ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Last Fic SJ] ----oooo 'หลงรัก' >>> EunHae, WonKyu

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 วันเกิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      8
      3 ส.ค. 54

     

    Chapter 13

    วันเกิด

     

                บนถนนยามค่ำคืนของโซลไม่ได้มีรถวิ่งขวักไขว่อย่างเช่นตอนกลางวัน เสียงเพลงจากวิทยุในรถยังคงดังอยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังเลย ในที่สุดทงเฮก็ทนไม่ไหวจนต้องเอื้อมมือไปปิด

     

                “คุณครับ ทงเฮหิวข้าว” ใบหน้าอ่อนหวานหันไปบอกผู้ที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่ ไม่รู้ว่าเขาได้ยินคำพูดนั้นหรือไม่ แต่ในที่สุดแล้วเขาก็หักพวงมาลัยเข้าไปจอดที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างทาง

     

                “ดึกแล้ว ร้านอาหารหรูๆ ในเมืองคงปิดกันหมด” ซีวอนเอ่ยบอก ก่อนจะพาทงเฮไปนั่งในร้าน

     

                ทงเฮสั่งบะหมี่มาชามหนึ่ง ในขณะที่ซีวอนหันไปสั่งโซจูมานั่งดื่มเงียบๆ เขาไม่อยากมองหน้าทงเฮให้มากกว่านี้ เพราะยิ่งซีวอนเห็นหน้าของทงเฮมากเท่าไร ใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของคยูฮยอนก็จะแวบเข้ามาในความคิดของเขาเสมอ

     

                ตอนนี้คยูฮยอนคงยังไม่หลับ

     

                หรือถ้าหลับ...ก็คงหลับไม่สนิทหรอก ในเมื่อสามียังไม่กลับบ้านทั้งคน

     

                “คุณหมอไม่ทานด้วยกันเหรอครับ?” ทงเฮเงยหน้าขึ้นถาม หลังจากซีวอนยกแก้วเล็กๆ ขึ้นดื่ม รับรสชาติขมปนฝาดผ่านลงลำคอ

     

                “ผมไม่หิว คุณกินเยอะๆ เถอะ เด็กกำลังโตต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ”

     

                เขาพูดเหมือนที่คนเป็นหมอควรจะพูด แต่ทงเฮกลับทำหน้าง้ำงออย่างไม่พอใจ

     

                “ทงเฮไม่ใช่เด็กนะครับ”

     

                “ตอนเด็กๆ ผมก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วกลับรู้ว่าชีวิตเรายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แท้จริงแล้วทุกคนก็ยังเป็นเด็กเสมอ”

     

                ทงเฮมองคนตรงหน้าที่กำลังพูดสอนเขา ซีวอนจะพูดจาหรือจะขยับตัวไปทางไหน ทงเฮก็เห็นดีเห็นงามไปเสียหมด มือเรียวจับตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปาก ก่อนจะเอ่ยคำ

     

                “ถ้าคุณหมอเป็นเด็ก ทงเฮก็จะเป็นเด็กเหมือนกัน”

     

                “คุณนี่ตลกจัง” ซีวอนแค่นหัวเราะเบาๆ ออกมา ถึงมันจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นนิดหน่อย แต่สุดท้ายมันก็กลับมาอึดอัดอีกครั้ง

     

                ทงเฮทำตัวไม่ค่อยถูก ตลอดเวลาที่นั่งกินบะหมี่ เขาเอาแต่คิดว่าจะพูดอะไรออกไป จะกินบะหมี่คำเล็กใหญ่แค่ไหน จะวางมือไว้ตรงไหน หรือจะนั่งท่าไหนดี

     

                ทุกๆ อย่างมันทำให้ทงเฮไม่เป็นตัวของตัวเอง

     

                รู้สึกเหมือนกำลัง...ออกเดทครั้งแรก

     

                “อิ่มแล้วเหรอ?” ซีวอนถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มวางตะเกียบลงข้างๆ ชาม

     

                “ครับ”

     

                “งั้นกลับบ้านเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง”

     

                ทงเฮพูดไม่ออก รู้สึกได้ทันทีเลยว่าร่างสูงต้องการตัดเยื่อใยกับตัวเอง แม้จะคิดว่าควรต้องทำหรือพูดอะไรสักอย่างออกมาในตอนนี้ แต่ก็นึกไม่ออกเลย ซีวอนเดินไปจ่ายเงินและก้าวฉับๆ ขึ้นไปนั่งรอบนรถทันที

     

                ทงเฮทำอะไรไม่ได้ นอกจากจำใจเปิดประตูเข้าไป

     

