คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : -Chapter 9-
Male Pregnant
-Chapter 9-
อุณหภูมิที่โซลในเช้าวันนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีหิมะปกคลุมไปทั่วเมืองดังเช่นวันที่ผ่านมา อากาศภายนอกจึงหนาวจัดผิดกับบรรยากาศภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยพิเศษที่อบอุ่นต่างกันราวฟ้ากับเหว
เพราะอย่างนั้น ทั้งคนไข้และคนเฝ้าไข้จึงพร้อมใจกันผล็อยหลับลงท่ามกลางความอุ่นสบายจากเครื่องทำความร้อนในห้องพักฟื้นไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ ครืดๆๆ ” เสียงครูดกันของวัตถุบางอย่างดังขึ้นข้างตัว ทำเอาจีวอนต้องสะดุ้งตื่นจากการงีบหลับทันที พลางใช้หลังมือปาดคราบน้ำลายที่ย้อยลงมาจากมุมปากเก็บหลักฐานว่าตัวเองแอบอู้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ตาตี่ๆจะหันไปสะดุดเข้ากับวัตถุที่ถูกวางทิ้งไว้บนตู้เก็บของข้างเตียงคนไข้
เมื่อพบว่าเป็นมือถือของตัวเอง และผู้ที่โทรมารบกวนการพักผ่อนอันแสนมีค่าของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นซงมินโฮ เพื่อนรักเพื่อนชังของเขานั่นเอง มือหนาจึงกดปุ่มรับสายทันที
“ ........................... ” ตามมารยาทที่ดี เมื่อรับสายแล้ว ผู้รับสายควรเป็นฝ่ายทักทายปลายสายกลับไปก่อน จีวอนก็รู้อยู่เหมือนกันหรอก แต่เขาก็ขอเล่นตัวสักหน่อย เพราะยังนึกหมั่นไส้เพื่อนตัวเองไม่หาย ที่พฤติกรรมของมันช่างขัดกับคำพูดเสียเหลือเกิน
ปากบอก ‘ กูจะยอมเป็นแค่คนรู้จักก็ได้ ไม่ง้อ!! ’ แต่ไอ้พฤติกรรมโทรมาถามไถ่อาการของเพื่อนคนสวยของเขาทุกสิบนาทีนี่ ไม่จัดว่าง้อเลยว่ะ
‘ มึง ตอนนี้แทฮยอนเป็นไงบ้างวะ ’ ปัดโธ่!! คนรู้จักบ้านพ่องสิครับ ต้องเป็นห่วงเป็นใยกันถึงขนาดนี้ คิมจีวอนล่ะอยากเบ้ปากเป็นรูปส้นตีนจริงๆสิพับผ่า
ตอนนี้มินโฮโดนใบสั่งจากเบื้องบนที่มีชื่ออักษรย่อว่า ค.จ.อ. ให้ห้ามพบแทฮยอนเป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้อย่างแน่ชัด ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามนำพามินโฮ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลต้องห้ามสำหรับแทฮยอนเข้ามาในเขตโรงพยาบาลโดยเด็ดขาด แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็ถูกเบื้องบนกำชับมาอย่างดีแล้วเช่นกัน
ไม่บอกก็รู้ว่าเพื่อนเขาจะคลั่งมากแค่ไหน ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แค่กินไม่ได้นอนไม่หลับกับอึดอัดใจจนอกใกล้จะระเบิดก็เท่านั้นเอ๊ง
“ มันนอนอยู่ ” จีวอนตอบไปด้วยน้ำเสียงแกนๆเหมือนกับไอ้ที่ตอบอีกฝ่ายไปเมื่อสิบนาทีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน
‘ อันนั้นกูรู้แล้ว กูตั้งใจจดแล็คเชอร์ตามที่มึงบอกแล้วนะ มึงก็ช่วยให้ข้อมูลกูมากกว่านั้นหน่อยได้มั้ย ’ มินโฮทวงสัญญามาตามสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ แล้วตอนนี้ อาจารย์ไม่สอนอยู่รึไง เอาเวลามานั่งโทรหากูอยู่ได้ ทำไมไม่จด ”
‘ มึง!! ถ้ากูไม่รู้ตอนนี้ กูก็พะว้าพะวงจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว กูขอล่ะมึง บอกกูหน่อยว่าแทฮยอนเป็นไงบ้าง ’ เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ ที่จีวอนได้ยินเสียงง้องแง้งของมินโฮแบบนี้
“ ท่าทางมึงจะเป็นเอามาก ตกลงมึงรักเพื่อนกูจริงๆใช่มั้ย สารภาพกับกูมาซะดีๆเลยนะ ไอ้มินโฮ ”
‘ กูจะรักไม่รักก็เรื่องของกู ไม่เห็นจำเป็นต้องบอกมึงซักหน่อย ’
“ อ่าว งั้นกูก็ไม่จำเป็นต้องบอกมึงเหมือนกัน เพราะไอ้แทฮยอนจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันสิ มันเป็นแค่คนรู้จักของมึงนี่ เพื่อนรึก็ไม่ใช่ จะอยากรู้อาการมันไปทำไม ” จีวอนแกล้งแหย่อีกฝ่ายกลับด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างที่นานๆทีจะมีโอกาส
‘ เออๆๆ งั้นกูไม่จดไม่เจิดมันแม่งแล้ว เทอมนี้ก็ตกกันให้หมดทั้งมึงทั้งกูนั่นแหละ กูไม่เรียนแล้ว เดี๋ยวจะไปหาเหล้ามากระแทกปากซักหน่อย ’ มินโฮประชดประชันกลับมาทันควัน
“ ไม่ต้องเลยมึง อ่ะๆ กูบอกให้นิดนึงก็ได้ จริงๆจินอูมันไม่ให้บอกหรอกนะเนี่ย ” จีวอนแอบนึกกลัวใจเพื่อนตัวเองอยู่เหมือนกันว่าถ้าแกล้งอีกฝ่ายมากๆเข้า เดี๋ยวมันจะประชดชีวิตด้วยการกินเหล้าเมาหัวราน้ำ เผลอๆอาจไปก่ออาชญากรรมให้เป็นปัญหาสังคมเข้าไปอีก แล้วมันจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
