L'arc~en~ciel ประวัติของทั้งวงที่ไปขุดมาได้ค่ะ
เจอกัน 7 มีนาคม!! ที่คอนเสิร์ต L'Arc~en~Ciel! ใครไปอย่าลืมบอกกันได้นะคะ:D SEE YAH!
ผู้เข้าชมรวม
12,109
ผู้เข้าชมเดือนนี้
29
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ป๋าไฮด์ของเหล่าสาวกL'arc~en~ciel มีประวัติเป็นความลับ ซึ่งยากที่จะสืบรู้ [ที่ยากนี่เฉพาะเราคนเดียวป่าวหว่า?-_-" ]
งั้นเรา1ในคนที่ชื่นชอบในน้ำเสียงที่แผดแข่งกับกีต้าร์ของป๋าเขา แล้วก็.....ใบหน้าที่เด็กเกินอายุนั่น จะเอาประวัติมาให้ได้ยลกันเล็กๆน้อยๆนะ เชิญชมกันเลย!!^O^
ชื่อจริง: ทาคาราอิ ฮิเดโตะ (ไม่ยืนยัน)
ชื่อเล่น: ไฮโดะ
วันเกิด: 29 มกราคม พ.ศ. 2512 (ไม่ยืนยัน) [เป็นงี้จริงเราก็เกิดหลังวันเกิดป๋าเค้าตั้ง2เดือน+27ปี เฮือก!o[]O ]
แหล่งกำเนิด: จังหวัดวากายามะ ญี่ปุ่น
แนวเพลง: ร็อก
อาชีพ: นักร้อง นักแต่งเพลง มือกีตาร์
เครื่องดนตรี: กีตาร์,แซ็กโซโฟน,ฮาร์โมนิก้า
ค่าย: Ki/oon Records,Haunted Records
ส่วนเกี่ยวข้อง: L'Arc~en~Ciel,Jerusalem's Rod
ไฮด์ หรือ hyde ( อ่านว่า "ไฮโดะ" ใน ภาษาญี่ปุ่น และ "ไฮด์" ใน ภาษาอังกฤษ)
เป็นนักร้องนำวง L'Arc~en~Ciel วง เจ-ร็อก ชื่อดัง ประวัติของเขาไม่แน่ชัดนัก ทั้งวันเกิดและชื่อจริงของเขาเป็นความลับทั้งหมด
นอกจากนี้เขายังเป็นรู้จักในฐานะศิลปินเดี่ยวภายใต้สังกัด Haunted Records ในเครือ Sony Music อีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2000 ไฮด์ ได้แต่งงานกับนางแบบ โออิชิ เมงุมิ และมีลูกชายหนึ่งคน <-อันนี้เสียดายหน่อยๆนะ Y^Y
ตั้งแต่เด็กไฮด์มักจะถูกแม่ของเขาจับให้แต่งตัวเป็นผู้หญิงเสมอ และเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ เขาก็เริ่มหันมาฟังเพลง โดยแนวเพลงที่เขาชอบคือ เฮฟวี่ เมทัล หลังจาก
นั้นเขาก็เข้าสู่วงการครั้งแรกโดยตั้งวงดนตรีที่ชื่อ Jerusalem's Rod ขึ้นมา โดยเขาเป็นมือกีตาร์ และออกแสดงสดตามที่ต่างๆ จนกระทั้งเขาได้พบกับ เท็ตสึ ทั้งหมดจึงรวมตัว
กันแล้วตั้งวงใหม่ชื่อ "L'Arc~en~Ciel" ขึ้นมา ซึ่งไฮด์ก็ถูกเท็ตสึทาบทามให้เป็นนักร้องนำ
และในปี ค.ศ. 2000 ทางวงได้พักงานชัวคราว ซึ่งตอนนี้เองที่ไฮด์เริ่มงานโซโล่ของตัวเอง โดยปล่อยอัลบั้มและซิงเกิลออกมามากมาย รวมทั้งเล่นหนังเรื่อง Moon Child
กับนักร้องชื่อดังอย่าง แก๊กต์ อีกด้วย
จนกระทั้งปี ค.ศ. 2003 ทางวงก็กลับมารวมตัวอีกครั้ง และพักอีกครั้งในปี ค.ศ. 2006 ไฮด์ได้แต่งเพลง "Glamorous Sky" ซึ่งใช้ประกอบหนังที่สร้างจากการตูนญี่ปุ่นเรื่อง
นานะ และเพลงนี้ยังได้ มิกะ นากาชิม่า ผู้สวมบทนานะ มาร้องให้อีกด้วย นอกจากนี้ทั้งสองยังได้แสดงสดในรายการ มิวสิกสเตชัน ด้วยกัน โดยไฮด์เล่นกีตาร์
เดือน กุมภาพันธ์ ปี 2006 ไฮด์ได้ปล่อยซิงเกิล Season's Call ซึ่งใช้ประกอบการ์ตูน อะนิเมะ เรื่อง Blood+
ปัจจุบันไฮด์กลับเข้ามาในวงอีกครั้งเพื่องฉลองครบ 15 ปี L`Arc~en~Ciel และปล่อยซิงเกิลล่าสุดอย่าง SEVENTH HEAVEN ออกมา
:เนื่องจากชื่อจริงของไฮด์เป็นความลับ เท็ตสึจึงตั้งชื่อไฮด์เล่นๆว่า "โดอิ ฮาจิโร่" ซึ่งเป็นการนำชื่อ ไฮด์ (ฮา-อิ-โดะ) มากลับคำเป็น โด-อิ-ฮา
:ไฮด์เป็นโรคตาบอดสี {อ่านตอนแรกเราเองยังตกใจเลย}
:ไฮด์มีรอยสักรูปปีกอยู่ที่หลัง
:ตอนแรกไฮด์ไม่ได้อยากเป็นนักร้องนำ เพราะเขาคิดว่าตัวเองร้องเพลงไม่เพราะ
:เมื่อเขายังเด็ก เขามีความฝันว่าอยากเป็นศิลปิน
:ไฮด์เป็นเพื่อนสนิทกับ แก๊กต์ นักร้อง เจ-ร็อก ชื่อดัง
:ไฮด์ชอบกินอาหารจีนและ ราเมน
:ไฮด์ชอบหนังแนวสยองขวัญ และชอบเล่นเกม Resident Evil
:ไฮด์ชอบนวนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์
:*ดีวีดี*:
Roentgen Stories (2004)
FAITH Live (2006)
:*อัลบั้ม*:
Roentgen (2002)
Roentgen Overseas Version (2002)
666 (2003)
roentgen.ENGLISH (2004)
FAITH (2006)
FAITH , U.S. Version (2006)
:*ซิงเกิ้ล*:
Evergreen (2001) #1 Japan
Angel's Tale (2001)
Shallow Sleep (2002)
Hello (2003) #1 Japan
Horizon (2003)
Countdown (2005) #1 Japan
Season's Call (2006) #1 Japan
คราวนี้ประวัติย่อยๆของการก่อตั้งวง อ่านด่วนๆ ^O^/
เรื่องราวของ L'Arc-en-Ciel เริ่มจากเท็ตสึ
ตอนเด็ก ๆ เท็ตสึ มีเพื่อนอยู่ 2 คนเป็นรุ่นพี่คือเคนกับโคจัง หลัง โรงเรียนเลิกทุกเย็น 3 คนนี่จะไปนั่งคุยเรื่องเพลงกันที่บ้านโคจัง ต่อมาเคนกับโคจัง ก็ซื้อกีตาร์มาหัดส่วนเท็ตสึ
เลือกซื้อเบส ทั้ง 3 จะซ้อมดนตรีกันจนถึง เวลาอาหารเย็นเป็นประจำ พอเคนเข้า มัธยมปลายก็ตั้งวงชื่อ Bystonewell กับเคนและโคจังเพื่อไป ประกวดวงดนตรี ตอนนั้น
โคจังก็ย้ายมาเล่นกลอง
แต่ก็รวมเป็นวงอย่างนี้อยู่ได้แค่ปีเดียว เพราะเคนต้องไปเรียนต่อ ที่มหาวิทยาลัยนาโกย่า และโคจังก็ตัดสินใจไปหางานทำที่โตเกียว ตัวเท็ตสึเองไม่ได้เรียนต่อ แต่ออกจากบ้าน
ไปโดยที่มีเงินติดกระเป๋า อยู่แค่ 1 หมื่นเยนเท่านั้นเอง เขาหางานพิเศษทำได้ในร้านซีดี ที่โอซาก้านั่นแหละ แล้วเขาก็ได้เจอซากุระ ผู้ชายที่จะมาเป็น มือกีตาร์ให้เขาในอนาคต
ที่นั่น ตอนที่เคนเรียน มหาวิทยาลัยปีแรก เขาก็ยังไป ๆ มา ๆ ระหว่างนาโกย่ากับโอซาก้า พอปี 2 ก็ไม่ค่อยได้กลับโอซาก้า แต่ก็ยังส่งเดโมเทปมาให้เท็ตสึตลอด
L'Arc-en-Ciel เป็นรูปเป็นร่างเมื่อเท็ตสึเจอกับ หนุ่มหน้าสวยที่ชื่อไฮด์
เท็ตสึยังคงไม่ละทิ้งความฝันในการตั้งวง เขายังคงมองหาเพื่อน ร่วมวง สานฝันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเจ้าของไลฟ์ เฮ้าส์แห่งหนึ่ง ชวนเขาให้ มาดูคอนเสิร์ต คืนนั้นเป็นคิววง
ของไฮด์ที่ชื่อ Jerusalem's Rods ที่ตลกคือทีแรกเท็ตสึคิดว่าไฮด์เป็น ผู้หญิงแล้วก็เล่นกีตาร์ด้วย!! สมาชิกคนอื่น ๆ ก็มีเปโระเล่นกลอง กับฮิโระมือกีตาร์ ช่วงแรกไฮด์ ไม่สนใจ
เท็ตสึเลย ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ เพราะโทรมาตื๊อขอซ้อมกับ Jerusalem's Rods ทุกวันเลย
ในที่สุดเท็ตสึก็เข้าแก๊งเดียวกับไฮด์และพรรคพวกจนได้ รวมตัวกันเป็น L'Arc-en-Ciel ชื่อที่เท็ตสึตั้งตามชื่อหนังที่เขาชอบเรื่องหนึ่ง แฟน ๆ ในญี่ปุ่นเรียกวงนี้ว่าลารุกุ
(Laruku) เพราะว่าถ้าเอาชื่อของวง มาเขียน เป็นตัวอักษรคาตาคานะของญี่ปุ่น ก็จะอ่านว่าลารุกุ ทีแรกตอนตั้ง L'arc-en-Ciel ใหม่ ๆ เท็ตสึก็ว่าจะรับหน้าที่ร้องเอง แต่เห็น
แววของไฮด์ ก็เลยบอกเขาว่าไปร้องเพลงน่าจะเหมาะกว่า เล่นกีตาร์
30 พฤษภาคม L'Arc-en-Ciel โชว์ฟอร์มบนเวทีครั้งแรกที่ Namba Rockets ในโอซาก้านั่นแหละ แต่ฮิโระก็ลาออก จากวงไปเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนปี 1992 เท็ตสึก็เลยโทร
ไปจิกเคน ตอนตี 4 ให้สวมบท มือกีตาร์แทน
พฤศจิกายนปี 1992 L'Arc-en-Ciel ออกซิงเกิ้ลแรก Floods Of Tears/yasouka ทำออกมาแค่ 1 พันแผ่นกับสังกัดอินดี้แดนเจอร์ ครู เร็คคอร์ดส์ หลังจากที่ L'Arc-en-Ciel
ไปเล่นที่ Osaka Muse Hall เปโระ ก็มาลาออกไปอีกคนในวันที่ 30 ธันวาคม 1992 แต่ L'Arc-en-Ciel ก็ได้มือกลองคนใหม่คือซากุระมาแทนในวันที่ 16 มกราคม 1993
อัลบั้มแรกของ L'Arc-en-Ciel ชื่อ DUNE ออกขายรอบแรก ทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ 10 เมษายน 1993 ก่อนวางแผงจริงวันที่ 27 เดือนเดียวกัน DUNE ไต่ถึงอันดับ 1
Oricon Chart ได้สำเร็จ จากนั้นก็ออกทัวร์โปรโมต DUNE 2 รอบ ๆ แรกชื่อ Close By Dune Tour ในเดือนพฤษภาคม ตามมาด้วยรอบสอง Feel Of Dune ในเดือนพฤศจิกายน
14 กรกฎาคม 1994 L'Arc-en-Ciel ออกอัลบั้มชุดที่ 2 Tierra และเดือนนั้น L'Arc-en-Ciel ก็ออกทัวร์ Sense Of Time '94 โปรโมต Tierra ก่อนจะออกเดินทางไปถ่ายทำ
วิดีโอชุด Siesta - Film Of Dream ที่โมร็อคโค
ไฮด์เปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน 1994 กับโฆษณาทีวีของ AXIA เดือนถัดมา L'Arc-en-Ciel ก็ออกซิงเกิ้ลแรก Blurry Eyes เพลงนี้เป็นเพลงธีมให้
การ์ตูนของ NTV Network เรื่อง D.N.A. 2 ด้วย เมื่อมีแฟนเพลง เป็นกลุ่ม เป็นก้อน L'Arc-en-Ciel ก็ตั้งแฟนคลับอย่างเป็นทางการชื่อ Ciel ขึ้นมาในวันที่ 1 ธันวาคม 1994
ยูกิฮิโร่...อัศวินม้าขาวช่วย L'Arc-en-Ciel ผ่าทางตันเมื่อซากุระถูกซิว
L'Arc-en-Ciel ออกตัวต้นปี 1997 ได้ไม่ดีเท่าไหร่ เมื่อซากุระเกิด ถูกจับข้อหามียาเสพติดในครอบครองในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ ต้องเลื่อนกำหนดวางแผงซิงเกิ้ลใหม่ The Fourth Avenue Caf? ออกไป จากนั้นซากุระก็ประกาศลาออกจากวงด้วยความละอายใจ เมื่อวันที่ 18 เมษายน ระหว่างที่ยังคิดไม่ตกว่าจะให้ใครมารับช่วงต่อ จากซากุระ เท็ตสึ, ไฮด์และเคนบินไปอังกฤษเพื่อพักผ่อนชาร์จแบ็ต ในเดือนพฤษภาคม โชคดีที่ยูกิฮิโร่มือกลองฝีมือดีอดีตวง Dies In Cries รับปากมาช่วยกู้สถานการณ์ในฐานะมือกลองรับเชิญ ทั้งวง บินกลับลอนดอนเพื่อถ่ายทำวิดีโอโปรโมตซิงเกิ้ลที่ 7 Niji เป็นเพลงแรก ที่ได้ยูกิฮิโร่มาเล่นกลองให้ แล้วก็เป็นเพลง ธีมประกอบการ์ตูนเรื่อง Kenshin ด้วย
L'Arc-en-Ciel ปิดฉากปี 1997 อย่างสวยงามกับ L'Arc~en~CIEL 1997 REINCARNATION คอนเสิร์ตที่โตเกียว โดมในวันที่ 23 ธันวาคม งานนี้ L'Arc-en-Ciel สร้างประวัติ
ศาสตร์ขายบัตรหมดเกลี้ยงภายในเวลารวดเร็วที่สุด...แค่ 4 นาทีเท่านั้นเอง!!
และแล้ว L'Arc-en-Ciel ก็ประกาศว่ายูกิฮิโร่เป็นสมาชิกถาวรของ L'Arc-en-Ciel ไปในวันปีใหม่ของปี 1998 ปีนี้ปีเดียว L'Arc-en-Ciel ออกซิงเกิ้ลถึง 7 แผ่น, อัลบั้ม 1 ชุด
และ วิดีโออีก 2 ทุกอย่าง ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้น โดยเฉพาะ Heart อัลบั้มชุดที่ 5 ของ L'Arc-en-Ciel ที่ออกขายวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ขึ้นอันดับ 1 ได้
ทันทีด้วยยอดขายวันแรกที่สูงมากถึง 1 ล้านแผ่น!! ปลายเดือนเดียวกันนี้ L'Arc-en-Ciel เดินทางไปฮาวายพร้อม แฟนคลับ นอกจากนี้ L'Arc-en-Ciel ก็เริ่มมีงานโฆษณาเข้า
มา ทั้งเพลงและทั้งตัวสมาชิกของวงถูกทาบทามไป ลงแคมเปญ โฆษณามากมาย รวมทั้งยังได้มีเพลง Shinshouku - lose control รวมอยู่ในซาวด์แทร็คหนังเรื่อง Godzilla
อีกด้วย
L'Arc-en-Ciel Mania ระบาดทั่วเอเซีย
จากนั้น L'Arc-en-Ciel เริ่มมองหาหนทางขยายฐานแฟนเพลง ไปยังประเทศอื่น ๆ ของเอเซีย L'Arc-en-Ciel ออกอัลบั้มคู่ ark กับ ray ใน 7 ประเทศพร้อม ๆ กันในเดือน
กรกฎาคม 1999 ไม่ว่าจะเป็น ประเทศไทยบ้านเราเอง, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ พอสิงหาคมก็มีซิงเกิ้ลที่ 17 Driver's High ที่เป็น
ซาวด์แทร็ค GTO ด้วย ก่อนที่จะออกทัวร์ครั้งยิ่งใหญ่ GRAND CROSS TOUR ในวันที่ 18 - 22 สิงหาคม คืนสุดท้ายของ ทัวร์ครั้งนี้เรียกคนดูได้ถึงกว่า 1 แสนคน
L'Arc-en-Ciel เดินสายโปรโม ทริปดูท่าทีแฟน ๆ ชาวเอเชียน ในเดือนกันยายน แวะมาทักทายแฟน ๆ ในกรุงเทพ ด้วยเมื่อวันที่ 9 - 12 ก่อนจะบินต่อไปที่ฮ่องกงในวันที่
13 - 15 และ ที่ไต้หวันในวันที่ 16 - 18 ปรากฏว่ามีสาวกของ L'Arc-en-Ciel แทรกซึมอยู่ทั่วไป ในปี 2000 L'Arc-en-Ciel เปลี่ยนชื่อแฟนคลับ จาก ciel เป็น LE CIEL
ที่แปลว่าท้องฟ้าในภาษาฝรั่งเศส
ต้นปี 2001 L'Arc-en-Ciel เปิดโอกาสให้แฟน ๆ โหวตเพลง ที่ชอบผ่านทางอินเตอร์เน็ต แล้วคัดเพลงที่ได้คะแนนสูงสุด 13 เพลงมารวมเป็นอัลบั้มรวมฮิต คำหวงห้าม
Singles Best 13 ออกขายในวันที่ 14 มีนาคม จากนั้น L'Arc-en-Ciel ก็เดินหน้า บุกตลาดอเมริกาด้วยการเปิดตัวออกในอเมริกา เป็นครั้งแรกกับอัลบั้ม คำหวงห้าม
Singles Best 13 อัลบั้มนี้ไปปั๊มกันที่อเมริการาคา จะได้ถูกกว่าแผ่นอิมพอร์ต วางแผงที่นั่นไปแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม และมีการทำโฮมเพจเป็นภาษาอังกฤษ
http://www.larcusa.com/home.html"]http://www.larcusa.com/home.html สำหรับแฟน ๆ ที่นั่นด้วย
ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2001 เท็ตสึประกาศออกอัลบั้มเดี่ยวภายใต้ชื่อ Tetsu69 ในสังกัด Sprouse ที่เขาตั้งขึ้นเอง เป็นสังกัดย่อย ในเครือ Sony Music Entertainment
(Japan) ซิงเกิ้ลแรก ของ Tetsu69 เป็นซิงเกิ้ลด้าน A คู่ชื่อ wonderful world / TIGHTROPE วางแผงที่ญี่ปุ่น 18 กรกฎาคม
http://www.tetsu69.com
ส่วนสมาชิก คนอื่น ๆ ของ L'Arc-en-Ciel ก็จะทยอยออกงานเดี่ยวตามหลัง มาเหมือนกัน
นอกจากนี้ 18 กรกฎาคมยังเป็นวันที่ L'Arc-en-Ciel จะมีเพลง ที่ไฮด์แต่งเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ เพลงแรกวางขายด้วยเช่นกัน Spirit Dreams Inside เป็นเพลงหนึ่งในอัล
บั้มซาวด์แทร็ค Final Fantasy หนังแนว CG (Computer Generated) ฟอร์มยักษ์ของญี่ปุ่นซึ่งคาดว่าจะบุกฮอลลีวูดได้ด้วย
ทั้ง L'Arc-en-Ciel และ Final Fantasy จะ"โกอินเตอร์" ได้หรือไม่...งานนี้มีลุ้น ตัวหนังจะเข้าโรงพร้อมกันวันที่ 11 กรกฎาคม พร้อมกัน 55 ประเทศทั่วโลก ส่วนซาวด์แทร็คจะวางขายในญี่ปุ่นวันที่ 18 กรกฎาคมโดยโซนี่ คลาสสิคัล
L'Arc-en-Ciel ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าสายรุ้งผาดผ่านท้องฟ้า แต่ตามนิยามของสาวก J Rock
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
**ข้อมูลที่เพิ่มมาใหท่ จำเครดิทไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ; ;
L'Arc~en~Ciel
คือวงร็อคชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งวงกันขึ้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ 1991
-ALBUM -
2005-06-22 - AWAKE (CD - album)
2004-04-21 - DUNE (CD - album)
2004-03-31 - SMILE (CD - album)
2004-03-31 - SMILE + DVD (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel 1994-1998 (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel 1998-2000 (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel c/w (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel c/w + DVD (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel 1994-1998 + DVD (CD - album)
2003-03-19 - The best of l'Arc~en~Ciel 1998-2000 + DVD (CD - album)
2001-03-14 - คำหวงห้าม Singles Best 13 (CD - album)
2000-08-30 - REAL (CD - album)
2000-06-28 - ectomorphed works (CD - album)
1999-07-01 - ark (CD - album)
1999-07-01 - ray (CD - album)
1998-02-25 - HEART (CD - album)
1996-12-12 - True (CD - album)
1995-09-01 - heavenly (CD - album)
1994-07-14 - Tierra (CD - album)
1993-04-10 - DUNE (CD - album)
สมาชิก ในวง เริ่มที่
ไฮด์ HYDE (ร้องนำ)
ชื่อจริง ทาคาราอิ ฮิเดโตะ
ชื่อเล่น โดอิฮาจิโระ, ไฮโดะ, อาคุมะ (แปลว่า devil), เดคาโมโนะ (แปลว่า มอนสเตอร์) อานิ (แปลว่าพี่ชาย)
เกิดวันที่ 29 มกราคม 1968
เกิดที่ วากายามะในโอซาก้า
ศาสนา คริสต์
เลือดกรุ๊ป O
สูง 158 ซ.ม.