                “คุณหมอจะไปส่งทงเฮที่บ้านเหรอครับ?” เสียงเศร้าเอ่ยถาม มองเสี้ยวหน้าของซีวอนที่มีแต่ความสับสน

     

                “บ้านของทงเฮอยู่ไหนล่ะ”

     

                “ทงเฮไม่อยากกลับบ้าน บอกแล้วไง...พ่อไล่ทงเฮ” เป็นครั้งที่สองที่ทงเฮโกหก ซีวอนไม่ได้พูดอะไร เขาขับรถต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หันไปถามทางกลับบ้านของทงเฮอีก

     

                ในที่สุดก็มาหยุดรถที่ริมแม่น้ำฮัน

     

                บริเวณที่มากับคยูฮยอนเมื่อวันก่อน

     

                “ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไล่ลูกชายออกจากบ้านได้จริงๆ หรอกนะ คนที่รักเรามากที่สุดก็มีแต่พ่อกับแม่เท่านั้น”

     

                “แต่พ่อไม่รักทงเฮ!

     

                “ทงเฮ...”

     

                ซีวอนส่งเสียงปรามกับคำพูดของเด็กหนุ่ม ทงเฮดูเป็นเด็กที่เอาแต่ใจและทำตัวมีปัญหาพอสมควรเลย ถ้ายิ่งดุด่า ทงเฮก็จะยิ่งไม่เชื่อฟัง ซีวอนจึงพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

     

                “เชื่อผมเถอะ พ่อเขาต้องมีเหตุผลที่พูดแบบนั้น”

     

                ทงเฮกัดฟันกรอดเมื่อไม่ได้ดั่งใจที่ตัวเองต้องการ ข้างในอกมันร้อนรุ่มและอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ ดวงตาคู่สวยตวัดมองออกไปด้านนอกรถ

     

                ท้องฟ้ายามคำคืนมักจะสวยงามที่สุด

     

                ทว่าคนที่จิตใจมืดดำก็มักจะมองไม่เห็นความสวยงามนั้น

     

                “ทงเฮ...เป็นเด็กดีกับหมอสิ” ซีวอนเอื้อมมือไปลูบเรือนผมนุ่มสลวยที่ยาวระต้นคอ ทงเฮหันมาช้าๆ ก่อนจะโผเข้ากอด เขาไม่อยากเสียซีวอนไป ไม่อยากให้ซีวอนทิ้งเขาไว้ที่บ้านและไปจากเขาเหมือนคืนก่อนอีกแล้ว

     

                ทงเฮอยากอยู่กับคุณหมอซีวอนตลอดเวลา

     

                “ทงเฮขอไปอยู่บ้านคุณหมอสักพักได้ไหมครับ?”

     

                ซีวอนจับไหล่บางของทงเฮผละออก ดวงตาสีนิลมีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด มือหนายกขึ้นกุมศีรษะอย่างคิดไม่ตก แถมริมฝีปากก็ยังหนักอึ้ง

               

                ทำไมเขาถึงพูดออกไปไม่ได้ว่าตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว หรือเพราะซีวอนกลัวว่าทงเฮจะร้องไห้ เขาแพ้น้ำตาของเด็กหนุ่มน่ารักคนนี้อย่างนั้นเหรอ

     

                มันเป็นเพียงความลุ่มหลง ซีวอนบอกกับตัวเองเช่นนั้น

     

                ทว่า...

     

                เขากลับหลุดออกมาจากความลุ่มหลงที่ทงเฮสร้างขึ้นไม่ได้เลย

     

                “ทงเฮกลับไปอยู่บ้านนะ แล้วหมอสัญญา...ว่าจะไปหาทงเฮทุกวัน” ซีวอนบอกส่งๆ เขาไม่ได้คิดจะทำอย่างที่พูดเลย ในขณะที่ทงเฮกลับคิดไปไกล

     

                “จริงๆ นะครับ”

     

                “ก็บอกแล้วไงว่าสัญญา” ซีวอนยิ้มมุมปากบางๆ เป็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหล เป็นรอยยิ้มที่ตรึงความรู้สึกของทงเฮได้มากเหลือเกิน

     

                “ทงเฮรักคุณหมอที่สุดเลย”

     

                ทงเฮโผเข้าซบอกกว้างของซีวอน แขนเรียวโอบรอบเอวสอบของคุณหมอแสนใจดีไว้แน่น ก่อนจะผละออกช้าๆ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

     

                เขี้ยวเล็กๆ เผยให้เห็นเวลาที่ทงเฮคลี่ยิ้ม มันดูน่ารักและสดใสจนซีวอนหลงรักรอยยิ้มนั่น ไม่เหมือนคยูฮยอนที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งและร้องไห้ตลอดเวลา