‘ ……………….. ’ สาบานได้ว่าที่เงียบๆไปนี่ จีวอนก็รู้ด้วยว่ามินโฮมันต้องกำลังกลั้นหายใจรอฟังอยู่แน่นอน
“ จริงๆมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่... ” จีวอนหลบไปนั่งตรงบริเวณโซฟามุมห้องก่อนจะเริ่มเล่า
‘ แค่?... แค่อะไรของมึงวะ รีบๆพูดต่อดิ ’ มินโฮส่งเสียงเร่ง
“ แค่ช่วงนี้แทฮยอนมันจะร้องไห้ตอนหลับอยู่บ่อยๆ ร้องทั้งที่ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด แล้วก็ร้องหนักซะด้วยนะมึง ” จีวอนพยายามบีบเสียงตัวเองพูดให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนึ่งเพราะไม่อยากทำเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของคนป่วย สองเพราะเชื่อว่าเจ้าตัวคงไม่อยากให้เขาเอาเรื่องของตัวเองไปบอกคนอื่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับบุคคลที่อยู่ปลายสายด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่
‘ มึงว่า ... จะใช่เพราะเรื่องนั้นมั้ยวะ ’ ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ ควาย!!! กูรู้จักกับมันมาตั้งแต่เด็ก กูเห็นมันร้องไห้จริงจังครั้งสุดท้ายตอนอนุบาลนู่นแน่ะ แล้วถ้าเป็นช่วงนี้มึงยังจะคิดว่ามันร้องเพราะเรื่องอื่นได้อีกเหรอวะ ไอ้แทฮยอนน่ะ มันไม่ใช่พวกร้องไห้พร่ำเพรื่อหรอกนะมึง ” จีวอนสบถด่าในความโง่เง่าของเพื่อนตัวเองชุดใหญ่ด้วยเสียงกระซิบ
‘ มึง!! งั้นขอกูเข้าไปเยี่ยมแทฮยอนเถอะ ’ มินโฮอ้อนวอน
“ จินอูกระซวกคอกูแน่ ถ้ากูทำแบบนั้น ”
‘ เถอะนะ มึง กูรู้สึกผิดแล้วจริงๆนะเว้ย ’
“ เอาเป็นว่ากูจะลองคุยกับจินอูให้ก็แล้วกัน ” ใจจริงจีวอนก็แอบรู้สึกเห็นใจมินโฮอยู่เหมือนกัน เพราะเขากับอีกฝ่ายเป็นเพื่อนกันมานาน จึงรู้ใจกันดีว่าเนื้อแท้ของมินโฮนั้นก็ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร แค่ติดจะเจ้าชู้และไม่แคร์คนมากไปหน่อย แต่สำหรับจินอู หมอนี่กลับถูกมองเป็นอาชญากรตัวร้ายไปเรียบร้อยแล้ว
‘ จินอูแม่งยิ่งใหญ่เกินว่ะ ’ มินโฮประชด
“ ใหญ่ไม่ใหญ่ ก็ทำให้มึงผ่านเข้ามาในโรงพยาบาลไม่ได้ก็แล้วกัน ” วันก่อนที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมกับจินอู แล้วมีเจ้าหน้าที่โค้งให้หมอนั่นตามรายทาง จีวอนเห็นแล้วยังอึ้งไม่หาย เพื่อนเขาจะเต็มใจหรือเปล่า เขาไม่รู้ แต่ท่าว่าตำแหน่งสะใภ้เจ้าของโรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมซะแล้วสิ
‘ กูไม่เป็นว่าที่เมียของลูกชายผอ.โรงพยาบาลมั่งก็แล้วไป ’ ประชดอีกรอบ
“ ไร้สาระว่ะมึง รีบๆกลับไปจดแล็คเชอร์ต่อได้แล้ว ถ้ากูอ่านไม่รู้เรื่องนะ มึงจะไม่ได้เห็นหน้าไอ้แทฮยอนไปอีกนานแน่ ” จีวอนทิ้งท้ายก่อนตัดสายทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้เถียงอะไรกลับมาอีก
จีวอนย้ายตัวเองกลับมานั่งอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม มองใบหน้าซูบซีดของเพื่อนตัวเองด้วยความเศร้าใจ ปกติแก้มของแทฮยอนจะอวบนิดๆขาวอมชมพูหน่อยๆ ไม่ซูบตอบซีดเซียวแบบนี้ สีผิวของหมอนี่ก็ไม่ได้ขาวซีดจนใกล้เคียงกระดาษอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้
จีวอนยังจำได้ดีว่าเมื่อตอนอนุบาล แทฮยอนเคยตอบโต้กลับไปหนึ่งหมัดสำหรับไอ้เด็กเวรที่ล้อเจ้าตัวว่าเป็นเด็กผู้หญิง หลังเหตุการณ์นั้นหมอนี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเทควันโดอย่างจริงจัง
สมัยประถม แทฮยอนเคยโดนถากถางด้วยเรื่องเพศอีกครั้ง หลังจากนั้นเจ้าคนปากไม่ดีก็โดนเท้าคู่เล็กๆกระโดดถีบเข้ากลางอกจนหัวน็อคกำแพง อาการปางตายนอนไม่ได้สติไปหลายอาทิตย์ จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้ไปอีกนานแสนนาน
สมัยม.ต้นมีผู้ชายหลายคนพยายามเข้าหาแทฮยอน แต่ก็โดนหมอนี่ต่อยหน้าแหกกลับไปทุกราย
แค่นี้ก็พอรู้แล้วว่านัมแทฮยอนเกลียดการดูถูกขนาดไหน แล้วซงมินโฮมันเป็นใครถึงได้กล้าย่ำยีศักดิ์ศรีของเพื่อนเขาถึงขนาดนี้
“ อย่างนี้มันน่าให้มาเยี่ยมมั้ยเนี่ย ไอ้เชี่ยมินโฮ ” จีวอนสบถเบาๆกับตัวเองก่อนรั้งผ้าห่มที่ร่นลงไปขึ้นมาคลุมจนถึงคอ ปิดร่องรอยสีกุหลาบและรอยช้ำสีม่วงอมเขียวเป็นจ้ำๆให้พ้นจากการถูกสังเกตเห็น ต้องทำให้ชินเพราะยังมีใครอีกคนที่เขาแคร์ความรู้สึกไม่แพ้ร่างที่นอนอยู่ตรงหน้านี้
