ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Wizard

    ลำดับตอนที่ #23 : หัวใจมหานที(1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      0
      30 ต.ค. 49

    ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าถึงชายฝั่ง  เฟอร์โรเรนไม่รอช้ากระโจนลงนอนเกลือกกลิ้งคลุกหาดทรายทันที

    ให้ตาย! คิดถึงแผ่นดินเป็นบ้าเลย

    เอ้า! พอได้แล้ว สแปร์โรว์ว่าขำๆ  เมื่อเห็นเขาหอบกอบเอาทรายขึ้นมากอดจูบซ้ำแล้วซ้ำอีก  เจ้าต้องรีบไปเชิญคัมภีร์ไม่ใช่หรือไงเขาเตือนสติพร้อมกับชี้มือไปที่วิหารหินอ่อนสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาสูง

    โอ๊ย! อย่าให้เจอเจ้าตัวประหลาดแบบนั้นอีกเลยนะสาธุ ยามิวยกมือขึ้นกุมตรงหน้าอกเพื่อวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

    สแปร์โรว์ยิ้มบาง  และเดินไปทางหัวเรือโพไซดอนที่ลอยลำอยู่ในน้ำตื้น  ยกมือทั้งสองขึ้นราวกับจะโอบกอดหัวเรือที่เป็นรูปผู้ชายตัวใหญ่มีหางเป็นปลาและถือสามง่ามดูทรงพลัง  ท่าทางดุร้ายแต่นัยน์ตาสีน้ำทะเลนั้นดูอบอุ่น  อวยพรให้ข้าด้วยนะท่านจ้าวสมุทร กระซิบเบาๆ  พร้อมกับจุมพิตลงบนลำเรือ 

    เฟอร์โรเรนยืนดูการกระทำของทั้งสองเงียบๆ  นัยน์ตาว่างเปล่า  เขาไม่คิดจะทำอะไรนอกจากรอคอยและออกเดินทางทันทีที่มารวมกับครบ

    ~Ж Ж=== ===Ж Ж~

     

    เป็นวิหารที่สวยงามมากเลยนะพวกเจ้าว่าไหม หญิงสาวของแท้คนเดียวภายในกลุ่มพูดขึ้นพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ  โถงหินอ่อนกว้าง ว่าแต่คัมภีร์ถูกเก็บอยู่ที่ไหนกันล่ะ

    ลองเรียกดูสิเดี๋ยวก็ออกมาเองแหละ! นิมฟ์พูดกวนๆ  แต่สแปร์โรว์เห็นด้วย

    โอ้ว! เป็นความคิดที่ดีนะ...  งั้นลองดูเลยดีกว่า...  เขาป้องปากสูดลมหายใจและ เฮ้! เจ้าคัมภีร์สันติภาพอยู่ที่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้นะ...  พวกเรามาเชิญท่านกลับไปทำงาน...  ได้ยินไหมออกมาหน่อยสิ!! เฮ้!!! ”

    โป๊ก!!

    นิมฟ์เขกกบาลคนปากดีโป๊กใหญ่ เจ้าน่ะเล่นให้ดูที่ต่ำที่สูงซะบ้างสิที่ข้าบอกให้เรียกน่ะหมายถึงทำพิธีเรียกเว้ยไม่ใช่ตะโกนปาวๆ  แบบนี้!!

    เอ๊า! แล้วก็ไม่บอก

    แล้วทำยังไงล่ะ เฟอร์โรเรนถามพลางมองสำรวจหลังแท่นบูชาที่เป็นภาพวาดสีน้ำมันรูปไทรทันหรือกึ่งเทพพระเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีหางเป็นปลาและกีบม้าแต่ส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาถือแตรหอยสังข์  รู้สึกต้องใจบางอย่างราวกับโดนความงามและเสียงแตรสังข์นั้นสะกด

    คล้ายๆ  กับตอนที่อัญเชิญศิลาปฐพีแหละ

    แต่เราสำรวจจนทั่วแล้ว...  ที่นี่ไม่มีโลงหรือร่างของโดลิแวร์เลยนะแล้วเราจะกรีดเลือดสาบานกับใครล่ะ

    ถึงไม่มีร่างก็ต้องมีตัวแทน นิมฟ์บอก บางทีอาจเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

    ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยและเริ่มลงมือสำรวจอีกครั้งแต่ก็เหลวเหมือนเดิมจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานและพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

