คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ✿even though {I} 100%
บรรยากาศการรับน้องนั้นก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ พี่ปีสองบางคนก็มัวแต่เล่นบาสกันอยู่ ส่วนพี่ปีสามผู้หญิงก็แข่งกันเด้งนมเพลงแน่นอกอย่างไม่อายใคร ช่างเป็นบุญตาของผมจริงๆเลย .. นมนี่ยิ่งกว่าลูกแตงโมอีก โดยเฉพาะรุ่นพี่จีนา โห .. นี่พี่แกยัดส้มโอมาหรือเปล่า ? มายไอดอลเลยครับคนนี้ ..
“นี่จงอิน ” คนที่นั่งข้างๆผมนี่สะกิดผมมาชั่วโมงกว่าละ ตั้งแต่คุยกันในห้องน้ำ ผมก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ คยองซู คือผมไม่ได้อยากจะรู้จักด้วยนักหรอกนะ แม่บอกว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า ผมเด็กดีใช่ไหมละครับ แต่นายนี่ตามผมไม่หยุดเลยแล้วยังเรียกชื่อผมมาตั้งแต่สิบโมง จนตอนนี้จะเที่ยงแล้ว คนมีสมองเขาคงรู้นะว่าผมไม่อยากจะคุยด้วยซักเท่าไหร่
“….”
“จงอินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน” เสียงเล็กๆของอีกคนเริ้มทำให้ผมรำคาณแล้วนะ “อะไรของนายเนี่ยนายเรียกผมไม่หยุดเลยนะ” แม่งรบกวนจริงๆเห็นไหมว่าพี่ปีสามนมตูมๆกำลังเต้นแน่นอกกันอยู่ สวดยอดอะ “นี่นายเห็นพี่คนนั้นไหม?” คยองซูถามพลางชี้มือไปที่กลุ่มผู้ชายกลุ่มนึง “หือ .. คนไหนอะ” แล้วกูจะรู้ไหมครับบบบบ แม่งมีตั้งหลายคน แล้วพวกรุ่นพี่ผู้ชายนี่ไม่คิดจะทำห่าไรกันเลยหรอ เห็นนั่งกินนอนกินกันอยู่ข้างเวที วู้ .. ไม่ไหวเลยจริงๆ
“นั่นอะ คนที่ตัวสูงๆขาวๆนั่นไงงงง โครตหล่อ ..” ผมมองไปตามนิ้วเรียวของอีกคน เจอผู้ชายตัวสูงๆยืนอยู่ ที่ป้ายห้อยคอของเขาเขียนไว้ว่า ‘พี่ชานยอล’ “แล้วมาบอกผมทำไม ?” ผมหันไปถามอีกคนด้วยหน้ามึนๆ คือเอาจริงๆนะผมไม่ได้อยากรู้อะว่าเขาชอบใครหรืออะไรยังไง คือนั่งเงียบๆก็ได้ไง ถ้าผมถามนั่นก็อีกเรื่องนึง ขณะที่ผมนั่งมองพี่ปีสามเต้นแน่นอกอยู่นั่น อยู่ดีๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งหัวแม่งสีรุ้งเด่นมากเลยขึ้นไปบนเวที ข้างๆพี่จีน่าของผม!! ไอตี๋นั่นใครวะ.. ผมมองอย่างไม่สบอารมณ์นัก จะว่าหวงก็ไม่เชิงหรอกนะ คือผมเห็นพี่จีน่าก่อนเขาต้องเป็นของผมดิ แล้วไอตี๋นั่นก็ทำหัวซะสีรุ้งเชียว คิดว่าหล่อมากปะ ? แล้วดูมันเต้นแน่นอกดินมก็แบนไงยังเสล่อขึ้นไปเต้นบนเวทีอีก โอ้ยยย ผมมองไปที่ป้ายชื่อของมัน หึ เซฮุนหรอ เดี๋ยวเจอหลังไมค์ครับ
“เห้ยไอคยองซูทำไมไม่กินหมูวะ” ผมตักหมูในจานข้าวมันมากินอย่างหน้าด้านๆ ไอคยองซูนี่แปลกคนจริงๆเลย เห็นมันนั่งเขี่ยหมูไปมาแล้วบ่นไรงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว ตอนนี้ก็เวลาพักแล้ว หลังจากที่นั่งมองเต้างามๆของพี่ปีสามมาเกือบทั้งวัน ผมกับคยองซูก็มานั้งเติมกำลังกันที่โรงอาหารละครับ “เห้ย! จงอินอย่ากินหมูนั่นนะ!!!” ไม่ทันแล้วครับ เข้าปากเรียบร้อย “ทำไมว้ะ กลัวหมูมันดิ้นหรอ 5555555555555555555” ผมเคี้ยวหมูอย่างไม่ค่อยสนใจอีกคนซักเท่าไหร่ ก็มันไม่กินเอง ผมก็กินแทน ผมไม่ผิดใช่ปะ ?