ฮันบินของเขา จะให้รู้เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอันขาด
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
นัยน์ตากลมใสแจ๋วแวววาวราวกับลูกแมวน้อยกรอกมองไปรอบๆห้องประสานการทำงานร่วมกับมันสมองอันปราดเปรื่องที่กำลังประมวลผลถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแผกไปจากปกติอย่างครุ่นคิด
ธรรมดาแล้วรอบๆเตียงคนไข้ที่พี่แทฮยอนของเขานอนอยู่ นอกจากพี่จีวอน พี่จินอู พี่ท็อปแล้ว ก็ควรจะมีใครอีกคนที่มักจะนั่งประจำอยู่ที่เก้าอี้คนเฝ้าไข้ข้างเตียงให้เขาเห็นจนเจนตาเสมอ
“ พี่มินโฮล่ะฮะ พี่แทฮยอนเข้าโรง’บาลมาสองวันแล้ว ผมยังไม่เห็นพี่เขามาเยี่ยมบ้างเลย ” เมื่อหาความผิดปกติพบแล้ว ฮันบินก็อดเอ่ยถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
จินอูกับจีวอนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะเริ่มทุ่มเถียงผ่านทางสายตากันยกใหญ่ โบ้ยหน้าที่สลับกันไปมานับร่วมสิบวินาทีกว่าจะได้ตัวผู้แพ้ออกมาอย่างเป็นทางการ
“ อ...อ๋อ มินโฮมันยุ่งอยู่กับงานที่คณะน่ะ เลยมาไม่ได้ ” เป็นจีวอนนั่นเองที่เป็นผู้เสียสละตอบคำถามอันน่าลำบากใจนั่น ใจจริงเขาไม่ชอบการโกหก ยิ่งกับฮันบินด้วยแล้วยิ่งถือเป็นเรื่องยากไปกันใหญ่ แต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อมินโฮเป็นเพื่อนสนิทของเขา คนที่น่าจะรู้ความเป็นไปของร่างสูงดีที่สุดก็ควรจะเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ หืม พี่มินโฮยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอฮะ ” ฮันบินอดสงสัยไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่เขากำลังหมายถึงมินโฮคนที่เคยสู้อุตส่าห์โดดเรียนมาเฝ้าไข้พี่ชายเขาแม้ในวันที่ไม่ใช่เวรของตัวเอง มินโฮคนที่เคยนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วกุมมือพี่แทฮยอนเอาไว้ตลอดจนกระทั่งพี่ของเขาฟื้น มินโฮคนนั้นหายไปไหน?!!?
“ อื้ม แต่เห็นว่างานของคณะใกล้เคลียร์เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงจะมาได้ ” จีวอนจำใจโป้ปดออกไปคำโตด้วยความจำเป็นหลักๆถึงสองข้อด้วยกัน หนึ่งเพื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ให้ฮันบินเชื่ออย่างสนิทใจจนไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก นั่นคือความจำเป็นที่เขาจะใช้มันอ้างกับจินอู ส่วนอีกข้อที่อยู่เบื้องหลังการกระทำนั้นก็เป็นเพราะเขาต้องการให้โอกาสแก่มินโฮนั่นเอง
“ จะบ้าเหรอไง!! จีวอน มินโฮมันงานยุ่งจะตายหอง มันจะมาได้ไงวะ ” จินอูกัดฟันพูดพร้อมกับเบิ่งตาโตๆออกกว้างจนเหลือกแทนการบอกให้อีกฝ่ายสงบปากสงบคำอยู่กลายๆ
“ แหม ที่รักมันนอนป่วยอยู่ทั้งคน มันจะถึงกับปลีกตัวมาไม่ได้เชียวเหรอ ต่อให้งานมันจะยุ่งแค่ไหนก็เถอะ ” นอกจากจะไม่เชื่อฟังแล้ว จีวอนยังแอบกระทืบส้นเท้าตัวเองลงบนนิ้วเท้าเล็กๆของจินอูกลับไป พร้อมกับส่งสายตาเตือนเป็นนัยๆว่า ‘ อย่าเพิ่งขัดให้เสียแผน ช่วยตามน้ำไปก่อน ’
“ อ๊อยย อ..อ เออๆๆ นั่นก็จริงของแกนะ...เชี่ยจีวอน ” จินอูน้อยเข่นเขี้ยวพึมพำด่าเพื่อนเลวที่แอบทำร้ายร่างกายเขา พร้อมยกเท้าอีกข้างลูบปลอบเท้าข้างที่โดนลอบประทุษร้ายเบาๆอย่างเจ็บใจ
“ พรุ่งนี้พี่มินโฮจะมาเยี่ยมแล้ว พี่แทฮยอนดีใจมั้ยฮะ ” ฮันบินถามความคิดเห็นของพี่ชายที่เอาแต่นอนฟังเพื่อนๆคุยกันอยู่บนเตียง
“ นายว่ามันน่าดีใจตรงไหนกันล่ะ ฮันบิน ” สีหน้าของแทฮยอนเจื่อนลงเมื่อได้ยินคำถาม หากยังพยายามบังคับเสียงตัวเองให้พูดถึงอีกคนอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ทั้งที่ใจจริงไม่ได้อยากได้เอ่ยถึงเรื่องของคนๆนั้นเลยสักนิด เพราะแค่ได้ยินชื่อมินโฮ ขอบตาทั้งสองข้างของเขามันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาแล้ว
“ ก็ไม่รู้แหละ ตอนก่อนหน้านี้ที่พี่แทฮยอนไม่สบาย แล้วพี่มินโฮเป็นคนเฝ้าไข้ พี่แทฮยอนก็ดูร่าเริงกว่านี้ตั้งเยอะนี่นา แต่ตอนนี้พี่เอาแต่ซึม แสดงว่าตัวแปรสำคัญของเรื่องต้องเป็นพี่เขยของผมแน่ๆเลยใช่ม้า ” ฮันบินรู้ดีว่าถ้าพูดอะไรประมาณนี้ พี่ของเขาต้องโมโหแล้วด่ากลับมาแน่ นั่นเป็นวิธีหนึ่งที่ฮันบินมักจะใช้มันเพื่อเรียกความสดใสของพี่แทฮยอนให้คืนกลับมาเสมอๆ