    ไม่ไหว! ทำยังไงก็หาไม่เจอเลย สแปร์โรว์พูดพร้อมกับหอบแฮ่ก ไม่ว่าทางลับหรือคำใบ้! ไม่มีอะไรเลย!! ”

    แล้วจะทำยังไงดีล่ะ...  พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้วด้วย...  นิมฟ์! เจ้าไม่รู้อะไรเลยเหรอ ยามิวหันไปขอความเห็นภูตจิ๋วที่เอาแต่เกาะลูกแก้วลอยไปลอยมา

    ข้ารู้แต่วิธีอัญเชิญแต่ไม่รู้สถานที่ที่ต้องไปเชิญนี่! มันบอกปัด 

    ทั้งสามเริ่มจะเปิดสงครามย่อยๆ  เพราะต่างก็กำลังเครียดเขม็งถึงเครียดสุดกับสถานการณ์และอันตรายที่เริ่มคุกคามเข้ามาเมื่อดวงอาทิตย์ดับแสง  ยกเว้นเฟอร์โรเรนที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยทั้งที่ตัวเขาเองน่าจะเป็นคนที่ร้อนใจมากที่สุด

    เขาเอาแต่ยืนจ้องภาพเงือกหนุ่มในรูปภาพที่อยู่หลังแท่นบูชา...  ดวงตาสีเขียวสดของมันเหมือนกำลังมองจ้องกลับมาที่เขาราวกับพยายามจะบอกอะไรบางอย่าง

    ตามบทลำนำจากห้วงธารา...

    เจ้าว่าอะไรนะ นิมฟ์หันขวับมามอง 

    มันเขียนไว้บนภาพ...  นี่ไง... เฟอร์โรเรนว่าพลางชี้ไปที่เลียวคลื่นของรูปภาพ  ทั้งสามชะโงกหน้าเข้ามาและต้องใช้เวลาเกือบห้านาทีจึงเห็นในสิ่งที่เขาต้องการให้เห็นตัวอักษรสีฟ้าที่ซ่อนอยู่  มันถูกเขียนขึ้นอย่างแยบยลจนดูเหมือนลวดลายของเกลียวคลื่น

    ตามบทลำนำจากห้วงธารา... เฟอร์โรเรนอ่านออกเสียงให้คนอื่นๆ  ฟัง

     

    ตามบทลำนำจากห้วงธารา

    เสียงเพลงนำพาผู้หลงทางสิ้นอาดูร   

    เพลงครวญแห่งหนทางหมดสิ้นสาบสูญ    

    ข้านำความหวังของผู้สิ้นทางให้หมดสิ้น

                                    ไปสู่นิรันดร์คืนถิ่นร้างไกลไร้พลัง 

     

    พวกเจ้าคิดว่ามันมีความหมายอะไรหรือเปล่า

    เงือกพวกนี้จะเป่าแตรให้ผู้ที่หลงทางเมาเคลิบเคลิ้มไม่ได้สติ  สแปร์โรว์บอกอย่างผู้เจนสมุทร แล้วหลอกล่อไปฆ่าทำเป็นอาหารของพวกมัน...   ข้อความมันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วยังต้องสงสัยอะไรอีก 

    ข้าว่าเจ้าเลิกสนใจข้อความบ้าๆ  นี่แล้วมาช่วยหาคัมภีร์จะดีกว่านะ นิมฟ์แขวะ

    แต่ข้าว่า... 

    ข้าบอกว่าเลิกก็คือเลิก!! ” นิมฟ์เริ่มขึ้นเสียง เข้าใจไหม  เจ้าหนู!! ”  

    ข้าไม่ใช่เจ้าหนู!! เฟอร์โรเรนโต้กลับชักจะเดือดบ้างแล้ว ข้าก็แค่ขอความเห็น!! ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ!! ไม่เห็นต้องตะคอกใส่กันเลย!! ”

    ไม่ได้ตะคอกแค่เสียงดัง!!

    เฮ้ย แยก  แยก…! ” สแปร์โรว์แทรกเข้ามากั้นกลาง  เขาหันไปทำหน้าทะเล้นเชิงอ้อนวอนใส่เฟอร์โรเรนก่อนจะหันไปยิ้มกว้างให้นิมฟ์แต่นัยน์ตาดำด้านนั้นสื่อความหมายที่ต่างออกไป  ภูตจิ๋วจ้องกลับเหมือนจะท้าทายก่อนจะกระพริบตาเนิบช้าแล้วหมุนตัวบินเลี่ยงไปอีกทาง

    อ่ะนะ!... อย่าคิดมากเลยนะเรนจัง  หมอนั่นมันก็เป็นพวกปากหมาด่าเจ็บอย่างนี้แหละ...  นะ... 