“ก็เมื่อกี้อะนกมันมาขี้ใส่จาน โดนหมูเต็มๆเลยนะ นายอะกินไรไม่ดูตาม้าตาเรือไอดำบ้า!”โหยนึกว่าอะไร .. หะขี้นก ! “อุ้บ” โหยแม่งก็ว่ารสฟาดๆ ไม่รอช้าครับสองขาวิ่งไปไวกว่าความคิด ตอนนี้หยุดที่หน้าถังขยะอ้วกแทบพุ่ง “นี่นายเป็นไรหรือเปล่า” ผมรู้สึกได้ถึงมืออีกคนที่มาลูบหลังผมช้าๆ ไรวะคนอ้วกอยู่นี่ก็มายุ่งจัง “เห้อออ ..” ทันที่ที่ปลดปล่อยก้อนเนื้อที่แย่งจากคยองซูเสร็จ พอเห็นหัวสีรุ้งอย่างกับเส้นสายไหมของมันเท่านั้นแหละ
ไอเซฮุน .. มารหัวใจ
“เห้ยไอตี๋มายุ่งไรวะ” ผมถามอีกคนอย่างเอาเรื่องมันน่านักนะมายุ่งกับพี่จีน่าของผมเนี่ย “นายเป็นไรหรือเปล่าไปห้องพยาบาลไหม” เซฮุนถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง โหแม่งคนดีไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเคืองมันน้อยลงหรอก
“ไม่ได้เป็นไร เออขอบใจ” ผมเดินหนีออกมาทันที ไม่อยากเจรจาด้วยเท่าไหร่ครับเดี๋ยวกำปั้นงามๆจะได้ไปกระทบหน้าตี๋ๆของมัน “เดี๋ยวก่อนซิ ” เซฮุนวิ่งมาเกาะแขนผมไว้แน่น ไม่พอยังซุกหน้ามาที่ไหล่ผมอีก ผมหันกลับไปมองเห็นเซฮุนมองหน้าผมตาแป๋วๆอยู่ “อะไร” เซฮุนมองมาที่ป้ายชื่อผมแล้วยิ้มออกมาช้าๆ “อ่า .. ชื่อจงอินหรอ ผมชื่อเซฮุนนะ” เออออ รู้นานแล้วครับบบชื่อป้ายสีชมพูของมันเขียนอยู่ว่า ‘เซฮุนมุ้งมิ้ง’
“ผมอยากรู้จักนาย” เซฮุนไม่พูดเปล่าพลางยื่นหน้ามาใกล้ผม ริมฝีปากเล็กกระซิบอยู่ข้างหูเบาๆ ก่อนที่นิ้วเรียวของเขาจะค่อยๆลูบไปไปตามจ้นแขนของผมช้าๆ .. เห้ย ผมกำลังโดนลวนลาม นี่มันในมหาลัยนะ ! “อะไรของนายเนี่ย” ผมมองอีกคนอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ก็ป่าว นายน่ารักดีออก เรามาเป็นเพื่อนกันไหมละหืม .. จงอิน ?” ไอหัวรุ้งมองหน้าผมก่อนจะขำออกมาเบาๆ มือเล็กๆนั่นก็อยู่ไม่สุขเริ่มจับสะเปะสะปะไปทั่ว ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผมสะบัดแขนออกแล้วเดินหนีไปโดยไม่สนใจอีกคนเลยซักนิดอะไรวะ อารมณ์หงุดหงิดเพิ่มขึ้นจากที่ตอนแรกเรื่องพี่จีน่า นี่มาอยากรู้จักผมอีกไอเซฮุนนี่มันมารชัดๆ บอกตรงๆว่าไม่อยากจะเสวนากับมัน
พลั่ก!!