     

                เวลานี้...ความดีที่ไหนก็ฉุดซีวอนเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว

     

    ริมฝีปากหยักโน้มลงไปบดเบียดเรียวปากอิ่มของทงเฮอย่างกระหาย ทงเฮไม่ได้หลบหนี ซ้ำยังเชิดหน้าขึ้นเพื่อเผยอริมฝีปากรับรสขมฝาดจากโซจูที่ติดอยู่ปลายลิ้นของคุณหมอ

     

                มือบางลูบไล้แผงอกกำยำ ก่อนจะตวัดมือพลิกกลับมาลากผ่านมัดกล้ามแข็งแกร่งตามหน้าท้องของคนตรงหน้า มันช่างดึงดูดให้เขาทั้งสองคนเข้าหากันและกันมากเหลือเกิน

     

     

                ซีวอนขับรถมาส่งทงเฮที่บ้านตอนใกล้จะตีสาม ซีวอนมีหน้าตาที่นิ่งเฉยเหมือนกับเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่สัมผัสที่ยังฝังอยู่ในร่างกายของทงเฮทำให้กลีบปากสีกุหลาบระบายรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา

     

                “เข้าไปในบ้านก็ไปขอโทษพ่อ พูดกับพ่อดีๆ นะ”

     

                ซีวอนเอ่ยขึ้นหลังจากรถจอดลง บ้านของทงเฮไม่ใช่ตึกแถวที่ตั้งเรียงกันเป็นแถบ แต่เป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้นที่มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน มันดูเหมือนจะอบอุ่น แต่มันก็สร้างความรู้สึกหดหู่ไม่น้อยเลย

     

                “พรุ่งนี้คุณหมอจะมาหาทงเฮไหม?”

     

                “รีบๆ เข้าบ้านเถอะ” ซีวอนบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมาหาทงเฮอีกไหม และจะมาหาทงเฮอีกทำไม

     

                “คุณหมอตอบทงเฮก่อนสิครับ”

     

                “ทงเฮ...จะเป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอ?” ซีวอนเอ่ยถาม มือหนาคลอเคลียอยู่ที่แก้มใสของเด็กหนุ่ม ซีวอนไม่ใช่เด็กหนุ่มแรกรุ่นที่จะมารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ต่อการสัมผัสร่างกายของผู้อื่น

     

                “คุณหมอไม่ตอบเพราะคุณหมอจะไม่มาหาทงเฮอีกแล้วใช่ไหม”

     

                “โอเค ผมจะมา...พรุ่งนี้ผมจะมา”

     

                คำตอบของร่างสูงทำให้ทงเฮยิ้มกว้าง มือเรียวฉวยโทรศัพท์มือของซีวอนมากดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองแล้วโทรออก ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของแล้วจูบลาที่ริมฝีปากหยักของซีวอนเบาๆ

     

                “อย่าผิดสัญญานะครับ”

     

                ทงเฮเอ่ยซ้ำอีกครั้งราวกับว่ามันเป็นคำสั่ง ซีวอนพยักหน้าและขับรถเคลื่อนออกไปจนลับสายตาของทงเฮ ใบหน้าหวานก้มลงมองหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่หน้าจอของตัวเองแล้วก็อมยิ้ม ก่อนจะบันทึกชื่อของซีวอนไว้เป็นหมายเลข 1 และเปลี่ยนให้คนเป็นพ่อย้ายไปอยู่หมายเลข 2 แทน

     

                “คุณหมอของทงเฮ” มือเรียวยกโทรศัพท์ทาบไปกับหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ตรงกับตำแหน่งของหัวใจพอดี และทงเฮ...รู้ได้เลยว่าหัวใจของเขาเต้นแรงแค่ไหน

     

                ทงเฮเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นฮยอกแจนั่งคอยอยู่ที่โซฟา

     

                “ป๊า!

     

                “หายไปไหนมา?” ฮยอกแจไม่ได้มองหน้าลูกชายเลย เขาก้มหน้าและเอ่ยถามเสียงแข็ง ทว่าทงเฮกลับไม่มีท่าทางสลดเลยสักนิด

     

                “ไปบ้านเพื่อนมาครับ”

     

                “เพื่อนคนไหน?”

