คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : หัวใจมหานที(2)
แสงสว่างจ้าที่ส่องเข้ามาแทงตาเฟอร์โรเรนให้พร่าไป และก่อนที่ตาจะปรับสภาพได้ร่างของเขาก็กำลังถูกดึงให้จมลงในเกลียวคลื่นขนาดยักษ์กลางมหาสมุทร พายุฝนโหมกระหน่ำดังเข็มนับพันทิ่มแทงลงทั่งทุกตารางนิ้วของร่างกาย
“ ใครบังอาจลุกล้ำเข้ามาในถิ่นของข้า ”
เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นรอบตัว
“ ข้าคือเฟอร์โรเรน วีกส์... ” เขาพูดไปสำลักน้ำทะเลไป “ มาเพื่อเชิญคัมภีร์สันติภาพกลับไป ท่านจะช่วยชี้ทางให้ข้าได้ไหมท่านผู้เฝ้าคัมภีร์ ”
ฉับพลันเสียงเป่าแตรสังข์ก็กังวานขึ้นพร้อมกับร่างหนึ่งเคลื่อนกายขึ้นกลางเกลียวคลื่น ร่างที่ส่วนบนเป็นมนุษย์แต่ส่วนล่างเป็นปลา ในมือถือแตรสังข์อันเขื่องแต่เบื้องหน้านั้นถูกอารักขาด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาน่าขนลุก
“ เอาวิญญาณเจ้ามาสังเวยสิ! ”
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ สวัสดีค่ะ ” ยามิวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในความมืดพลางก้าวเดินไปข้างหน้า “ มีใครอยู่ไหมคะ ”
“ ฮิฮิ ”
“ นั่นใครคะ ”
เสียงตบมือดังแว่วมาครั้งหนึ่งแล้วแสงสว่างก็จุดพรึบขึ้น มันมาจากคบไฟที่เรียงรายอยู่รอบผนังห้องกว้างที่ตรงกลางเป็นลานน้ำพุขนาดใหญ่ ณ ตรงนั้นเธอเห็นเงาร่างกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำพุ
“ เจ้าเป็นใคร!! ”
เสียงตวาดแหวดังออกมาจากน้ำพุยามิวสะดุ้งสุดตัวแต่ก็พยายามกุมดาบในมือไว้ให้มั่นและก้าวต่อไป แต่แล้วต้องตกใจแทบสิ้นสติเพราะน้ำพุนั้นไม่ใช่น้ำแต่เป็นเลือดสีแดงฉานและร่างที่กำลังแหวกว่ายอยู่นั้นคือนางเงือกตนหนึ่ง
ยามิวก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวแต่บานประตูที่เข้ามาก็หายไปเสียแล้ว ฉับพลันพื้นที่เธอยืนอยู่ก็ไม่ใช่พื้นหินแข็งๆ อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นน้ำสีเขียวมรกต
หญิงสาวดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำความหวาดกลัวสิ้นหวังถาโถมเข้ามาจากทุกที่
“ เจ้าเป็นใคร เจ้ามนุษย์! แล้วมาทำอะไรที่นี่!! ” นางเงือกตวาดถามไม่หยุด เงือกเกลียดมนุษย์โทษฐานที่เคยล่าพวกมันเอาไปทำยาจนเกือบสูญพันธ์
“ มันก็เรื่องของข้า! ” ยามิวตะโกนก้อง “ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้าพวกตัวประหลาดน่าตาอัปลักษณ์... ปล่อย! ”