“โอ้ย!” ด้วยอารมณ์หงุดหงิดและว้อกแวกของผมทำให้ผมเดินชนอีกคนโดยไม่ตั้งใจ อะไรกันหนักหนา นี่มันวันอะไรว้ะ ! “เดินดูทางหน่อ .. !” ขณะที่ผมกำลังจะหันไปตวาดอีกคนนั้น ร่างเล็กที่ก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นก็เงยหน้ามองมาทีผม ที่ขอบตามีน้ำตาซึมอยู่นิดหน่อย คงจะเจ็บไม่น้อย ผมรีบพยุงอีกคนขึ้นอารมณ์หงุดหงิดเมื่อกี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้
“เจ็บไหมครับ อ่า พี่แบคฮยอน” ผมมองไปที่ป้ายชื่ออีกคน น่าจะเป็นพี่ปีสามเพราะที่ป้ายชื่อสีส้มของอีกคนเขียนไว้ชัดเจน คนตัวเล็กที่เกาะแขนผมอยู่ หน้าดูบูดบึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะร้องออกมาเบาๆ “โอ้ย .. เบาๆหน่อยซิ” พี่แบคฮยอนเงยหน้ามามองผม ตาเริ่มแดงเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมา ตายละ นี่ผมชนแรงขนาดนั้นเลยหรอ ??
“เห้ยแบค!!” เสียงใหญ่ๆของอกคนนึงดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงของเขาจะวิ่งมาพยุงตัวอีกคนออกไปจากผม ‘พี่ชานยอล’ ผมมองไปที่สองคนพี่ชานยอลหันมามองผมด้วยหน้าเซ็งเล็กน้อย “แบคเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่ชานยอลมองพี่แบคฮยอนด้วยสาตาที่แสนจะเป็นห่วง ไม่ต่างจากสายตาผมตอนนี้ซักเท่าไหร่ ก่อนที่พี่ชานยอลจะหันมาที่ผม
“น้องครับคราวหน้าเดินระวังหน่อยนะครับ แล้วมหาลัยเรารุ่นน้องมีสัมมาคาระวะต่อรุ่นพี่ ทำผิดก็พูดคำว่าขอโทษหน่อยเถอะครับ ไม่ใช่อ้ำอึ้งแบบนี้ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไง ?” พี่ชานยอลพูดพลางมองหน้าผมอย่างเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย นี่เขาห่วงพี่แบคฮยอนขนาดนั้นเลยหรอ ? “ชานยอลอาไม่เอาน่า น้องเขาคงไม่ได้ตั้งใจ” พี่แบคฮยอนหันมายิ้มให้ผมบางๆ แต่มันกลับทำให้ก้อนเนื้อที่อกซ้ายผมมันเต้นแรงอย่างไม่น่าเชื่อ “ขอโทษครับ” ผมเอ่ยออกไปอย่างเหม่อลอย สายตายังจ้องไปที่พี่แบคฮยอนอยู่
ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พี่ชานยอลกับพี่แบคฮยอนเดินไปไหนกันแล้วผมก็ไม่รู้ ในหัวผมตอนนี้ มีแต่ใบหน้าและรอยยิ้มของพี่แบคฮยอนค้างอยู่ .. นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า รักแรกพบ ..