    เจ้ารู้ได้ยังไง!...  ในเมื่อเจ้าเพิ่งรู้จักหมอนั่นแค่สองวัน  

    ก็แหม... สแปร์โรว์ยิ้ม  หากนัยน์ตากรุ้มกริ่มแฝงเลศนัยน์พิกล บางครั้งความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนก็อาจลึกซึ้งได้ยิ่งกว่ารู้จักกันชั่วนิรันดร์นะสาวน้อย

    แหวะ!! เฟอร์โรเรนยิ้มได้ในที่สุด  เขาฟาดผัวะหยอกๆ  เข้าให้ที่กลางหลังฉับพลันชายหนุ่มกลับยกมือขึ้นกุมหน้าอกแน่น  เข่าทรุดลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง  ฮอร์ค! เจ้าเป็นอะไรไป  ข้าขอโทษ  เจ้า 

    นัยน์ตาของสแปร์โรว์เบิกโพลง  หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากหน้าอก  สังหรณ์ลึกๆ  ในใจบอกว่ากำลังเกิดเหตุร้ายแรงบางอย่างพลันเสียงกรีดร้องด้วยความหวั่นวิตกของยามิวก็ดังขึ้นราวกับจะตอกย้ำ  ทั้งคู่หันไปมอง

    หญิงสาวยืนเกาะราวกั้นตรงระเบียงด้วยร่างอันสั่นเทา  มือข้างหนึ่งชี้ออกไปยังท้องฟ้ากว้างที่มีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่ง

    มันมาจากทะเล เธอบอกเสียงสั่นเมื่อทั้งสองวิ่งเข้ามาสมทบ ทางที่พวกเราจอดเรือเอาไว้

    ข้าหวังว่านั่นจะเป็นควันที่เจ้าพวกนั้นใช้ย่างเนื้ออะไรสักอย่างกินกัน สแปร์โรว์ทำเหมือนพูดเล่นแต่ฝ่ามือทั้งสองนั้นกำแน่นจนเส้นเอ็นขึ้นเด่นชัด

    ใช่! ย่างเนื้อ

    เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังทั้งสามผวาหันไปมอง  ฉับพลันความหวาดกลัวและตกใจเหลือคณานับก็ถาโถมเข้าใส่เมื่อเห็นแม่ทัพโลกปิศาจยืนเคียงคู่อยู่กับชายผมทองอีกคน

    แถมยังเป็นเนื้อมนุษย์สดๆ  ที่เพิ่งตายซะด้วย

    เจ้า!!  หรือว่า...

    ก็แค่มนุษย์เดนตายยี่สิบสามสิบคน...  เหงื่อยังไม่ทันหยดเสียด้วยซ้ำช่างน่าเวทนาจริงๆ  ที่ริอาจหันดาบใส่ข้า...  เอาล่ะเจ้าหนูควอร์ซิสหันมาหาเฟอร์โรเรน        ยอมมากับข้าเสียดีๆ  และอย่าคิดนะว่าคราวนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้เหมือนตอนอยู่ที่ท่าเรือ

    ระหว่างที่ควอร์ซิสมัวแต่สนใจเฟอร์โรเรน  สแปร์โรว์ยืนกำหมัดแน่นด้วยความแค้นมากมายที่อัดแน่นอยู่ในอก  ภาพใบหน้าของบรรดาลูกเรือที่รอนแรมฝ่าคลื่นลมกับเขามานานนับสิบปีฉายขึ้นซ้ำในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า...  เขาจะไม่ปล่อย...  จะไม่มีวันให้อภัยพวกแกแน่...  เจ้าพวกปิศาจ!!

