่ายๆหรอก “โหอาบน้ำนานจังครับ ผมรอตั้งนานนะ” จงอินพูดขึ้นพลางทำหน้าเซ็งๆใส่ผม เรียกให้ผมทุบไปที่ไหล่ของเขาแรงขึ้นอีกเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการจากเขาออกไปซักที “ปล่อยก่อน พี่จะไปแต่งตัวเดี๋ยวก็สายหรอก”
จงอินปล่อยผมออกพลางขำเบาๆ ผมเบ้หน้าใส่เขาไปเล็กน่อยก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองแล้วล๊อกประตูไว้แน่น น่าอายชะมัดเลย ..
“ผมนับหนึ่งถึงสาม ถ้าพี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จผมจะเข้าไปแต่งให้พี่”
“....”
“หนึ่ง”
“พี่ล็อกประตูแล้ว นายเข้ามาไม่ได้หรอก” ผมตอบอีกคนพลางใส่เสื้อผ้าตัวเองไปด้วยอย่างเร็ว เพื่อไม่ให้อีกคนต้องรอนาน ผมจึงแต่งตัวสบายๆแบบที่เคยแต่งทุกวัน
“อ่อ พอดีว่ามีกุญแจครับ”
“....”
“สอง”
ทันทีที่แต่งตัวจนเรียบร้อยแล้ว ผมจึงวิ่งไปเปิดประตูแล้วส่งสายตาค้อนๆไปที่อีกคน จงอินยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมาที่ผมอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรก่อนจะยักคิ้วเล็กน้อย “นึกว่ารอให้ผมเข้าไปหาซะอีก” ผมตีไปที่แขนอีกคนแรงๆ “ไอเด็กหื่นกาม”
หลังจากที่ผมกับเขาตีกันมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะสิบโมงแล้ว พวกเราจึงรีบกินข้าวเช้ากันอย่างเร็วเพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะก่อนเที่ยงผมต้องรีบกลับมาเปิดร้านอีก “ค่อยๆกินก็ได้ครับ โรงพยาบาลมันไม่หนีไปไหนหรอก” จงอินพูดขึ้นพลางตักข้าวคำโตเข้าปากของเขาไปด้วยแล้วเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี ต่างจากผมที่ตอนนี้ข้าวแทบจะติดคอไปหมดเพราะพยายามเร่งกินให้ไวที่สุด
ผมเงยหน้ามองจงอินแก้มตุ่ยพลางบ่นอุบอยู่เบาๆ “ผมจำได้นะ ว่าคุณน้าชอบบอกว่าพี่กินข้าวซกมก” จงอินพูดพลางเอื้อมมือมาปัดเศษข้าวที่มุมปากของผมออกเบาๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เขาทำแบบนี้ ผมกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจคำพูดของเขาซักเท่าไหร่ ก่อนจะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากแล้วยกชามเข้าไปเก็บในห้องครัวแล้วจึงไปเร่งจงอินให้รีบกินข้าว เพื่อไม่ให้สายไปมากกว่านี้
ผมลากจงอินออกมาจากบ้านด้วยความยากลำบากเพราะเขามัวแต่อยากกินไอศกรีมในตู้เย็นของผมอยู่นั่นแหละ “นี่นายกำลังจะทำให้พี่ไปสายนะ” ไม่ทันที่จงอินจะตอบอะไรกลับมา สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นร่างสูงของอีกคน คนที่ชอบแวะมาที่ร้านของผมอยู่ตลอด ‘ปาร์คชานยอล’
ชานยอลส่งสายตามองผมกับจงอินสลับกันไปมาอย่างมึนงง จงอินที่เห็นแบบนั้นจึงเอยขึ้นอย่างหาเรื่องไม่น้อย “มองไรครับไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไง” ชานยอลย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจในคำพูดของจงอินแล้วหันมามองที่ผม “มัวทำอะไรอยู่ ผมมารอนายตั้งแต่เช้าแล้วนะ” คำพูดของชานยอลเรียกให้ผมสงสัยอยู่ไม่น้อย ปกติเขาจะมาแค่อาทิตย์ละครั้ง แต่นี่เมื่อวานเพิ่งมา ทำไมวันนี้ถึงมาอีก หรือจะมาเอากุหลาบคืน
“ถ้าจะมาเอาดอกไม้อะ รอก่อนได้ไหมผมต้องไปหาแม่ก่อน”
“ไปหาแม่” ชานยอลเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยความสงสัยจนตอนนี้ดวงตาของเขาจากที่มันโตอยู่แล้วนั้นมันโตขึ้นกว่าเดิมประมาณสามเท่า ก่อนที่ชานยอลจะเอ่ยคำพูดนึงออกมาที่ทำให้จงอินฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ
“ไปด้วยได้ปะ”
ตอนนี้ผมกับจงอินกำลังนั่งอยู่บนรถของชานยอล ที่กำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลกลางเมืองซึ่งอยู่ไกลพอสมควร จงอินนั่งกอดอกอยู่ที่เบาะหลังด้วยใบหน้าที่ติดจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ต่างจากชานยอลที่กำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดี ผมที่โดนชานยอลลากมานั่งที่เบาะข้างคนขับอยู่ ตอนนี้รู้สึกกดดันอยู่เล็กน้อย เพราะจงอินกับชานยอลไม่ถูกกันมาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ผมรู้จักกับชานยอลแล้ว เหตุผลหนะหรอ แค่เพราะชานยอลเผลอทำเข็มของกุหลาบไปขูดแขนจงอินเท่านั้นเองแหละ ตั้งแต่นั้นมาจงอินก็ไม่เคยเข้ามาที่ร้านของผมอีกแล้วเวลาที่ชานยอลอยู่ด้วย
“หนาวหรอตัวเล็ก นั่งสั่นเชียว”
“อือหนาว”
ชานยอลเอื้อมมือไปปรับแอร์ให้เบาลง ก่อนที่จะดึงมือของผมไปกุมเอาไว้แน่น “มือเย็นเฉียบเชียวนะ” ผมรีบชักมือออกมาด้วยความตกใจในการกระทำของเขา ชานยอลเหล่ตามองมาที่ผมแล้วยกยิ้มขึ้นอย่างที่เขาชอบทำ ผมแกล้งเหม่อมองไปทั่วรถก่อนที่สายตาจะเลือบขึ้นมองกระจกที่ส่องไปที่เบาะหลังเห็นจงอินส่งสายตาที่เรียกได้ว่าโครตจะก้าวร้าวมองมาที่ชานยอลอยู่ทำให้ผมต้องรีบหลุบตาลงแล้วภาวนาขอให้ถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย
หลังจากเวลาแห่งความอึดอัดผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาลกลางเมือง ผมรีบวิ่งลงจากรถโดยลากจนอินไปด้วย ก่อนที่ชานยอลจะเอื้อมมือมาดึงต้นแขนของผมเอาไว้ แล้วดึงให้ผมไปอยู่ข้างๆเขา ผมหันหน้ากลับไปมองชานยอลด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมแต่โดยดีเพราะสีหน้าหงุดหงิดของชานยอลนั้นทำให้ผมไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป ซึ่งนี้ก็คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้จงอินหงุดหงิดจนต้องเดินหนีออกไปก่อน
การเป็นคนกลางนี่ลำบากใจจริงๆ ..