รักแรก สมัยมัธยม 2 กับสาวน้อยตาโต ชื่อโทโมะจัง
งานที่เคยทำ ไฮด์เคยทำงานพิเศษหารายได้เสริมด้วย การเป็นพนักงานขายที่ร้าน Mister Donut ในโอซาก้า แต่พอตั้งวง L'Arc-en-Ciel แล้วเขาก็หันมาจับงานใหม่ รับส่งเข็ม
ขัดหนัง ก่อนที่จะมาทำงาน ในแผนกบัญชี ให้บริษัทแห่งหนึ่ง และที่ออฟฟิศนี้แหละ ที่เขา ซีร็อกซ์ ใบปลิวของ L'Arc-en-Ciel ไว้แจกใครต่อใคร
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ กีตาร์, แซ็กโซโฟน กับ ฮาร์โมนิก้า
ศิลปินโปรด Duran Duran กับ Dead End
สะสม แก้วคริสตัล
สิ่งที่ภูมิใจ พิชิตยอดเขาฟูจิได้ตอนอายุ 20 ปี
ไฮด์เป็นลูกคนเดียวของคุณแม่ไอยาโกะซังซึ่ง บังเอิญอยากได้ ลูกสาวพอดี แล้วเจ้าตัวก็ดันหน้าตาก็จิ้มลิ้มเหมือนผู้หญิง ตอนเด็ก ๆ คุณแม่เลยชอบจับมานุ่งกระโปรงแต่ง
หญิงไว้ผมยาว แถมยัง หิ้วกระเป๋าสีแดงแปร๋นอีกต่างหาก เป็นแบบนี้จนถึงป.6 แน่ะ
ตอนอายุ 8 ขวบคุณพ่อก็ส่งเขาไปเรียนคาราเต้ พอโตขึ้นมาหน่อยเขาก็คึกขี่รถมอเตอร์ไซค์ เคยขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม จนกระดูกแขนข้างซ้ายหักต้องนอนโรงพยาบาล 2 อาทิตย์
ช่วงนั้นนอนเฉย ๆ เกิดเบื่อเลยหันมาฟังเพลงฝรั่ง แล้วติดใจเริ่ม ชอบเพลงเฮฟวี่ เมทัลเข้าให้ พอจบชั้นมัธยมไฮด์ก็เลือกเรียนศิลป์ เขาอยากเป็นนักวาดการ์ตูน วิชาโปรดตอน
เรียนหนังสือ คือวิชาออกแบบ เสียดายที่เขาตาบอดสีก็เลยเอาจริงด้านนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ยังชอบขีด ๆ เขียน ๆ วาดการ์ตูนอยู่จนถึงทุกวันนี้ และแฟน ๆ ก็ชอบซื้อการ์ตูนมาฝาก
เขาอยู่บ่อย ๆ
ความจริงแล้วไฮด์ไม่เคยคิดอยากจะเป็นนักร้องเลย บอกว่าน่าเบื่อ เป็นมือกีตาร์มันส์กว่ากันเยอะเลย ตอนอยู่วง Jerusalem's Rods วงดนตรีวงแรกเขาก็เล่นกีตาร์ แต่ในที่สุด
เท็ตสึก็กล่อมจนเขา ยอมเป็นนักร้องจนได้
เรื่องที่แฟน ๆ L'Arc-en-Ciel หลายคนข้องใจก็คือ เรื่องของไฮด์ กับซากุระอดีตมือกลอง มีคนเม้าธ์ว่า 2 คนนี้เป็นมากกว่าเพื่อน ก็น่าคิดอยู่เหมือนกัน เวลาไปทัวร์คนอื่น ๆ
เขาก็จะขอนอนแยกห้อง กันหมด ยกเว้น 2 คนนี้จะต้องนอนห้องเดียวกัน แถมซากุระก็เคย พูดว่าตื่นเช้ามาสิ่งที่เขา ทำอย่างแรกคือนอนมองหน้าไฮด์ ก่อนที่เขาจะตื่น
แล้วก็ยังบอกอีกด้วยว่า ถ้าไฮด์เป็นผู้หญิงล่ะก็เสร็จ เขาแน่ ส่วนไฮด์เองก็แสดงอาการเศร้าสุด ๆ ตอนที่ซากุระ ลาออก จากวง เขาบอกว่านึกถึงซากุระตลอด ขนาดว่าเอาตัวต่อ
พลาสติค มาทำ จะได้เลิกนึกถึงซากุระ แต่ก็ดันฝันถึงซากุระจนได้!!
หลาย ๆ คนคงโล่งใจ (หรือไม่ก็เซ็งสุดขีดยิ่งกว่าเก่า) เมื่อมีข่าว ออกมาว่าเขาแต่งงานกับ เมกุมิ โออิชิ (Megumi Ooishi) ในวันคริสต์มาสอีฟปี 2000
เคน (มือกีตาร์)
ชื่อจริง เคน คิตามุระ
เกิดวันที่ 28 พ.ย. 1967
เกิดที่ โอซาก้า
เลือดกรุ๊ป AB
สูง 178 ซ.ม.
สีที่ชอบ เทา, เงิน, ดำ และ น้ำเงิน
งานอดิเรก ช็อปปิ้งกับว่ายน้ำ
สัตว์เลี้ยง แมวชื่ออลิซาเบ็ธ ตัวที่วิ่งลงบันได มาใน วิดีโอชุด Heavenly นั่นแหละใช่เลย
ความฝันวัยเด็ก เคยอยากเป็นนักเบสบอลมืออาชีพ, นักสืบ, นักแข่งมอเตอร์ไซค์ และ มือกีตาร์วงร็อค... และแล้วฝันเขาก็เป็นจริงจนได้
เคนมีพี่สาวคนหนึ่ง เขารู้จักกับเท็ตสึมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แต่พอ จบมัธยมก็ไปเรียนต่อคณะสถาปัตยกรมมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย นาโกย่า แต่ไม่ทันได้เรียนจบก็ต้องลาออก
เพราะเท็ตสึดันชวนมา เข้าวง L'Arc-en-Ciel ซะก่อน โชคดีที่วงไม่เดี้ยง ไม่งั้นเท็ตสึ ถูกประณามแย่เลย เพราะทางบ้านเองก็อยากให้เคนเรียนจนจบ ปริญญา ถึงจะหัดเล่นกี
ตาร์ช้า(ช่วงมัธยม)แต่ก็เข้าทำเนียบ มือกีตาร์รอบจัดของวงการ J Rock อยู่ดี
หลายคนบอกว่าสไตล์การแต่งตัวของเคนออกจะเอียงไปทางเกย์ ๆ มีครั้งหนึ่งตอนที่ L'Arc-en-Ciel ไปถ่ายทำวิดีโอเพลง Pieces ที่นิวยอร์ค เขาใส่กางเกงหนังลายเสือเปรี้ยว
สุดไปเที่ยวบาร์ที่นั่น เท่านั้นแหละได้เรื่องเลย มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาขอเบอร์โทรศัพท์ ทันที!!
เท็ตสึ (เบส)
ชื่อจริง โอกาว่า เท็ตสึยะ
เกิดวันที่ 3 ต.ค. 1968
เกิดที่ โอซาก้า
เลือดกรุ๊ป A
สูง เตี้ย (กวนจริง ๆ)
หนัก เบา
ศิลปินโปรดสมัยเด็ก เคนจิ ซาวาดะกับ YMO
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ กีตาร์, แซ็กโซโฟน กับ ฮาร์โมนิก้า
ศิลปินโปรด Duran Duran กับ Dead End
สะสม แก้วคริสตัล
สิ่งที่ภูมิใจ พิชิตยอดเขาฟูจิได้ตอนอายุ 20 ปี
ตำแหน่งหัวหน้าวง L'Arc-en-ciel คงต้องยกให้เท็ตสึ ถ้าไม่ได้เขาเราอาจไม่ได้มี L'Arc-en-Ciel ไว้ปลื้มอย่างทุกวันนี้
เท็ตสึมีน้องสาว 2 คน เป็นหนุ่มร็อคมาตรฐาน ประเภทสูงยาวเข่าดี ที่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้สูงกว่าไฮด์ซักเท่าไหร่หรอก แต่ความที่ใส่ รองเท้าส้นตึก (โปรดสังเกตุสูงซัก 10 ซ.ม.
เห็นจะได้) แต่ตอนเด็ก ๆ หรือตอนวัยรุ่น นี่ดูหน้าตาท่าทางแล้วไม่มีเค้าร็อคเกอร์เลยซักนิด
เป็นคนที่วิ่งตามแฟชั่นสุดฤทธิ์ ชอบซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนม DKNY, วิเวียน เวสต์วูด, บัฟฟาโล่, ทอย แมชชีน อะไรพวกนี้ไม่เคยพลาด แล้วก็สะสมนาฬิกา Baby-G ด้วย
ก็เหมาะดีแล้วเพราะเห็นเขา เปิดร้านเสื้อเองด้วย ชื่อร้าน Cranky Club นอกจากชอบอะไร ที่เกี่ยวกับเสียงเพลงและแฟชั่นแล้ว เขาก็ชอบการ์ตูนโดยเฉพาะ Gundum กับ
Evagelion - Neo Genesis เนี่ยเป็นปลื้มมาก
เท็ตสึเป็นคนเดียวในวงที่ไม่สูบบุหรี่ แล้วก็เกลียดพวกกีฬาทั้งหลาย สมัยเรียนไม่เคยชอบวันกีฬาสีเลย เคยลองเล่นเบสบอลอยู่พักหนึ่ง แต่ซ้อมหนักไปก็เลยเลิก
แฟนเก่าของเท็ตสึไม่ใช่ใครที่ไหน คนในวงการนี่แหละ เธอชื่อคาโอริ โมชิดะ(มีรูป)วง Every Little Thing แต่ตอนหลังเธอหันไป ควงริวอิจิอดีตนักร้องนำ Luna Sea แทน
ยูกิฮิโร่ (มือกลอง)
ชื่อจริง อะวาจิ ยูกิฮิโร่
ชื่อเล่น ยัคกี้
เกิดวันที่ 24 พ.ย. 1968
เกิดที่ ชิบะใกล้ ๆ โตเกียว
เลือดกรุ๊ป A
สูง 165 ซ.ม.
สีที่ชอบ ดำ กับ แดง
อาหารที่ชอบ อาหารญี่ปุ่น, โคล่า และ ช็อคโกแล็ต
กีฬาที่ชอบ โรลเลอร์สเก็ต
วงดนตรีที่เคยอยู่ ปี 1989 เขาอยู่กับ Zi - Kill ที่แตกวงไปในปี 1990 ปี 1991 ก็เป็นสมาชิกวง Die In Cries วงดังที่เคยไปเปิดคอนเสิร์ตที่นิปปอน บูโดกันด้วย แต่ก็สลายตัวไปในปี 1995 นอกจากนี้ก็ยังมีวง Opticnerve ที่ได้ออกอัลบั้มกับสังกัดใหญ่ด้วย
สิ่งที่ภูมิใจ พิชิตยอดเขาฟูจิได้ตอนอายุ 20 ปี
ยูกิฮิโร่ทีแรกมาอยู่กับ L'Arc-en-ciel ในฐานะแขกรับเชิญ เมื่อเดือนมิถุนายนปี 1997 ตามคำเชิญของเท็ตสึ ตอนนั้นซากุระ เพิ่งลาออกจากวงไปเมื่อเดือนเมษายนปีเดียวกัน
สมัยมัธยมต้นเริ่มต้น กับกีตาร์ก่อนที่จะมาเล่นกลอง พอรู้ตัวว่าชอบกลองก็เก็บเงินซื้อ กลองชุดมาหัดเล่นด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ยูกิฮิโร่อยู่กับวงดนตรี มาเยอะ เป็นมือกลอง
ฝีมือดีที่ใคร ๆ ก็อยากเรียกมาเข้าวง แต่มาลงเอยที่ L'Arc-en-Ciel ได้ก็เพราะเท็ตสึ
เท็ตสึรู้ว่ายูกิฮิโร่ชอบเล่นเกม, การ์ตูนและสนใจเรื่องแฟชั่นเหมือนกัน ก็ทำเป็นตีซี้โดยยกเอาเรื่องเกมส์ Evangelion มาอ้าง ให้ยูกิฮิโร่ สอนวิธีเล่นให้ชนะเกมส์นี้ เสร็จแล้วเขา
ก็เล่าว่า L'Arc-en-Ciel มีปัญหากำลังขาดมือกลอง ยูกิฮิโร่ก็เลยหลวมตัวรับปากมาช่วย L'Arc-en-Ciel กับซิงเกิ้ล Niji จากนั้นก็ตกบันไดพลอยโจน เป็นสมาชิก L'Arc-en-Ciel
เต็มตัวเมื่อ L'Arc-en-Ciel ประกาศต้อนรับเขาในฐานะมือกลองอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1998
ได้ข่าวว่ายูกิฮิโร่เป็นคนที่ชอบเผลอหลับเวลาไปออกทีวีให้สัมภาษณ์ แล้วก็เป็นคนที่สนใจเรื่องคอมพิวเตอร์ ติดตามข่าวคราวเรื่องนี้ ตลอดถึงขนาดว่า เคยเขียนบทความแนะ
นำซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ลงนิตยสารด้วย
พูดถึงไฮด์ ใครไม่รู้จักเค้าเรียกว่าเชยแหลก ก็ออกจะดังซะขนาดนั้นใช่ไม๊ล่ะ นักร้องนำหนึ่งเดียวของL'Arc~en~Ciel โดดเด่นทั้งหน้าตา และเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ซะขนาดนั้น เราน่ะนะ เจอไฮด์ครั้งแรกก็อึ้งๆไปพอสมควร ตอนนั้นเราดู realliveน่ะ ก็รู้สึกว่าน่ากลัวๆ(ขอบตางี้ เสื้อตัวนั้น !!) แต่พอต่อมาๆ ก็เริ่มชอบไปโดยปริยาย หน้าตาของhydeก็นับว่าเข้าขั้นหล่อเลยทีเดียว (แต่ก่อนก็สวยด้วยนะ) ที่hydeออกมาสวย+หล่ออย่างนี้ เพราะว่าพ่อแม่ของhydeต่างก็สวยหล่อ (ไม่น่าหล่ะ!) ย้อนอดีตไปสมัยประถม (เมื่อไม่นานมานี้เอง -_-") ไฮด์เป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นซักเท่าไหร่ มักจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งจนร้องไห้กลับบ้านเป็นประจำ (โธ่ เด็กน้อย) ก็เจ้าตัวน่ะคิดว่า ถ้าร้องไห้ แล้วจะได้รับการยกโทษนี่ จนเกือบกลายเป็นเด็กขี้แยไปซะแล้ว พอมาตอนป.3 ไฮด์ก็ย้ายบ้านเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบันของพ่อ-แม่ hyde เป็นคอฟฟี่ช็อบเล็กๆน่ะนะ ชื่อว่า "Apple" อยู่ในจังหวัดวาคายาม่า ไฮด์ก็เลยต้องย้ายโรงเรียน ทำให้ไฮด์ไม่มีเพื่อนสนิทซักกะที และพ่อแม่ก็ทำงานทั้งคู่ ไฮด์จึงมักใช้เวลาส่วนใหญ่สนุกกับการวาดภาพอยู่คนเดียว และก็เพราะว่าชอบการวาดรูปมาตั้งแต่สมัยอยู่อนุบาล hydeก็เลยมีเรื่องรูปอยู่หัวเสมอ ซึ่งhydeเคยให้สัมภาษณ์ว่า
" ก่อนวาดรูปลงสมุดภาพ ก็จะสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาในหัว แล้วพอคิดออกว่าจะนำเสนอมันออกมายังไง ก็หมดวันพอดี ผมจำได้ว่าไม่เคยออกไปเล่นข้างนอกในวันอาทิตย์เลย "
นับว่าเป็นคนเอาจริงเอาจังมากเลยนะ ไม่! ไม่เพียงแต่วาดรูปธรรมดาเท่านั้น hydeยังวาดการ์ตูนและรูปที่ใช้เทคนิคอื่นๆด้วย ในหนังสือรุ่นตอนจบชั้นประถม hyde ผู้หลงใหลการวาดภาพก็ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการ์ตูนของเขาเลยทีเดียว *-*
และไม่เพียงวาดรูปเท่านั้นนะ hydeยังสนใจดนตรีด้วยหล่ะ ตอนประมาณ ป.4 ก็กลายเป็นแฟนเพลงของออฟคอร์ส ทั้งยังฟังเพลงที่คุณโอดะร้องด้วย (โอดะไหน เราไม่รู้จัก -_-" )เนื้อเพลงของL'Arcที่hydeเป็นคนเขียนนั้น อาจจะได้รูปแบบมาจากตอนนี้ก็ได้ พอขึ้นป.6 ไฮด์ผู้ที่ไม่ค่อยเป็นจุดเด่นในชั้นเรียนก็เริ่มร่าเริ่งขึ้นแล้ว (เย้ๆ ดีใจด้วย) เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะ 3 คนพ่อแม่ลูกมักจะขี่จักรยานไปเที่ยวทะเลหรือภูเขา หรือไม่ก็ไปทั้งแคมป์กันน่ะ
ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ชั้นม.ต้นไฮด์เข้าชมรมฟุตบอลได้เพียง 3 วันก็ลาออก ในช่วงนั้น ข่าวคราวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนค่อนข้างหนาหู ด้วยหน้าตาสะอาดสะอ้าน(หรือสวย) ของไฮด์ ทำให้เขาเคยถูกพวกเด็กเกเรเรียกออกไปต่อย (โถ่ hyde นึกว่าหนีพ้นแล้ว) เพราะฉะนั้นนะ สำหรับไฮด์แล้ว โรงเรียนจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบมากๆๆ
ถึงแม้จะอยู่ม.ต้นแล้วก็ตาม hydeก็ยังไปตั้งแคมป์กับเพื่อนๆตอนประถมอยู่เสมอ และคงได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง "แรมโบ้" hyde และเพื่อนๆ จึงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบทหาร ออกไปตั้งแคมป์ ที่ภูเขาบ้าง ทะเลบ้าง และในช่วงที่ไฮด์กำลังหลงใหลการตั้งแคมป์อยู่นั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไม่นะ!!
