History of japan

เนื้อเรื่อง

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
      ชนชาติญี่ปุ่นมีประวัติความเป็นมายาวนานไม่ปรากฎแน่ชัดว่าเป็นคนกลุ่มคนที่อาศัยที่ญี่ปุ่นเป็นกลุ่มแรกคือชนชาติใด  อาจจะเป็นไซบีเรีย ชาวเกาหลี
หรือชาวจีนที่อพยพลงมาอยู่เมื่อครั้งที่แผ่นดินยังเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน  หรืออาจจะเป็นชาวโพลีนีเซียนจากหมู่เกาะเกาะแปซิฟิกตอนใต้ก็ได้ หลักฐานทางประติศาสตร์
ชิ้นแรกทีบ่งบอกถึงอารยธรรมของญี่ปุ่นได้ถูกค้นพบในยุคหินใหม่เมื่อราว  10,000  ปีก่อนคริสตกาล  และชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน คือ ชนเผ่าไอนุ (Ainu)

ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคโบราณ
(10,000 ปีก่อนคริสตกาล - ศตวรรษที่ 11)
    เริ่มด้วยสมัยโจมอน  เป็นสมัยที่ผู้คนอาศัยขุดโพลงอยู่  ดำรงชีพด้วยการจับปลาและล่าสัตว์ ต่อมาเมื่เข้าสู่สมัยยะโยะอิ  ซึ่งตั้งตามภาชนะเครืองปั้นดินเผาที่ได้ขุดพบบริเวณใกล้
กับโตเกียวในปัจจุบัน  สมัยรี้มีการปลูกข้าวและรับวิทยาการการใช้เครื่องโลหะจากเกาหลีเมื่อเข้าสู่สมัยโคฟุนหรือสมัยสุสานโบราณ  เพราะนักโบราณคดีขุดพบเนินดินหลุมศพจำนวนมากทางตอนกลางและตะวันตกของญี่ปุ่น  สมัยนี้ชนเผ่าอิสระต่างถูกรวบรวมโดยชนเผ่ายะมะโตะ (Yamato) ขณะเดียวกันก็รับเอาวิทยาการต่างๆ  จากจีนเข้ามารวมทั้งรับเอาศาสนาพุทธเข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติด้วย  เมื่อย้ายไปอยู่ที่เมืองนารา(Nara) จึงเริ่มเข้าสู่สมัยนาราซึ่งเป็นสมัยที่ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก  เห็นได้จากการก่อสร้างวัดโทไดจิ และพระพุทธรูป ไดบุตสึ  โดยจักรพรรดิโซมุ เมื่อเข้าสู่สมัยเฮย์อันจกรพรรดิคัมมุ ได้กระทำการย้ายเมืองหลวงไปไว้ที่เมืองเฮย์อันเคียว หรือกียวโตในปัจจุบัน  ซึ่งเป็นเมืองหลวงมาจนถึงปี ค.ศ. 1861 และยังรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากจีน  รวมทั้งการเผยแผ่ศาสนาพุทธซึ่งมีการตั้งนิกายใหม่ขึ้น 2 นิกาย คือเทนได และ ชินงอน  ซึ่งกลายเป็นนิกายสำคัญของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น  แต่อย่างไรศาสนาชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมนั้นกผ้ยังคงมีบทบาทในสังคมญี่ปุ่นตลอดมา
       ในตอนต้นของศตวรรษที่ 9 อาณาเขตของญี่ปุ่นขยายไปจนสุดเขตฮอนชูตอนบน  ป็นช่วงที่ตระกูลฟูจิวาระ ได้เข้ามามีอำนาจในราชสำนักและการปกครองญี่ปุ่นอย่างมาก  แต่ในพื้นที่นอกเขตเมืองออกไป  ซามูไร เป็นชนชั้นนักรบที่มีกำลังทหารเป็นของตนเอง  ต่อมได้ย้ายเข้าสู่เมืองหลวงขนมีบทบาทสำคัญในราชสำนัก