ปกติก็ต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ แต่เด็กน้อยเองก็คงไร้เดียงสาเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้มันไม่ปกติแค่ไหน
“ เอ่อ พวกเราให้แทฮยอนพักผ่อนก่อนดีกว่ามั้ง เมื่อกี้เพิ่งกินยาเข้าไปเองนี่ แล้วเดี๋ยวฉันต้องไปทำแผลก่อนกลับด้วย ” จินอูขัดจังหวะขึ้นเพราะเห็นว่าแทฮยอนแอบส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาทางเขาแล้ว
“ หา!!! นายเป็นอะไรตรงไหนเหรอ จินอู ” ซึงฮยอนอุทานอย่างตื่นตระหนกก่อนสอดส่ายสายตาสำรวจพร้อมกับใช้มือลูบคลำหาบาดแผลไปทั่วร่างของอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง
“ หยุดลูบก้นผมได้แล้ว พี่ท็อป!! ผมไม่ได้เป็นตรงนั้นซักหน่อย ” พูดจบ จินอูก็สะบัดตัวหลบหนีการลวนลามจากรุ่นพี่ที่อยู่ในฐานะแฟนของตัวเองก่อนจะมาจบอยู่อีกฟากของเตียงคนไข้ด้วยสายตาหวาดหวั่น
“ อ่าว เหรอๆ แล้วจินอูเป็นตรงไหนล่ะจ๊ะ พี่จะได้ทำแผลให้ถูกที่ ” ซึงฮยอนยังคงเดินตามประกบอย่างไม่ลดละ
“ เท้า ” จินอูใช้นิ้วชี้ลงพื้นสื่อไปถึงอวัยวะส่วนล่างสุดของร่างกายตัวเอง
“ หืม ดูสิ เลือดซิบเลย น่าสงสารจังจินอูของพี่ แล้วไปโดนอะไรมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมพี่ไม่เห็นรู้เรื่อง ” คุณหมอท็อปที่ดูเหมือนว่าอาการจะหนักกว่าคนไข้พูดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งยองๆ ก่อนจะช้อนเท้าที่บริเวณนิ้วโป้งมีเลือดซึมออกมาจากเล็บเพียงเล็กน้อยของจินอูขึ้นทาบกับอกของตัวเองแล้วโอ๋ปลอบขวัญเบาๆ
“ โอ้โห ยินดีด้วยว่ะ จินอู พี่ท็อปดูรักแกม้ากมาก รักทั้งตัวยันตีน แดบัก! ” จีวอนกระเซ้าเสียงค่อย เพราะไม่ต้องการให้อีกคนที่มีชื่ออยู่ในบทสนทนาได้ยิน
จินอูเห็นสายตาล้อเลียนของเพื่อนสนิทแล้วนึกอยากเอานิ้วจิ้มตาตี่ๆนั่นให้บอดสนิทนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแค่รีบชักเท้าตัวเองกลับมาวางบนพื้น ก่อนจะฝืนเดินขากะเผลกเลี่ยงรุ่นพี่จอมฉวยโอกาสไปจากบริเวณห้องพักฟื้นด้วยความรวดเร็วเท่าที่สภาพเท้าของเขาจะเอื้ออำนวย
“ เฮ่ จินอู เดินเร็วแบบนั้นเดี๋ยวยิ่งเจ็บน้า ให้พี่อุ้มไปดีกว่า ”
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
เช้าวันถัดมาถือเป็นเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสสำหรับมินโฮ วันนี้เขารีบตื่นขึ้นมาแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ดูดีมากกว่าวันไหนๆ จากนั้นก็ตรงเข้ามายังโรงพยาบาลพร้อมกับจีวอน เขาถือดอกไม้ช่อใหญ่เดินผ่านคุณยามรักษาความปลอดภัยที่เคยไล่ตะเพิดเขาตามคำสั่งของจินอูเมื่อสองวันก่อนด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“ ว้าว พี่เขย ไม่ได้เจอกันแป๊บเดียว ทำไมหล่อขึ้นตั้งเยอะแน่ะ ” ฮันบินทักทายคนที่เดินตามหลังจีวอนเข้ามาในห้องพักฟื้นตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเสียงสดใส ยิ่งวันนี้เป็นวันที่ไม่มีเรียนด้วยแล้ว อารมณ์ของเขาก็ยิ่งเบิกบานไปกันใหญ่
มินโฮยิ้มรับคำชมได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ เพราะชนักที่ยังปักอยู่บนหลังยังใหญ่โตเกินกว่าจะทำเป็นเมินเฉยต่อความผิดของตัวเองได้ ยิ่งได้เห็นใบหน้าร่าเริงของฮันบินแบบนี้ มินโฮก็ยิ่งไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเจ้าเด็กน้อยรู้ว่าเขาเป็นคนทำร้ายพี่ชายของตัวเองแล้ว รอยยิ้มน่ารักนี้จะยังมีให้เขาอยู่อีกมั้ย
“ ฮันบินทานข้าวเช้ารึยังเอ่ย ลงไปหาอะไรทานกับพี่ข้างล่างมั้ย ” จีวอนถามพลางก้าวฉับๆเข้าไปหาร่างที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนโซฟาในชุดนอนสีขาวตัวหลวมโพรก
“ แต่ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย พี่จีวอน ” ฮันบินทำหน้าเบ้ ต้นเหตุมาจากกระเพาะน้อยๆของเขาแอบส่งเสียงครืดคราดมาได้พักใหญ่แล้ว แต่เพราะอากาศมันหนาว เขาก็เลยเอาแต่ขลุกอยู่กับโซฟา ตัดใจไปอาบน้ำไม่ได้เสียที
ก็ตัวฮันบินน่ะผอมบาง ไขมันก็ไม่ค่อยมีกับใครเขา ก็เลยขี้หนาวมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย แต่เขาไม่ได้ขี้เกียจอาบน้ำหรอกนะ ขอบอก