ประมาณ ม.2 เขาได้รับอุบัติเหตุในขณะขี่จักรยาน เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ไฮด์ขี่จักรยานลงมาจากภูเขาด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งแทนที่จะลดความเร็ว ไฮด์กลับคงความเร็วอยู่เช่นนั้น จึงไปชนเปรี้ยงกับกำแพงบ้านเข้าเต็มเปา hyde หมดสติ เลือดออกก็มาก เรียกว่าโคม่าเลยทีเดียว หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านพาไปส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะก็ อาจจะไม่มีhyde ในวันนี้ก็ได้นะ และบาดแผลในครั้งนั้นก็ยังอยู่ที่คอของไฮด์จนทุกวันนี้ (ตรงไหนเราก็ไม่รู้นะ ^^;;) แต่ถึงจะเจ็บขนาดไหน hydeก็ยังไม่เข็ด ก็ยังคงชอบตั้งแคมป์อยู่เช่นเดิม
ที่บ้านของhyde ซึ่งเป็นคอฟฟี่ช็อป มักจะเปิดเพลงในร้านอยู่แล้ว ทำให้เขาเคยชินกับเพลงตะวันตกมาตลอด มีอยู่วันนึง เขาได้ยินเพลง Stranger ของ
บิลลี่ โจแอลที่เปิดในร้าน แล้วก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที วันรุ่งขึ้น hyde ก็ตรงดิ่งไปยังร้านแผ่นเสียง เพื่อซื้อมาเก็บไว้ และจากนั้นเองไฮด์ก็กลายเป็นสาวกเพลง
ตะวันตก ตอนม.ต้น ก็ฟังเพลงของดูแรน ดูแรน (เพลงแนว British New Wave) นอกจากนี้ก็ยังฟังเพลงแนว L.A.Metal และอื่นๆอีกด้วย
หลังจากจบชั้นม.ต้นแล้ว hydeก็ได้ไปเข้าเรียนดีไซเนอร์ที่โรงเรียนดีไซเนอร์ที่นัมบะ เมืองโอซาก้า ชั่วโมงเรียนก็มีทั้งสเกตช์ภาพ การออกแบบ ความสามารถของhydeได้รับการขัดเกลาจากที่นี่น่ะเอง จนhydeเองตั้งเป้าไว้ว่า เขาจะต้องเป็นนักเขียนการ์ตูนให้ได้ แต่ถึงจะมีรูปภาพอยู่รอบตัว ไฮด์ก็ยังคงฟังเพลงต่อไป โดยเฉพาะแนว Metal
ต่อจากนั้นhydeก็เริ่มอยากตั้งวงของตัวเอง ตามประสาเด็กม.ปลายที่รักดนตรี โดยhyde เองเล่นกีต้าร์ และก็หาสมาชิกวงได้จบครบ ขาดแต่นักร้องนำ hydeเลยต้องรับหน้าที่นี้เอง และถึงแม้ว่าวงนี้ จะแยกย้ายกันไป ทั้งๆที่ไม่เคยแสดงสดเลย แต่ก็ทำให้hyde ค้นพบพลังเสียงของตัวเอง
ต่อมาhydeก็เข้าสู่ช่วง entrance แต่ent ไม่ติด ก็เลยกลับมายังวาคายาม่า และเริ่มทำงานพิเศษที่ร้านมิสเตอร์ โดนัท แต่ที่ร้านนี้เป็นที่รวมตัวของพวกคุณป้า
-_-" hydeเลยเบื่องานนี้จนต้องเลิกไป (เบื่องานหรือเบื่อป้าอ่ะ) หลังจากนั้นก็ได้งานใหม่ที่ร้านขายเครื่องดนตรี IWAKI ที่อยู่ในเขตตัวเมืองวาคายาม่า ซึ่งที่นี่มี
สตูดิโออยู่ด้วย hydeเลยได้ทั้งทำงานพิเศษและได้ฝึกฝีมือไปด้วย แต่hyde ก็ไม่ได้ตั้งวงขึ้นมา เขาไปช่วยวงอื่นในหน้าที่ต่างๆ และออกแสดงสดบ้างบางครั้ง
ช่วงที่ทำแบบนี้ ทำให้hyde คิดว่าจะต้องเป็นโปรให้ได้ จึงเริ่มคิดที่จะไปโอซาก้า -เจอแค่นี้เองขอโทดน้า-
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จำที่มาไม่ได้อีกแล้ว ขอโทษนะคะTT
--บทนำ : Introduction ~ เกริ่นนำ--
ก่อนที่จะมาเป็น L'Arc~en~Ciel ที่พวกเรารู้จักในทุกวันนี้ พวกเขาได้พบเจอและผ่านพ้นอุปสรรคมามากมาย ทั้งโอกาสและจุดเปลี่ยนในชีวิตของแต่ละคน ทั้งแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดผลงานเพลง และการตัดสินใจที่จะเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง ชื่อ L'Arc~en~Ciel คงเหมาะสมกับพวกเขาจริงๆ
...L'Arc~en~Ciel... "สายรุ้ง" ที่พาดผ่านท้องฟ้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหลังฟ้าฝนอันบ้าระห่ำ...
--บทที่หนึ่ง : 記憶の破片 ~ เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำ--
Tetsu และ Ken หรือมือเบสและมือกีต้าร์คนปัจจุบันของวง L'Arc~en~Ciel นั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ และในสมัยมัธยมปลายพวกเขาก็เคยเล่นดนตรีด้วยกันอยู่ในวงชื่อ Bystonwell แต่เมื่อชีวิตมัธยมปลายจบลง Ken มีความจำเป็นที่จะต้องไปศึกษาต่อในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาจึงต้องออกจากวง ซึ่งเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้ Tetsu ไม่เล่นในวง Bystonwell ต่อเช่นกัน แต่ถึงกระนั้น Tetsu ก็ได้ติดตามวงการเพลงมาตลอดและได้เข้าชมไลฟ์ต่างๆที่เล่นโดยวงใต้ดินอยู่ เสมอ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ตั้งวงใหม่ขึ้นมาแต่อย่างใด
และแล้วทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเค้าได้มีโอกาสมาทำความรู้จักกับ Hiro ผู้ซึ่งเคยเล่นอยู่ในวงชื่อ First Blood และ De-velguer มาก่อน Tetsu ได้ถือโอกาสนี้ในการเชิญชวน Hiro มาทำงานด้วยกัน โดยให้ Hiro อยู่ในตำแหน่งมือกีต้าร์ ซึ่ง Hiro เองก็ยินดีและยอมรับข้อเสนอของ Tetsu ทั้งสองจึงเริ่มทำวงดนตรีขึ้นมาด้วยกัน
ในช่วงเดียวกันกับที่ Tetsu ได้เริ่มตั้งวงใหม่นั้น วงดนตรีอีกวงหนึ่งชื่อ Kiddy Bombs ก็กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสมาชิกวงที่เข้าๆออกๆกันบ่อยมากจนทำให้เหลือแค่ Takarai Hideto ในตำแหน่งมือกีต้าร์และ Pero ในตำแหน่งมือกลองอยู่เท่านั้น และสองคนนี้ก็ได้พยายามหาคนในวงมาเพิ่มและเปลี่ยนชื่อวงเป็น Jerusarem's Rod โดยที่ Takarai Hideto เปลี่ยนจากตำแหน่งมือกีต้าร์มาขึ้นร้องเป็นนักร้องนำของวงแทน และหลังจากนั้นมา Takarai Hideto ก็ได้เปลี่ยนชื่อในวงการของตนเองเป็น Hyde
Tetsu ผู้ที่กำลังติดตามวงการเพลงอยู่อย่างใกล้ชิดในช่วงนั้นก็กำลังหาคนมาเพิ่ม ให้กับวงของตนเองอยู่ และเขาก็ได้มีโอกาสดูไลฟ์ของวง Jerusalem's Rods ด้วย ซึ่ง Tetsu นั้นมีความสนใจในตัวนักร้องนำมากๆ และคิดว่านักร้องนำของวง Jerusalem's Rods น่าจะเป็นนักร้องนำที่เหมาะกับวงของตนเองมากที่สุด และเพราะเหตุนั้นเอง Tetsu จึงพยายามทำความรู้จักกับ Hyde และ Pero และเชิญชวนทั้งสองคนมาทำงานเพลงร่วมกัน ซึ่งทั้งสองคนก็ยอมรับข้อตกลงของ Tetsu และก็ได้ตั้งชื่อกับวงใหม่ของพวกเขาว่า L'Arc~en~Ciel ถึงแม้ว่าทั้ง Hyde และ Pero จะตัดสินใจเข้าร่วมวง L'Arc~en~Ciel แล้ว พวกเขาทั้งสองก็ยังเล่นไลฟ์ครั้งสุดท้ายให้กับวง Jerusalem's Rods ที่ Bahama ก่อนที่จะมาเป็น L'Arc~en~Ciel เต็มตัวด้วย และหลังจากไลฟ์ครั้งสุดท้ายของวง Jerusalem's Rods จบลง ทั้งสี่คน Tetsu (เบส), Hiro (กีต้าร์), Hyde (ร้องนำ), Pero (กลอง) ก็วางแผนที่จะทำเพลงเพื่อออกเดบิวต์ทันที
ในวันที่ 30 เดือนพฤษภาคมของปี 1991วง L'Arc~en~Ciel ก็ได้มีโอกาสเล่นไลฟ์ครั้งแรกที่ Nanba Rockets ซึ่งในไลฟ์นี้ทางวงได้เริ่มด้วยเพลง I Prefer ของ MINISTRY และต่อด้วยอีก 9 เพลงที่ส่วนใหญ่แต่งโดย Hiro และที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพลง 9 เพลงนี้ก็คือ มันไม่ได้เป็นแค่เพลงที่เล่นกันก่อนเดบิวต์เท่านั้น แต่มันเป็นเวอร์ชั่นแรกๆของเพลงที่อยู่ในอัลบัมเดบิวต์ต่างหาก อย่างเช่นเพลง Be Destined และ Shutting from the Sky ในอัลบัม DUNE นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากเพลงของ Hiro เหมือนกัน นอกจากเพลง 9 เพลงที่แต่งกันเองและอีก 1 เพลงที่เป็นของ MINISTRY นั้น ในไลฟ์ที่ Nanba Rockets ครั้งนี้ทางวงก็ได้เล่นเพลง With Silence ซึ่งแต่เดิมเป็นเพลงของวง Jerusalem's Rods อีกด้วย
ปี 1991 ก็ได้ผ่านพ้นไป โดยภายในปี้นี้ L'Arc~en~Ciel ก็ได้ไปเล่นแสดงงานเพลงในหลายๆสถานที่ใน Osaka และก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างช้าๆ และที่น่าภูมิใจก็คือในเดือนกันยายนพวกเค้าก็ได้เล่นไลฟ์โชว์เดี่ยวด้วย (ก่อนหน้านี้ได้เป็นแค่ Guest หรือผลัดกันเล่นกับวงอื่น) และในวันก่อนวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 31 เดือนธันวาคม วง L'Arc~en~Ciel ก็ได้ไปเล่นที่ Nanba Rockets อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำการอัดเป็นวิดิโอเทปเก็บไว้ เทปเสียงที่อัดไว้ได้ถูกใช้เป็นเทป Demo ของวงด้วย
--บทที่สอง : 目の前を扉は開かれて ~ ประตูที่เปิดอยู่เบื้องหน้า--
เมื่อปี 1992 เริ่มต้นขึ้น ทุกๆอย่างในวงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นและมีแฟนๆมากขึ้น จึงทำให้วง L'Arc~en~Ciel นั้นสามารถทำให้พวกเขาสามารถขายตั๋วของพวกเขาที่ Shinjuku LOFT ออกได้หมด ซึ่งพวกเขาก็ได้เปิดวิดิโอที่บันทึกไว้เมื่อปี 1991 ให้ผู้ชมได้รับชมกัน วิดิโอม้วนนี้พวกเขาตั้งชื่อให้มันว่า L'Arc~en~Ciel ตามชื่อของวง ซึ่งภายในม้วนก็ประกอบไปด้วยภาพการแสดงจากที่ต่างๆที่พวกเขาเคยไป และแทนที่จะเป็นเสียงจากไลฟ์นั้นๆที่ปรากฏอยู่บนจอ พวกเขาได้เปิดเพลง "Claustro Phobia" และ "I'm in pain" คลอไปกับภาพแทน
ในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกันนั้น วง L'Arc~en~Ciel ก็ได้ไปแสดงไลฟ์ที่ Nanba Rockets อีก แต่คราวนี้แสดงร่วมกับวงอีกวงหนึ่งที่ชื่อว่า Ber:Sati ในช่วง Encore ของไลฟ์นั้น ทั้งสองวงได้ทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆคือจัดเรียงตำแหน่งสมาชิกวงมาปนกันและตั้ง ชื่อวงใหม่เป็น B'Erc~en~Ciel และเล่น Cover เพลง 1999 -shy boy story- ของ D'ERLANGER, เพลง Dear Secret Lover, และเพลง Shade ของวง LUNA SEA ที่เรารู้จักกันดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าวง L'Arc~en~Ciel กำลังไปได้สวย มือกีต้าร์ Hiro ก็ตัดสินใจที่จะลาออกจากวงในวันที่ 12 เดือนมิถุนายน
Tetsu ผู้ก่อตั้งวงไม่สามารถนิ่งดูดายและปล่อยให้วงต้องยุบไป เขานึกถึง Ken เพื่อนเก่าที่เคยเล่นในวง Bystonwell ด้วยกันและตัดสินใจที่จะติดต่อกับ Ken ในทันที ซึ่ง Ken เพื่อนเก่าเมื่อได้รับการติดต่อจาก Tetsu ก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะมาช่วยวงให้โดยที่มีความคิดว่าจะปลีกตัวออกมาจากช่วง เรียนเพื่อมาเล่นด้วย แต่พอเมื่อ Ken ได้เริ่มมาเล่นกับ L'Arc~en~Ciel อย่างจริงๆจังๆแล้วเค้าก็ได้ตัดสินใจที่จะลาออกจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัย ในขณะที่อีกแค่ 6 เดือนเค้าก็จะได้รับปริญญาแล้ว ซึ่งจากการตัดสินใจของ Ken ครั้งนี้ก็ทำให้มีข่าวลือออกมาว่าบิดาและมารดาของ Ken นั้นไม่พูดคุยกับ Ken อีกเลยเพราะกลุ้มใจและเสียใจมากที่ลูกชายตัดสินใจทิ้งการศึกษาเพื่อมาเล่น ดนตรี
ภายในเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน (1992) L'Arc~en~Ciel พร้อมกับมือกีต้าร์คนใหม่ Ken ก็เริ่มเข้าห้องอัดเป็นครั้งแรกและได้ทำซิงเกิลชื่อ Floods of Tears c/w Yasouka ออกมาเป็นซิงเกิลแรกภายใต้สังกัดค่าย NIGHT GALLERY ซิงเกิลนี้ออกมาในวันที่ 25 เดือนพฤศจิกายนและทำออกมาแค่ 1,000 แผ่นเท่านั้นซึ่งก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าในปัจจุบันซิงเกิลแผ่นที่ว่านี้หายากมาก แต่มีคนขายอยู่ที่ 60,000 เย็นญี่ปุ่น หรือคิดเห็นเงินไทยก็เป็นหมื่นบาทเลยทีเดียว
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น วง L'Arc~en~Ciel ได้ร่วมแสดงผลงานของวงในอัลบัม GIMMICK ซึ่งเป็นอัลบัมรวมเพลงต่างๆด้วย ซึ่งในอัลบัมนี้ เพลงที่วงได้มีโอกาสอัดก็คือเพลง Voice ที่แต่งโดย Ken ตอนนี้เมื่อวงเริ่มอัดเพลง เริ่มได้รับความนิยมและได้เล่นไลฟ์ในคลับเล็กๆมากขึ้น ก็ดูเหมือนกับว่าทุกๆอย่างจะไปได้สวยจนไม่มีใครวิตกว่าจะมีอะไรที่ไม่คาดคิด เกิดขึ้น...