ยุคกลาง (ศตวรรษที่ 12 – 16 )
          เป็นยุคที่ชนชั้นปกครอง ราชวงศ์ และเชื้อพระวงศ์หมดอำนาจลง  การปกครองตกไปอยู่กับชนชั้นนักรบแทน  เริ่มจากสมัยคามะคุระ  ซึ่งมีมินาโมโตะ โยะริโตะโมะ ตั้งตนเป็นใหญ่ที่เมืองคามะคุระ โดยดำรงตำแหน่งเป็นโชกุน และดึงอำนาจมาจากจักรพรรดิ  สมัยนี้เป็นสมัยเริ่มต้นของระบบศักดินาอันยาวนานถึง 700 ปี  ศาสนาพุทธยังคงเผยแผ่สู่ทุกชนชั้นในสังคม  และเกิดมีนิกายเซน  ที่รับเข้ามาจากจีน  ในช่วงนี้กองทัพมองโกลำด้รุกรานญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง  แต่ก็สามารถรอดพ้นมาได้  จากนั้นไม่นานจักรพรรดิไดโกะ ก็เป็นผู้โค่นล้มรัฐบาลโชกุนคามะคุระได้ในที่สุด  และเข้าสู่สมัยมโระมะฉิ  ซึ่งเป็นสมัยที่มีจักรพรรดิ 2 องค์ คือ จักรพรรดิไดโกะ ที่ตั้งราชสำนักอยู่ที่เมืองโยชิโนะ  ส่วนอาชิคางะ ทะคะอุจิ ผู้ซึ่งขัดแย้งกับจักรพรรดิไดโกะได้ไปจัดตั้งรัฐบาลโชกุนที่เมืองมุโระมะชิดังนั้นจึงมีระหว่างสองฝ่ายมาตลอด  แต่ฝ่ายรัฐบาลโชกุนมีอำนาจการปกครองมากกว่า  ทางด้านวัฒนธรรมมีการสร้างตำหนักทองและตำหนักเงิน รวมทั้งเกิดละครโน่ ส่วนศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เช่น พิธีชงชา หรือการจัดดอกไม้ ก็มีรากฐานมาจากยุคนี้เช่นกัน

ยุคกลางใหม่ (ศตวรรษที่ 16 – ศตวรรษที่ 19)
          ในสมัยนี้โชกุนและไดเมียว  มีอำนาจการปกครองสิทธิ์ขาดเสรีที่ดินและประชาชน  เมื่อเข้าสมัยโมะโมะยะมะ  โชกุนชื่อ โอดะ  โนบุนะงะ  และโทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยชิ  ได้ปราบปรามไดเมียวหัวเมียวเมืองต่างๆ  และรวมศูนย์อำนาจไว้ได้แต่ผู้เดียว  เกิดความสงบภายในประเทศและมีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้น  ทำให้เกิดวัฒมนธรรมอันหรูหรา  ประเทศที่ญี่ปุ่นติดติอด้วย  เช่น โปรตุเกส โดย ฟรานซิส ซาเวียร์ มิชชันนารที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์  เมื่อเข้าสู่สมัยเอโดะ โทะคุงะวะ  อิเอะยะสุ  ได้รวบรวมอำนาจและแต่งตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้นที่เอโดะ  หรือ โตเกียวในปัจจุบัน  โดยที่ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะสงบสุข  แต่เมื่อศสตวรรษที่ 19 รัฐบาลโชกุนเริ่มสันคลอน  เนื่องจากการเกษตรอันเป็นรากฐานอันสำคัญของประเทศต้องประสบปัญหาอย่างหนัก  ในยุคนี้วัฒนธรรมของราษฎรสามัญเจริญจนถึงขีดสุด เช่นละครหุ่นคาบูกิ  และกลอนไฮกุ

สมัยใหม่ – สมัยปัจจุบัน
(กลางศตวรรษที่ 19 – ปัจจุบัน)
          สมัยเมจิเป็นสมัยที่รัฐบาลพยายามพัฒนาประเทศให้เท่าเทียมกับอารยธรรมประเทศตะวันตกแลพการที่ญี่ปุ่นชนะสงครามกับจีนและรัซเซีย ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมภายในประเทศ  เมื่อเข้าสู่สมัยโชวะซึ่งเป็นสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1  และเป็นยุคที่ประชาธิปไตยเริ่มเบ่งบานภายใต้กระแสลัทธิชาตินิยม  ในปี ค.ศ 1933  ญี่ปุ่นได้ถอนตัวจากกลุ่มพันธมิตร  และตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับจีนในปีค.ศ.  1973  นอกจากนี้ยังได้เซ็นสนธิสัญญา 3 ฝ่าย กับเยอรมันนีและอิตาลี  ในปี ค.ศ 1940  แต่อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นพบกับความพ่ายแพ้ และ ภัยพิบัติจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเมืงฮิโรชิม่า และนางาซากิ  ถูกทิ้งระเบิดปรมณู  หลังจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ผักดันให้ญี่ปุ่นมุ่งพัฒนาประเทศของตนให้มีครามเจริญในทุกๆด้าน โดยเฉพาะในด้านเศษฐกิจที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่น่าจับตามองจากนานาประเทศ

ยุคสมัยต่างๆของญี่ปุ่น
 

เนื้อหานำมาจาก หนังสือเรื่อง ญี่ปุ่น เล่มล่ะ 100 บาท หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป(เอาของเขามาก็ต้องโฆษณาให้เขาสิ หึหึหึหึ)

           * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เดี่ยวมาลงอีกยังไม่หมด