“ หื้ม ไหนขอลองพิสูจน์กลิ่นหน่อยสิ ” จีวอนหย่อนตัวลงนั่งด้านข้างเจ้าตัวเล็กที่ยังนอนขี้เกียจไม่เลิก ก่อนโน้มตัวลงฉวยโอกาสสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจากอกเสื้อของอีกฝ่าย “ อื้ม ยังหอมอยู่เลย ครีมอาบน้ำของโรงพยาบาลพี่ท็อปนี่ท่าทางจะของดีจริงๆแฮะ ถึงได้หอมนานจนถึงเช้าแบบนี้ ”
“ ไม่ใช่ซะหน่อย นี่มันกลิ่นครีมอาบน้ำของที่หอพักต่างหาก ” เด็กน้อยส่งเสียงค้าน
“ อ่าว ฮันบินพกครีมอาบน้ำมาจากหอพักด้วยเหรอ ” จีวอนอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติทางโรงพยาบาลไฮโซแห่งนี้จะมีอุปกรณ์ของใช้ต่างๆไว้บริการลูกค้าอย่างครบครัน ตั้งแต่ยาสีฟันยันน้ำยาขัดรองเท้า จะเอายี่ห้ออะไรก็มีให้หมด แล้วไฉนฮันบินจึงต้องลงทุนพกเอาครีมอาบน้ำมาจากหอพักเองด้วยเล่า
“ เปล่า ไม่ได้พกมา แต่ผมอาบมาจากหอพักตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้วต่างหาก ” ฮันบินเฉลยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ แสดงว่าเมื่อคืนฮันบินไม่ได้อาบน้ำเหรอ ” จีวอนถึงกับผงะไปชั่วครู่
“ อื้ม แต่พี่จีวอนบอกว่ายังหอมอยู่นี่นา งั้นเราก็ลงไปหามื้อเช้าทานกันเลยเถอะ พี่จีวอน ผมหิวแล้วอ่ะ ” ฮันบินจัดแจงสวมเสื้อแจ็คเก็ตทับชุดนอนก่อนรีบลากแขนคนรักที่ยังไม่หายจากอาการอึ้งให้ออกจากห้องไปพร้อมกัน แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมาพูดทิ้งท้าย “ ผมฝากพี่มินโฮดูแลพี่แทฮยอนด้วยน้า ผมจะกินข้าวช้าๆ พวกพี่จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนนานๆ ฮิๆ ”
“ แอ๊ด/ปัง!! ” เสียงเปิดและปิดประตูที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทำให้มินโฮแน่ใจแล้วว่าในห้องพักฟื้นแห่งนี้จะมีแค่ตัวเขาและคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพังสองคนเท่านั้น
“ ฉันเอาดอกไม้มาเยี่ยมด้วยแน่ะ นายจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้นไง ” มินโฮโชว์ช่อดอกไม้ที่เพิ่งซื้อจากร้าน ตรงหน้าโรงพยาบาลเข้ามาเมื่อครู่ให้ร่างที่นอนบนเตียงได้เห็น ก่อนจะนำมันมาจัดใส่แจกันทรงสูงแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง
“ ขอบคุณที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยม... ” แทฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงแห้งผากเบาหวิวราวเสียงกระซิบเพราะอาการไข้ที่ยังไม่หายดี
“ ไม่เป็นไรหรอก ” มินโฮยิ้มกว้างอย่างรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยแทฮยอนก็ยอมเปิดปากพูดกับเขา ไม่มึนตึงใส่กันอย่างครั้งก่อน แต่เพียงแค่ได้ยินประโยคถัดมาของแทฮยอน รอยยิ้มของเขาก็ต้องจางหายไปแทบจะในทันที
“ ..ทั้งที่เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น ”
“ อืม เราไม่ได้สนิทกันหรอก แต่ฉันก็บอกแล้วว่าฉันแค่อยากมาดูแลนายไง ” มินโฮพยายามทำใจดีสู้เสือ แม้ว่าใจจะฝ่อลงไปกว่าครึ่งแล้วก็ตาม
“ รู้สึกผิดรึไง ..ไม่สิ เราไม่ได้มีอะไรที่ต้องรู้สึกผิดต่อกันซักหน่อยนี่นะ ” แทฮยอนพูดพึมพำเหมือนคุยกับตัวเองมากกว่า
“ มีสิ แต่นอกจากรู้สึกผิดแล้วฉันยังเป็นห่วงนายมากจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เรียนก็ไม่รู้เรื่อง ทุกลมหายใจเข้า-ออกของฉันคิดถึงแต่นายนะแทฮยอน ” มินโฮรีบท้วง
“ เป็นแค่คนรู้จัก ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาเป็นห่วงอะไรกันซักหน่อย ” แทฮยอนตอกย้ำความสัมพันธ์ด้วยน้ำเสียงเย็นชากลับไป
“ ก็ได้ๆ ฉันจะยอมรับว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกันก็ได้ ” มินโฮพยักหน้าอย่างเฉื่อยชา
“ อืม ก็ดีแล้วนี่ ” แทฮยอนออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ๆมินโฮก็ว่าง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น ใจหนึ่งก็ดีใจที่อีกฝ่ายยอมเชื่อฟังตัวเอง แต่อีกใจกลับอดรู้สึกหวิวๆขึ้นมาไม่ได้ ครั้นจะถามหาสาเหตุเขาก็กลับหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“ แต่ต่อไปนี้ขอทำความรู้จักให้มากขึ้นด้วยการจีบนายได้มั้ย ”
