คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1/3
อ่า เกือบลืมบอก!! เหตุการณ์ในเรื่องเป็นช่วงวันเกิดน้องนัมปีที่แล้ว ก่อนหนุ่มๆจะคัมแบ็ค Man in Love นะค้า
วัยต่อต้าน
Sunggyu x Woohyun
ตอนที่ 1/3
การคัมแบ็คของอินฟินิทใกล้เข้ามาทุกขณะ ตารางงานเดี่ยวของผมสิ้นสุดลงแค่วันนี้ ก่อนคัมแบ็คจะมาถึง เรามีเวลาฝึกซ้อมเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
ผมเรียบเรียงความคิดทุกอย่างเอาไว้ในหัวอย่างเป็นกระบวนการ ตำแหน่งหัวหน้าวงบังคับให้สมองของผมเอาแต่คิดนู่นคิดนี่อยู่ตลอดเวลา คอยกดดัน บีบคั้นตัวเองให้วางแผนการฝึกซ้อมให้รัดกุมและสมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ทันทีที่เห็นหน้ารูมเมทตัวเล็กของผม ความตึงเครียดเรื่องการคัมแบ็คที่กำลังรุมเร้าก็มลายหายไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ผมหมายถึง มันกำลังแปรสภาพเป็นความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกจนแทบเต้นแทนเมื่อได้เห็นความยุ่งเหยิงภายในห้องนอนชัดเจนเต็มสองตา
“ นัมอูฮยอน!!!! ” ผมส่งเสียงคำรามในลำคอ ก่อนย่างสามขุมเข้าไปหาเจ้าตัวที่กำลังนอนคว่ำเตะขาสลับไปมาในอากาศ ริมฝีปากขยับออกเสียงแจ้วๆคุยกับคนที่อยู่ปลายสาย มือหยิบขนมขบเคี้ยวจากห่อที่วางอยู่ด้านข้างอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนเตียงชั้นล่างของผม
เสื้อผ้าที่สุมกองรวมกันตรงปลายเตียงกับบางส่วนตกลงไปบนพื้น ข้าวของเครื่องใช้ถูกทิ้งเรี่ยราดปะปนกับห่อขนมมากมาย มีทั้งที่หมดถุงแล้วและที่ยังเหลือติดอยู่ก้นถุง ระเกะระกะจนแทบไม่เหลือทางให้เดิน แล้วยังมีกระป๋องโคล่าเปล่าที่คาดว่าคงถูกโยนลวกๆให้มารวมกันตรงมุมห้องอีก
นี่ยังไม่นับสารรูปมอมแมมในซากชุดอยู่บ้านเก่าๆของเจ้าตัวด้วยหรอกนะ มองดูก็รู้ว่ายังไม่ได้อาบน้ำทั้งที่ดึกออกป่านนี้แล้ว
“ วางสายแล้วเก็บห้องเดี๋ยวนี้!! ” ผมตะโกนบอก
“ อยากฉลองวันเกิดกับนายจังอะคีย์ เบื่อคนแถวนี้เป็นบ้า ” อูฮยอนเมินเฉยคำสั่ง ก่อนคุยกับคนในสายต่อราวกับไม่ได้ยินประโยคของผม
“ อย่ามากวนประสาทกันนะ ” พูดเฉยๆดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไร ผมจึงตรงเข้าแย่งมือถืออีกฝ่ายมา “ ขอโทษทีนะคีย์ พอดีอูฮยอนมีงานด่วนต้องทำ เอาไว้คุยต่อทีหลังก็แล้วกัน ” ผมกรอกเสียงลงไปก่อนจะกดวางสายทันทีโดยไม่คิดเอ่ยปากถามเจ้าของเครื่องสักคำ
“ แม่งเอ๊ย ” อูฮยอนสบถอย่างอารมณ์เสีย
“ ทำตัวอย่างนี้ ไม่อยากได้ของขวัญหรือไง ” ผมยกเรื่องของขวัญขึ้นมาอ้างเพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของอีกฝ่าย
“ ของขวัญวันเกิดที่ผมอยากได้ที่สุด ก็คืออยากให้ฮยองเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมสักทียังไงล่ะ ” อูฮยอนพูดทิ้งท้ายก่อนเดินกระแทกไหล่ผมไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
เมื่อไหร่ไม่รู้ที่นัมอูฮยอนเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ หยาบคาย ก้าวร้าว เอาแต่ใจ ผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าเจ้าเด็กที่เคยเดินตามหลังผมต้อยๆ คอยเรียก ฮยองฮะๆด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูมาตลอด 4 ปีตั้งแต่เรารู้จักกันมา มันจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้
อะไรคือปัจจัย หรือนี่จะเป็นวัยต่อต้านของนัมอูฮยอนกันแน่นะ!?!