ในปลายปี 1992 ในขณะที่วง L'Arc~en~Ciel กำลังเติบโตและไปได้สวย Pero มือกลองของวงก็ได้ตัดสินใจออกไปอีกคนด้วยเหตุผลที่ว่าอยากไปทำงานในวง Ange:Graie กับ Hiro มือกีต้าร์คนเก่าที่ออกไป และด้วยเหตุนี้เอง Tetsu หัวหน้าวงก็ต้องมีเรื่องให้กลุ้มอีกครั้ง เพราะเค้าได้วางแผนอะไรไว้หลายๆอย่าง และมันจะเป็นไปไม่ได้ถ้าหากวง L'Arc~en~Ciel จะไม่มีมือกลอง
--บทที่สาม : もうすぐこの道の向こうにやって来る ~ ณ อีกฝั่งของถนนสายนี้--
แทนที่ทางวงจะมองหามือกลองจาก Osaka พวกเขาตัดสินใจที่จะหาคนโตเกียวมาร่วมงานด้วยเพราะเขาคิดว่ายังไงวงก็ต้อง เดินทางไปโปรโมทตัวเองที่โตเกียวแน่นอนอยู่แล้วถ้าหากอยากจะประสบความสำเร็จ และ Tetsu ก็ไปสะดุดอยู่ที่ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Sakura ซึ่งเป็นมือกลองแบคอัพให้กับหลายๆวง Tetsu ก็ไม่รอช้า รีบติดต่อ Sakura ทันทีและได้เชิญชวนให้ Sakura มาดูไลฟ์ที่วง L'Arc~en~Ciel เล่น และหลังจากที่ Sakura ได้ดูไลฟ์ของวงแล้ว เขาก็ตัดสินใจเข้าร่วมวงทันที
วง L'Arc~en~Ciel ตัดสินใจที่จะเดินทางไปโตเกียว พวกเขาได้ทำข้อตกลงกับค่ายอิสระที่ชื่อว่า Danger Crue และเริ่มเข้าห้องอัดเพื่อทำอัลบัมทันที ในช่วงนี้ ณ ที่โตเกียว ทางวงก็มีแฟนเพลงหน้าใหม่ๆมากขึ้น และในวันที่ 11 เดือนมีนาคม ไลฟ์ครั้งแรกที่มี Sakura ของ L'Arc~en~Ciel ก็ได้จัดขึ้น ในไลฟ์นี้พวกเขาเล่นแต่เพลงที่มาจากอัลบัม DUNE และอีกหนึ่งเพลงคือ Yasouka และในวันที่ 10 เดือนเมษายน อัลบัม DUNE ล๊อตแรกที่มีแค่ 9 เพลงก็ได้ออกวางจำหน่ายให้สั่งซื้อทางไปรษณีย์ และในวันที่ 27 เดือนเมษายน อัลบัม DUNE ล๊อตธรรมดาก็ได้ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดโดยที่ในอัลบัมเวอร์ชั่นนี้ ทางวงได้เพิ่มเพลงที่ 10 ชื่อเพลง Ushinawareta Nagame เข้าไปด้วย และภายในเดือนพฤษภาคมของปีนั้นเอง อัลบัม DUNE ก็ไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของ Oricon Chart ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวง L'Arc~en~Ciel ไม่มีปัญหาในการหาผู้ชมหรือแฟนๆในโตเกียวเลย
ในวันที่ 14 ของเดือนมิถุนายนวง L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทัวร์ที่ชื่อว่า Close by DUNE ขึ้น ทางวงได้เล่นไลฟ์ 10 ครั้งภายในวันที่ 14 มิถุนายนถึงวันที่ 3 กรกฎาคม และได้เล่นรอบสุดท้ายที่ชื่อว่า Close by DUNE FINAL ในวันที่ 1 ของเดือนสิงหาคม และในจุดจุดนี้ วง L'Arc~en~Ciel ได้ประจักษ์ให้เห็นว่าวงของพวกเขาได้ไต่ขึ้นมาอันดับต้นๆของวงอินดี้ส์แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ค่ายเพลงใหญ่ๆก็เริ่มให้ความสนใจในวงของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ Tetsu หัวหน้าวงยังไม่รับข้อเสนอ เขายังไม่ต้องการจะไปถึงจุดๆนั้น
ในวันที่ 10 เดือนตุลาคม วิดิโอชื่อ TOUCH OF DUNE ได้ออกวางจำหน่าย เป็นวิดิโอรวม PV (Promotional Video) สามเพลง ซึ่งก็คือเพลง Dune, Floods of Tears และเพลง As if in a dream ความโด่งดังของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางวงก็ได้ตอบสนองแฟนเพลงด้วยการเริ่มทัวร์อีกครั้งโดยใช้ชื่อทัวร์ว่า FEEL OF DUNE ในวันที่ 9 เดือน 11 ทัวร์ครั้งนี้มีทั้งหมด 14 ไลฟ์และจบลงในวันที่ 20 เดือนธันวาคม และทัวร์ครั้งนี้ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนเพลง จึงทำให้ Tetsu ตัดสินใจว่าจะเซ็นสัญญากับค่ายเพลงใหญ่ๆ
ในปลายปีนี้เอง ที่ระยะเวลาของการเป็นวงอินดี้ส์ของ L'Arc~en~Ciel ได้จบลง...
--บทที่สี่ : Your blurry eyes ~ เบลอรี่ อายส์--
เส้นทางการอาชีพของวง L'Arc~en~Ciel ภายใต้ค่ายใหญ่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับปี 1994 Tetsu ได้ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญากับ Sony Ki/oon Records ด้วยเหตุผลที่คิดว่าน่าจะเป็นที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับวงของเขา (ในปัจจุบันนี้วง L'Arc~en~Ciel ก็อยู่ภายใต้สังกัด Ki/oon Records อยู่เหมือนเดิม) หลังจากนั้นทางวงก็เริ่มทัวร์ครั้งต่อไปที่มีชื่อว่า NOSTALGIA no Yokan โดยทัวร์นี้เหมือนจะเป็นการรวบรวมผลงานในยุคอินดี้มาแสดง วงได้เล่นเพลงในอัลบัม DUNE และก็ไม่ลืมที่จะเล่นเพลง With Silence ของ Jerusalem's Rods ด้วยและในทัวร์นี้ก็เล่นเพลงใหม่ๆอย่าง White Feathers, Blame, Nemuri ni Yosete อีกด้วย
ดูเหมือนว่าการที่วงได้เซ็นสัญญาเพื่อมาอยู่กับ Sony Ki/oon Records นั้นจะทำให้ทางวงมีอิสระในการทำดนตรีเป็นอย่างมาก สั่งการใส่เสียงอะคูสติคกีต้าร์ เสียงซิน และพวกเครื่องดนตรีอื่นๆนั้นก็เริ่มมาจากเพลงในช่วงนี้พวกเขาได้เริ่มทำกับ Sony ซึ่งก็ทำให้เพลงของพวกเขานั้นฟังดูมีความน่าสนใจมากขึ้น และภาพพจน์ของวงก็ดีขึ้นมากอีกด้วย
แฟนๆได้เห็น L'Arc~en~Ciel "แบบใหม่" ครั้งแรกคงเป็นในวิดิโอ Nemuri ni Yosete ที่ออกเมื่อวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ซึ่งในวิดิโอนี้อิมเมจของวงก็ดูเหมือนว่าจะสวยงามมากขึ้น (ก่อนหน้านี้ออกแนว Visual หวือหวาน่ากลัว) และหลังจากนั้นไม่นาน L'Arc~en~Ciel ก็ออกอัลบัมที่สอง Tierra สู่ท้องตลาด
เพื่อเป็นการโปรโมตอัลบัมใหม่ Tierra นี้ วง L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทัวร์อีกครั้ง เป็นทัวร์ที่มีชื่อว่า Sense of Time '94 เล่นแปดรอบ และเริ่มทัวร์วันเดียวกับที่อัลบัม Tierra ออกวางจำหน่ายนั่นเอง ในทัวร์นี้ทางวงได้เล่นเพลงจากอัลบัมใหม่จำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเล่นเพลงในสมัยอินดี้ส์ด้วย แสดงให้พวกเราเห็นว่าถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ทำงานอยู่ในที่ใหญ่ๆอย่าง Sony พวกเราก็ไม่ลืมว่าพวกเขานั้นเริ่มต้นมาจากจุดไหน...
หลังจากทัวร์ Sense of Time '94 ทางวงก็ได้เดินทางไป Morocco เพื่อถ่ายทำวิดิโอ Siesta ~Films of Dreams~ เป็นวิดิโอที่อาร์ตมาก และมีเป็นช่วงๆของสมาชิกแต่ละคน และนอกจากทำ Siesta ~Films of Dreams~ แล้ว พวกเขายังได้ทำ PV ของเพลง Kaze no Yukue ที่ Morocco ด้วย วิดิโอนี้ได้ออกวางจำหน่ายในวันที่ 1 เดือนธันวาคม
ในช่วงนี้ ชื่อเสียงของวงก็เริ่มมีมากขึ้นอีกทั่วประเทศญี่ปุ่น และในอัลบัม Tierra นี้ เพลงที่มีชื่อว่า Blurry Eyes นั้นโดดเด่นมากและได้ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบการ์ตูนเรื่อง D.N.A2 ด้วย และหลังจากนั้นยังได้มีการทำซิงเกิลของเพลงนี้ออกมาขายโดยมี c/w เป็นเพลง Wind of Gold เวอร์ชั่นรีมิกซ์ เพลง Blurry Eyes นี้เป็นเพลงที่ทำให้ L'Arc~en~Ciel เป็นที่รู้จักในคนหมู่กว้าง และเพลงนี้ในปัจจุบันก็นับว่าเป็นเพลงประจำที่ L'Arc~en~Ciel จะต้องแสดงโชว์ในคอนเสริ์ทของพวกเค้าอยู่บ่อยๆเลยทีเดียว
ก่อนสิ้นปี 1994 ได้มี Official Fanclub ของ L'Arc~en~Ciel ก่อตั้งขึ้นโดยใช้ชื่อตัวเองว่า Ciel ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากเลยทีเดียว
--บทที่ห้า : Brilliant Years ~ การเปลี่ยนแปลงที่สวยงาม--
ในปี 1995 นั้นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ L'Arc~en~Ciel ก็ว่าได้ ทางวงนั้นยังคงยึดติดอยู่กับงานเพลงช่วงอินดี้ส์อยู่บ้างแต่ก็ได้ตัดสินใจ กันว่าจะหาแนวใหม่ๆให้กับวงและวางแผนกันไว้อีกด้วยว่าภายในสิ้นปี วงจะต้องเป็นเปรียบเสมือนวงใหม่ที่ทำงานเพลงสไตล์ที่ไม่เหมือนของเก่า
ปี 1995 เริ่มต้นด้วยทัวร์เล็กๆที่มีชื่อว่า Ciel/winter '95 ซึ่งให้เฉพาะสมาชิกแฟนคลับเข้าชมเท่านั้น ในทัวร์ครั้งนี้ทางวงเล่นเพลงของทั้งใน DUNE และ Tierra และพวกเพลงเก่าสุดๆอย่าง No Truth ด้วย ซึ่งดูๆแล้ววงก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเหมือนกับที่วางแผนกันไว้
แต่พอมาถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ วงก็เริ่มอัดซิงเกิลใหม่ และในวันที่ 21 เดือนพฤษภาคมทางวงก็ได้ออกวางจำหน่ายวิดิโอ and She Said ซึ่งเพลงนี้นั้นจะออกเป็นแนวร๊อค และมีเสียงที่แตกต่างไปจากเพลงในอัลบัมก่อนๆ และในวันนั้นเองวง L'Arc~en~Ciel ก็เริ่มทัวร์รอบประเทศอีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า in CLUB '95 ซึ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมาในปีก่อนๆ พวกเขาเล่นทั้งหมด 20 รอบตั้งแต่วันที่ 21 เดือนพฤษภาคมจนถึงวันที่ 27 เดือนมิถุนายน โดยที่ในทัวร์นี้ทางวงนั้นตั้งใจโปรโมทเพลงใหม่ๆอย่าง and She Said, Vivid Colors และ Brilliant Years แต่ถึงกระนั้นวงก็ยังคงเล่นเพลงเก่าอย่าง As if in a dream บ้างแทนที่จะเล่นเพลงใหม่ทั้งหมด
ไม่นานหลังจากที่ทัวร์ in CLUB '95 ได้จบลง ซิงเกิลใหม่ Vivid Colors c/w Brilliant Years ก็ได้ออกวางจำหน่าย ซิงเกิลนี้ออกจะเป็นแนวป๊อปๆมากกว่าเพลงก่อนๆ และทำยอดขายได้มากกว่าเพลง Blurry Eyes ตามความคาดหมายอีกด้วย ตอนนี้ก็ค่อนข้างเห็นได้ชัดแล้วว่าวง L'Arc~en~Ciel นั้นเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงแนวเพลงของวงให้เป็นแนว ป๊อป/ร๊อคแทนที่สไตล์เดิมที่เป็นแนวเก่าๆและฟังดูลึกลับ นอกจากงานเพลงแล้ว อิมเมจของสมาชิกวงก็เปลี่ยนไปด้วย Tetsu และ Hyde เหมือนจะแต่งตัวดูมีความเป็นผู้หญิงมาก
ในเดือนสิงหาคม นอกจากวงจะเริ่มอัดซิงเกิลใหม่แล้ว พวกเขายังได้เริ่มแคมเปญเพื่อโปรโมทเพลง Vivid Colors และอัลบัมที่กำลังจะออกซึ่งก็คือ heavenly ในแคมเปญนี้ทางวงได้แสดงทั้งหมดสิบรอบโดยในแต่ละรอบนั้นจะมีสมาชิกเพียงแค่ สองคนไปเข้าร่วม (Ken และ Sakura จับคู่กัน กับ Hyde และ Tetsu จับคู่กัน) และในรอบสุดท้ายพวกเขาได้แสดงด้วยกันทั้งวง ในงานต่างๆเหล่านี้จะมี PV เพลง Vivid Colors เปิดให้ชมด้วย
หลังจากที่วงได้โปรโมทตัวเองไปเมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาก็ได้ออกอัลบัมที่สาม heavenly ทันทีในวันที่ 1 ซึ่งอัลบัมนี้ได้ขึ้นเป็นอันดับที่ 3 บน Oricon Chart ซึ่งถือว่าทางวงได้พัฒนาขึ้นมากจากอัลบัมที่แล้ว Tierra ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเป็นอย่างมาก พวกเขาได้เริ่มทัวร์ heavenly '95 โดยแสดงทั้งหมด 10 รอบ ที่น่ายินดีคือบัตรเข้าชมของพวกเขานั้นขายออกหมดทุกรอบ และในเดือนตุลาคมวันที่ 21 L'Arc~en~Ciel ก็ออกซิงเกิลใหม่ชื่อ Natsu no Yu-utsu [time to say goodbye] แต่ก็ทำยอดขายได้น้อยกว่าคราวที่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม L'Arc~en~Ciel ก็เดินหน้าต่อไปพร้อมกับความมั่นใจที่มีมากขึ้น
ทัวร์ heavenly '95 จบลงในวันที่ 4 ตุลาคมแต่วงก็ยังอยากจะเล่นคอนเสริ์ทอีก พวกเขาจึงจัดทัวร์อีกทัวร์หนึ่งซึ่งมีชื่อว่า The other side of heavenly '95 ขึ้นอีกและแสดงอีกสามรอบ นอกจากที่เพลงและอิมเมจของวงจะดูเบาลงแล้ว พวกเขายังเพิ่มความสนุกสนานเข้าไปในคอนเสริ์ทอีกด้วยโดยที่ช่วงนี้จะเริ่ม เล่นกับแฟนเพลงไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะซีเรียสอย่างเดียว ถึงแม้ว่าวงจะเล่นเพลงเก่าๆช่วงอินดี้ส์อยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ทำให้แฟนเพลงรู้ว่าวง L'Arc~en~Ciel ที่ได้สัมผัสอยู่นี้แตกต่างกับวง L'Arc~en~Ciel ที่เคยสัมผัสเมื่อในปี 1994
L'Arc~en~Ciel ได้จัดคอนเสริ์ทขึ้นที่ Budokan เป็นครั้งแรกใน TOUR heavenly '95 final เป็นการส่งท้ายปี 1995 (เวทีนี้เป็นเวทีในฝันของวงหลายๆวงแต่บางทีวงพวกนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ขึ้น) คอนเสริ์ทนี้ได้จัดขึ้นในวันที่ 27 เดือนธันวาคม และทางวงก็ได้เล่นเพลงของทุกอัลบัมที่ได้ออกมา ทั้ง heavenly, Tierra และ DUNE บัตรเข้าชมของคอนเสริ์ทนี้ขายออกหมดในเวลาเพียง 28 นาทีเท่านั้น
--บทที่หก : 虹色に輝く素敵な時 ~ วันเวลาที่เจิดจรัสสวยงามเหมือนสีรุ้ง--
ต้นปี 1996 ทางวงก็ได้ออกวางจำหน่ายวิดีโอ heavenly~ films พร้อม ๆ กับสมุดภาพ หรือ Photobook อีก 2 เล่มที่มีชื่อว่า heavenly photographs และ heavenly films ที่มีความพิเศษตรงที่มีรวมภาพไลฟ์ที่ Budokan เอาไว้ด้วย และในเดือนเมษายนปีนั้น ทัวร์ kiss me deadly '96 ของ L'Arc~en~Ciel ก็เริ่มขึ้นทั้ง ซึ่งในทัวร์ครั้งนี้จะสังเกตได้ว่าทางวงมีแฟนเพลงเป็นผู้ชายค่อนข้างมาก เหมือนกัน ไม่ได้มีแค่แฟนเพลงเป็นผู้หญิงซะส่วนมากอีกต่อไป ทางวงจึงเริ่มมีความมั่นใจขึ้นเพราะนี่เป็นเหมือนสัญญาณว่า L'Arc~en~Ciel ทำเพลงออกมาเข้าถึงแฟนเพลงได้มากขึ้น
ซิงเกิลที่สี่ของพวกเขาที่มีชื่อว่า Kaze ni Kienaide ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งเป็นซิงเกิลที่เปิดตัวได้ดีทีเดียว เพราะนอกจากจะขึ้นไปติดอยู่ในอันดับ 4 บน Oricon Chart แล้ว ยังกลายเป็นเพลงประกอบละครเรื่อง Moueru Asia Taiyo ทางฟูจิทีวีและรายการ Music Park ทางนิปปอนทีวีอีกด้วย และแล้วทางวงก็จัดทัวร์ฤดูร้อน BIG CITY NIGHTS AROUND '96 ที่เริ่มขึ้นปลายเดือนเดียวกันนั้นเอง และคราวนี้พวกเขาก็ได้ขึ้นไปเล่นที่ Budokan อีกครั้งหนึ่ง ในทัวร์นี้พวกเขาได้แสดง 5 รอบและที่พิเศษสุดๆก็คือพวกเขาได้ร้องเพลงใหม่ flower และ Sayounara ในทัวร์นี้ด้วยและในวันที่ 17 ของเดือนตุลาคมหลังจากที่ทัวร์จบไปได้สักพักใหญ่ ซิงเกิล flower c/w Sayounara ก็ได้ออกวางจำหน่ายซึ่งคราวนี้ก็ทำยอดขายได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่างานก่อนๆอีก
หลังจากนั้นไม่นาน ซิงเกิล Lies and Truth ก็ได้ออกวางจำหน่าย เพลงนี้แนวดนตรีจะออกไปทางป๊อปมากกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่โด่งดังเท่า flower แต่เพลงนี้ก็ทำให้แฟนๆแทบรออัลบัมใหม่ไม่ไหว และในที่สุดอัลบัมที่สี่ของพวกเขา True ก็ได้ออกไปสู่ท้องตลาดในวันที่ 24 เดือนธันวาคม และที่น่ายินดีที่สุด อัลบัมที่สีของพวกเขานี้ขึ้นไปอยู่ถึงอันดับ 1 บน Oricon Chart หลังจากที่พวกเขาพยายามมานานแสนนาน อัลบัม True นั้นนับได้ว่าเป็นงานที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับวง L'Arc~en~Ciel เพราะอยู่บนชาร์ทนานถึง 10 สัปดาห์และมียอดขายมากกว่าล้านแผ่นเลยทีเดียว
ในช่วงปลายปีนั้น L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทัวร์อีกครั้งภายใต้ชื่อ "Carnival of True" เป็นคอนเสิร์ตส่งท้ายปีแห่งความสำเร็จอีกปีหนี่งของพวกเขาเลยทีเดียว โดยในปีนี้พวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะแสดงเพลงที่โด่งดังอย่าง Blurry Eyes ด้วย ทัวร์ครั้งนี้ถือว่าเป็นโฉมใหม่ของวงก็ว่าได้ เพราะว่าในช่วงนี้นั้น สมาชิกวงแต่ละคนก็มีอิมเมจที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน ทุกๆคนไว้ผมยาวปานกลางกันทั้งนั้น แตกต่างจากเมื่อก่อนที่จะไว้ผมยาวปล่อยสยายลงมา ในปีนี้การตอบรับของแฟนๆยังคงดีขึ้นไปเรื่อยๆ
.