“ ประสาท คิดยังไงถึงอยากจีบ ” บ่อยครั้งที่มีคนเดินเข้ามาพูดประโยคแบบนี้กับแทฮยอน แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะทำให้ใบหน้าของเขาเห่อร้อนขึ้นมาได้มากเท่ากับครั้งนี้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้ หรือเพราะพิษร้ายจากอสรพิษตัวพ่อตรงหน้ากันแน่ที่ทำให้เขามีอาการอย่างที่ว่ามานั่น
“ ไม่รู้สิ ก็ฉันไม่อยากเป็นแค่คนรู้จักของนายนี่ ” มินโฮตอบหน้าตาย
“ เหตุผลไม่เข้าท่า ” แทฮยอนว่า
“ ยังไงก็เถอะ ฉันไม่อยากให้นายพยายามลืมเรื่องเลวร้ายวันนั้น แต่ฉันจะเป็นคนสร้างความทรงจำใหม่ที่มีแต่เรื่องดีๆร่วมกันกับนายเอง ” มินโฮไม่ได้แค่พูดทำเท่แต่เขาอย่างหวังไว้ลึกๆว่าจะทำให้ได้ตามนั้นจริงๆ
“ นายมีจีอึนอยู่แล้วนะ ” ร่างบางเตือนความทรงจำให้
“ ฉันจะเลิกกับเธอเดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ถ้านายต้องการ ” ร่างสูงว่าอย่างไม่เดือดร้อนอะไร ทำราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรในชีวิต
“ ไม่ต้อง!! ที่ฉันต้องการคืออยากให้นายไม่มายุ่งกับฉันอีก ” แทฮยอนสะบัดเสียงใส่อย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายคิดจะรักก็รัก คิดจะเลิกก็เลิกง่ายๆ เหมือนพวกเห็นแก่ตัว ชอบเอาความรักของคนอื่นมาล้อเล่นแบบนี้
“ ขอปฏิเสธ เพราะฉันไม่อยากให้นายต้องร้องไห้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ” มินโฮบอก ตั้งแต่ได้ยินที่จีวอนเล่า เขาก็คิดมาตลอดว่าควรจะทำอย่างไร เขารู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีใครมีทางลืมได้ ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือแทฮยอนก็ตาม ตัวเขาที่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดนั่นยังร้ายแรงไม่เท่ากับแทฮยอนที่ต้องโดนฝังอยู่กับฝันร้ายจนเหมือนกับตายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต
“ จะยังไงก็เถอะ นายก็ไม่ควรบอกเลิกจีอึน โดยที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ” แทฮยอนบอกเสียงแผ่ว เขาไม่ได้ต้องการความเห็นใจของมินโฮ แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายยังสู้อุตส่าห์พูดจาแสดงถึงความห่วงใยกันถึงขนาดนี้... ทั้งที่มินโฮเกลียดเขาจนถึงขั้นลงมือข่มขืนแท้ๆ
“ โอเค๊ ฉันไม่บอกเลิกก็ได้ แต่ยังไงฉันก็จะจีบนายอยู่ดีแหละ ” มินโฮว่าหน้าตายเหมือนไม่เคยคิดแคร์อะไรสักอย่างในโลกนี้ แทฮยอนไม่ให้เขาบอกเลิกจีอึน เขาก็แค่เป็นฝ่ายรอให้จีอึนบอกเลิกเขาเองก็ได้นี่ ไม่เห็นจะยาก
“ รู้ตัวบ้างมั้ย มินโฮ ” จู่ๆแทฮยอนก็เริ่มต้นประโยคชวนงง จนคนฟังถึงกับคิ้วขมวดเป็นปม แต่พอได้ยินประโยคถัดมาเพียงเท่านั้น ใบหน้าหล่อคมก็ได้แต่เปลี่ยนไปเป็นยิ้มแห้งๆแทน “ นายกำลังทำให้ฉันรู้สึกแย่ ”
“ ฉันขอโทษ อะไรไม่ดีๆที่ฉันทำไว้ นายพอจะให้อภัยฉันได้มั้ย ” มินโฮถามเสียงสลดอย่างคนสำนึกผิด
“ ฉันรู้สึกว่านายไม่ได้มองฉันอย่างเสมอภาค ไม่ได้คิดว่าฉันเป็นผู้ชายเหมือนๆกับนาย ไม่ได้คิดว่าฉันมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับนาย ถูกมั้ย ” แทฮยอนไม่ได้สนใจจะตอบรับหรือปฏิเสธประโยคของอีกฝ่าย แต่กลับยิงคำถามกลับไปแทน
“ บ้าแล้ว ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นซักหน่อย!! ” แน่นอนว่าไอ้สิ่งที่แทฮยอนพูดไม่มีประโยคไหนเคยอยู่ในหัวของเขาเลยแม้แต่ประโยคเดียว
“ ถ้าไม่ใช่ นายคงไม่ข่มขืนฉันหรอก ” แทฮยอนยิ้มขื่น “ คืนนั้น นายตะคอกใส่ฉัน พูดเหยียดหยามฉันสารพัด นายมัดข้อมือสองข้างของฉันติดกัน นายสอดใส่ของๆนายเข้ามาในร่างกายของฉันอย่างรุนแรง นายทรมานฉันจนเกือบถึงเช้า วินาทีนั้นฉันคิดว่านายคงไม่ได้มองเห็นฉันเป็นคนด้วยซ้ำไป ”
“ ท...แทฮยอน ...ฉันขอโทษ ” ทันทีที่ได้ฟังความรู้สึกของแทฮยอน ร่างกายของมินโฮก็ชาวาบไปหมด ความรู้สึกสงสารแล่นแปลบปลาบเข้าถึงขั้วหัวใจในฉับพลัน รู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา
“ แล้วอยู่ๆนายก็มาพูดจาดีด้วย ซื้อดอกไม้มาให้ มาบอกว่าอยากจะจีบ.... ” แทฮยอนเว้นวรรคประโยคไปชั่วครู่ สูดหายใจลึกๆก่อนเอ่ยออกไป “ ในสายตานาย ฉันคงมีค่าแค่เป็นตัวตลกไว้ให้นายล้อเล่นเวลาเบื่อๆหรือไม่ก็เป็นเครื่องบำบัดความใคร่ที่มีเอาไว้ให้นายใช้ระบายอารมณ์ทางเพศอย่างนั้นสินะ ”