“ แล้วนี่จะไปไหน ” ผมถามขึ้น เพราะเห็นเขาเลือกเสื้อผ้าออกจากตู้ ที่ดูๆแล้วไม่น่าใช่ชุดที่อีกฝ่ายจะสามารถใส่นอนได้เลย
“ ยุ่ง ” ถามดีๆ แต่ไม่ได้คำตอบแถมที่ได้กลับมาดันเป็นคำด่าอยู่กลายๆเสียอีก
บ๊ะ!! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ
……………………………***……………………………
“ ฮะ ฮยองบอกว่าจะให้พวกเราแกล้ง ‘บอยคอต’ อูฮยอนฮยองเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิดเนี่ยนะ ” ลีโฮวอนถามผมด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
หลังจากอูฮยอนแวบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับเพื่อนในก๊วน 91-line ก็เป็นโอกาสอันดีที่ผมจะใช้เวลาที่อีกฝ่ายไม่อยู่นี้ ขุดแผนการที่คิดเอาไว้ก่อนหน้าออกมาระดมความคิดร่วมกับเหล่าสมาชิก
“ หรือพวกนายไม่อยากทำ ” ผมแสร้งย้อนถาม นัมอูฮยอนสร้างวีรกรรมไว้กับเมมเบอร์คนอื่นๆขนาดไหนทำไมผมจะไม่รู้ จึงเป็นไม่ได้ที่เด็กๆพวกนี้จะไม่อยากทำตามแผนการของผม
“ ทำดิ พวกเรารอคอยเวลานี้มานานแล้วเหอะ จริงป่ะแอล ” ลีซองยอลบอกด้วยท่าทางระริกระรี้เหมือนเจอเรื่องสนุก ก่อนจะหันไปพยักเพยิดกับคิมมยองซูที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ ตกเป็นเบี้ยล่างอูฮยอนฮยองมานานแล้ว จะได้เอาคืนก็คราวนี้แหละ ” ลีซองจงพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ
“ ใช่ๆ ชอบป่วนชาวบ้านก็เท่านั้น ขี้แกล้งก็เท่านี้ โดนเอาคืนซะมั่งก็ดี ” โฮย่าสนับสนุน
“ ระยะนี้อูฮยอนชอบทำตัวเหมือนเด็กมีปัญหา จริงๆที่ฉันคิดแผนนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากดัดหลังเขาด้วยล่ะนะ ” ผมชี้แจง จะว่าเอาแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดมาเป็นเรื่องบังหน้าก็คงไม่ผิดนัก
“ ลิมิตแค่ไหนน่ะฮยอง ผมว่าเล่นแรงไป น้องจะโกรธเอาหรือเปล่า ” จางดงอูนางฟ้าของวงถามขึ้น เพราะกลัวผลลัพธ์สวนทางกับที่คาดหวังเอาไว้
“ โธ่ ฮยอง ตอนวันเกิดฮยองที่พวกเราแกล้งให้หัวหน้าคนใหม่ที่ญี่ปุ่นเรียกฮยองไปด่านั่น ฮยองโกรธหรือเปล่าล่ะ ” มยองซูตั้งคำถามเชิงเปรียบเทียบ
“ ก็ไม่นะ เพราะรู้ว่าพวกนายอยากเซอร์ไพรส์วันเกิดฉันไง ”
“ ใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้น ต่อให้เจออะไรเลวร้ายมาแค่ไหน แต่พอรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่แผนเซอร์ไพรส์วันเกิด ก็ต้องรู้สึกซาบซึ้งใจมากกว่าอยู่แล้วใช่ป่ะ ” คนอายุน้อยกว่าบอกน้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นเอาไว้เต็มขั้น
“ แต่ก็อย่าให้รุนแรงเกินไปล่ะ อย่าลืมว่าเขาคือเพื่อนร่วมวงของพวกนายคนนึง เข้าใจนะ ” ผมย้ำเตือนข้อควรระวังเป็นการทิ้งท้าย
“ ไม่ใช้ความรุนแรง แต่แค่ทำให้ร้องไห้นี่คงได้ใช่มั้ยฮยอง ” ซองยอลถามด้วยแววตาคาดหวัง
“ นั่นแหละที่ต้องการ ”
ภาษิตว่าไว้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คนอย่างอูฮยอนถ้าไม่ถึงวันที่ไม่เหลือใครจริงๆ ก็คงทำตัวไม่เห็นหัวคนอื่นอยู่ร่ำไปนั่นล่ะ
งานนี้ต่อให้โดนแกล้งจนร้องไห้แงๆ ก็จะไม่สนด้วยแล้ว ผมจะเฉยไว้รอให้หมอนั่นเป็นฝ่ายซมซานกลับมาซบอกผมเอง สาบาน!!!