--บทที่เจ็ด : 「時は奏でて想いはあふれる」~ ...สายรุ้ง..--
ปีใหม่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วจนทำให้สมาชิกทุกคนไม่เป็นอันพักกันเลยทีเดียว ในเดือนกุมภาพันธ์หลังจากที่ Carnival of True ได้จบลงแล้ว L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทำผลงานต่อกันทันที แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น...
ในเดือนกุมภาพันธ์นั้น Sakura มือกลองของวงได้ถูกตำรวจจับกุมข้อหามียาเวพย์ติดเฮโรอีนไว้ในครอบครอง และภายในเดือนนั้นเองกิจกรรมและงานต่างๆของวงก็ต้องหยุดหมด แผนการต่างๆรวมถึงซิงเกิลใหม่ the Fourth Avenue Cafe ก็ต้องยกเลิกหมด ทั้งผลงานต่างๆของ L'Arc~en~Ciel ก็ถูกโล๊ะออกจากชั้นขายของหมดทั้งสิ้น ทั้งรายการทีวีต่างๆก็หยุดให้เพลงของพวกเขาทันที เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวมาก หลังจากที่พวกเขาได้ขึ้นไปมีชื่อเสียงโด่งดัง ในตอนนี้กลับเงียบกริบ ไม่มีข่าวคราวใดใดทั้งสิ้น...
หลังจากนั้น ในเดือนเมษายน Sakura ได้ตัดสินใจออกจาก L'Arc~en~Ciel เพราะเขาไม่สามารถสู้หน้าเพื่อนๆที่ต้องลำบากเพราะเขาได้ Sakura ได้เขียนจดหมายเพื่อลาเพื่อนๆในวงโดยที่เนื้อความนั้นก็จะเป็นการขอโทษทั้ง หมด
Tetsu หัวหน้าวงไม่คิดที่จะปล่อยให้ความฝันของเขาต้องหลุดลอยไปเป็นอันขาด เขาจึงรีบเสาะหามือกลองคนใหม่อย่างเร่งด่วน คราวนี้เขาได้พบกับ Yukihiro ผู้ซึ่งเคยเล่นกลองแบคอัพให้วงอื่นๆมาหลายวงเหมือนกับ Sakura ในตอนแรก Tetsu ไม่รอช้ารีบทาบทามให้ Yukihiro มาลองเล่นในวง L'Arc~en~Ciel ก่อนโดยอยู่ในตำแหน่งมือกลองซัพพอร์ทชั่วคราว
L'Arc~en~Ciel และ Yukihiro ได้ตัดสินใจที่จะบินไปแถวทวีปยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงสื่อต่างๆที่พยายามจะเข้า หาวงและทำข่าวในด้านลบ และภายในเดือนสิงหาคมปีนั้น พวกเขาพร้อมกับซัพพอร์ทดรัมเมอร์คนใหม่ Yukihiro ก็ได้ทำ PV และอัดซิงเกิลใหม่กันแล้ว
ในวันที่ 17 เดือนตุลาคม L'Arc~en~Ciel ได้กลับมาพร้อมกันเป็นวงที่เหลือเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นซึ่งก็คือ Ken, Hyde และ Tetsu พวกเขาได้ออกเพลงที่มีชื่อว่า Niji ออกมา เป็นเพลงที่ชื่อมีความหมายเดียวกันกับชื่อวง L'Arc~en~Ciel ซึ่งก็คือสายรุ้งนั่นเอง เพลงนี้ Hyde ผู้แต่งเนื้อร้องตั้งใจจะให้ออกมาเป็นอารมณ์เดียวกันกับสายรุ้งหลังพายุฝน หรือถ้าพูดอีกอย่างก็คือพวกเขาอยากจะให้เพลงแสดงถึงความเป็นอยู่ของวงด้วย ที่ต้องผ่านพ้นมรสุมเมื่อต้นปีและกลับมายืนหยัดเหมือนเดิมอย่างเข้มแข็ง ในซิงเกิลนี้ Yukihiro ได้เล่นกลองให้ด้วย แต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกวงอย่างเต็มตัว
พวกเขาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยเรียกวงของตนเองว่า the Zombies และพูดว่าพวกเขานั้นเป็นวงที่เล่น Cover L'Arc~en~Ciel พวกเขาในนาม the Zombies ได้เข้าไปสดงใคลับเล็กๆซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเล่นเพลงในอัลบัม True และเพลง Niji เป็นหลัก นอกจากเพลงของพวกเขาเองแล้วก็ยังมีการเล่น Cover เพลงของ Marilyn Manson เล็กๆน้อยๆอีกด้วย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้เล่นตามคลับเล็กๆบ้างแต่คอนเสริ์ทการกลับมาของพวกเขา จริงๆแล้วจัดในวันที่ 23 เดือนธันวาคม ที่โตเกียวโดม โดยสามารถขายบัตรทั้งหมด 56,000 ที่นั่งออกหมดอย่างรวดเร็วภายใน 4 นาที ซึ่งนี่ไม่ได้หมายความว่า L'Arc~en~Ciel ทำลายสถิติการขายบัตรเข้าชมการแสดงเร็วที่สุดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่แฟนๆก็ต้องการ L'Arc~en~Ciel กลับมาในวงการเช่นกันถึงแม้ว่าจะมีหรือไม่มี Sakura ก็ตาม ในคอนเสริ์ทครั้งนี้ L'Arc~en~Ciel ได้เล่นเพลง Niji ทั้งตอนเปิดและปิดคอนเสริ์ท Hyde นักร้องนำปลื้มปิติมาก ก่อนจบคอนเสริ์ทเขาได้บอกกับแฟนๆในโตเกียวโดมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในที่นี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากไม่มีแฟนเพลง สนับสนุน
--บทที่แปด : 限りない夢をこの両手に掴んで ~ คว้าฝันที่ไม่มีสิ้นสุดนั้นมาด้วยสองมือเรา--
จากคอนเสริ์ทเมื่อท้ายปี 1997นั้นทำให้ L'Arc~en~Ciel ได้รู้ว่ามีแฟนเพลงอีกมากมายที่รอการกลับมาของพวกเขา พวกเขาจึงมีแรงใจและความมั่นใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมาอีก ในเดือนมกราคมนั้น Yukihiro ได้เป็นมือกลองคนใหม่ของวงอย่างเป็นทางการและได้ออกซิงเกิลใหม่ winter fall ในวันที่ 28 ซึ่งซิงเกิลนี้ถือว่าเป็นซิงเกิลที่ออกแนวป๊อปร๊อคฟังสบายๆมากกว่า Niji ที่เป็นร๊อคใส่อารมณ์เศร้าหมอง ซิงเกิล winterfall นี้พุ่งขึ้นอันดับ 1 ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นซิงเกิลแรกที่ทำอันดับได้ดีขนาดนี้
อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา L'Arc~en~Ciel ได้ออกอัลบัมใหม่ที่มีชื่อว่า HEART สู่ท้องตลาด ถึงแม้ว่าซิงเกิลที่ปล่อยออกมาก่อนจะมีกลิ่นอายของป๊อปอยู่มากพอสมควรแต่ใน อัลบัมนี้พวกเขาได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าได้พยายามใส่ความเป็นร๊อคเข้า ไปเยอะทีเดียว และในปลายปีอัลบัม HEART นี้ก็ได้รับรางวัล "อัลบัมร๊อคยอดเยี่ยมแห่งปี" และยังได้ขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 1 ใน Oricon Chart สามารถขายได้มากกว่า 1,000,000 แผ่นภายในสัปดาห์แรก ในช่วงนี้อัลบัม HEART นี้นับว่าเป็นงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของพวกเขาเลยก็ว่าได้
ในเดือนต่อมาทางวงก็ได้ออกซิงเกิลใหม่อีกเพลงซึ่งก็คือ DIVE TO BLUE เป็นเพลงที่มีความเป็นป๊อปมากพอสมควร เพลงนี้ก็ได้รับความนิยมตามความคาดหมาย และนอกจากนั้น L'Arc~en~Ciel ยังได้ไปแสดงโฆษณาโทรศัพท์เคลื่อนที่ NTT ที่ใช้เพลง DIVE TO BLUE นี้เป็นเพลงประกอบโฆษณาอีกด้วย
L'Arc~en~Ciel ได้ออกรวม PV ออกมาขายสู่ท้องตลาดในเดือนเมษายนโดยใช้ชื่อว่า A PIECE OF REINCARNATION และในเดือนต่อมาพวกเขาก็ได้เริ่มทัวร์ครั้งใหญ่ HEART ni hi o Tsukero! ซึ่งเล่นทั้งหมดหลายสิบรอบ และถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงเล่นคอนเสริ์ท พวกเขาก็ช๊อคแฟนเพลงด้วยการออกซิงเกิลพร้อมกันสามตัวในวันเดียวกัน HONEY, Kasou และ Shinshoku ~lose control~ สามซิงเกิลนี้ได้ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่อง GODZILLA และทำให้แฟนเพลงอึ้งพอสมควรเนื่องจากอารมณ์และเนื้อหาที่ค่อนข้างมืด และในซิงเกิลยังมีเพลงในเวอร์ชั่น remix ที่ Yukihiro เป็นคนทำอีกด้วย ซิงเกิล HONEY ซึ่งในขณะนี้เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมากเป็นเพลงที่ทำออกมาในแนวร๊อค และเพลง Kasou นั้นออกมาแตกต่างจากอีกทั้งสองซิงเกิล โดยเพลงนี้เป็นเพลงที่อารมณ์ออกมืดๆ และมีจังหวะปานกลาง พลอยทำให้หอลนึกทึงเพลงสมัยเก่าได้อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าทั้งสามซิงเกิลนี้จะแตกต่างกันแต่ทั้งหมดก็ขายได้มากกว่าล้านแผ่น
หลังจากการออกซิงเกิลที่น่าตกใจนี้ L'Arc~en~Ciel ก็เริ่มทัวร์ของพวกเขาต่อ โดยรวมทั้งหมดแล้วในปีนี้พวกเขาได้แสดงมากกว่า 50 รอบเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเยอะมากๆสำหรับ L'Arc~en~Ciel และถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานกันค่อนข้างหนัก แต่ก็ยังออกซิงเกิลใหม่มาอีกซึ่งคราวนี้ใช้ชื่อว่า snow drop และในสัปดาห์ต่อมาก็มีซิงเกิลใหม่ชื่อ forbidden lover ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ L'Arc~en~Ciel ก็ได้ออกซิงเกิลมาทั้งหมด 6 ซิงเกิลด้วยกันหลังจากที่ได้ออกอัลบัม HEART ไป และเพลงทุกเพลงก็เป็นเพลงใหม่อีกต่างหากแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวว่า ทางวงจะทำอัลบัมใหม่ จึงสร้างความฉงนให้กับแฟนเพลงและสื่อเป็นอย่างมาก
ในที่สุดทัวร์ที่ยาวนานของพวกเขาก็จบลง และก็ยังออกวางจำหน่ายวิดิโอบันทึกการแสดงสดของทัวร์ครั้งนี้ในวันที่ 23 เดือนธันวาคมอีกด้วย และที่ยอดเยี่ยมมากก็คือ ในวันที่ 31 เดือนธันวาคม วง L'Arc~en~Ciel ได้ขึ้นเล่นในงานมหกรรมเพลงขาวแดงของญี่ปุ่น Kouhaku Utagassen โดยแสดงเพลง HONEY ในงานนั้น นับว่าเป็นการส่งท้ายปีที่ยอดเยี่ยมอีกปีนึงของ L'Arc~en~Ciel
อัลบัม HEART ที่ได้ออกวางจำหน่ายในปีนี้ได้รับ "อัลบัมร๊อคยอดเยี่ยมแห่งปี" และนอกจากนั้น ซิงเกิลอีกสามแผ่นที่ออกพร้อมกัน Kasou, HONEY และ Shinshoku ~lose control~ ก็ได้รับรางวัล "ซิงเกิลยอกเยี่ยมแห่งปี" พร้อมกันอีกด้วย
--บทที่เก้า : 来世でまた会おう ~ แล้วพบกันใหม่ในโลกหน้านะ!--
ในเดือนเมษายนปี 1999 ได้มีข่าวฮือฮาเกี่ยวกับ L'Arc~en~Ciel นั่นก็คือพวกเขาคิดจะทำอัลบัมออกพร้อมกัน 2 อัลบัมนั่นเอง ในช่วงนี้พวกเขามีซิงเกิล 6 ซิงเกิลด้วยกันและนอกจากนั้น ในวันที่ 18 เดือนเมษายน L'Arc~en~Ciel ยังได้ออกซิงเกิลมาอีกหนึ่งซิงเกิล นั่นก็คือ HEAVEN'S DRIVE นั่นเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่ออกจะเป็นแนวร๊อค คล้ายๆกับ HONEY ที่เพิ่งออกไปไม่นาน และในซิงเกิลนี้ เพลง c/w ของมันก็เป็นเพลงรีมิกซ์โดย Yukihiro อีกเช่นเคย HONEY เป็นเพลงที่ฮิตมากได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน Oricon Chart และขายได้มากกว่าล้านแผ่นด้วย และในเดือนเดียวกันนี้ L'Arc~en~Ciel ก็เป็นแขกรับเชิญประจำในรายการ LONDON HEARTS ซึ่งพวกเขาจะไปแสดงโชว์เพลงที่จะมาในอัลบัมใหม่ทุกๆครั้ง
ในฤดูร้อนของปี 1999 พวกเขาได้อีกซิงเกิลมาอีก คราวนี้เป็นเพลงช้าๆหวานๆ Pieces นั่นเอง และเพลงนี้ในปัจจุบันก็ยังเป็นเพลงที่หลายๆคนชอบอยู่ไม่น้อย ส่วน c/w ของซิงเกิลนี้ก็ยังคงเป็นเพลงรีมิกซ์ที่ Yukihiro ทำอีกเหมือนกับซิงเกิลก่อนๆ คราวนี้เป็นการรีมิกซ์เพลง fate ในอัลบัม HEART และในช่วงนี้นี่เองที่ทางวงพร้อมแล้วที่จะออกอัลบัมคู่มาให้แฟนๆได้ฟังกัน เต็มๆเสียที...