“ ไม่ใช่ แทฮยอน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ ” ร่างสูงรีบปฏิเสธ แม้จะยังไม่เข้าใจตัวเองมากนักว่าเหตุใดในวันนั้นเขาถึงได้กล้าขืนใจแทฮยอน แต่อย่างน้อยก็อยากให้ร่างบางได้รับรู้เอาไว้ว่าเขาไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นแบบนั้นเลยสักครั้ง
“ ยิ่งเห็นหน้านายฉันก็ยิ่งสมเพชตัวเอง ไม่ว่าใจจริงนายจะคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่การกระทำของนายมันทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น ” แทฮยอนส่งสายตาตัดพ้ออย่างเศร้าสร้อยไปให้อีกคน
“ ขอโทษแทฮยอน คือ.... ”
“ นายเกลียดฉันมากใช่มั้ย นายถึงอยากให้ฉันรู้สึกไม่ดี นายอยากเห็นฉันตกต่ำ... ฮึก.. รู้เอาไว้ นายทำสำเร็จแล้ว... ฮึก ...ในชีวิตฉันไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันจะรู้สึก...ฮึก... อยากหายไปจากโลกเท่านี้มาก่อนเลย ฮือ ”
ร่างบางๆที่พยายามกลั้นสะอื้นจนตัวสั่นเทา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเสียใจและความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงได้แต่ปล่อยให้น้ำใสๆหยดแล้วหยดเล่าทยอยกันไหลเรื่อยลงข้างแก้ม แม้มือเรียวจะคอยปาดคอยซับเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมหมดสักที
มินโฮตัดสินใจช้อนร่างของแทฮยอนขึ้นกอดไว้กับอก เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบแผ่นหลังบางที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้นของเจ้าตัวเอาไว้แนบแน่น ส่วนอีกข้างที่เหลือก็ค่อยๆไล้ไปบนกลุ่มผมนุ่มๆเพื่อปลอบประโลม
แทฮยอนฝังใบหน้าลงกับไหล่แกร่งของอีกฝ่ายอย่างต้องการหาที่พึ่งพิง กรีดเสียงร้องไห้อย่างรุนแรงด้วยความเสียใจ สะอื้นหนักจนตัวโยนอย่างน่าสงสาร ทำเอาอีกคนต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก
“ อย่าร้องไห้เลยนะ ฉันไม่ได้เกลียดนายเลยสักนิด ไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ ” มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยใช้กับใครมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต พลางโยกตัวเบาๆปลอบใจอีกคนให้คลายจากความเศร้า
“ แล้วนาย...ฮึก...ทำแบบนั้น ...ฮึก...กับฉันทำไม ” แทฮยอนถามด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะปรือตาลงด้วยความอ่อนล้า การร้องไห้หนักๆขณะที่ร่างกายอ่อนเพลียจากอาการแพ้ท้องผสมกับพิษไข้เรื้อรังจากแผลอักเสบ ทำให้เขารู้สึกโหยหาการพักผ่อนมากกว่าปกติ
“ ฉ...ฉัน จริงๆแล้วฉัน...ที่ทำแบบนั้นไป...ไม่ได้คิดดูถูกนาย...แต่ฉันคิดว่าฉัน....ฉันทำไปเพราะ...ฉัน...ฉ...ฉัน... ” มินโฮพูดตะกุกตะกักเหมือนเด็กเพิ่งหัดพูด เพราะความคิดในสมองของเขากำลังตีกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด
“ …………………. ” ประโยคของมินโฮลอยเข้าหู แต่แทฮยอนกลับจับใจความไม่ได้เท่าที่ควร เพราะความง่วงกำลังตรงเข้าเล่นงานเขาอย่างจัง
“ ฉัน....ฉ...ฉัน....หึง...ง..น่ะ..นาย..กับ..เจบี......ม...........มั้ง ” ประโยคที่เขาพูดไม่ได้มีไวยากรณ์ซับซ้อนหรือมีตัวสะกดยากๆ เพียงแต่มันออกมาจากหัวใจตรงๆไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองและเรียบเรียงจากสมอง มันถึงได้ดูติดๆขัดๆไปเสียหมดแบบนั้น
“ ………………….. ”
“ แทฮยอน!! เป็นอะไรรึเปล่า ” มินโฮอุทานดังลั่นเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างที่เขากำลังกอด จู่ๆก็ตัวอ่อนยวบยาบไร้เรี่ยวแรงลงไปเสียเฉยๆ เขาจึงรีบจัดแจงวางร่างบางลงบนพื้นเตียง ก่อนใช้หลังมืออังหน้าผากของแทฮยอน พร้อมกับสังเกตอาการจากสีหน้าและจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างร้อนรน หากก็ไม่พบความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น แค่รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายมันสูงกว่าปกติไปเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น
“ แทฮยอนๆ... นายหลับเหรอเนี่ย? ” มินโฮตบแก้มเรียกร่างที่นอนแน่นิ่ง ก่อนจะพึมพำเป็นคำถามด้วยความรู้สึกอึ้งเล็กๆ
ร่างสูงรู้สึกเก้อไปนิดหน่อยที่เขาอุตส่าห์เปิดเผยสิ่งที่หัวใจพยายามปฏิเสธมันมาโดยตลอด หวังเพียงแค่ให้อีกฝ่ายยอมเปิดใจให้เขามากขึ้น แต่แทฮยอนก็กลับมาชิ่งหลับไปเสียดื้อๆเอาแบบนี้