……………………………***……………………………
การคัมแบ็คยิ่งใกล้เข้ามามากเท่าไหร่ การฝึกซ้อมก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเป็นเท่าทวี วันนี้สมาชิกทุกคนว่างจากตารางงาน เราจึงนัดแนะกันตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมารวมตัวกันที่ห้องซ้อมเต้น
ผมไม่ได้ปลุกนัมอูฮยอนให้มาพร้อมกันกับพวกเรา นั่นถือเป็นฉากแรกของแผนการเซอร์ไพรส์วันเกิดของเจ้าตัว
“ ทำไมฮยองไม่ยอมปลุกผม ตื่นมาไม่เจอใครเลย ผมแทบบ้า นี่ต้องโบกแท็กซี่มาเองเลยนะ ” เมนโวคอลตัวเล็กประจำวงปรากฏตัวขึ้นที่ห้องซ้อมในเวลาสายๆของวันด้วยสีหน้าเหวี่ยงวีนเต็มขั้นจากการถูกทิ้งไว้ที่หอคนเดียว
“ ปลุกแล้ว ไม่ยอมตื่นเอง อย่ามัวแต่ร่ำไรอยู่เลย นายสายคนเดียวก็พอ อย่าถ่วงให้คนอื่นช้าไปด้วย รีบวางกระเป๋าแล้วมาซ้อมซะ ” ผมโกหก ความจริงไม่ได้แม้แต่จะสะกิดโดนตัวเขา เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นพวกความรู้สึกไว ถ้าไม่ได้ป่วยหรืออยู่ในอาการอ่อนเพลียมากจริงๆ แค่เสียงน้ำหยดก็ทำคนอย่างนัมอูฮยอนรู้สึกตัวได้แล้ว
คนมาสายกระแทกส้นเดินเอากระเป๋าไปวางบนโซฟาท้ายห้อง ก่อนเข้ามายืนประจำบล็อกกิ้งของตัวเองอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ เปิดเพลงสิ ” เอ่ยสั่งใครก็ไม่รู้ด้วยน้ำเสียงน่าหมั่นไส้ จนเส้นเลือดที่ฝ่ามือผมกระตุกฉับ อยากจับเจ้าตัวดีมาตบกะโหลกสั่งสอนนักเชียว
“ ในนี้ไม่มีใครเป็นคนรับใช้นายนะอูฮยอน แล้วนายก็ไม่ได้พิการหรือเป็นง่อย จะทำเองก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ ” ถ้าเป็นปกติ ผมคงเสียสละเป็นคนเดินไปเปิดเองอย่างไม่ต้องการให้มากความ แต่เพราะรู้ดีว่านั่นจะทำให้เขาได้ใจ ผมจึงปฏิเสธที่จะทำมัน
“ ก็ได้ ผมไปเปิดเองก็ได้ ” อูฮยอนรับคำเสียงกวนโมโหก่อนเดินกระทืบเท้าไปที่เครื่องเสียงด้วยความหงุดหงิด
เจ้าตัวเดินกลับเข้าที่ อารามกำลังอารมณ์เสียจึงไม่ทันระวัง จึงสะดุดขายาวๆซองยอลล้มลงกระแทกพื้นห้องซ้อมเสียงดังลั่น
“ ลีซองยอล!!! ขัดขาฉันทำไม ” เจ้าหมาน้อยกระโดดตะปบคอเสื้อเจ้ายีราฟตัวสูงพลางส่งเสียงขู่ฟอดๆอย่างเอาเรื่อง
“ ฮยองดูดิ ผมอยู่ของผมดีๆ เขาเดินมาสะดุดขาผมเอง แล้วมาว่าผมอะ ” ฝ่ายโดนกล่าวหาโวยกลับพลางสะบัดตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม
จากมุมที่ผมยืนอยู่มองเห็นได้ชัดเจนว่าซองยอลเป็นคนยื่นท่อนขาตัวเองออกไปขัดเท้าอูฮยอน แต่รู้ดีว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ เพราะฉะนั้นผมจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
“ อย่ามาแหล นายขัดขาฉันชัดๆ ใครๆก็เห็นน่ะ ถามได้เลย ”
อูฮยอนชี้นิ้วกราด วินาทีต่อมาถึงได้รับรู้เป็นครั้งแรกว่ามีแค่ตัวเองคนเดียวที่คิดแบบนั้น เพราะคนอื่นถ้าไม่เฉไฉทำเป็นยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่ ก็กำลังหันไปคุยเล่นกัน ไม่มีใครสนใจเจ้าตัวเลยสักคนเดียว
ถูกเมินจากคนสนิทโดยสิ้นเชิงในยามคับขัน นั่นล่ะบทเรียนแรกที่อูฮยอนต้องเจอ
“ จะซ้อมมั้ย ถ้าไม่ซ้อมก็หลบไป อย่ามายืนเกะกะ เป็นตัวถ่วงคนอื่นเขาแบบนี้ ” เห็นอีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ไม่ยอมขยับหาบล็อคกิ้งตัวเองสักที ผมจึงใช้คำพูดกระแนะกระแหนเข้าซ้ำอีกทอด
อูฮยอนหน้าเสีย ไม่ตอบโต้ ถึงจะดูไม่ค่อยพอใจแต่ก็ยอมเดินไปประจำตำแหน่งของตัวเองแต่โดยดี
การซ้อมดำเนินเกือบจะเป็นไปอย่างปกติสุข ถ้าไม่ใช่เพราะนัมอูฮยอนเจ้าเก่าที่ชอบทำตัวมีปัญหา ทำอิดออดเต้นๆหยุดๆ รบกวนสมาธิคนอื่นด้วยการเดินผิดบล็อคกิ้งอยู่เกือบตลอดทั้งเพลง
“ ข่าวดี เดี๋ยวเย็นนี้ฮีวอนฮยองนิมจะเข้ามาดูล่ะ ” โฮย่าตะโกนบอกหน้าระรื่นหลังรับสายครูสอนเต้นสุดเนี้ยบผู้ออกแบบท่าเต้นให้กับวงอินฟินิทของเราเรื่อยมา
“ ฉิบหายล่ะ!! ” ซองยอลอุทาน ก่อนลากแดนซ์แมทชีนเข้ามุมเพื่อติวเข้มให้ตัวเองแบบตัวต่อตัว ก่อนจะเห็นมยองซูวิ่งโร่เข้าไปขอร่วมวงด้วยอีกคน
พอโดนแย่งคนปล่อยท่าประจำวงไปแล้ว คนรับท่าช้าอย่างอูฮยอนก็รู้สึกเคว้งไปพักใหญ่ แค่ดูหน้าหงอยๆนั่นก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวดียังจำท่าได้ไม่หมด
ใช้การจดจำในระยะไกลอยู่ครู่หนึ่ง จนเห็นท่าว่าน่าจะไม่รอด เมนวอยซ์ที่มีดีแต่ด้านการร้องจึงตัดใจจากคนที่เต้นเก่งที่สุดประจำวง แล้วเปลี่ยนมาหาที่พึ่งแหล่งใหม่แทน
“ ดง... ”
“ เฮ่ ดงอู ไปด้วยกันทีดิ พอดีมีเรื่องจะปรึกษากอนัมฮยองหน่อย ” ผมชิงเรียกคนที่มีดีกรีนักเต้นมือวางอันดับ 2 ของวงตัดหน้า ก่อนลากเจ้าของชื่อให้ออกไปข้างนอกด้วยกันอย่างรวดเร็ว
……………………………***……………………………
“ ฮยองขี้แกล้งอะ ” แรพเปอร์หลักของวงบอกด้วยใบหน้าที่สื่อว่าตำหนิผมอย่างชัดเจน
“ ก็ช่วยไม่ได้นี่ ”
“ ฮีวอนฮยองนิมมาทีนี่หายนะเลยนะ แล้วอูฮยอนจะไหวมั้ย ”