ในที่สุด อัลบัมคู่ของ L'Arc~en~Ciel ภายใต้ชื่อ ark และ ray ได้ออกวางจำหน่ายในวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ซึ่งก็โด่งดังตามความคาดหมาย สามารถทำยอดขายได้มากกว่าสองล้านแผ่นต่ออัลบัม ซึ่งรวมๆแล้วก็มากถึงสี่ล้านแผ่นเป็นอย่างต่ำเลยทีเดียว ที่น่าขันก็คือทั้งสองอัลบัมขึ้นไปติดอยู่บน Oricon Chart ทั้งคู่โดย ark อยู่ในอันดับที่ 1 คู่กับ ray ในอันดับที่ 2 อัลบัมคู่ ark , ray นี้เองที่ทำให้วงเริ่มมีความมั่นใจมากที่สุด ถึงแม้ว่าจะต้องผ่านช่วงวิกฤติตอนที่ Sakura ถูกจับเพราะมีเฮโรอีนอยู่ในครอบครองก็ตาม
แน่นอนที่สุด L'Arc~en~Ciel ก็เริ่มทัวร์สำหรับโปรโมทอัลบัมใหม่ทันที และแทนที่พวกเขาจะเล่นหลายๆที่เหมือนกับทัวร์ครั้งที่แล้ว คราวนี้พวกเขาเลือกที่จะเล่นแค่เพียง 6 ที่ 12 รอบเท่านั้น ทัวร์นี้ใช้ชื่อว่า 1999 GRANDCROSS CONCLUSION บัตรเข้าชมทุกรอบถูกจำหน่ายหมดจนเกลี้ยง และที่น่าดีใจที่สุดก็คือมีผู้เข้าชมการแสดงของพวกเขารวมๆกันถึง 650,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าเยอะมากถ้าเทียบกับคราวก่อน
ในวันที่ 11 สิงหาคมของปีเดียวกัน L'Arc~en~Ciel ได้ออกซิงเกิลของเพลงที่อยู่ในอัลบัม ark มาวางจำหน่าย ซึ่งเหตุผลที่พวกเขาทำออกมาก็คือเพลงนี้ได้ถูกนำไปประกอบการ์ตูนชื่อดัง เรื่อง GTO (Great Teacher Onizuka) และในวันเดียวกันนั้น คอลเลคชั่น PV ก็ได้ออกมาวางจำหน่ายอีกชุดหนึ่ง นับว่าเดือนนี้ก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่ที่น่าจับตามองก็คือ c/w ของซิงเกิล Driver's High นั้นได้ใช้เพลงที่ Yukihiro มิกซ์มาอีกแล้ว แฟนๆจึงเริ่มสงสัยว่า L'Arc~en~Ciel มีแผนจะทำอะไรใหม่อีกหรือเปล่า
สามเดือนให้หลัง จากที่ออกอัลบัม ark และ ray พร้อมกัน L'Arc~en~Ciel ได้ตัดซิงเกิลเพลงใหม่ออกมาวางจำหน่ายอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้เป็นซิงเกิลที่มีชื่อว่า LOVE FLIES ออกจำหน่ายในวันที่ 27 ตุลาคม เพลงนี้ดนตรีแต่งโดย Ken เนื้อร้องแต่งโดย Hyde ซึ่งเจ้าตัวได้ให้ข่าวกับสื่อว่าเค้าต้องการให้แฟนเพลงในประเทศต่างๆที่ไม่ ใช่ญี่ปุ่นได้เข้าใจเพลงของพวกเขาบ้างไม่มากก็น้อย และเช่นเคย เพลง c/w ของซิงเกิลก็ยังคงเป็นเพลงเก่าที่ Yukihiro นำมามิกซ์ใหม่
LOVE FLIES ถือว่าเป็นงานซิงเกิลสุดท้ายที่ L'Arc~en~Ciel ได้ออกมาในปี 1999 นี้ แต่ถึงจะไม่มีอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้น ในเดือนธันวาคมนั้นก็มีวิดิโอและดีวีดีการแสดงสดของทัวร์ 1999 GRANDCROSS CONCLUSION ออกมาวางจำหน่าย และนอกจากนั้นวง L'Arc~en~Ciel ยังได้รางวัล "แต่งกายยอดเยี่ยม" ประจำปี 1999 อีกด้วย และในปีนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ L'Arc~en~Ciel ได้ขึ้นแสดงในงานมหกรรมเพลงขาวแดง ในคราวนี้พวกเขามากับเพลง HEAVEN'S DRIVE ซึ่งเป็นเพลงแนวคล้ายๆกับ HONEY
ท้ายที่สุดเพื่อเป็นการส่งท้ายปี 1999 เพื่อเดินทางไปสู่โลกใหม่ในปี 2000 L'Arc~en~Ciel ก็ได้เล่นไลฟ์ที่มีชื่อว่า RESET>>LIVE*000 อีกด้วย ซึ่งไลฟ์นี้พวกเขาเล่นในปี 1999 และจบในปี 2000 นับว่าเป็นกิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่ถูกในแฟนเพลงมากเลยทีเดียวเพราะว่ามีคนจำนวน มากถึง 35,000 ที่เข้าดูไลฟ์ และอีกจำนวน 20,000 คนดูการถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ท ในไลฟ์ครั้งนี้ L'Arc~en~Ciel ได้เล่นเพลงใหม่เป็นการเปิด และเล่นเพลงใหม่อีกเพลงหนึ่งเป็นการปิดไลฟ์
--บทที่สิบ : NEO UNIVERSE ~ นีโอ ยูนิเวริ์ส--
ในวันที่ 19 เดือนมกราคม ของปี 2000 พวกเขาได้ทำซิงเกิลของเพลงใหม่ที่เล่นในไลฟ์ครั้งสุดท้ายส่งปี 1999 ออกมาวางจำหน่าย เป็นซิงเกิลของเพลง NEO UNIVERSE / finale ซึ่งมากับ c/w ที่เป็นเพลงมิกซ์ของ Yukihiro อีกซิงเกิล ซิงเกิลนี้นับว่าเป็นงานแรกของ L'Arc~en~Ciel ที่ออกมาในปี 2000
ภายในเดือนมีนาคมของปี 2000 วง L'Arc~en~Ciel เพลง HEAVEN'S DRIVE ได้รับรางวัล "เพลงเด่นประจำดี" ในขณะที่ NEO UNIVERSE / finale ได้รับรางวัล "ซิงเกิลยอดเยี่ยมแห่งปี" และ ark , ray ก็ได้รับรางวัล "อัลบัมยอดเยี่ยมแห่งปี" เป็นช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นมากเลยทีเดียวสำหรับทั้งตัววง L'Arc~en~Ciel เองและแฟนๆ เพราะทางวงไม่เคยแรงขนาดนี้มาก่อน
ในเดือนเมษายน Official Fanclub ของ L'Arc~en~Ciel ก็ได้เปลี่ยนชื่อจาก Ciel เป็น LE-CIEL และช่วงนี้ทางวงก็ได้หยุดพักเหนื่อยกันชั่วคราว และเริ่มมีข่าวคราวใหม่ๆโผล่มาช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งในเดือนมิถุนายนวันที่ 28 นี้ วงก็ได้ออกอัลบัม ectomorphed work มาวางจำหน่าย ซึ่งก็เป็นอัลบัมรวมเพลงรีมิกซ์ที่ Yukihiro เป็นคนทำนั่นเอง ในอัลบัมนี้ประกอบไปด้วยเพลงรีมิกซ์ทั้งหมดจำนวน 10 เพลง
หลังจากที่อัลบัมรีมิกซ์ของพวกเขาออกไปไม่นาน ซิงเกิลใหม่ชื่อ STAY AWAY ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวีนทรา 19 เดือนกรกฎาคม มาพร้อมกับ c/w เพลง get out from the shell สองเพลงหลักในซิงเกิลนี้ได้รับความนิยมมากพอสมควร และในปัจจุบันยังมีแฟนเพลงไม่น้อยที่ชอบเพลงสองเพลงนี้ และในเดือนเดียวกัน ทางวงก็ได้ประกาศข่าวออกมาว่าพวกเขาจะมีอัลบัมใหม่ออกมาให้ฟังกันอีก
อัลบัมที่แปดชื่อ REAL ได้ออกวางจำหน่ายในปลายเดือนสิงหาคม โดยในอัลบัมนี้เหมือนกับทาง L'Arc~en~Ciel จะเพิ่มลูกเล่นจำพวก Syn เข้าไปในเพลงมากกว่าอัลบัมก่อนๆมากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถทำยอดขายได้มากเท่า ark, ray แต่ถึงกระนั้นอัลบัม REAL ก็มียอดจำหน่ายเป็นล้านชุดเช่นกัน ซึ่งก็นับว่าไม่น้อยเลย
ตามความคาดหมาย L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทัวร์คอนเสริ์ทอีกครั้งสำหรับอัลบัมใหม่ของพวกเขา คราวนี้แทนที่พวกเขาจะไปเล่นในที่ใหญ่ๆอย่างเคย พวกเขากลับไปเล่นในสถานที่เล็กๆในไลฟ์เฮ้าส์ ทัวร์ครั้งนี้มีชื่อว่า CLUB CIRCUIT 2000 REALIVE เล่นแค่ 10 รอบเท่านั้น โดยทางวงได้ให้ข่าวไว้ว่าพวกเขาอยากจะให้ชิดกับแฟนเพลงมากกว่าคราวก่อนๆที่ เคยจัดในที่ใหญ่ๆ แต่เมื่อ CLUB CIRCUIT 2000 REALIVE จบลง L'Arc~en~Ciel ก็ได้เริ่มทัวร์ใหม่อีกครั้งชื่อ TOUR 2000 REAL ซึ่งคราวนี้พวกเขาเลือกที่จะเล่นแค่ในโดมเท่านั้น คราวนี้เล่นที่โตเกียวโดมถึงสี่รอบเลยทีเดียว และที่พิเศษที่สุดก็คือ ในรอบสุดท้ายนั้นได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทาง SKY PERFECT TV ราคาค่ารับชมประมาณ 2000 - 3000 เย็นญี่ปุ่น และที่พิเศษมากไปกว่านั้น วง L'Arc~en~Ciel ได้ออกอากาศถึง 5 ช่องด้วยกัน โดยถ่ายสมาชิกวงโดยรวมช่องหนึ่ง และอีก 4 ช่องก็แยกเป็นรายบุคคลไป และในคอนเสริ์ทนี้ยังมีถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ทอีกด้วย
ในปลายปี พวกเขาก็ได้ขึ้นเล่นในงานมหกรรมเพลงขาวแดงอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งในปีนี้พวกเขาได้เล่นเพลง STAY AWAY ซิงเกิลดังของปี
--บทที่สิบเอ็ด : 船はゆく まだ見ぬ場所へ ~ ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย--
ปี 2001 เริ่มต้นขึ้นด้วยกิจกรรมแปลกๆ นั่นก็คือเว็บไซต์ Official ของ L'Arc~en~Ciel ได้ทำโพลล์ให้แฟนๆจากทั่วเอเชียโหวตซิงเกิลที่ตนเองชื่นชอบผ่านทางเว็บเพื่อ เหตุผลที่ว่าจะนำไปใส่ในอัลบัมรวมฮิต มีแฟนๆจำนวนมากถึง 1,500,000 คนที่ให้ความร่วมมือกับทางเว็บไซต์ เพลงที่ได้คะแนนโหวตมากที่สุดคือเพลงเก่าๆอย่าง flower ส่วนอัลบัมรวมฮิตนี้ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวันที่ 14 เดือนมีนาคม ชื่ออัลบัม Clicked Singles Best 13 รวบรวมเพลงที่ถูกโหวตมากที่สุด 12 เพลงและเพลงใหม่หนึ่งเพลงชื่อ Anemone และด้วยเหตุผลที่ว่าแฟนๆที่ละประเทศนั้นโหวดไม่เมหือนกัน ทาง L'Arc~en~Ciel ก็ได้ออกมาวางจำหน่ายสามเวอร์ชั่น สำหรับสามประเทศนั่นก็คือเวอร์ชั่นญี่ปุ่น เวอร์ชั่นไต้หวัน และเวอร์ชั่นฮ่องกง
ในปลายเดือนมีนาคม L'Arc~en~Ciel ได้ออก CHRONICLE 2 มาวางจำหน่าย และนอกจากข่าวการวางจำหน่ายคอลเลคชั่น PV ใหม่นี้ ทางวงก็ได้เงียบๆไป ไม่มีงานใหม่ๆออกมาอีก
ในวันที่ 20 เดืออนมิถุนายน L'Arc~en~Ciel ได้ออกวิดิโอและดีวีดีของ CLUB CIRCUIT REALIVE 2000 มาวางจำหน่าย และหลังจากที่พวกเขาไม่ได้มีงานใหม่ออกมาอยู่หลายเดือน ทางวงก็ได้ออกซิงเกิลใหม่ Spirit dreams inside มาจำหน่าย ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงประกอบของหนังภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Final Fantasy : The Spirits Within นั่นเอง
ปี 2001 จบไปอย่างเงียบเชียบ ทางวง L'Arc~en~Ciel ได้เริ่มต้นปีอย่างเงียบๆ แล้วก็จบปีอย่างเงียบๆ แต่ถ้งแม้ว่าจะไม่ได้มีงานใหม่ในฐานะวงสักเท่าไหร่ พวกเขาก็ได้แยกย้ายกันออกไปทำงานเดี่ยว หรือทำโซโล่กัน ทำให้แฟนเพลงเกิดการสงสัยว่า ทางวงจะมีทิศทางอย่างไรต่อไปในอนาคต
--บทที่สิบสอง : A wandering satellite ~ โคจรไปเรื่อยๆรอบทิศทาง--
ในปี 2002 ไม่มีข่าวใหม่ๆจากสมาชิกวงในฐานะงานของวงเลย จะมีก็แต่ข่าวงานเดี่ยวของพวกเขา Hyde นักร้องนำออกมาทำงานเดี่ยวภายใต้ชื่อของเขาเองในตัวพิมพ์ใหญ่ ซึ่งก็คือ HYDE และ Tetsu ผู้ก่อตั้งวง/มือเบสได้ออกมาทำงานเดี่ยวภายใต้ชื่อ tetsu69 ในขณะที่ Ken มือกีต้าร์ของวงได้ฟอร์มวงใหม่ชื่อ S.O.A.P (Sons Of All Pussy) และ Yukihiro มือกลองคนปัจจุบันของวงได้ทำงานเดี่ยวภายใต้ชื่อ Acid Andriod ที่น่าสนใจเกี่ยวกับข่าวคราวงานเดี่ยวของสมาชิกวงก็คือ Sakura มือกลองคนเก่าของวงนั้นได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของ S.O.A.P ด้วย ซึ่งตัวเค้าก็กลับมาเล่นกลองเหมือนกับตำแหน่งเดิมที่เลยอยู่ใน L'Arc~en~Ciel และมากไปกว่านั้น Ken ผู้ตั้งวง S.O.A.P ยังได้ไปคว้าเอานายแบบที่เคยเล่น PV ให้ L'Arc~en~Ciel มาเป็นมือเบสอีกต่างหาก นับว่าเป็นอะไรที่แปลกมาก
เพราะเหตุนี้เองจึงทำให้แฟนๆเริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และเริ่มสงสัยว่าจะได้ฟังเพลงที่เป็นผลงานในนามของ L'Arc~en~Ciel อีกไหม
--บทที่สิบสาม : Heading for the sun ~ ไปสู่ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้านั่น--
ปี 2003 ก็เริ่มต้นมาอย่างเงียบๆเช่นเคย แต่ก็มีข่าวที่น่ายินดีอยู่บ้างซึ่งก็คือทาง Sony ได้ออกวางจำหน่ายอัลบัมรวมฮิตเพลงของวงในช่วงปี 1994 - 1998 และ 1998 - 2000 ตามข่าวนั้นบอกว่าทางวง L'Arc~en~Ciel นั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากในตอนที่ Sony ตัดสินใจจะออกอัลบัมรวมฮิตของพวกเขา เพราะว่าต่างคนก็ต่างตั้งใจทำงานเดี่ยวของตัวเองอย่างแข็งขัน
ในเดือนมิถุนายน วง L'Arc~en~Ciel ได้ประกาศข่าวที่ทำให้แฟนๆดีใจนั่นก็คือ พวกเขาจะเริ่มทัวร์สั้นๆที่มีชื่อว่า Shibuya Seven Days ซึ่งคราวนี้รอบแรกได้เปิดให้เฉพาะสมาชิกของ Official Fanclub เข้าชม และในอีก 7 รอบต่อมาพวกเขาก็แสดงแต่ใน Yoyogi National Stadium คราวนี้ผลตอบรับก็ดีเยี่ยม บัตรเข้าชมทั้งหมด 87,000 ใบเศษๆจำหน่ายออกหมดภายใน 3 นาที เพราะเช่นนี้ทำให้เราเห็นได้ว่า L'Arc~en~Ciel ก็ยังคงมีแฟนเพลงที่ติดตามพวกเขาอยู่เหนียวแน่นเหมือนเดิม
ในวันสุดท้ายของทัวร์ มีรายการสามอย่างที่ได้ประกาศมาให้สื่อและแฟนเพลงรับรู้ นั่นก็คือพวกเขาเตรียมการที่จะออก Photobook เล่มใหม่ในวันที่ 30 เดือนสิงหาคม และดีวีดีบันทึกการแสดงสดของทัวร์ Shibuya Seven Days จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 17 เดือนธันวาคม และอัลบัมใหม่จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 31 เดือนมีนาคมของปีถัดไป
ปี 2003 จบไปพร้อมกับการแสดงทัวร์เล็กๆ Shibuya Seven Days และ ข่าวอัลบัมใหม่ทั้งๆที่ยังไม่มีซิงเกิลอะไรจากวงออกมาเลยนอกจาก Spirit dreams inside แต่ก็ทำให้แฟนเพลงรองานของพวกเขาอย่างใจจดใจจ่อ รอการกลับมาของ L'Arc~en~Ciel
--บทที่สิบสี่ : 声を上げる時だ ~ ถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกขึ้นมาใหม่!!--
ในปี 2004 ได้มีการประกาศข่าวออกมาว่า L'Arc~en~Ciel จะกลับมาพร้อมกับซิงเกิลใหม่ภายใต้ชื่อ READY STEADY GO ในวันที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ เพลงนี้เป็นเพลงที่แต่งดนตรีโดย Tetsu และแน่นอน ขับร้องโดย Hyde ซึ่งในซิงเกิลนี้ เสียงของ Hyde นั้นมีความทุ้มต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด และในวันที่ 3 เดือนมีนาคม L'Arc~en~Ciel ก็ได้ออกเพลงช้าๆหวานๆมาอีกเพลงนั่นก็คือ Hitomi no Jyunin ในซิงเกิลนี้ Hyde ได้แสดงความสามารถในการขึ้นเสียงสูงให้แฟนเพลงได้ฟังกัน เป็นเสียงที่หาไม่ได้แน่นอนใน READY STEADY GO
และในที่สุด เมื่อถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคม L'Arc~en~Ciel ก็ได้ออกอัลบัมใหม่มาสู่ท้องตลอด อัลบัมนี้มีชื่อว่า SMILE การออกจำหน่ายอัลบัมนี้เป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนของการกลับมาของ L'Arc~en~Ciel บ่งบอกถึงความพร้อมของพวกเขาที่จะเดินต่อไปข้างหน้าในอนาคต
งานของพวกเขายังคงมีออกมาเรื่อยๆ ต่อจากอัลบัม SMILE ทางค่าย Danger Crue ได้ออกอัลบัม DUNE ~10 Years Anniversary~ ของ L'Arc~en~Ciel มาวางจำหน่าย คราวนี้อัลบัม DUNE ของพวกเขาได้มี Floods of Tears (Single Version), Yasouka และ Yokan รวมอยู่ด้วย ซึ่งสามเพลงนี้เป็นเพลงที่ตอนแรกทางวงทำออกมาแค่ 1,000 ชุดเท่านั้น เพลงทุกเพลงในอัลบัมครบรอบสิบปีนี้ได้ถูกรีมาสเตอร์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ทั้งหมด
เช่นเคย L'Arc~en~Ciel ได้เริ่มทัวร์โปรโมทอัลบัมของพวกเขา คราวนี้ใช้ชื่อว่า SMILE TOUR 2004 เริ่มในวันที่ 11 เดือนพฤษภาคมจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน ทางวงได้เล่นทั้งหมด 16 รอบ และได้เปิดตัว P'UNK~en~Ciel อีกด้วย ซึ่ง P'UNK~en~Ciel นี้เป็นการสลับตำแหน่งของสมาชิกในวง และเล่นเพลงเก่าๆในสไตล์พังค์ นอกจากนี้ L'Arc~en~Ciel ยังเล่นเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง Jiyuu e no Shoutai และเล่นเพลงที่เก่าสุดๆอย่าง Yokan อีกด้วย
ในช่วงทัวร์ ซิงเกิล Jiyuu e no Shoutai ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวีนทรา 21 เดือนมิถุนายน และได้ขึ้นไปติดอยู่ในอันดับที่หนึ่งใน Oricon Chart และ c/w ของซิงเกิลนี้ก็คือเพลง milky way ในรูปแบบของ P'UNK~en~Ciel
นอกจากงาน SMILE TOUR 2004 แล้ว พวกเขายังได้ไปเข้าร่วมงาน THE ROCK ODYSSEY 2004 อีกด้วย เป็นคอนเสริ์ทรวมศิลปินเพลงร๊อคซึ่งจัดขึ้น 2 วัน ในคอนเสริ์ทนี้ L'Arc~en~Ciel ได้แสดงเพลงในอัลบัม SMILE ซะส่วนใหญ่ และเพลงเก่าที่ดังๆของพวกเขาด้วย
L'Arc~en~Ciel ไม่ได้มีผลงานแค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ Tofu Records (ผู้จัดจำหน่ายเพลงญี่ปุ่นของแคลิฟอร์เนีย) ได้ทำการวางจำหน่ายอัลบัมของ L'Arc~en~Ciel ในสหรัฐอเมริกาด้วย นอกจากอัลบัม SMILE แล้ว ทาง Tofu Records ยังได้ทำอัลบัมรวมซิงเกิลฮิต Clicked Singles Best 13 ออกมาวางจำหน่ายด้วย ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีกว่าที่ Sony เคยทำออกมาขายที่สหรัฐอเมริกาเหมือนกันในปีก่อนๆ นอกจากนั้น ยังมีการประกาศเกี่ยวกับการมาเยือนของ L'Arc~en~Ciel ที่จะมาเล่นคอนเสริ์ทในสหรัฐอเมริกาอีกด้วย คอนเสริ์ทนี้ถูกรวมอยู่ใน SMILE TOUR 2004 ด้วย ทางวงได้ไปเล่นที่ First Mariner Arena และได้แสดงเพลงต่างๆมากมายเช่น HONEY, Driver's High, Blurry Eyes และปิดท้ายคอนเสริ์ทด้วยเพลง Pieces มีแฟนๆให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับสมาชิกวงทุกคน
วงยังคงออกผลงานมาเรื่อยๆ ในเดือนธันวาคมพวกเขาได้ออกดีวีดี LIVE in USA มาวางจำหน่าย เป็นดีวีดีบันทึกการแสดงสดที่สหรัฐอเมริกาทั้งการแสดง และนอกจากนั้นพวกเขายังได้ไปเล่นในงาน DANGER III อีกด้วย ในคราวนี้ได้ไปเล่นในฐานะ P'UNK~en~Ciel แสดงเพลง milky way สไตล์พังค์และได้เล่นเพลง Killing Me ที่จะเป็นซิงเกิลต่อไปที่จะออกในเดือนมกราคมของปีหน้า ปี 2005 ด้วย นอกจากนั้นยังเล่นเพลงสไตล์พังค์อีกเพลง Round and Round พร้อมกับดาวตลกชื่อดังของญี่ปุ่นที่มาทำหน้าที่เป็นมือคีย์บอร์ด Aoki Sayaka
ปี 2004 จบลงไปพร้อมกับงานใหม่ๆอีกมากมาย ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับแฟนเพลงว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ในฐานะวง L'Arc~en~Ciel ต่อไป และพร้อมที่ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ในอนาคตที่พวกเขาลิขิตเอง...