‘ แล้วตกลงฉันหึงนายจริงๆรึเปล่านะ ’ มินโฮถามตัวเองในใจพลางใช้นิ้วโป้งค่อยๆไล้ลงบนแก้มขาวเนียนเพื่อเช็ดน้ำตาให้ร่างบางที่ดูเหมือนจะเข้าสู่นิทราไปเรียบร้อยแล้ว “ แล้วถ้าหึง ... หึง?... เฮ้ย งี้ไม่แปลว่าฉันชอบนายเหรอวะ แทฮยอน ” มินโฮตะโกนถามเสียงลั่นห้องด้วยความลืมตัว จนทำเอาร่างบางที่กำลังนอนอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
“ ไม่ต้องร้องแล้ว โอ๋ๆ นอนซะนะ คนดี ” มินโฮกระซิบข้างหูด้วยเสียงนุ่มทุ้ม พลางปลอบขวัญด้วยการตบบนอกร่างบางเบาๆหลายทีก่อนที่แทฮยอนจะสงบลงอีกครั้ง
มินโฮจ้องมองดวงหน้าที่ซูบตอบและรูปร่างที่ผ่ายผอมลงทุกวันเพราะความอยากอาหารที่ลดลงจากอาการแพ้ท้องของแทฮยอนแล้วก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ เฮ้อ คิดถูกหรือผิดที่ให้นายมาท้องเนี่ย ”
มินโฮลองเลื่อนมือลงมาสัมผัสที่หน้าท้องของร่างบางดู ก่อนจะก้มลงกระซิบบอกกับบริเวณที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นที่อยู่ของเด็กในท้องแทฮยอนเบาๆ
“ ไอ้ตัวเล็ก อย่ากวนหม่าม้าให้มันมากนักนะ รู้มั้ย ดูสิ ตั้งแต่มีนาย เขาก็ตัวเล็กลงไปเยอะเลยนะ รู้รึเปล่า ”
มินโฮพูดไปยิ้มไป น่าแปลกที่เขารู้สึกดีเวลาที่ได้ทำแบบนี้ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนรักเด็ก เขาไม่ได้อยากมีลูก และที่สำคัญเขาไม่เคยคิดอยากสร้างครอบครัวด้วยวัยเพียงเท่านี้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงต้องยิ้มออกมาแค่เพียงเพราะได้พูดคุยกับตัวอ่อนของทารกวัยเพียงเดือนเศษผ่านทางผนังหน้าท้องของคนที่เขากำลังคิดจะจีบแบบนี้ด้วย
คิดไปแล้วความสัมพันธ์ของเขากับแทฮยอนก็ช่างตลกดีชะมัด เจอกันครั้งแรก แทฮยอนก็เกลียดขี้หน้าเขาอย่างกับอะไรดี เห็นหน้ากันเมื่อไหร่ ก็มีแต่เรื่องให้แขวะกันตลอด ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ถ้าจะให้พูดว่าเป็นเพื่อนกันยังพูดได้ไม่เต็มปากเสียด้วยซ้ำ บอกว่าเป็นศัตรูกัน คนยังจะเชื่อซะกว่า
จากนั้นด้วยความจำเป็นของงานวิจัยทำให้เขาจับพลัดจับผลูต้องมามีอะไรกับแทฮยอน ความสัมพันธ์ของพวกเราก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เราสองคนกลายเป็นคู่นอนของกันและกัน
ไม่นานหลังจากนั้น แทฮยอนก็ตั้งท้องผลงานของพวกเรา หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือลูกของเขา ความรู้สึกต่ออีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิมในขณะที่การกระทำบางอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยหน้าที่ทำให้เขาจำเป็นต้องดูแล เอาใจใส่แทฮยอนมากขึ้น
ล่าสุดที่เขาอาจหาญไปข่มขืนแทฮยอน จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เขาโดนอีกฝ่ายลดระดับความสัมพันธ์ลงเหลือแค่เป็นคนรู้จักกัน ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจสถานะนั้น
ถ้าวัดระดับความสำคัญในใจดูแล้ว คนรู้จักเผลอๆจะแย่กว่าเป็นศัตรูกันซะอีก แล้วมันเรื่องอะไรที่มินโฮจะต้องพอใจด้วยล่ะ จริงมั้ย?
นั่นก็คือที่มาที่ทำให้เมื่อเร็วๆนี้ หรือถ้าพูดให้ง่ายคือไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มินโฮเพิ่งขออนุญาตที่จะจีบแทฮยอนไปสดๆร้อนๆ
มินโฮอยากจะจีบ ทั้งที่ตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาจะจีบอีกฝ่ายไปเพื่ออะไร รู้แค่ว่าถ้าเป็นเพียงคนรู้จัก เขาก็จะมีแทฮยอนอยู่ในสายตาตลอดเวลาไม่ได้ ไม่สามารถใกล้ชิดกับอีกฝ่ายได้ ไม่สามารถปกป้อง ดูแล หรือให้ความสนใจอีกฝ่ายเกินกว่าคนรู้จักได้ และที่สำคัญที่สุด เขาจะกอดปลอบแทฮยอนในเวลาที่อีกฝ่ายร้องไห้ไม่ได้
ทั้งหมดนั่นคงจะมากพอที่ทำให้ซงมินโฮอยากเป็นมากกว่าคนรู้จักของนัมแทฮยอน
TBC
#นัมแทท้อง
ฟ้าเริ่มสดใสแล้ว เห็นมั้ยล่าทุกคน จากนี้ชาวคณะจะลั้นลาหรรษากันไปอีกพักใหญ่ๆ
ตอนก่อนมิโนโดนจัดหนักจัดเต็มจากคนอ่าน คนแต่งอ่านคอมเมนท์ที่คนอ่านสกรีมด่าใส่มิโนบันเทิงเลยทีเดียว
น้องนัมน่าสงสารมาก ตอนนี้ก็ยังน่าสงสารอยู่ TT แต่มีคู่ท็อปจิน กับ ดับเบิ้ลบีมาตัดอารมณ์ดราม่าแล้วนะ น่าจะรู้สึกดีขึ้นเนอะ (รึเปล่า?)
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้มากๆเลยนะคะ อยากให้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตรงไหน บอกกันได้น้า
◊
ความคิดเห็น