“เห้ยจงอินหายไปไหนมาตั้งนาน” คยองซูที่มาจากไหนไม่รู้ วิ่งมาที่ผมก่อนจะเขย่าตัวผมแรงๆ ตอนนี้ผมเบลอไปหมดเลยแหะ “อ .. อ่า ป่าวไม่มีอะไร เดินเล่นเพลินไปหน่อยหนะ” ผมตอบโดยไม่ได้มองหน้าคยองซูเลยซักนิด ตอนนี้นี่ผมเหมือนคนอึนๆเลยวะ นี่ผมเป็นอะไร “เดินเล่น ทั้งที่นายเพิ่งกินขี้นกเข้าไปเนี่ยนะ !” คยองซูมองผมตาโต ติดจะอึ้งเล็กน้อย นี่ปกติก็ตาโตอยู่แล้วนี่นะ แล้วดูตอนนี้ดิ เหมือนนกฮูกเลยให้ตายเถอะ ผมสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ความคิดเรื่องพี่แบคฮยอนออกไป ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปเห็นไอหัวรุ้งที่ยืนอยู่ข้างๆต้นก้ามปูประจำมหาวิทยาลัย ‘เซฮุน’ เขากำลังยิ้มแล้วมองมาที่ผม
การรับของคณะนิเทศน์ยังคงดำเนินต่อหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เมื่อรุ่นพี่ปีสามและปีสีละเล็งสีลงบนหน้าพวกน้องปีหนึ่งจนสมใจแล้ว ผมกับคยองซูนั่งหน้าเซ็งกันอยู่ที่ข้างศาลา หน้านี่ล้างตั้งนานกว่าสีจะออกหมด โดยมีเซฮุนมานั่งอยู่คั่นกลางระหว่างผมสองคน ก็นั่นแหละครับ .. คยองซูลากเซฮุนมาอยู่ด้วยโดยอ้างเหตุผลว่า เข้ามหาลัยวันแรก ควรสร้างมิตรไว้เยอะๆ ซึ่งผมไม่ได้อยากจะสุงสิงกับใครนักหรอกครับ ผมไม่ชอบอะไรที่มันเสียงดังๆ น่าเบื่อชะมัดเลย
“นี่จงอิน” เสียงหวานๆของเซฮุนพูดขึ้นโดยมีปลายนิ้วของเขามาลูบๆอยู่แถวแก้มผม ผมหันกลับไปมองเซฮุนตาขวาง อะไรอีกวะ นี่ก็ขยันกวนกันจัง “ แก้มนายเปื้อนสีอะ” เซฮุนยิ้มออกมาบางๆโดยที่ปลายนิ้วของเขาก็ลูบแก้มผมอยู่อย่างนั้น ก็แน่ละ พี่ปีสามละเล็งสีผมแก้มผมกันใหญ่ ไม่พอนะยังวาดดอกไม้สีชมพูใส่อีก หมดหล่อเลยครับ นี่ขนาดล้างออกไปแล้วนะ มันยังไม่หมดอีกหรอ ?
ผมเหม่อหน้ามองออกไปที่หน้าเวที่ซึ่งตอนนี้มีพี่ปีสามบางคนกำลังจัดเตรียมกิจกรรมต่อไปอยู่นั้น ก็ได้เห็นพี่แบคฮยอนอีกครั้ง นี่เขาอยู่คณะเดียวกับผมหรอ ? พี่แบคฮยอนกำลังนั่งตัดกระดาษอยู่เงียบๆโดยมีรุ่นพี่อีกคนที่ตัวขาวนี่ยิ่งกว่าคนเรืองแสงซะอีก จากป้ายชื่อ ก็ได้บอกผมว่าพี่เขาชื่อ ‘ซูโฮ’ ควาดว่าตอนแม่ท้องคงรับประทานหลอดไฟนีออนเข้าไปพอสมควร ต่างจากคุณนายคิม ที่มักจะบอกผมเสมอว่าตอนท้องผมพี่แกอยากกินถ่าน .. ไม่น่าละ
“จงอินเหม่ออะไรอ่า” เสียงใสของคนข้างเรียกผมขึ้นอีกครั้ง สายตาผมเหลือบหันไปมองเขาอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ในขณะที่นิ้วเรียวของอีกคนก็ยังลูบๆอยู่แถวๆแก้มผม “นี่นายเป็นคนชอบเหม่อแบบนี้อยู่ตลอดเลยหรอ ?” เซฮุนถามผมขึ้น แล้วคยองซูเองก็โผล่หัวออกมามองผมด้วยตาโตๆนั่นอีกคน “ เอ้ออ จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันนายแทบไม่พูดอะไรเลยนะจงอิน” คยองซูถามขึ้น นี่จะถามอะไรกันมากมาย ก็ผมเป็นคนเงียบแบบนี้อะ จะให้ผมตอบยังไง “ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่ชอบพูด ขี้เกียจพูด เมื่อยปาก” ไม่ใช่เพราะผมหยิ่งหรอกนะ แต่กับคนที่เพิ่งรู้จักกันจะให้อยู่ๆไปคุยเหมือนรู้จักกันมาสิบชาติมันก็กะไรอยู่