เงือกสาวกระโจนออกมาจากน้ำพุ คว้าคอเธอและบีบแน่นจนหายใจแทบไม่ออก “ เจ้าว่าข้าเป็นตัวประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์อย่างนั้นรึ! ” มันตวาดอย่างกราดเกรี้ยว “ ทำอย่างเจ้าสวยนักนี่... ยัยมนุษย์หน้าตาหน้าเกลียด!! ”
“ แกว่าใครหน้าตาเกลียดกันยะยัยป้าหนังเหี่ยว!! ” ยามิวเริ่มยั้วะ เกิดแรงฮึดมหาศาลดึงดาบที่นิมฟ์ให้มาฟาดใส่หน้าทั้งที่เมื่อครู่กลัวแทบตาย ...อย่างว่าแหละผู้หญิงกับเรื่องสวยๆ งามๆ นี่ยอมกันได้ซะที่ไหน
แต่คมดาบไม่อาจฟันเข้า ยามิวตกใจทำอะไรไม่ถูกเมื่อเงือกใช้เพียงมือเปล่าจับดาบเธอโดยไม่สะทกสะท้านและกระชากดาบเธอปาทิ้ง
ยามิวยังไม่ยอมแพ้ เธอยกสองมือขึ้นจิกข่วนใบหน้าร่างตรงหน้าแต่แล้วก็ต้องกรี๊ดออกมาสุดเสียงเมื่อเนื้อเป็นก้อนๆ เละหลุดติดมือเธอมา “ กะ... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!! ” แต่ฝ่ามือของเธอยังป่ายเปะปะไม่หยุด ชิ้นเนื้อเริ่มหลุดออกมามากขึ้นๆ เรื่อยจนเห็นโครงกระดูก
ใบหน้าที่เนื้อหายไปมองดูเละๆ เทะๆ น่าสะอิดสะเอียนจ้องหน้าเธอเขม็ง ริมฝีปากเริ่มบิดเบี้ยวและไหลแยะออกจากกันแลเห็นฟันซี่เหลืองอ๋อยแตกๆ หักๆ เต็มปาก ร่างกายส่วนอื่นๆ เองก็ดูเหมือนจะเริ่มเปื่อยยุ่ยและละลายไปกับสายน้ำ
“ แกบังอาจทำหน้าข้าเสียโฉม ”
“ มันไม่มีโฉมให้เสียแต่แรกแล้วล่ะย่ะ! ไม่เชื่อก็หัดส่องกะโหลกดูเงาหัวตัวเองบ้างซี่ยัยปลาร้าเน่า! ” ยามิวกระชากผมของนางเงือกที่หลุดติดมือมาเป็นกำดึงให้ก้มหน้ามองดูเงาตัวเองบนผิวน้ำ
เงือกสาวร้องกรี๊ดลั่นไม่เป็นภาษาและปล่อยเธอเป็นอิสระ มันยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้าอย่างหวาดวิตกแล้วกระโดดพุ่งตัวกลับเข้าไปในน้ำพุ
ฉับพลันน้ำก็แห้งเหือดหายวับไปในบัดดล ยามิวจึงร่วงหล่นปุ๊ลงบนพื้น “ โอ๊ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย... ” เธอคราง
“ ไป๊! ออกไป! เจ้ารีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ” เสียงของเงือกสาวขู่ฟ่อมาจากหลังน้ำพุ “ ออกไปซะ!! ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจฆ่าเจ้า ”
ยามิวเกาหัวงงๆ เธอยันตัวลุกขึ้นยืนพลางกวาดตามองหาดาบและก็เห็นมันตกอยู่ไม่ไกลจากน้ำพุนักจึงเดินเข้าไปเก็บ พลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเงือกสาวที่ขดตัวอยู่ที่ก้นบ่อ
“ ซิก... ซิก... ”
“ เฮ้! นั่นเจ้าร้องไห้ทำไมน่ะ ” ยามิวว่า “ อย่าบอกนะว่าโกรธที่ข้าว่าเจ้าอัปลักษณ์น่ะ ”
“ อย่ามองนะ!! ตัวข้าในตอนนี้มันอัปลัษณ์นัก !! ข้าไม่ต้องการให้ใครเห็น ออกไป๊!! ”
ยามิวจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แม้จะไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ก็อดสงสารไม่ได้ “ นี่!... เจ้าร้องไห้ว่าตัวเองหน้าตาอัปลักษณ์เหรอ ” เธอพูดกวนๆ “ แค่นี้ก็ร้องไห้ บ้าหรือเปล่า! ”
“ เจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าไม่เข้าใจหรอก!! ”
“ คงงั้น... เพราะดูท่าเจ้าก็คงไม่เคยโดนหลอกให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักแล้วก็ถูกจับไปขายซ่อง ”
“ ถึงข้าจะไม่สวยเหมือนก่อนแต่ชีวิตข้าไม่โสมมขนาดนั้นหรอก! ” มันพูดเสียงดัง “ แล้วก็ไม่คิดว่าจะมีใครรันทดได้นาดนั้นหรอกนะ... ” จู่ๆ เสียงของมันก็ขาดหายเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้จึงคลายตัวออและว่ายขึ้นมาที่ขอบบ่อตอนนี้มันกลับมามีเนื้อหนังดังเดิมแล้ว “ หรือว่าเจ้า... ”
ยามิวไม่ว่าอะไรเพียงแต่ยิ้มบาง
“ เอ่อ... ” เงือกสาวมีทีท่าสลดไป
“ ถ้าเจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วข้าไปก่อนนะ... ต้องรีบไปตามหาคัมภีร์สันติภาพน่ะ ”
“ เจ้าว่าคัมภีร์สันติภาพ ” เงือกร้องเสียงสูง “ มาตามหาโดลิแวร์อย่างนั้นรึ ”
“ ใช่!... พวกปิศาจทรยศเรา... มันบุกมาทำลายฟีเลซวิลเสียย่อยยับแล้วก็สังหารพระราชากับพระราชินีไปแล้ว ตอนนี้แม่ทัพโลกปิศาจก็เพิ่งจะถล่มวิหารนี้ไปนี่เจ้าไม่รู้สึกเลยเหรอ ”
“ ข... ข้าไม่รู้... ” เงือกสาวบอกท่าทางของมันดูสับสนและร้อนรน “ ข้าไม่รู้เลยจริงๆ... แล้วนี่เจ้าบอกว่าจะมาเชิญเขากลับ ”
“ ใช่... แล้วเจ้ารู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน ถ้าเจ้ารู้... ได้โปรด... ช่วยบอกข้าด้วย ”
เงือกสาวส่ายศีรษะอย่างอับจนหนทาง “ คัมภีร์ไม่ได้อยู่ที่นี่... มันอยู่ที่ที่ไกลแสนไกลออกไป... ข้าขอโทษที่รั้งไว้เจ้ารีบไปเถอะ ”
“ ไม่เป็นไร... ว่าแต่เจ้าไม่หนีไปด้วยกันเหรอ ”
“ ข้าหนีไปไหนไม่ได้ ” เงือกสาวตอบ “ ข้าถูกสาป... ถ้าออกไปจากน้ำพุเลือดนี่ร่างกายจะเริ่มเน่าเปื่อยเหลือเพียงโครงกระดูกแต่ถึงกระนั้นข้าจะไม่มีวันตาย... ข้าทนไม่ได้ที่ต้องมีรูปลักษณ์เช่นนั้น... ชาวเราถือเรื่องหน้าตาและรูปลักษณ์มาก... ถึงได้มีประเพณีอาบแสงจันทร์เพื่อให้ผิวผ่องสวย... กินไข่มุกและบำรุงเส้นผมด้วยสาหร่าย... แต่ตอนนี้ข้าต้องอยู่ในน้ำเลือดเน่าๆ มาห้าร้อยปีไม่ได้บำรุงอะไรเลยแถมยังต้องกลายเป็นโครงกระดูกอีกข้าทนไม่ได้หรอกถ้าต้องออกไป ”
...มิน่าสิเมื่อก่อนถึงได้มีการล่าเงือกไปทำยาอายุวัฒนะก็คุณเธอเล่นบำรุงซะขนาดนี้...