    ตายซะเถอะแก!! ” เขาร้องเสียงดังพร้อมกับกระโจนเข้าใส่  ดาบเล่มยักษ์ถูกชักออกฟาดฟันเต็มเหนี่ยงวหากถูกรับได้สบายๆ  ด้วยม่านพลังที่ชายผมทองสร้างขึ้น

    กระจอกซะไม่มี วูล์ลีเฟรว่าเพียงแค่เขาสะบัดมือเบาๆ  ร่างของสแปร์โรว์ก็กระเด็นไปกระแทกโครมเข้ากับผนังด้านหนึ่งที่พังยับลงมาทับร่างจนมิด

    ฮอร์ค!! เฟอร์โรเรนร้องลั่นพร้อมกับร่ายคาถาเรียกลมมาเป็นดาบพลางบุ้ยใบ้ให้ยามิวไปแอบอยู่กับนิมฟ์ที่หลังแท่นพิธี

    โอ๊ะโอ๋!! จะสู้งั้นเรอะ...  ท่าทางจะยังไม่เข็ดงั้นสินะ ควอร์ซิสว่าพร้อมกับชักดาบออกบ้าง วูล์ฟ! ข้าฝากเก็บกวาดเจ้าสวะนั่นด้วย  ส่วนเจ้าเด็กนี่ข้าจัดการเอง

    ชายผมทองดูไม่พอใจนักกับคำสั่งแต่เมื่อซากกำแพงหินหนักหลายสิบตันขยับน้อยๆ  ก่อนจะลามร้าวแล้วแตกละเอียดในพริบตาเขาก็ยิ้มออก  พร้อมกับยกมือขึ้นหักนิ้วดังกร๊อบ! กร๊อบ! และก้าวเข้าหาชายหนุ่มที่ยืนเอาดาบพาดบ่าอยู่ท่ามกลางเศษเล็กเศษน้อยของก้อนหินที่เคยเป็นกำแพงหนามาก่อน

    ข้าจะฆ่าเจ้า!! สแปร์โรว์ยืนกรานด้วยแรงอาฆาตพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง

    ฝีมือมีแค่นี้หรือไง! ” วูล์ลีเฟรว่าเมื่อทั้งหันคมดาบเข้ายันกัน  ใบดาบของ สแปร์โรว์สั่นระริกในขณะที่ชายผมทองแทบไม่สะทกสะท้าน  เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้และแลบลิ้นเลียแก้มอย่างหิวกระหาย

    สแปร์โรว์สะดุ้งสุดตัว  เขากระโดดถอยหลังไปตั้งหลักไกลหลายเมตรด้วยความพรั่นพรึง  ปลายลิ้นที่สัมผัสราวกับอเวจีอันร้อนระอุที่จะแผดเผาทั้งร่างให้มอดไหม้...  เขากำลังโดนมันดูดกลืนพลังชีวิต!

    เจ้านี่ไม่ธรรมดาแฮะ! วูล์ลีเฟรว่าพร้อมกับก้าวเข้าหา  อร่อย...  อร่อยจริงๆ  ถึงจะไม่เท่ากับเจ้าหนูนั่นแต่ก็ถือว่าชั้นยอด

    ...ชั้นยอดงั้นรึ! ...ฮึ! บบนี้ข้าควรจะดีใจใช่ไหมเนี่ย!!...

    สแปร์โรว์ครุ่นคิดอย่างสับสนเพราะแค่เพียงชั่วพริบตาตอนนี้พวกเขาก็ตกอยู่ในกรงล้อมของศัตรู   สารพัดปิศาจตัวน้อยใหญ่ปรากฏกายขึ้นอย่างเงียบเชียบด้วยอาศัยจิตสังหารของเจ้านี่เป็นที่ซ่อนทำให้จับที่มาไม่ได้...  พอรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว... 

    เขาเหลือบมองเฟอร์โรเรนทางหางตานึกทึ่งไม่น้อยที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ  จะกล้าจับดาบหันเข้าใส่แม่ทัพแห่งโลกปิศาจตัวต่อตัว...  ซิริอัส! ท่านเลี้ยงลูกของเขาคนนั้นได้ดีไม่มีที่ติจริงๆ...  ที่เหลือก็แล้วแต่เจ้าแล้วนะสิงห์ขวา...  จะเอายังไงล่ะ...  จะยอมไหมที่ผูกชะตาชีวิตไว้กับเด็กคนนี้...  