ผมเดินตามจงอินมาจนถึงห้องพักของคุณแม่ของผม จงอินเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยมีผมและชานยอลตามเข้าไปติดๆ ในห้องมีพยาบาลคนนึงนั่งเฝ้าอยู่ ก่อนที่เธอจะพูดออกมาเบาๆ “คนไข้พักอยู่ อย่ารบกวนนะคะ” ผมพยักหน้าเล็กน้อยตอบไปแล้วจึงเดินเอากระเช้าผลไม้ไปวางไว้ที่โตะข้างๆทีวีก่อนจะนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน
“แม่นายป่วยหรอ” ชานยอลที่เขามานั่งข้างๆผมตอนไหนไม่รู้อยู่ๆก็เอ่ยถามกึ่งกระซิบเบาๆที่ข้างหูผม “อือ เป็นมะเร็งหนะ” ผมเอ่ยตอบอีกคน ก่อนที่ชานยอลจะเงียบลงเหมือนไม่อยากจะรบกวนผม
“พี่ ผมว่าคุณน้าคงยังไม่ตื่นง่ายๆหรอก ไว้วันหลังค่อยมาใหม่ดีกว่าไหมครับ”
“อืมยังไงก็ได้” ผมลุกออกจากโซฟาก้าวไปที่ข้างเตียงผู้ป่วยแล้วลูบมือของคุณแม่สุดที่รักเบาๆ “แม่ครับเดี๋ยวผมมาหาใหม่นะ รักแม่นะครับ” ก่อนที่จะกลับผมได้ให้พยาบาลประจำฝากบอกแม่ของผมด้วยว่าผมแวะเข้ามาตอนที่ท่านหลับ ผมกลัวว่าท่านจะน้อยใจหาว่าผมไม่ยอมไปเยี่ยมอีกเพราะปกติเวลาผมมาเยี่ยมท่าน มักจะเป้นเวลานอนของท่านเสมอ
อาการของแม่ไม่ได้หนักมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่ควรระวัง เพราะอาการคงที่อยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ตอนนี้โรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สองของท่านไปแล้ว แล้วผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาไปเยี่ยมซักเท่าไหร่เพราะปกติก็ต้องดูแลร้านให้ดีตามที่คุณแม่ได้ฝากไว้ จะมีเวลาไปเยี่ยมท่านทุกอาทิตย์ในช่วงเช้าเท่านั้น
ขากลับบนรถมีแต่ความเงียบ จงอินนั่งหลับอยู่เบาะหลังที่เดิม ชานยอลขับรถอยู่นิ่งๆจนผมรู้สึกอึดอัดเลยพยายามจะหาเรื่องชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบนั้น
“อ่านี่ชานยอล”
“หือ”
“ดอกกุหลาบของนายเมื่อวานอะ อยู่ที่บ้านผมนะ”
“...”
“เดี๋ยวเข้าไปเอาให้”
“...”
“ขอบคุณนะที่วันนี้พาไปเยี่ยมแม่หนะ”
“นี่แบค” ชานยอลเอ่ยขึ้นด้วยนสียงจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนที่จะช้อนสายตามองไปที่อีกคน ซึ่งเขายังคงทำหน้านิ่งขับรถอยู่
“มีอะไรหรอ” ผมเอ่ยถามอีกคนออกไปด้วยความสงสัย เพราะปกติน้ำเสียงของชานยอลจะขึ้เล่นอยู่เสมอซึ่งแตกต่างจากครั้งนี้ น้ำเสียงของเขาดูเหมือนมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูด
“ที่วันนี้ไปหาอะ”
“...”
“มีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
ผมเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เรื่องจะคุยด้วยงั้นหรอ ชอนยอลเหลืบตามองมาที่ผมก่อนจะหันหน้าไปมองถนนต่อ ใบหน้าของเขาขึ้นสีเล็กน้อย อีกทั้งยังมีอาการเก้ๆกังๆนั่นอีกยิ่งทำให้ผมสังสัยมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว เขาจะพูดเรื่องอะไรกันนะ
“หือ”
“พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์”
“...”
“ไปเที่ยวกันไหม”
TBC
:) Shalunla
ความคิดเห็น