     

                “ป๊าจะยุ่งอะไรกับทงเฮนักหนา บอกว่าเพื่อนก็เพื่อนสิ”

     

                ทงเฮขึ้นเสียง ทำให้ฮยอกแจลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูก ทงเฮคิดว่าเขาคงถูกพ่อตีแน่ๆ ช่วงนี้พ่อชอบจะลงไม้ลงมือกับเขา

     

                แต่สิ่งที่ทงเฮไม่เคยรู้ก็คือ...คนเป็นพ่อต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการจะตีลูกแต่ละครั้ง และไม่มีครั้งไหนที่ฮยอกแจไม่เคยร้องไห้เลยหลังจากทำโทษทงเฮ

     

                “ป๊าขับรถตามหาทงเฮไปทั่ว ทงเฮทำอะไรเคยนึกถึงจิตใจของป๊าบ้างไหม”

     

                “แล้วป๊าล่ะ? ทำอะไรเคยนึกถึงจิตใจของทงเฮบ้างไหม ป๊า...ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของทงเฮเลย”

     

                แววตาของทงเฮกำลังต่อต้านเขา ฮยอกแจจ้องมองหน้าลูกชายนิ่ง ที่ทงเฮทำแบบนี้เพราะทงเฮรู้ว่าเขาเป็นพ่อ และคนเป็นพ่อจะยังอยู่ที่บ้านเสมอไม่ว่าลูกชายจะไปเที่ยวที่ไหน

     

                แต่ถ้าหากทงเฮรู้ความจริงว่า...เขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ ล่ะ

     

                ทงเฮจะรักเขามากขึ้น

     

                หรือจะเกลียดชังเขาไปเลย...

     

                “ป๊าขอโทษ” ฮยอกแจบอกเสียงอ่อน นับวันเขายิ่งทำตัวงี่เง่าและไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะปกครองให้ทงเฮเชื่อฟังได้อีกแล้ว ทงเฮไม่เชื่อฟังใครนอกจากตัวทงเฮเอง

     

                “ป๊าก็เอาแต่พูดว่าขอโทษนั่นแหละ แต่ไม่เคยทำให้อะไรมันดีขึ้นเลยสักครั้ง”

     

                ทงเฮพูดจบก็เดินผ่านคนเป็นพ่อไปทางห้องนอน มันดึกมากแล้ว และเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะยืนอยู่ให้ฮยอกแจต่อว่าอีก ทว่าฮยอกแจกลับเอ่ยถามลูกชายเสียงเรียบ

     

                “แล้ว...กินข้าวมาหรือยังลูก?”

     

                ขาเรียวหยุดกึก เกลียดที่พ่อถามออกมาแบบนี้ ทำไมพ่อไม่ทำตัวร้ายๆ ใส่เขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ทงเฮจะได้ไม่รู้สึกผิดเวลาที่ต่อต้านการกระทำของพ่อ

     

                น้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสองข้าง ลำคอจุกแน่นด้วยก้อนเหนียวจนพูดอะไรออกไปไม่ได้ ทงเฮยืนนิ่งพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบช้าๆ โดยที่ไม่หันไปมองหน้าฮยอกแจเลยสักนิด

     

                “ทานแล้วครับ” พูดจบก็เดินกลับเข้าห้องทันที ทงเฮเปิดไฟในห้องและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน เสียงกุกกักดังอยู่หน้าประตูห้อง เมื่อหันไปมองก็พบว่ามีกระดาษเล็กๆ สอดเข้ามาในช่องใต้ประตู

     

                มันเป็นจดหมายที่พ่อเขียนถึงเขา...

     

                ป๊าไม่ได้ห้ามถ้าทงเฮจะคบกับใคร ป๊าบอกยูชอนให้เขาเลิกยุ่งกับทงเฮเพราะเขามีพันธะและจะทำให้เกิดอันตรายต่อลูกของป๊า ถ้ายูชอนเขารักทงเฮจริง เขาจะต้องเลิกยุ่งกับทุกคนเพื่อทงเฮ

     

              ทงเฮขาดยูชอนไม่ได้ ป๊าก็ขาดทงเฮไปไม่ได้เหมือนกัน

     

              จะด่าจะว่าป๊ายังไงก็ได้ แต่อย่าพูดหรือคิด...ว่าป๊าไม่ได้รักทงเฮ

     

              ปะป๊ารักทงเฮมากที่สุด...

     

                ทงเฮเม้มปากแน่น ขาเรียวเดินไปนั่งที่ปลายเตียง ฮยอกแจพูดถูก ถ้ายูชอนรักเขาจริง ยูชอนจะต้องเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างเพื่อเขาได้ บางทีทงเฮอาจจะไม่ได้เข้าใจฮยอกแจทั้งหมด

     

                แต่เพราะตอนนี้เขาไม่ได้ต้องการตัวหรือหัวใจของปาร์ค ยูชอนอีกแล้ว

     

                ทงเฮต้องการเพียงแค่คุณหมอชเว ซีวอนเท่านั้น

     

     

    Loading-------------50%

     

                เสียงเพลง Happy Birthday ที่ดังลอดเข้ามาในห้องนอนทำให้คนขี้เซาอารมณ์บูดตั้งแต่เช้า มือเรียวหยิบนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่ามันยังไม่ถึงเวลาตื่นนอนของเขาเลยด้วยซ้ำ

     

                “ป๊าปิดเพลงที ทงเฮหนวกหู!