สำหรับวงบอยแบนด์ที่ได้รับสมญานามว่าเต้นได้พร้อมเพรียงกันถึง 99.99% แล้ว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยบนเวทีก็อาจกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ และดูเหมือนฮีวอนฮยองนิมครูสอนเต้นของเราจะไม่เคยมองข้ามเรื่องนั้น
แต่อินฟินิทไม่ใช่หุ่นยนต์ เรายังเป็นมนุษย์ มันต้องมีผิดมีพลาดบ้างเป็นธรรมดา
จำได้แม่นช่วงที่เราออกเพลง BTD แรกๆผมเคยจำท่า Scorpion มาแบบผิดๆจนติดเป็นนิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที แต่อะไรในโลกนี้ก็ไม่เคยเกินความสามารถของฮีวอนฮยองนิมครูสอนเต้นอัจฉริยะของพวกเรา
คำสั่งให้วิ่งรอบตึก 2 รอบสำหรับการเต้นผิดครั้งหนึ่งเป็นการลงโทษที่ถือเป็นเด็ดขาด กว่าจะรอดมาได้ก็แทบอ้วก แต่สุดท้ายก็เป๊ะจริงๆตามความคาดหวังนั่นแหละ และทั้งหมดทั้งมวลก็คือที่มาของคำว่า ‘ หายนะ ’ ในประโยคของจางดงอูนั่นเอง
“ ได้ข่าวว่าระหว่างที่ฉันโปรโมทงานโซโล่อยู่ ตอนพวกนายซ้อมเต้นกัน อูฮยอนเคยโดดซ้อมด้วยนี่ ”
“ ก็ใช่ ” ดงอูพยักหน้า “ แต่ฮยองจะกักตัวผมไว้ เพื่อไม่ให้ไปปล่อยท่าให้อูฮยอนน่ะมันไม่ถูก ”
“ ก็เขาทำไม่ถูกก่อนเอง นายอยากสนับสนุนคนผิดเหรอ ”
“ ถ้าฮยองยอมรับที่จะให้เขาโดนฮีวอนฮยองนิมลงโทษได้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน ” อีกฝ่ายว่าก่อนเดินจากไปอีกทาง ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงลำพัง
ที่ดงอูว่ามันก็จริง บางทีผมควรจะโยนอคติทิ้ง พร้อมกับกวาดแผนการทั้งหมดลงเก๊ะไปชั่วคราว แล้วเข้าไปสอนท่าให้เจ้าตัวยุ่งด้วยตัวเองก่อนที่ฮีวอนฮยองนิมจะเดินทางมาถึงที่นี่ นั่นเป็นสิ่งที่หัวหน้าวงที่ดีพึงกระทำ
“ อ่าว ฮยอง ดงอูฮยองไปไหนแล้วล่ะ ผมลืมท่าอะ ว่าจะมาถามซะหน่อย ” มักเน่ออกจากห้องซ้อมเดินตรงเข้ามาถามหาอีกคนด้วยท่าทางร้อนอกร้อนใจ
“ ลงไปข้างล่างน่ะ แล้วอูฮยอนทำอะไรอยู่ตอนนี้ ” ผมตอบพลางรั้งแขนอีกฝ่ายไว้พร้อมส่งคำถามกลับไปบ้าง
“ เห็นนั่งกดมือถือยิกๆ สงสัยคุยกับบรรดา 91-line ฮยองล่ะมั้ง ”
ฟังคำตอบแล้วได้แต่ความหงุดหงิดใจกลับมา ในเมื่อเด็กนั่นไม่ได้ดิ้นรนที่จะขอความช่วยเหลือจากใครตั้งแต่แรก แล้วมันเรื่องอะไรที่ผมจำเป็นจะต้องแส่ยื่นมือตัวเองออกไปหาเขา เผลอๆจะได้โดนปัดทิ้งกลับมาเสียด้วยซ้ำ
“ งั้นก็บาย นัมอูฮยอน ”
TBC
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น