    ข้าจะไม่มีวันส่งศิลาปฐพีให้เจ้า เฟอร์โรเรนย้ำหนักแน่นไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะขอยืนยันคำเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  และจะฆ่าเจ้าให้ได้ด้วยควอร์ซิส พร้อมกับฟาดดาบลมเข้าใส่เป็นสาสน์ท้ารบ

    ควอร์ซิสใช้มือเพียงข้างเดียวรับง่ายดายแทนคำตอบ อย่าบอกนะว่าเพื่อล้างแค้นให้ไอ้กษัตริย์กิ๊กก๊อกนั่น...  และกระชากให้เข้ามาใกล้

    เฟอร์โรเรนคาดไว้อยู่แล้ว  ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาเปลี่ยนดาบจากธาตุลมให้เป็นไฟลามลุกไหม้ทั่วทั้งร่างแม่ทัพหนุ่ม

    แต่ควอร์ซิสที่ทั้งกำลังลุกไหม้ไม่ยี่หระ   เวทย์ไฟเพียงเท่านี้ไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้ปลายขน   ควอร์ซิสยื่นมือออกมากำรอบคอเฟอร์โรเรนแล้วยกขึ้นและวินาทีนั้นเองดาบเล่มยักษ์ก็ลอยหวือข้ามห้องมาปักเข้าที่ลำแขนของเขา

    ปล่อยเธอซะ! ” สแปร์โรว์พูดเสียงเย็น  เมื่อควอร์ซิสเหลียวมองทางหางตาราวกับดาบที่ปักคาอยู่บนแขนนั้นเป็นแค่ไม้จิ้มฟันอันเล็กจ้อย

    เจ้าบ้าเอ๋ย! ” เฟอร์โรเรนสบถ ทิ้งดาบทำไม! ไม่ต้องสนใจข้าห่วงแต่ตัวเองเถอะ...   ฮอร์ค!!! 

    ไม่ทันสิ้นคำร้องเตือนร่างของสแปร์โรว์ก็ทรุดฮวบด้วยแรงหมัดที่พุ่งอัดเข้าที่ท้องน้อย  เลือดก้อนโตพุ่งทะลักขึ้นมาตามลำคอ...  แต่เลือดนั้นไม่ธรรมดา  สีของมันไม่ใช่สีแดงแต่เป็นสีเงินยวง!

    เอวิลอิสหรอกเหรอ วูล์ลีเฟรเอ่ยขึ้นพร้อมกับแลบลิ้นเลียหยดเลือดที่เปื้อนเปรอะฝ่ามือ มิน่าล่ะ! ถึงได้อร่อยนัก... คิดไม่ถึงเลยแฮะว่าหลังจากสงครามจักรวรรดิคราวที่แล้วยังมีพวกสวะทรยศหลงเหลืออยู่อีก

    ชาวเราไม่เคยทรยศใคร! ” สแปร์โรว์บอกเสียงเรียบแต่ฝ่ามือทั้งสองนั้นกำแน่นด้วยความโกรธแค้น พันธะที่ไม่มีตัวตนย่อมไร้ค่าที่จะทำตาม 

    แต่ข้าไม่คิดว่าสิ่งที่ฆ่าล้างเผ่า...  ถึงจะแค่เผ่าเล็กๆ  เน่าๆ ก็เถอะ!  มันจะไร้ค่าหรอกนะ

    สแปร์โรว์ขบกรามแน่น  เขาชักมีดสั้นออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ด้วยความแค้นที่ไม่ใช่แค่ ณ ปัจจุบันแต่ยังเกี่ยวโยงถึงสายเลือด...  พวกพ้องญาติพี่น้องที่ถูกสังหารสิ้นในชั่วข้ามคืนด้วยฝีมือของดาบเพียงเล่มเดียว

    ร่างที่กองสุมสูงขึ้นศพแล้วศพเล่าต้องใช้เวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงจะฝังกลบหมดสิ้น...  สายธารเลือดที่หลั่งรินทั่วผืนดินต้องใช้เวลานานนับเดือนจึงจะเหือดแห้ง...  กลิ่นคาวเลือดที่ยังอวลติดจมูกต้องใช้เวลานับปีถึงจะจางหายแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยจางหายไปเลยคือความเคียดแค้นที่สุมแน่นอยู่ในอก

    มีดของสแปร์โรว์ไม่อาจแตะต้องวูล์ลีเฟรได้แม้ปลายขน...  พันธะที่ไม่มีตัวตนแต่คำสาปของมันกลับส่งผลอย่างร้ายกาจ

    ฮะฮะฮ่า! ยอมแพ้ซะเถอะ...  พวกสวะอย่างแกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก

    สแปร์โรว์รอดความตายไปได้ฉิวเฉียดเมื่อเขาใช้สายรัดข้อมือที่ทำจากเหล็กช่วยรับอานุภาพทำลายล้างของดาบแต่มันก็ฝากแผลฉกรรจ์ไว้บนหน้าอกและรอยกรีดลึกยาวทั่วทั้งลำแขนขวา

    ดาบ! ฮอร์ค!