     

                ทงเฮตะโกนบอกคนที่น่าจะเป็นสาเหตุในการสร้างมลพิษทางเสียงภายในบ้าน ทว่าเสียงเพลงกลับส่งเสียงดังแสบแก้วหูมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                Happy birthday to you. Happy birthday to you. Happy birthday, Happy birthday, Happy birthday to you.

     

                ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองรอบเท่านั้น มันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาจนทงเฮต้องยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ซ้ำยังพับหมอนใบใหญ่มาปิดหูเอาไว้

     

                แต่ไม่เป็นผล

     

                Happy birthday to you.

     

                “ป๊า...ทงเฮไม่ไหวจะฟังแล้วนะ”

     

                ทงเฮเด้งตัวขึ้นนั่ง แต่กลับถูกสเปรย์สายรุ้งฉีดเข้ามาเต็มห้อง จะด่าก็ด่าไม่ออก ปะป๊าฮยอกแจของเขาเล่นจัดเต็มขนาดนี้

     

                “สุขสันต์วันเกิดนะตัวเล็กของป๊า!” ฮยอกแจฉีดสเปรย์สายรุ้งอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ในขณะที่ทงเฮเอาแต่คอยปัดสายรุ้งที่ติดตามเส้นผมของตัวเอง

     

                “ทงเฮไม่เล่นนะ” ทงเฮโวยวาย หากแต่ร่างบางกลับกระโดดลงจากเตียงไปแย่งสเปรย์ในมือของคนเป็นพ่อมาฉีดกลับไปบ้าง

     

                “อย่าแกล้งป๊าสิ วันนี้วันเกิดลูก ลูกต้องเป็นเด็กดีนะ”

     

                “ก็ป๊าแกล้งทงเฮก่อนอ่ะ”

     

                “ป๊าแกล้งทงเฮตอนไหน ฮ่าๆๆ” ฮยอกแจหัวเราะลั่นเมื่อทำให้ลูกชายคนเดียวอารมณ์ดีตั้งแต่เช้าได้ ต่อให้โกรธเคืองกันแค่ไหน แต่ถ้าพูดจาดีๆ กับทงเฮ ทงเฮก็จะกลายเป็นเด็กที่น่ารักและเชื่อฟังเขา

     

                ฮยอกแจวิ่งไล่ฉีดสเปรย์สายรุ้งกับทงเฮไปทั่วๆ ห้อง ทงเฮกระโดดหนีพ่อขึ้นไปบนเตียง ฮยอกแจก็กระโดดตามอย่างไม่ดูอายุ ทำให้สะดุดพลาดล้มทับคนเป็นลูกทั้งตัว

     

                “อ๊ะ!” ทงเฮเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อน้ำหนักของฮยอกแจกดทับมาที่ตัวเอง ใบหน้าของพ่อห่างจากเขาเพียงแค่ปลายจมูกชนกันเท่านั้น

     

                หัวใจมันเต้นแรงเกินไปหรือเปล่านะ

     

                นี่พ่อเรานะ...ทงเฮบอกกับตัวเอง

     

                “เอ่อ...ป๊าทำให้ทงเฮเจ็บหรือเปล่า?”

     

                ฮยอกแจเอ่ยถามทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงใกล้ชิดลูกชายอยู่เช่นนั้น สมองเฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่าคนตรงหน้าเป็นแค่ลูกชาย หากแต่หัวใจมันกลับเต้นระส่ำอย่างทรยศ

     

                “ตัวป๊ามีแต่กระดูก ไม่ให้ทงเฮเจ็บได้ไง” ทงเฮผลักอกแกร่งของพ่อออกห่าง ไม่รู้ตัวเลยว่าจิตใต้สำนึกมันสร้างเลือดฝาดระบายขึ้นมาบนพวงแก้มใสมากแค่ไหน

     

                “งั้นมาให้ป๊าจูบกระหม่อมรับขวัญหน่อย” ฮยอกแจบอกพลางดึงมือลูกชายเข้าหาตัวเอง

     

                “ทงเฮโตแล้วนะ”

     

                “โตอะไร เพิ่งจะ 16 วันนี้เอง ลูกควรจะได้รับพรจากป๊าในวันเกิดสิ” ฮยอกแจคว้าเรียวแขนลูกชายให้นอนลงบนตักของตัวเอง ทว่าทงเฮกลับดิ้นพล่านเมื่อถูกคนเป็นพ่อจักจี้

     

                “ป๊า...อย่าแกล้งทงเฮสิ ไม่เอา...ปะป๊า!