“เด็กนิเทศน์รวมตัวจ้าาาาาาาา” เสียงหวานๆของรุ่นพี่จีน่าตะโกนขึ้นอีกครั้ง พวกผมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในศาลาแหล่งจัดกิจกรรมของพวกเราในวันนี้ “ พี่จะให้น้องๆปีหนึ่งจับกลุ่มกันกลุ่มละห้าคนแล้วไปตะลุยด่านกิจกรรมกันนะจ้ะ” ดาวคณะคนสวยอย่างพี่จีน่าพูดพลางยิ้มหวานให้รุ่นน้องปีหนึ่ง ทำเอาพวกผู้ชายหลงละเมอกันไปหลายคน แล้วผมก็เป็นหนึ่งในนั้น .. “โดยที่พี่ๆปีสี่จะเป็นคนจัดกลุ่มให้นะค้า” หลังจากนั้นพวกพี่ปีสี่ก็พากันมาลากตัวพวกเราเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละห้าคน โดยกลุ่มผมมี ผม เซฮุน เทา นาอึนและจงแด อยู่ด้วยกัน คยองซูซึ่งโดนจับแยกกลุ่มไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ เพราะผมอ่านป้ายชื่อเขาไม่ทัน
แล้วตอนนี้ผมกำลังนั่งมองหน้านาอึนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มอยู่ ไม่ใช่อะไรนะคือผมได้ยินข่าวมาว่าเธอคนนี้เป็นแฟนกับแทมินปีสองคณะสถาปัตถ์ .. นั่นเดือนมหาลัยเลยนะนั่น “ นี่จงอิน” อีกแล้วครับเสียงอย่างงี้เซฮุนอีกแล้ว นี่ผมกำลังสำรวจหน้าตาสาวสวยของคณะเราอยู่นะ ไอตี๋หัวรุ้งนี่ก็ชอบมากวนจัง ผมชักจะรำคาณมันละ ถ้ามันเรียกผมอีกทีผมกะจะต่อยหน้ามันแล้วจริงๆ “ดีใจจังได้อยู่กลุ่มเดียวกันด้วย” เซฮุนพูดขึ้นก่อนจะยิ้มให้ผม คิดว่าน่ารักมากกปะ ถ้าเลือกได้ผมละอยากอยู่กับคยองซูมากกว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่ค่อยพูดมาก แล้วไม่แต้ะอั๋งผมบ่อยเท่าไอหัวรุ้งนี่ “ อืม แล้วนี่ต้องทำไรต่ออะ” ผมหันไปถามนาอึนโดยไม่ได้สนใจไอตี๋เลยซักนิด “เห็นจีน่าออนนี่บอกว่าจะให้ตะลุยด่านหนะ นั่นไงด่านแรกของเรา” นาอึนชี้ไปที่ซุ้มกิจกรรม มีป้ายตัวใหญ่ว่า ‘กระดาษมหาปะลัย’ โดยมีพี่หลอดนีออน เอ้ย .. พี่ซูโฮยืนยิ้มหน้าบานอยู่
“สวัสดีครับน้องๆปีหนึ่งเย้ๆ” พี่ซูโฮพูดขึ้นหลังจากที่พวกผมทั้งห้าคนเดินเข้ามาให้ฐานกิจกรรมหลังจากที่พวกเราได้แนะนำตัวกันไปแล้ว พี่เขาก็เริ่มอธิบายกิจกรรมของเขาให้พวกผมฟัง“พี่จะให้กระดาษน้องๆคนละหยึ่งแผ่นนะครับ แล้วจะให้น้องพับให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาละครับพับได้เลย” ผมนั่งมองแผ่นเอสี่ในมืออย่างงุนงงง อะไรวะ ทำไมต้องให้พับกระดาษ นี่คณะพับนกหรือเปล่า โถ่ ผมหันไปเห็นเซฮุนกับเทานั่งพับกระดาษอย่างขมักเขม้น