“ เป็นคำสาปที่น่ากลัวมาก... ว่าแต่ใครสาปเจ้ากัน ”
“ ปิศาจ... มันสาปเราด้วย‘พันธะสัญญาที่ไม่มีตัวตน’ เอ่อ... ข้าลืมบอกข้าชื่อลาย่าญ์ ”
“ ยามิว ” หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้ม “ เจ้าว่าพันธะสัญญาที่ไม่มีตัวตน... ข้าเคยได้ยินคำนี้จากพวกปิศาจข้างบน มันคืออะไรเหรอแล้วมีวิธีถอนคำสาปไหม ”
“ โอ้ว... ” ลาย่าญ์ร้อง “ เรื่องนี้ต้องถามเอวิลอิสว่าไปทำวีรกรรมชั่วอะไรไว้... เป็นเพราะพวกมันน่ะแหละชาวเราถึงได้เหลือเพียงน้อยนิดทั้งที่แต่ก่อนเคยอยู่อย่างมีความสุขบนเกาะที่ห่างไกลพวกมนุษย์แท้ๆ!! ” ครีบหางของเธอสะบัดตีน้ำอย่างแรงด้วยความโกรธ “ ยายเฒ่านักพยากรณ์เคยบอกชาวเราว่าเมื่อผ่านไประยะหนึ่งมนตร์จะเสื่อมไปเองแต่ข้าก็รอมาห้าร้อยปีแล้วไม่เห็นมันจะเสื่อมเลย ”
“ แล้วเจ้าก็ไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ ”
“ โอ... ไม่! ไม่! ข้ากลัวพวกปิศาจ... พวกมันน่ากลัวและคงจะฆ่าข้าแน่ถ้ารู้ว่าข้าหนีออกไป... แล้วข้าก็บอกแล้วไงว่าข้าจะไม่เอาสารรูปโทรมๆ นี่ออกไปให้ใครเห็นเด็ดขาด เจ้าเองก็อย่าเล่าเรื่องข้าให้ใครฟังล่ะข้าอาย... ”
“ จ้า... จ้า... ” ยามิวรับคำ “ แต่ข้าว่านะลาย่าญ์... เจ้าน่าจะทำอะไรสักอย่างนะ... ต้องสู้ ต้องกล้าเผชิญหน้าซะบ้างไม่ใช่แค่รอเวลา... จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างปิศาจตลอดไปอย่างนี้น่ะเหรอ... เป็นข้า ข้าจะหนีออกไป ไปหาทางทำอะไรสักอย่างที่จะถอนคำสาปได้... เจ้ารู้อะไรไหมเพื่อนข้าเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เธอกลับกล้าสู้กับแม่ทัพโลกปิศาจตัวต่อตัวและออกตามหาคัมภีร์สันติภาพ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปเอาความกล้ามากมายนี้มาจากไหน บางที... อาจเพื่อใครสักคนที่เธอรักหรืออาจเพื่อโลก... ข้าไม่ได้หวังให้เจ้าสู้กับปิศาจเพื่อโลกบ้างหรอกนะแต่อย่างน้อย... น่าจะเพื่อตัวเจ้าเอง... เอาล่ะเห็นทีข้าต้องไปจริงๆ สักทีอวยพรให้เจ้าโชคดีนะ ” เธอยิ้มและกำลังจะเดินออกไปเมื่อลาย่าญ์เรียกไว้
“ เดี๋ยวก่อน... ข้ามีอะไรจะให้เจ้า ” ลาย่าญ์บอกก่อนจะว่ายไปที่ก้นบ่อและกลับขึ้นมาพร้อมกับลูกแก้วใสลูกเล็กๆ เต็มกำมือ “ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยปลอบใจข้า... มันคือน้ำตาของข้าเอง... ข้าร้องไห้ทุกวันจนมันเต็มก้นบ่อไปหมด... ข้าไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีประโยชน์อะไรแต่เผ่าพันธุ์อื่นโดยเฉพาะมนุษย์ล่าชาวเราไปทรมานเพื่อหวังสิ่งนี้ ”
ยามิวรับน้ำตานางเงือกมาใส่กระเป๋าด้วยความดีใจ “ ข้าเคยได้ยินมาว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะและสามารถรักษาคนใกล้ตายให้หายดีได้ในชั่วข้ามคืน ”
“ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็วิเศษ!!... ถ้าเจ้าต้องการอีก บอกข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ... ข้ามันพวกอ่อนไหวง่ายน่ะ ” เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรและโบกหางให้
...โบกหางงั้นหรือ!? นั่นเป็นสัญญาณที่ดีสุดๆ เลยนะ