     

                “ก็ทงเฮน่าแกล้งนี่นา มาเร็ว...ถ้าทงเฮไม่ให้ป๊าจูบ ป๊าไม่ให้ของขวัญนะ”

     

                พอได้ยินคำว่าของขวัญเท่านั้นแหละ ทงเฮก็กลายร่างเป็นลูกแมวเชื่องๆ ในทันที ฮยอกแจคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข เด็กหนอเด็ก...เอาของขวัญมาล่อก็เชื่อฟังกันแล้ว

     

                ฮยอกแจโน้มลงต่ำไปหาใบหน้าลูกชายที่หลับตาพริ้ม เขาจะสัมผัสริมฝีปากของตัวเองตรงไหนของใบหน้าลูกดี

     

    จมูก?

     

    แก้ม?

     

    หน้าผาก?

     

                แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดลงเมื่อเห็นริมฝีปากแดงอิ่มที่กำลังอมยิ้มหวาน อย่าเชียวนะฮยอกแจ อย่าทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น

     

                ในที่สุดก็เลือกกดจมูกของตัวเองไปที่แก้มใสของลูกชายแทน ถ้าใช้เรียวปากสัมผัส วันนี้คงจะทำตัวไม่ถูกแน่ๆ เลยอี ฮยอกแจ

     

                “ไหนล่ะของขวัญ?”

     

                เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นและแบมือขอของขวัญจากคนเป็นพ่อ ฮยอกแจจึงยื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กๆ ให้ลูกชาย

     

                “เครื่องนับก้าว?” ทงเฮส่งเสียงขึ้นจมูก เครื่องนับก้าวมันไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรเลยสักนิด เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็สามารถซื้อได้ ทงเฮคิดว่าพ่อจะซื้ออะไรที่มีค่ามากกว่านี้ให้เขาเสียอีก

     

                “ทงเฮไม่ชอบเหรอ?”

     

                “ก็เครื่องนับก้าวมันไม่ได้มีประโยชน์กับทงเฮนี่ ทงเฮไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักนะป๊า”

     

                “ทงเฮ...”

     

                ฮยอกแจกระเถิบเข้ามาใกล้ลูกชาย มือหนึ่งกุมมือเล็กๆ ที่ถือเครื่องนับก้าวเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งลูบเรือนผมนุ่มของคนเป็นลูกด้วยน้ำหนักที่อ่อนโยน

     

                “...ถ้าวันไหนทงเฮเจอคนที่คิดว่าเราจะมอบหัวใจให้เขาดูแลไปตลอดชีวิต ป๊าอยากให้ทงเฮเริ่มกดเครื่องนับก้าวเครื่องนี้...”

     

                “...เพื่อทงเฮจะได้รู้ว่าทงเฮกับคนๆ นั้นเดินไปด้วยกันไกลแค่ไหน...ใช่ไหม?”

     

                ฮยอกแจพยักหน้า เขารู้อยู่แล้ว รู้ว่าทงเฮเป็นเด็กฉลาดพอที่จะเข้าใจความหมายนี้ ฮยอกแจเลื่อนมือลงมากุมมือของทงเฮไว้ทั้งสองข้าง

     

                “ต่อไปนี้ ถ้าทงเฮอยากเดินไปทางซ้ายก็เดินไปให้สุดทาง หรือถ้าอยากเดินไปทางขวาก็เดินไปด้วยความมั่นใจ ป๊าจะไม่จูงมือทงเฮอีก แต่ถ้าวันไหนที่ทงเฮล้ม...ป๊าคนนี้นี่แหละที่จะคอยรับทงเฮไว้ด้านหลังเอง”

     

                ทงเฮโผเข้ากอดคนเป็นพ่อด้วยความรู้สึกขอบคุณและขอโทษในคราวเดียวกัน แต่ริมฝีปากมันหนักอึ้งเกินกว่าจะพูดออกไป

     

                หวังว่าป๊าจะรู้สึกได้

     

                หวังว่า...ป๊าจะเข้าใจหัวใจที่เจ็บปวดของอี ทงเฮ

     

                แต่เคยเป็นไหม? บางครั้งเราให้คำสัญญากับพ่อแม่ว่าเราจะเป็นเด็กดี เราจะไม่ทำให้เขาเสียใจอีก สุดท้าย...คำสัญญามันก็เป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่านไปเท่านั้น

     

                เพราะถึงอย่างไร

     

                ไม่ว่าเราจะทำผิดอีกสักกี่ครั้ง พ่อแม่ก็จะให้อภัยเราอยู่ดี...