จะว่าไปตั้งแต่จับกลุ่มกับเทา ผมคุยกับมันแค่คำเดียวเท่านั้นแหละ คือเอาตรงๆปะ มันพูดสำเนียงอะไรของมันก็ไม่รู้อะผมฟังไม่รู้เรื่องเลยไม่คุยด้วยแม่งเลย “เห้ยจงอินทำไมไม่พับละ” จงแดทักขึ้นแล้วขยับมานั่งข้างผม “นี่ที่บ้านไม่สอนพับกระดาษหรือไง 55555555555” กวนครับเดี๋ยวจะได้ต่อยไอเตี้ยนี่ซักวัน นี่คือคำแรกที่มันทักผมในวันนี้ ไอนี่มันปากดีนัก
ผมนั่งพับกระดาษโดยมีนาอึนช่วยอยู่ข้างๆ พยายามจะพับให้เล็กนะครับแต่แม่งพับยากเกิน ที่บ้านไม่เคยสอนพับกระดาษหรอก ตั้งแต่เกิดมา คุณนายคิมก็ไม่เคยสอนอะไรนอกจากนั่งฉี่แล้วหละ ผมหันไปมองเซฮุนอีกครั้ง ตอนนี้กระดาษของมันเล็กมาก เล็กกว่าเล็บตีนผมอีกด้วยซ้ำ นี่จะไปชิงแชมป์พับกระดาษหรือไงก็ไม่รู้นะ “เอาละครับน้องๆ พอพับเสร็จแล้ว พี่จะให้น้องๆขึ้นไปยืนแผ่นกระดาษนะครับโดยที่เท้าห้ามเลยแผนกระดาษนั้นออกมา ใครล้มก่อนคนนั้นแพ้ครับ !” หลังจบเสียงของพี่ซูโฮนั้น ผมได้เหลือบมองหน้าเซฮุนอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้จากหน้ามันที่ขาวๆอยู่ มันซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะมีประโยคที่แสนจะหดหู่เอ่ยออกมาจากพี่ซูโฮเดือนคณะของเรา คาดว่าเซฮุนคงไม่อยากพับกระดาษอีกตลอดชีวิตก็เป็นได้ “ส่วนคนแพ้” พี่ซูโฮพูดด้วยเสียงเยือกเย็นก่อนจะชูจานใบหนึงขึ้นมา “ต้องกิน .. ปูดองเค็มครับ”
“แอ่กกกก .. อุบ” “เห้ยไหวป่าวไอตี๋” ผมลูบหลังไอเซฮุนซึ้งตอนนี้มันกำลังเกาะถังขยะอยู่ข้างๆซุ้มพี่ซูโฮ แน่นอนละครับว่าคนแพ้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอเซฮุนมันแหละ ใครใช้ให้แม่งเป็นเซียนพับกระดาษครับ น่าสงสารจริงๆเลย
หน้าเซฮุนตอนนี้ซี้ดมากแล้วผมก็เป็นห่วงมันอยู่เหมือนกัน ตอนที่ผมรับประทานขี้นกเข้าไปมันยังห่วงผมเลย ตอนนี้ผมก็ควรจะห่วงมันบ้างแหละนะ “ชาตินี้จะไม่พับกระดาษแล้ว ..” เสียงไอฮุนพูดเบาๆ ทำเอาผมขำขึ้น “ขำอะไรจงอิน” เซฮุนเบะปากมองมาที่ผม น่าสงสารจริงๆเลยนะเนี่ย แต่ขอโทษทีครับ กูขรรมส์ ..
หลังจากเซฮุนอุ้แหวะออกจนหมดแล้ว ผมก็พามันเวียนฐานมาเรื่อยๆ นี่ก็ผ่านมาสามด่านแล้ว พวกผมก็พลัดกันแพ้ชนะบ้าง ไอเทาที่โดนให้กินใบมะกรูดสดๆนี่ก็อ้วกแทบพุ่งอยู่เหมือนกัน ผมแอบเห็นน้ำตามันนิดๆ ส่วนไอจงแดน่าสงสารสุดเลยก็ว่าได้ เพราะมันโดนทำโทษให้ถอดเสื้อท่อนบนครับ .. ไม่พอ ยังโดนพี่ลู่ห่านปีสี่ เอาน้ำนมสดๆเทราดไปทั่วตัว ตอนนี้ผมยังได้กลิ่นน้ำนมจากตัวมันอยู่เลย น้องนาอึนนี่โชคดีนะครับ ไม่โดนห่าอะไรเลย ทำบุญมาด้วยอะไร สวยไม่พอเสือกดวงดีอีก จะว่าไปผมเองก็ยังไม่เคยโดนทำโทษเลยเหมือนกันนะเนี่ย
“สวัสดีครับน้องๆทุกคนนนนน” เสียงหวานอันคุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง ผมหันไปมองเห็นคนตัวเล็กๆคนนึงยืนอยู่หน้าซุ้มปาลูกโป้ง เขายิ้มหวานส่งมาทางพวกผม .. มันทำเอาหัวใจผมแทบหยุดเต้น
TBC
ความคิดเห็น