    ขอบใจ สแปร์โรว์ฉวยดาบคู่ใจกลางอากาศและยกขึ้นตั้งรับการจู่โจมครั้งถัดมาได้ทันแต่แรงอัดจากการปะทะเค้นเลือดจากกายเขาไปได้อีกโข  เลือดสดๆ  สีเงินไหลอาบทั้งลำแขนจนมือขวาแทบจะกุมดาบไว้ไม่อยู่  

    วูล์ลีเฟรแสยะยิ้ม  เสี้ยววินาทีเขาสะบัดดาบกลับแล้วแทงสวนเข้ากลางตัว  สแปร์โรว์ที่หงายหลังหลบไปได้เฉียดเส้นยาแดงแต่แรงอัดของมันก็ซัดร่างเขาปลิวไปกระแทกผนังร่วงลงมากองอย่างหมดสภาพข้างแท่นบูชา

    นักดาบฝีมือขนาดเจ้าน่าจะใช้ดาบได้ทั้งสองมือไม่ใช่หรือไง

    เสียงนิมฟ์กระซิบขึ้นที่ข้างหูกึ่งจะเย้ยหรือแนะนำเขาก็ไม่แน่ใจ

    ข้ายังไม่อยากถูกเด็กคนนั้นเกลียด 

    ให้พรายชอบมนุษย์เถอะ!! นิมฟ์ตบหน้าผากตัวเอง สาบานมาซิว่าเจ้าไม่ได้พูด

    แต่สแปร์โรว์ไม่ได้สนใจฟังเมื่อปิศาจฝูงหนึ่งกรูเข้ามา  และแค่ตวัดดาบเพียงครั้งเดียวร่างของพวกมันก็กระตุกวูบวิญญาณลอยออกจากร่างก่อนที่จะรู้ตัวว่าหัวหลุดจากบ่าไปกลิ้งอยู่ที่พื้นเสียอีก 

    ร่างหนึ่งลอยละลิ่วข้ามห้องมากระแทกล้มกลิ้งไปด้วยกัน

    โทษทีฮอร์ค...  ในอากาศมันไม่ที่ให้เบรกน่ะ ว่าแต่จะเอายังไง...  ต่อดี... เฟอร์โรเรนมองสำรวจร่างที่โชกเลือดของชายหนุ่มตรงหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายังยืนอยู่ได้สลับกับควอร์ซิสและวูล์ลีเฟร (เขาพยายามไม่สนใจปิศาจอีกฝูงใหญ่ๆ ที่รุมล้อมเข้ามา)  ชั่งใจระหว่างหนีเอาชีวิตรอดกับการตามหาคัมภีร์ต่อ

    ฉับพลันเฟอร์โรเรนก็สังเกตเห็นว่าสิ่งที่เขาชนล้มได้มีแค่ร่างของชายหนุ่มแต่ยังโดนเอาแท่นบูชาเคลื่อนออกจากฐานเผยให้เห็นช่องทางเดินเล็กๆ  ข้างล่าง

    มาเถอะ เขาบอกคนอื่นๆ  พลางดันตัวเองลงไปก่อน

    สแปร์โรว์กวาดตามองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหยุดที่เสาคู่หนึ่งที่หน้าประตูใหญ่  เขายิ้มพร้อมกับตั้งดาบขึ้น

    ดูเหมือนควอร์ซิสจะตามแผนนั้นทัน  เขาซัดพลังผลักปิศาจกลุ่มหนึ่งเข้าขวางทางดาบแต่ร่างของพวกมันก็ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตา

    ทันทีที่เสาสองต้นซึ่งเปรียบเสมือนแกนหลักถูกทำลายลง   มหาวิหารก็สั่นครืนไปทั้งหลัง  ควอร์ซิสใช้มนตร์ตรึงร่างพวกปิศาจที่พยายามหนีตายไว้กับพื้น  ให้ร่างของมันรองรับชิ้นส่วนของวิหารที่พังทลายลงมา