     

     

                “ช่วงนี้เข้าเวรดึกทุกคืนเลยนะ”

     

                คยูฮยอนเปรยขึ้นขณะที่นั่งพับผ้าของสามีอยู่บนเตียงนอน ซีวอนที่นอนเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่บนเตียงหลังเดียวกันจึงหยุดกึก

     

                “มีอะไรหรือเปล่า?”

     

                คำพูดของซีวอนทำให้คยูฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากัน มันไม่ใช่ประโยคที่ควรจะถามเลย และคำพูดของคยูฮยอนก็เปรยขึ้นเพราะความเป็นห่วง ไม่ใช่เพราะต้องการกระแทกแดกดันแต่อย่างใด

     

                “ฉันกลัวร่างกายซีวอนจะอ่อนเพลีย”

     

                “คุณเอาเวลาที่บ่นผมไปกินข้าวให้ตรงเวลาเถอะ เดี๋ยวนี้คุณผอมเกินไป กอดแล้วไม่อุ่นเลย”

     

                ซีวอนสวนกลับทันควัน ทำให้คยูฮยอนหันมายิ้มเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงตัวเอง ใช่...ซีวอนเป็นห่วงคยูฮยอน ไม่อยากให้คยูฮยอนอยู่รอเขาดึกๆ ดื่นๆ อีกแล้ว

     

                กลับบ้านมาทีไรต้องตกใจเพราะเห็นอีกฝ่ายฟุบหลับอยู่นอกห้องนอนทุกคืน

     

                “งั้นวันนี้ออกไปกินข้าวด้วยกันไหมล่ะ?”

     

                คยูฮยอนเอ่ยชวน แต่ดูเหมือนใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่จะรู้ เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของซีวอนดังขึ้น ทำให้ร่างหนารีบกระโจนคว้าโทรศัพท์มาเปิดอ่าน

     

                ความจริงจะให้คยูฮยอนที่นั่งอยู่ใกล้กว่าหยิบให้ก็ได้

     

                แต่ถ้าทำแบบนั้นมันก็เสี่ยงเกินไป

     

                วันนี้วันเกิดทงเฮ คุณหมอมาหาทงเฮนะครับ ^^

     

                ซีวอนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะปิดแลปท็อปและหันไปบอกคนข้างๆ ที่พับผ้าเสร็จพอดี

     

                “เอาไว้ครั้งหน้านะคยูฮยอน วันนี้ผมมีนัดดื่มกับเพื่อนน่ะ”

     

                “เพื่อนมัธยมเหรอ ทำไมฉันถึงไม่ได้ข้อความจากใครเลย” คยูฮยอนหันมาถาม ทำเอาซีวอนชะงักไปทันที ดวงตาสีนิลเสหลบสายตาจับผิดของคนตรงข้ามอย่างมีพิรุธ ก่อนจะนึกขึ้นได้

     

                “เพื่อนที่เรียนแพทย์ด้วยกันน่ะ คยูฮยอนไม่รู้จักหรอก”

     

                “แย่จัง ฉันก็อยากออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเหมือนกัน แต่ช่วงนี้เพื่อนๆ ไม่ค่อยว่างเลย”

     

                “ไว้วันหลังผมจะพาคุณไปเองนะ แต่วันนี้ไปด้วยไม่ได้จริงๆ”

     

                ซีวอนบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เขารู้สึกผิดกับคนรักมากแค่ไหน แต่มันก็คงไม่เท่ากับที่รู้สึกผิดต่อทงเฮอีกแล้ว

     

                ซีวอนคิดว่าอี ทงเฮเป็นอีกคนหนึ่งที่เขาควรจะดูแล

     

                เป็นใครบางคนที่เขาทอดทิ้งและปล่อยมือไปไม่ได้

     

                “งั้นเดี๋ยวฉันเตรียมเสื้อผ้าให้นะ”

     

                คยูฮยอนลุกขึ้นไปหยิบชุดลำลองที่ดีที่สุดให้กับคนรัก ซีวอนหลุบตาลงต่ำด้วยความรู้สึกโหวงเหวงอยู่ในใจ เขากำลังจะออกไปหาใครอีกคนที่ต่อให้สรรหาข้ออ้างมามากมายแค่ไหน ทั้งสังคมก็เรียกคนๆ นั้นว่า...ชู้

     

                ในขณะที่คยูฮยอนซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยกลับเป็นคนเตรียมเสื้อผ้าให้เขาออกไปหาคนอื่น

     

                ขอโทษนะคยูฮยอน ขอโทษที่เห็นแก่ตัว

     

                ซีวอนอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวออกไปข้างนอก แต่เมื่อหันไปมองใบหน้าที่เรียบเฉยของคยูฮยอนทีไร เขาก็มองเห็นเพียงแววตาที่น่าสงสาร

     

                “อย่ากลับดึกนะ แล้วถ้าเมาก็โทรหาฉัน ฉันจะขับรถไปรับซีวอนเอง”

     

                ซีวอนไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาทำเพียงพยักหน้าให้กับทุกๆ คำพูดของคนรัก เอื้อมมือไปจับมือเรียวของคยูฮยอนแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนจะกดจูบที่กลีบปากนุ่มด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

                คยูฮยอนชอบให้เขาอ่อนโยน

     

                ในขณะที่ทงเฮชอบความตื่นเต้นและผาดโผน

     

                บางครั้งผู้ชายก็ชอบที่จะลองอะไรที่น่าท้าทายบ้าง

     

                “อะ...อื้อ...”

     

                คยูฮยอนส่งเสียงครางกระเส่าเมื่อไม่เคยพบกับการปลุกเร้าที่หนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ซีวอนเองก็หยุดไม่ได้เมื่อคยูฮยอนตอบรับเขา

     

                ก่อนหน้านี้คยูฮยอนมักจะปฏิเสธหากเขาทำอะไรรุนแรง

     

                แต่อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมาพวกเขาไม่ได้มีอะไรกันบ่อยนัก ความต้องการที่อัดแน่นของคยูฮยอนจึงพุ่งขึ้นสูง

     

                “อื้อ...ซี...ซีวอน...”

     

                คยูฮยอนปล่อยร่างที่อ่อนระทวยเอนหลังลงไปกับเตียงนุ่ม ซีวอนตามประกบซุกไซ้เหมือนราฃสีห์ที่ไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่ายๆ หากแต่...

     

                เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

     

                สายเรียกเข้าจาก...

     

    เด็กชายคนหนึ่ง

     

                ซีวอนมองสายเรียกเข้าที่ปรากฏขึ้นหน้าจอโทรศัพท์ เขาผละออกจากคยูฮยอนทันที ร่างสูงจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยสั่งคนเป็นภรรยาราวกับว่าไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

     

                “เพื่อนโทรมาตามแล้ว คุณอย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะ แล้วก็ไม่ต้องอยู่รอผม ถ้าผมขับรถไม่ไหว ผมจะนอนที่บ้านเพื่อนเลย ไม่ต้องห่วง”

     

                ซีวอนจูบลาที่ริมฝีปากอิ่มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบร้อนวิ่งออกไปจากห้อง คยูฮยอนกำลังจะเดินตามไปส่ง แต่เมื่อได้ยินเสียงประตูบ้านที่ปิดลงแล้วก็พบว่าตัวเองลุกออกไปไม่ทัน

     

                ร่างโปร่งล้มตัวลงนอนราบไปกับเตียงที่เขาและซีวอนใช้ร่วมกันมาตลอดตั้งแต่แต่งงาน มันเป็นเตียงของทั้งสองคน

     

                แต่ทำไม...

     

                ทำไมถึงมีเพียงโจ คยูฮยอนที่ยังนอนอยู่ที่นี่

     

                กับอารมณ์ที่พุ่งพล่านเมื่อครู่นี้ เขาจะจัดการมันออกไปจากร่างกายของตัวเองได้อย่างไรกัน

     

                มือเรียวค่อยๆ สอดเข้าไปใต้กางเกงผ้าเนื้อบาง คยูฮยอนไม่เคยปลดปล่อยความต้องการด้วยตัวเองมาก่อน เขาเคยรังเกียจการกระทำเช่นนี้

     

                แต่ในวันนี้...คยูฮยอนไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว

     

     

    Talk with Lee Seen

                มีหลายคนบอกว่าอยากให้คยูฮยอนมีคนอื่น ชางมินเหรอ? อิอิ

    ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ คยูฮยอนยังไม่รู้ความจริงเลยว่าสามีมีชู้

    ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องย้าว...ยาว...

    ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และ...คอยดูว่า...

    สุดท้ายแล้วคนที่เจ็บปวดที่สุดคือใคร

    ย้ำอีกครั้ง! ฟิคเรื่องนี้ฟิคอึนเฮนะคะ คู่รองเป็นวอนคยู

    ไม่ใช่ วอนเฮแน่นอนค่ะ

    ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยนะค้า...

     

    แต่อีกไม่กี่ตอน...คยูฮยอนจะเริ่มสงสัยแล้วล่ะ โฮ...น่าสงสาร~

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×