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
“ ข้าคิดผิดใช่ไหมที่เลือกทางนี้ ” นิมฟ์เปรยเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย บานประตูที่ว่างเปล่านั้นพามันมาอยู่ในที่ที่ว่างเปล่า... ไม่มีอะไรเลยนอกจากสีขาวบริสุทธิ์
“ ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะท่านภูต ” เสียงหนึ่งดังก้องตอบกลับมา “ ท่านไม่คิดบ้างหรือว่านี่คือโชคดีสิ่งที่ชะตาฟ้าลิขิตมา ”
“ ยัยเฒ่านั่นบอกอะไรเจ้า... แล้วที่สำคัญ... ทำไมเจ้าถึงมาป้วนเปี้ยนอยู่ในที่แบบนี้... ” นิมฟ์เว้นวรรคนิดนึงเพื่อบีบให้อีกฝ่ายออกมาเองก่อนที่มันจะลงมือ“จูลิโอ”
ดูท่าคนฟังคงอยู่ไม่สุขเสียแล้วเพราะทันทีที่นามถูกเอ่ยเขาก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าไม่ไกลนัก
เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงผิวสีมะกอกและคลุมกายด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ และถึงจะร้อนใจเพียงไรจูลิโอก็ฉีกยิ้มกว้างร่าเริงพร้อมกับก้าวฉับๆ เข้ามาหา สายสร้อยยาวห้อยแท่งหินสีม่วงกระทบกับจี้โลหะรูปดาวห้าแฉกในวงกลมที่ตรงกลางสลักลายเป็นรูปตัว “ J ” เกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ ตามฝีเท้าที่ขยับ “ ข้าก็แค่มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าก็เท่านั้นไม่มีเหตุผลอื่นใด ”
“ หวังว่าคงไม่ใช่ข้าหรอกนะ ”
“ โอ้... ไม่... ไม่... พวกเงือกต่างหากที่ข้าคิดถึงท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้เจอ...”
นิมฟ์กระตุกมุมปากขึ้นยิ้มพร้อมกับทำตาโต
“ อันที่จริงข้าก็ดูเงือกน้อยที่ห้องข้างๆ ด้วยแหละแบบว่า... ”
นิมฟ์ทำตาโตขึ้นอีก
“ เอ่อ... เอาล่ะๆ ข้ายอมแพ้... ข้ามาดักรอท่าน ” จูลิโอยอมรับในที่สุด “ พร้อมกับคำทำนายของเซนต์แอนน์ ”
“ ไปบอกนางว่าข้าไม่อยากฟัง... จะยอมรับหรือไม่มันคือใจข้าขอนางอย่าทุกข์ใจแทนไปเลย ”
“ เอ่อ... เอางั้นก็ได้... แต่ท่านไม่อยากรู้จริงๆ น่ะหรือว่าทำไมเราจึงยอมวางเดิมพันข้างเจ้าหนูนั่นสูงขนาดนี้ ”
“ เพราะเจ้าหนูนั่นเป็นลูกของเฟอร์รันแถมยังได้รับมนตร์มอบชีวิตมาเต็มๆ ”
“ นั่นก็ส่วนหนึ่งท่านภูตแล้วยัง... ”
“ ข้าบอกแล้วไงว่าไม่เห็นด้วย! ” เสียงของมันแข็งขึ้นมาทันที “ ต่อให้เป็นอย่างนั้นแล้วไง! บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจของข้าได้นอกจากตัวข้าเองและถ้าข้าว่าไม่ก็คือไม่!! ”
“ แล้ววูล์ลีเฟรล่ะ... ” จูลิโอถามเสียงอ่อย
“ ข้ามั่นใจว่าจัดการมันได้ ”
“ ด้วยตัวคนเดียวน่ะหรืออย่าลืมสิว่าขนาดมีเฟอร์รันอยู่ด้วยยังแค่... ” จูลิโอชักเห็นท่าไม่ดีเมื่อดวงตากลมโตเริ่มหรี่ลงอย่างร้ายกาจ “ เอ่อ... ชักคิดถึงบ้านขึ้นมาตะหงิดๆ แฮะเอาเป็นว่าข้าขอตัวก่อนละกัน... อ้อ! แล้วขออนุญาตเตือนไว้อีกอย่างนะครับว่าเจ้าตัวที่เฝ้าห้องนี้ไม่ธรรมดาเลย ”
พูดจบก็แว๊บหายไปทันที แล้วห้องก็กลายเป็นสีดำมืดนิมฟ์ถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ พอจะเดาออกว่าต้องเผชิญกับอะไร
~Ж Ж=== ===Ж Ж~
ความคิดเห็น