--... to be continued ...--
★★ L'Arc~en~Ciel ♥ LINE-UP ★★
--ปัจจุบัน--
Hyde (ร้องนำ)
Tetsu (เบส)
Ken (กีต้าร์)
Yukihiro (กลอง)
--สมาชิกเก่า--
Sakura (มือกลองช่วงปี 1992-1997)
Hiro (มือกีต้าร์ช่วงปี 1991-1992)
Pero (มือกลองช่วงปี 1991-1992)
--D'Ark~en~Ciel--
DARK TETSU (ร้องนำ)
HYDE Dark (กีต้าร์)
Suck~D'Ark~La (เบส)
Ken D'Ark (กลอง)
--P'UNK~en~Ciel--
Tetsu P'UNK (กีต้าร์และร้องนำ)
Hyde P'UNK (กีต้าร์)
Yukihiro P'UNK (เบส)
Ken P'UNK (กลอง)
★★ L'Arc~en~Ciel ♥ TIME LINE ★★
--1991--
เมษายน
tetsu ได้ฟอร์มวงขึ้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
พฤษภาคม
ทางวงได้มีการแสดงครั้งแรกที่ Namba Rockets และหลังจากนั้นก็ได้เริ่มการแสดงในที่อื่นๆทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น
--1992--
มีนาคม
ได้ มีการแสดง video-present gig ที่โอซาก้าและโตเกียว และได้เดินทางไปทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นด้วย (ในการแสดง video-present gig ที่โอซาก้าและโตเกียวนั้น ตั๋วขายออกจนหมดทั้งสองที่)
มิถุนายน
มือกีตาร์คนแรกได้ออกจากวงและ ken ก็เข้ามาทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์แทน และในเดือนนี้เองทางวงก็ได้ทำ Single แรก
สิงหาคม
ทางวง ได้ร่วมทำอัลบัม GIMMICK รวมกับวงอื่นๆ และยังได้จัดการแสดงบ่อยขึ้น อีกทั้งยังมีการจัดทัวร์ในภาคตะวันออกของญี่ปุ่น และจากการแสดงเหล่านี้ ทำให้วงเริ่มมีแฟนเพลงในภาคตะวันออก และได้รับความนิยมที่โอซาก้า
ตุลาคม
วันที่ 01 : อัลบัม GIMMICK ได้ออกวางจำหน่าย มีเพลง "Voice" ของวงรวมอยู่ด้วย ซึ่งเพลงนี้อยู่ภายใต้สังกัดค่าย Columbia Records
พฤศจิกายน
Single แรกในฐานะวงอินดี้ส์ได้ออกวางจำหน่าย เป็น Single ชื่อ "Floods of Tears / Yasouka" อยู่ภายใต้สังกัดค่าย Night Galary และมีออกวางจำหน่ายเพียงแค่ 1,000 ชุดเท่านั้น
ธันวาคม
วันที่ 30 : หลังจากการแสดงไลฟ์ที่ Osaka Muse Hall มือกลองคนแรกก็ได้ออกไปจากวง
--1993--
มกราคม
sakura ได้เข้าร่วมวงในฐานะมือกลองคนใหม่และทางวงก็ได้เริ่มทำงานเพลงเพื่อรวมเป็นอัลบัมต่อไป
มีนาคม
เริ่มเข้าห้องอัดเพื่อทำอัลบัมแรก DUNE
วันที่ 11 : ทางวงได้จัดแสดงไลฟ์ชื่อ SONIC GIG ที่ Ebisu Guilty และไลฟ์นี้ก็จำกัดผู้เข้าชมไว้แค่ 250 คนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้จะต้องสั่งซื้อตั๋วทางไปรษณีย์
เมษายน
วันที่ 10 : อัลบัม DUNE ที่มีปกแบบพิเศษได้ออกจำหน่ายในจำนวนจำกัดแค่ 10,000 ชุดเท่านั้น และต้องสั่งซื้อทางไปรษณีย์อีกด้วย
วันที่ 14 : วงได้เข้าร่วมแสดงสดในงานที่มีชื่อว่า Kareinaru Mashou ที่ Shibuya Kokaido
วันที่ 27 : อัลบัมแรก DUNE ได้ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
พฤษภาคม
วันที่ 03 : ได้ไปแสดงในงาน Subliminal Vision
วันที่ 31 : อัลบัม DUNE ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน Oricon Chart
มิถุนายน
ทัวร์ครั้งแรก Close by DUNE ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 14 : WOODY STREET, Hiroshima
วันที่ 15 : DRUM-Be1, Hakata
วันที่ 20 : CLUB GIO, Ishikawa
วันที่ 22 : Ban Ban V4, Kanazawa
วันที่ 23 : Club Junk Box, Niigata
วันที่ 25 : YAMAHA Hall, Sendai
วันที่ 26 : Quarter, Aomori
วันที่ 29 : 7th Avenue, Yokohama
กรกฏาคม
วันที่ 01 : Heartland Studio, Nagoya
วันที่ 03 : Namba Rockets, Osaka
สิงหาคม
วันที่ 01 : วันสุดท้ายของทัวร์ใช้ชื่อว่า Close By DUNE FINAL จัดขึ้นที่ Nissin Power Station ซึ่งในรอบสุดท้ายนี้ตั๋วเข้าชมขายออกหมดทุกใบ
ตุลาคม
วันที่ 21 : VHS ชื่อ TOUCH OF DUNE ได้ออกวางจำหน่าย
พฤศจิกายน
ทัวร์ครั้งที่สอง FEEL OF DUNE ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 09 : Muse Hall, Kyoto
วันที่ 11 : Ban Ban V4, Kanazawa
วันที่ 12 : Live House J, Nagano
วันที่ 14 : Club Junk Box, Niigata
วันที่ 15 : Club Junk Box, Niigata
วันที่ 19 : DRUM-Be1, Hakata
วันที่ 20 : Jyuramu TOPS, Oita
วันที่ 27 : Nippon Seinen-kan, Tokyo
วันที่ 29 : W'HOL, Osaka
ธันวาคม
วันที่ 10 : Club Quatro, Nagoya
วันที่ 12 : Rattan, Maebashi
วันที่ 17 : Beeb Basement Theater, Sendai
วันที่ 18 : Quarter, Aomori
วันที่ 20 : Penny Lane 24, Sapporo
--1994--
เมษายน
ทัวร์ครั้งที่สาม Nostalgy no Yokan ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 03 : Shibuya Kokaido
วันที่ 13 : Geijutsu Souzou Center, Nagoya
วันที่ 15 : Melparque Hall, Osaka
กรกฏาคม
วันที่ 01 : VHS ของเพลง Nemuri ni Yosete ได้ออกวางจำหน่ายภายใต้สังกัดค่าย Sony Ki/oon Records
วันที่ 14 : อัลบัม Tierra ได้ออกวางจำหน่าย และนอกจากนั้น ทัวร์ครั้งที่สี่ Sense of Time '94 ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 14 : Melparque Hall, Osaka
วันที่ 15 : Melpargue Hall, Osaka
วันที่ 18 : Kinrou Kaikan, Aichi
วันที่ 20 : Astel Plaza, Hiroshima
วันที่ 22 : Tsukushi Kaikan, Fukuoka
วันที่ 25 : Fades, Niigata
สิงหาคม
วันที่ 03 : Seinen Bunka Center, Sendai
วันที่ 27 : Tokyo Bay NK Hall
ตุลาคม
วันที่ 21 : Single แรก Blurry Eyes ภายใต้สังกัดค่าย Sony Ki/oon Records ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็น Theme song ให้กับรายการการ์ตูนของ NTV ที่มีชื่อว่า "D.N.A 2" (ตั้งแต่วันที่ 7 เดือนตุลาคม ถึง วันที่ 23 เดือนธันวาคม)
- hyde นักร้องนำได้ไปแสดงในโฆษณา AXIA (ฉายในปลายเดือนกันยายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม)
ธันวาคม
วันที่ 01 : VHS ชื่อ Siesta - Film of Dreams ได้ออกวางจำหน่าย
--1995--
มกราคม
การแสดง Live Gig ที่ชื่อว่า Ciel / winter '95 ได้เริ่มขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนการก่อตั้งอย่างเป็นทางการของ Fanclub ซึ่งได้แสดง ณ;
วันที่ 24 : Osaka International Exchange Center
วันที่ 25 : Namba Rockets, Osaka
วันที่ 30 : Shibuya Kokaido
กุมภาพันธ์
วันที่ 01 : Fanclub อย่างเป็นทางการของวงได้ก่อตั้งขึ้นโดยใช้ชื่อว่า Ciel
วันที่ 04 Shibuya Kokaido
วันที่ 26 : ทางวงได้เริ่มอัดะอัลบัมที่สามและซิงเกิล
พฤษภาคม
VHS ชื่อ and She Said ได้ออกวางจำหน่าย
ทัวร์ครั้งที่สี่ in CLUB '95 ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 21 : VOGUE, Kumagai
วันที่ 23 : CLUB GIO, Ishikawa
วันที่ 26 : Live House J, Nagano
วันที่ 27 : Ban Ban V4, Kanazawa
วันที่ 29 : Club Quatro, Osaka
มิถุนายน
วันที่ 02 : Onion Studio, Kitami
วันที่ 03 : REVEL Obihiro
วันที่ 05 : Kanamori Hall, Hakodate
วันที่ 07 : AUN Hall, Morioka
วันที่ 09 : Session Shouwa, Yamagata
วันที่ 11 : Muse Hall, Kyoto
วันที่ 13 : Live House Jyango, Kumamoto
วันที่ 14 : SR Studio, Kagoshima
วันที่ 16 : Jyuramu TOPS, Oita
วันที่ 18 : Paper Land, Okayama
วันที่ 20 : Salon Kitty, Matsuyama
วันที่ 21 : ZE-YO, Kochi
วันที่ 24 : Club Quatro, Nagoya
วันที่ 26 : NISSIN POWER STATION
วันที่ 27 : NISSIN POWER STATION
* ในทัวร์ครั้งนี้ทางวงได้ไปใน 19 เมืองโดยใช้รถเป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งคิดคำนวนระยะทางทั้งหมดแล้วรวมเป็น 9,575 กว่าไมล์ (ประมาณ 15,407 กิโลเมตร)
* ในทัวร์ครั้งนี้ ทางวงได้หยุดเล่นกลางคันถึง 4 ครั้ง
กรกฏาคม
วันที่ 06 : Single ที่ 2 Vivid Colors ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็น Ending Theme ให้กับ Guru Guru Ninty Nine ของช่อง NTV (ตั้งแต่วันที่ 2 เดือนกรกฎาคม ถึง วันที่ 24 เดือนกันยายม)
- เพลง c/w ที่มีชื่อว่า Brilliant Years ได้เป็น Ending Theme ให้กับ Shin Dora ของช่อง NTV (ตั้งแต่วันที่ 11 เดือนเมษายน ถึง วันที่ 27 มิถุนายน)
วันที่ 22 : ได้ไปแสดงที่งาน SHOCK AGE SPECIAL '95 ที่ Shibuya Kokaido
วันที่ 30 : ได้แสดงในงานแคมเปญที่จัดขึ้นในตอนกลางคืน งานนี้มีชื่อว่า Rendez-vous จัดที่ Shibuya Kokaido
สิงหาคม
วันที่ 01 : เริ่มเข้าห้องอัดเพื่ออัดซิงเกิลที่สาม Natsu no Yu-utsu [time to say good-bye]
ทางวงได้เริ่มแคมเปญทั่วประเทศที่มีชื่อว่า Rendez-vous 1995 Summer ณ;
วันที่ 24 : Daiichi 7F, Satellite Studio, Hiroshima (ken & sakura)
Fades, Niigata (hyde & tetsu)
วันที่ 25 : Fan Q Hall, Okayama (ken & sakura)
วันที่ 26 : Penny Lane 24, Sapporo (hyde & tetsu)
วันที่ 27 : Diamond Hall, Nagoya (hyde & tetsu)
Matsumoto Record Yellow Studio, Kumamoto (ken & sakura)
วันที่ 28 : Bayside Place, Fukuoka (ken & sakura)
วันที่ 29 : Beeb Basement Theater, Sendai (hyde & tetsu)
วันที่ 30 : Roppongi Art Forum, Tokyo (สมาชิกทุกคน)
วันที่ 31 : IMP Hall, Osaka
วันที่ 22 : ได้แสดงร่วมกับวง Kuroyume และ Yellow Monkey ที่งาน Sai no kuni, Chichibu Muse Concert '95 NACK-5 GO-ROCK
กันยายน
วันที่ 01 : อัลบัมที่สาม "heavenly" ได้ออกวางจำหน่าย (ขึ้นเป็นอันดับที่สามใน Oricon Chart ทันที)
ทัวร์ครั้งที่ห้าชื่อ TOUR heavenly '95 ได้เริ่มขึ้น (บัตรเข้าชมทุกใบขายออกหมด) ณ;
วันที่ 08 : Sendai Shimin Kaikan
วันที่ 10 : Sapporo Factory Hall
วันที่ 12 : Fades, Niigita
วันที่ 14 : Scara Espassio, Hukuoka
วันที่ 16 : Aster Plaza, Hiroshima
วันที่ 18 : Osaka International Exchange Center
วันที่ 19 : Osaka International Exchange Center
วันที่ 21 : Kinrou Kaikan, Aichi
ตุลาคม
วันที่ 04 : NHK Hall
วันที่ 03 : รายการวิทยุของวงชื่อ Midnight Rock City ที่ออนแอร์เป็นประจำได้เริ่มขึ้น รายการนี้เลิกออนแอร์ในปลายเดือนมีนาคมปี 1996
วันที่ 21 : Single ที่สาม Natsu no Yu-utsu [time to say good-bye] ได้ออกวางจำหน่ายและได้ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 15 ทันที
- เพลงนี้ได้เป็น Ending Theme ของรายการ M-Navi ช่อง TBS (ตั้งแต่วันที่ 6 เดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 24 เดือนพฤศจิกายน)
วันที่ 22 : ได้ไปแสดงในรายการ Music Station ของช่อง TV Asahi
พฤศจิกายน -
วันที่ 21 : ได้ไปแสดงรายการสดชื่อ Kiss Me Live ของช่อง Chukyo TV
ธันวาคม
ทัวร์ครั้งที่หก "The other side of heavenly '95" ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 12 : Bayside Jenny, Osaka
วันที่ 13 : Bottomline, Nagoya
วันที่ 25 : NISSIN POWER STATION
วันที่ 23 - วันที่ 25 : ร่วมมือกับสวนสนุก Toshimaen เพื่อจัดกิจกรรมขึ้น
- ผู้ที่ซื้อซิงเกิล Natsu no Yu-utsu [time to say good-bye] จะได้เข้าสวนสนุกฟรี และสองหมื่นคนแรกจะได้การ์ดที่ระลึกอีกด้วย และนอกจากนั้น ในสวนสนุกจะมีการฉายวิดิโอพิเศษของวงที่โรงละครพิเศษที่มีชื่อว่า Dream Dome
วันที่ 24 : ทางวงได้ออนแอร์สดในรายการวิทยุ MIDNIGHT ROCK CITY ซึ่งได้เชิญให้แฟนๆมาร่วมด้วย จึงทำให้มีแฟนๆจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมรายการด้วยมารวมตัวกันอยู่ ณ ที่จัดรายการ และในวันเดียวกันนี่เอง Photobook เล่มแรกที่มีชื่อว่า heavenly christmas bax ก็ได้ออกวางจำหน่ายกับอัลบัม heavenly ที่ออกมาเป็นเวอร์ชั่น music box
วันที่ 27 : การแสดงครั้งสุดท้ายของทัวร์ The other side of heavenly '95 ที่มีชื่อว่า "TOUR heavenly '95 Final" ได้จัดขึ้น ณ Nippon Budokan ซึ่งบัตรเข้าชมทั้งหมดถูกขายหมดภายในเวลา 28 นาที
--1996--
มีนาคม
วันที่ 21 : VHS ม้วนที่ 4 "heavenly ~films~" ออกวางจำหน่าย นอกจากนั้น Live document photobook ชื่อ "heavenly photographs" และ live photobook ชื่อ "heavenly ~films~" ก็ได้ออกวางจำหน่ายในวันเดียวกัน
เมษายน
ทัวร์ครั้งที่เจ็ด "kiss me deadly heavenly '96" ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 03 : Yuki Shimin Center
วันที่ 06 : Hibiya Yagai Ongakudo
วันที่ 07 : Hibiya Yagai Ongakudo
วันที่ 14 : Miyagi Kenmin Kaikan
วันที่ 15 : Akita-shi Numka Kaikan
วันที่ 17 : Sapporo Shimin Kaikan
วันที่ 18 : Asahikawa Shimin Kokaido
วันที่ 23 : Terusa, Niigata
วันที่ 24 : Kanaza-shi Bunka Hall
วันที่ 26 : Kosei Nenkin Kaikan Large Hall, Osaka
วันที่ 27 : Nagoya-shi Kokaido
พฤษภาคม
วันที่ 01 : Kyoto Kaikan (No. 2)
วันที่ 03 : Aster Plaza, Large Hall, Hiroshima
วันที่ 05 : Kumamoto Kenritsu Gekijo Engeki Hall
วันที่ 06 : Kagoshima Shimin Kaikan
วันที่ 08 : Fukuoka Shimin Kaikan
วันที่ 10 : Ehime Kenmin Bunka Kaikan
วันที่ 12 : Okayama Shimin Bunka Hall
วันที่ 13 : Kochi Kenmin Bunka Hall (Orange)
วันที่ 15 : Tochigi Sogo Bunka Center
วันที่ 16 : Koriyama-shi Bunka Center (Mid)
วันที่ 21 : Urawa-shi Bunka Center
วันที่ 23 : Nagano Kenmin Bunka Kaikan (Mid)
วันที่ 29 : Ichikawa-shi Bunka Kaikan (Large)
* เนื่องจากเหตุการณ์ที่ tetsu มือเบสได้เกิดอาการณ์ล้มป่วยขึ้นอย่างกระทันหันจนต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ขึ้นในวันที่ 11 เมษายน ทำให้ในทัวร์นี้มีบางรอบที่เป็นรอบชดเชยให้กับรอบที่ต้องถูกยกเลิกไปเพราะอา การณ์ป่วยของ tetsu
วันที่ 26 : มีคอนเสริ์ทที่ชื่อว่า "kiss me deadly heavenly '96 REVENGE" ณ ที่ Tokyo Bay NK Hall ซึ่งในคอนเสริ์ทนี้ตั๋วทุกใบถูกขายหมดภายในสิบนาทีแรกที่เริ่มจำหน่าย
มิถุนายน
วงเริ่มทำอัลบัมใหม่ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะออกวางจำหน่ายภายในสิ้นปี
กรกฏาคม
วันที่ 08 : Single ที่ 4 มีชื่อว่า Kaze ni Kienaide c/w I'm so happy ได้ออกวางจำหน่าย (ขึ้นเป็นอันดับที่ 4 บนชาร์ทเพลง)
- เพลงนี้ได้เป็น Ending Theme ให้กับ "Moretsu Asia taro" ช่อง Fuji TV (ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม)
- เพลงนี้ได้เป็น Ending Theme ให้กับ "Music Park" ช่อง NTV (ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 31 เดือนสิงหาคม)
สิงหาคม
ทัวร์ฤดูร้อน "BIG CITY NIGHTS ROUND AROUND '96" ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 26 : Nippon Budokan
วันที่ 27 : Nippon Budokan
กันยายน
วันที่ 01 : Nagoya Shimin Kaikan (Large)
วันที่ 03 : Osaka Kosei Nenkin kaikan
วันที่ 04 : Osaka Kosei Nenkin Kaikan
* รวมทั้งหมดเป็นโชว์ 5 ครั้งใน Tokyo, Nagoya และ Osaka
วันที่ 20 : อาร์ทติสบุ๊คที่มีชื่อว่า is ได้ออกวางจำหน่าย
ตุลาคม