    เสียงแตรสังข์ดังแว่วมาผะแผ่วพร้อมกับสายลมที่พัดสู่ทะเล  ณ กรอบรูปไทรทันเหนือแท่นบูชา  น้ำหยดหนึ่งซึมออกจากดวงตาไหลรินลงสู่ห้วงมหาสมุทร  หากในท้องทะเลของจริงที่อยู่ถัดออกไปมรสุมลูกใหญ่ยักษ์ที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยมีมาก่อนกำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ  เตรียมปั่นป่วนทุกชายฝั่งที่น้ำทะเลจะพัดถึง

    ใครสั่งให้เจ้าทำลายที่นี่กัน! ”  เฟอร์โรเรนถามเสียงเขียวเมื่อเขาไถลตัวตามลงมาและดันแท่นกลับปิดทางเข้าออก   ภาพนิทราในฝันที่กำลังพังพินาศยังตามหลอกหลอนเขาไม่เลิก 

    ต่อให้ข้าไม่ทำพวกปิศาจก็ถล่มที่นี่จนไม่เหลือซากอยู่ดี!!  

    เรายังมีอย่างอื่นให้คิดมากว่าจะมัวมากัดกันนะ  นิมฟ์ว่าพลางชี้ไปที่ประตูหินหนาสี่บานซึ่งปิดล้อมทางหนีเอาไว้ทุกด้าน  แยกกันไปคนละทาง...  และข้าขอคำสัญญาจากใครก็ตามที่อาจได้คัมภีร์ไปว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ต้องสนใจใคร...  ให้หนีไปโดยไม่ต้องหันหลังกลับมาและจงรักษาคัมภีร์นั้นด้วยชีวิต

    อย่างมากเราก็ไปได้แค่สองทาง เฟอร์โรเรนแทรกขึ้น ยามิว  เจ้าไปกับฮอร์คนะ  ส่วนนิมฟ์...

    ข้าหมายถึงคนละทาง...  ไม่มีแต่!! เจ้าหนู...  นิมฟ์ดักคอก่อนจะหันไปทางยามิว  เจ้าไม่มีปัญหาใช่ไหม พร้อมกับล้วงเข้าในแขนเสื้อ  ควานขยุกขยิกอยู่ครู่หนึ่งจึงส่งดาบเล่มหนึ่งให้

    ยามิวพยักหน้าหนักแน่นถึงแม้มือที่รับดาบมานั้นจะสั่นเทาจนน่าสงสารก่อนจะเดินไปยืนหน้าประตูบานหนึ่งที่เป็นรูปเงือกสาวกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ 

    สแปร์โรว์ได้แต่มองดูเงียบๆ  ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่มันก็ทางเลือกที่ดีที่สุด  เขาเหลียวมองไปที่ประตูอีกสามบานซึ่งเป็นรูปเกลียวคลื่น  ไทรทันและบานประตูที่ว่างเปล่า

    เจ้าก่อนเรน

    เฟอร์โรเรนเดินไปที่หน้าประตูรูปไทรทัน...  ไม่ว่ายังเขาก็อดสงสัยประกายในแววตาสีเขียวสดนั่นไม่ได้

    เดาว่าเจ้าคงชอบทะเล นิมฟ์ว่าพลางบินไปหยุดหน้าบานประตูที่ว่างเปล่า

    สแปร์โรว์มองดูเกลียวคลื่นที่กำลังก่อตัวบนบานประตูแล้วลอบถอนหายใจ 

    ...ให้ว่ายน้ำก็ยังดีกว่าบินไปล่ะนะ... 

    เอ่อ...  ข้า... ยามิวแทรกเบาๆ    ข้า...  ไม่ใช่ว่าข้ากลัวหรอกนะแต่ถ้าข้า...  สมมุตินะ...  แค่สมมุติ...  าข้าได้คัมภีร์มา...  ก็แค่สมมุติอ่ะนะ...  ข้าไม่คิดว่าจะมีพลังพอปกป้องมันได้หรอกนะ  

    จงเชื่อมั่นในดาบของเจ้าสาวน้อย นิมฟ์บอก

    ร้องดังๆ  แล้วข้าจะไปช่วย เฟอร์โรเรนกระซิบไม่สนใจนัยน์ตาคมกริบที่มองมา แล้วเจอกัน  ทุกคนพยักหน้าและผลักประตูเปิดพร้อมกัน

    ~Ж Ж=== ===Ж Ж~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×