วันที่ 07 : รายการวิทยุของวงที่ออนแอร์ประจำได้เริ่มขึ้น เป็นรายการที่ชื่อว่า "Bon Jour L'Arc~en~Ciel" ของเครือข่าย TBS Radio Network (ออนแอร์จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1997)
วันที่ 17 : Single ที่ 5 มีชื่อว่า flower c/w Sayounara ได้ออกวางจำหน่าย (และขึ้นเป็นที่ 5 บนชาร์ททันที)
- เพลงนี้ได้เป็น Theme Song ให้กับรายการข่าวเบสบอล Professional Base Ball News ทางเครือข่ายของ Fuji TV (ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคมปี 1996 จนถึงวันที่ 31 เดือนมีนาคมของปี 1997)
พฤศจิกายน
วันที่ 21 : Single ที่ 6 มีชื่อว่า Lies and Truth c/w Sai wa Nagerareta ได้ออกวางจำหน่าย (และขึ้นเป็นที่ 6 บนชาร์ททันที)
- เพลงนี้ได้เป็น Theme Song ให้กับ "Tower Countdown" ของทางเครือข่าย TV Tokyo (ตั้งแต่วันที่ 2 ถึงวันที่ 30 เดือนธันวาคม)
ธันวาคม
วันที่ 24 : อัลบัมที่สี่ True ได้ออกวางจำหน่าย
- ได้ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ทันที และหลักจากนั้นหกสัปดาห์ก็ขึ้นเป็นอันดับที่ 1 ในเดือนมกราคม และจากนั้นเป็นต้นมา อัลนัมนี้ก็ติดอยู่บนชาร์ท Top 10 นานติดต่อกันถึง 9 สัปดาห์และทำสถิติ Long Seller ได้อีกด้วย
ทัวร์ครั้งที่แปด TOUR 1996 - 1997 Carnival of True ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 23 : Osaka-Jo Hall, Osaka
วันที่ 26 : Nippon Budokan, Tokyo
วันที่ 27 : Nippon Budokan, Tokyo
--1997--
มกราคม
วันที่ 10 : Century Hall, Nagoya
วันที่ 11 : Hiroshima Koser Nenkin Kaikan, Hiroshima
วันที่ 13 : Fukuoka Shimin Kaikan, Fukuoka
วันที่ 22 : Niigata Kenmin Kaikan, Niigata
วันที่ 24 : Hokkaido Kosei Nenkin Kaikan, Hokkaido
วันที่ 26 : Sun Plaza Hall, Sendai
วันที่ 29 : Nippon Budokan, Tokyo
กุมภาพันธ์
เริ่มทำเพลงใหม่ๆ และเริ่มคิดพักวงชาร์ทแบ็ตชั่วคราว
เมษายน
sakura มือกลองคนที่ 2 ได้ออกจากวงอย่างเป็นทางการ
พฤษภาคม
วงได้ไปที่ London เพื่อชาร์ทแบ็ตชั่วคราว
มิถุนายน
วงเริ่มอัดเพลงใหม่ๆ ทำเพลงเพื่ออัลบัมใหม่
สิงหาคม
ถ่ายทำ Promotional Video ของเพลง Niji ที่ London
ตุลาคม
เข้าห้องอัดเพื่อทำอัลบัมที่ 5 และซิงเกิลใหม่
วัน ที่ 17 : กลับมาอีกครั้งหลังจากที่พักวงไปชั่วคราวและมาพร้อมกับ Single ที่ 7 ชื่อ niji c/w THE GHOST IN MY ROOM ที่ออกวางจำหน่ายในวันนี้ด้วย และนอกจากนั้น ทางวงยังประกาศแก่สื่อมวลชนว่าจะจัดคอนเสริ์ทขึ้นในวันที่ 23 เดือนธันวาคม ณ ที่ Tokyo Dome
- เพลง niji นี้ได้เป็น Theme Song ให้กับ "Rurouni Kenshin
ธันวาคม
วันที่ 23 : การแสดงคอนเสริ์ทที่ Tokyo Dome ครั้งแรกของวง คอนเสริ์ทนี้มีชื่อว่า "L'Arc~en~Ciel 1997 REINCARNATION"
- บัตรที่นั่ง 56,000 ที่นั่ง ถูกขายออกจนหมดเกลี้ยงภายใน 4 นาที
ทำสถิติการขายบัตรหมดเร็วที่สุดสำหรับการแสดงใน Tokyo Dome
--1998--
มกราคม
yukihiro เข้าร่วมวงในฐานะมือกลองคนใหม่อย่างเป็นทางการ
วันที่ 28 : Single ที่ 8 ชื่อ winterfall ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบให้กับดราม่าชื่อ Chicago Hope 2 ของ TYV Asahi Network (ตั้งแต่วันที่ 14 เดือนมกราคม จนถึงวันที่ 11 เดือนมีนาคม)
กุมภาพันธ์
วันที่ 25 : อัลบัมที่ห้ามีชื่อว่า HEART ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงในอัลบัมนี้ที่มีชื่อว่า Shout at the Devil ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณา "move" ของ Daihatsu (ตั้งแต่วันที่ 6 เดือนพฤษภาคมจนถึงวันที่ 30 กันยายน
- เพลงในอัลบัมนี้ที่มีชื่อว่า milky way ได้เป็น Theme Song ให้กับ "Wonderful" ของ TBS Network
มีนาคม
วันที่ 25 : Single ที่ 9 ชื่อ DIVE TO BLUE ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ NTT Personal Kansai (ตั้งแต่วันที่ 6 เดือนมิถุนายนจนถึงวันที่ 30 เดือนกันยายน)
- เพลงนี้ได้เป็น Theme Song ให้กับ "Tokosou! Geinu Police Kun" ของ TBS Network
เมษายน
วันที่ 22 : VHS ชื่อ A PIECE OF REINCARNATION ได้ออกวางจำหน่าย
พฤษภาคม
ทัวร์ครั้งที่แปด "L'Arc~en~Ciel '98 Heart ni hi wo tsukero" ซึ่งคราวนี้เป็นทัวร์ทั่วประเทศได้เริ่มขึ้น (รอบนี้เป็นครึ่งแรก) ณ;
วันที่ 03 : Kyoto Kaikan Daiichi Hall
วันที่ 05 : Kobe Kokusai Kaikan Harbor Land Plaza
วันที่ 07 : Wakayama Shimin Kaikan (large)
วันที่ 09 : Hikone Shimin Kaikan
วันที่ 12 : Nagano-ken Kenmin Bunka Kaikan
วันที่ 14 : Toyama Overd Hall
วันที่ 15 : Kanazawa-shi Kanko Kaikan
วันที่ 19 : Niigata Kenmin Kaikan
วันที่ 21 : Himeji-shi Bunka Center
วันที่ 23 : Tokuyama-shi Bunka Kaikan
วันที่ 24 : Kurashiki Shimin Kaikan
วันที่ 26 : Kagawa-ken Kenmin Hall
วันที่ 28 : Tottori Kenritsu Kenmin Bunka Kaikan
วันที่ 30 : Ichikawa-shi Bunka Kaikan
มิถุนายน
วันที่ 02 : Nagasaki-shi Kokaido
วันที่ 04 : Kumamoto Shimin Kaikan
วันที่ 05 : Kagoshima-ken Bunka Center
วันที่ 12 : Fukushima-ken
วันที่ 14 : Yamagata-ken Kenmin Kaikan
วันที่ 16 : Akita Kenmin Kaikan
วันที่ 17 : Iwate Kenmin Kaikan
วันที่ 19 : Gunma Kenmin Kaikan
วันที่ 22 : Utsunomiya-shi Bunka Kaikan
วันที่ 24 : Asahikawa Shimin Bunka Kaikan
วันที่ 25 : Obihiro Shinmin Bunka Hall
วันที่ 27 : Kushiro Shimin Bunka Kaikan
วันที่ 29 : Act City Hamamatsu (large)
กรกฏาคม
วันที่ 01 : Kochi Kenmin Bunka Hall
วันที่ 02 : Matsuyama Shimin Kaikan
วันที่ 07 : Ibaraki Kenmin Bunka Center
วันที่ 08 : Ohmiya Sonic City
วันที่ 11 : Yokkaichi-shi Bunka Kaikan
วันที่ 12 : Gifu Shimin Kaikan
วันที่ 14 : Shizuoka Shimin Bunka Kaikan
วันที่ 17 : Urawa-shi Bunka Center
วันที่ 21 : Okinawa Convention Center
วันที่ 8 : Single ที่ 10, 11 และ 12 มีชื่อว่า HONEY, Kasou และ Shinshoku ~lose control~ ได้ออกวางจำหน่ายพร้อมกัน เป็นวงแรกที่ออกซิงเกิล 3 แผ่นพร้อมกันในวันเดียว
- เพลงได้ติด Oricon Chart ด้วย; อันดับหนึ่งได้แก่ HONEY และอันดับที่สองได้แก่ Shinshoku ~lose control~
- เพลง HONEY ได้เป็น Theme Song ให้กับ Super Soccer ของ TBS Network (ตั้งแต่วันที่ 2 เดือนพฤษภาคมจนถึงวันที่ 30 กันยายน)
- เพลง HONEY ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ NTT Personal Kansai (ตั้งแต่วันที่ 6 เดือนมิถุนายนถึงวันที่ 30 กันยายน)
- เพลง Kasou ได้เป็น Ending Theme ให้กับ "Shinsou Kyumei! Uwasa no File" ของ TV Asahi Network (ตั้งแต่วันที่ 4 เดือนกรกฎาคมจนถึงวันที่ 12 เดือนกันยายน)
- เพลง Shinsoku ~lose control ได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง GODZILLA และยังได้ถูกนำไปรวมในอัลบัมรวม OST ของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย (ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 11 เดือนกรกฎาคมถึงวันที่ 4 เดือนกันยายน)
กันยายน
ทัวร์ครั้งที่แปด "L'Arc~en~Ciel '98 Heart ni hi wo tsukero" ครึ่งหลังได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 03 : Yokohama Arena
วันที่ 04 : Yokohama Arena
วันที่ 11 : Fukuoka Sunpalace Hall
วันที่ 12 : Fukuoka Sunpalace Hall
วันที่ 14 : Osakajo Hall
วันที่ 15 : Osakajo Hall
วันที่ 18 : Sendai Sunplaza Hall
วันที่ 19 : Sendai Sunplaza Hall
วันที่ 21 : Hokkaido Koseinenkin Kaikan
วันที่ 22 : Hokkaido Koseinenkin Kaikan
วันที่ 26 : Hiroshima Yubinchokin Hall
วันที่ 27 : Hiroshima Yubinchokin Hall
วันที่ 30 : Nagoya Rainbow Hall
ตุลาคม
วันที่ 01 : Nagoya Rainbow Hall
วันที่ 05 : Nippon Budokan
วันที่ 06 : Nippon Budokan
วันที่ 17 : Osakajo Hall (Additional Show)
วันที่ 20 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan (Additional Show)
วันที่ 21 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan (Additional Show)
* ทัวร์ทั้งหมด 47 สถานที่ แสดงทั้งหมด 56 ครั้ง รวมผู้คนทั้งหมด 230,000 คน และบัตรเข้าชมขายออกหมดเพียงแค่ไม่กี่นาทีแรกที่เริ่มจำหน่าย
วันที่ 05 : รายการ "OH! DAIBA TO BLUE" เริ่มออนแอร์ เป็นรายการที่ออนแอร์ทุกๆวันจันทร์และวันศุกร์ตั้งแต่เวลา 23:20 น. ถึง 23:30 น. รายการนี้จบตอนเดือนธันวาคม
วันที่ 07 : Single ที่ 13 ชื่อ snow drop ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้เป็น Theme Song ให้กับ "Hashire! Police Woman!" ของ Fuji TV Network
วันที่ 14 : Single ที่ 14 ชื่อ forbidden lover ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็น Theme Song ให้กับ "Shitterusumori!" ของ Nihon TV Network
- ในวันที่ 26 เดือนตุลาคม บน ORICON CHART นั้นเพลงที่ได้อันดับที่ 1 ได้แก่ forbidden lover และเพลงที่ได้อันดับที่ 2 คือ snow drop เป็นศิลปินวงแรกในประวัติศาสตร์ที่ออกเพลงมาได้ทั้งที่ 1 และที่ 2 ถึง 2 ครั้ง
วันที่ 15 : Official Calender (ปฏิทิน) ของปี 1999 ได้ออกวางจำหน่าย
พฤศจิกายน
วันที่ 21 : ได้รับรางวัล "Zennihon Yusenhousou Gold Request Grand Prix" ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 31 โดย Yomiuri TV Network
ธันวาคม
วัน ที่ 04 : คอลเลคชั่น Trading Card ได้ออกวางจำหน่าย มีการ์ดทั้งหมด 117 แบบ และยังมีแบบ Limited Edition อีก 54 แบบจำหน่ายหน้าคอนเสริ์ทอีกด้วย
วัน ที่ 23 : VHS ชื่อ Heart ni hi wo Tsukero! ได้ออกวางจำหน่ายและยังขายได้จำนวนมากกว่า 350,000 ม้วน ซึ่งเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากสำหรับยอดขายของ VHS และยังเป็นอันดับหนึ่งใน ORICON Video Chart นานถึง 4 สัปดาห์
วันที่ 31 : ได้รับรางวัล THE JAPAN RECORD AWARD Excellency Award จาก TBS Network
ได้ขึ้นแสดงในมหกรรมงานเพลงแดง-ขาวเป็นครั้งแรก
--1999--
มกราคม
วันที่ 20 : Document Photobook ของ LIVE ปี 1998 ได้ออกวางจำหน่าย
กุมภาพันธ์
วันที่ 20 : Photobook ชื่อ L'Arc~en~Ciel LIFE ได้ออกวางจำหน่าย
มีนาคม
วันที่ 01 : ได้รับรางวัล Golden Arrow Awards Music Award Grand Prix ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 36 โดย TV Asahi Network
วันที่ 03 : ได้รับรางวัล THE JAPAN GOLD DISC AWARD ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดย NHK
Single ของเพลง Kasou, HONEY และ snow drop ได้รับรางวัล SONG OF THE YEAR
Album ที่ห้าที่มีชื่อว่า HEART ได้รับรางวัล ROCK ALBUM OF THE YEAR
วันที่ 29 : เพลงชื่อ What is love ซึ่งอยู่ในอัลบัม ark ได้ถูกนำไปใช้ใน "Express" ของ TBS Network
เมษายน
วันที่ 03 : รายการ OH! DAIBA TO BLUE ได้ออนแอร์อีกครั้ง และจบไปตอนเดือนมิถุนายน
วัน ที่ 10 : วงได้ไปร่วมแสดงในซีรี่ยส์โฆษณาของ Santory Can Coffee ชื่อ Boss Seven (ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 เดือนเมษายนจนถึงวันที่ 31 เดือนกรกฎาคม)
วัน ที่ 18 : วงได้ไปเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการ Inazuma! London Hearts ของ TV Asahi Network ที่ออกอากาศทุกๆวันอาทิตย์ (ตั้งแต่วันที่ 18 เดือนเมษายนจนถึงวันที่ 4 เดือนกรกฎาคม)
Single ที่ 15 ชื่อ HEAVEN'S DRIVE ได้ออกวางจำหน่าย
มิถุนายน
วันที่ 02 : Single ที่ 16 ชื่อ Pieces ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ e-one PC ของ SOTEC (ตั้งแต่วันที่ 24 เดือนกรกฎาคมจนถึงวันที่ 30 เดือนกันยายน)
วันที่ 19 : เพลงชื่อ It's the end ที่อยู่ในอัลบัม ray ได้เป็นเพลงประกอบให้กับเกม Grandia ซึ่งเป็นเกมของเครื่อง Play Station
กรกฏาคม
วันที่ 01 : อัลบัมที่ 6 และ 7 ชื่อ ark และ ray ได้ออกวางจำหน่ายพร้อมกัน
- ประเทศในทวีปเอเชีย 7 ประเทศได้วางจำหน่ายสองอัลบัมนี้พร้อมกันด้วย ซึ่ง 7 ประเทศที่ว่าก็คือ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ฮ่องกง, ไทย, มาเลย์เซีย, สิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์
- อัลบัม ark ขึ้นอันดับที่ 1 ใน ORICON CHART ในขณะที่อัลบัม ray อยู่ที่อันดัลที่ 2 ถึงสองสัปดาห์ติดกัน!
- เว๊บไซต์พิเศษได้เปิดขึ้น เป็นเว๊บไซต์ชื่อ http://www.arkray.com/ เปิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมจนถึงวันที่ 31 เดือนสิงหาคม
- ประมาณกลางเดือนกรกฎาคมนี้ Official Bandscore ของอัลบัม ark และ ray ก็ได้ออกวางจำหน่ายพร้อมกัน
ทัวร์ครั้งที่เก้า 1999 GRAND CROSS TOUR ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 17 : Osaka Cosmos Square Special stage
วันที่ 18 : Osaka Cosmos Square Special stage
วันที่ 24 : Fukuoka Manoria
วันที่ 25 : Fukuoka Manoria
วันที่ 31 : Appi Kogen Special Stage
สิงหาคม
วันที่ 01 : Appi Kogen Special Stage
วันที่ 07 : Makomanai Open Stadium
วันที่ 08 : Makomanai Open Stadium
วันที่ 14 : Port Messe Nagoya Special Stage
วันที่ 15 : Port Messe Nagoya Special Stage
วันที่ 21 : Tokyo Bigsight parking lot Special Stage
วันที่ 22 : Tokyo Bigsight parking lot Special Stage
* ทัวร์ทั้งหมด 6 สถานที่ แสดงทั้งหมด 12 ครั้ง จำนวนผู้เข้ารวมรวมทั้งหมด 650,000 คน
วันที่ 11 : Single ที่ 17 ชื่อ Driver's High ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็น Opening Theme ให้กับ Anime เรื่อง "GTO" ของ Fuji TV Network (ตั้งแต่วันที่ 30 เดือนมิถุนายนจนถึงวันที่ 19 เดือนธันวาคม)
- เพลงได้ขึ้นอันดับที่หนึ่งใน ORICON CHART อีกด้วย
นอก จากว่าทางวงได้ออกซิงเกิลแล้ว ทางวงก็ยังได้ออก A PIECE OF REINCARNATION และ Heart ni ji wo tsukero ในรูปแบบ DVD ในวันเดียวกันนี้อีกด้วย
ตุลาคม
วันที่ 04 : รายการวิทยุ FLYING L'Arc ATTACK ได้เริ่มออนแอร์ทาง TOKYO FM Network ซึ่งรายการนี้ออนแอร์ทุกๆวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 22:20 น. ถึง 22:30 น.
วันที่ 16 : เพลงที่อยู่ในอัลบัม ray ที่มีชื่อว่า Ibara no Namida ได้เป็น Theme Song ให้กับดราม่าเรื่อง Aoi Tori Syndrome ของ TV Asahi Network (ตั้งแต่วันที่ 16 เดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 11 เดือนธันวาคม)
วันที่ 27 : Single ที่ 18 ชื่อ LOVE FLIES ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็น Theme Song ให้กับดราม่าชื่อ Aoi Tori Syndrome ของ TV Asahi Network (ตั้งแต่วันที่ 16 เดือนตุลาคมจนถึงวันที่ 11 เดือนธันวาคม)
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ Wonder BJ ของ Canon
พฤศจิกายน
วันที่ 20 : เพลงที่อยู่ในอัลบัม ray ที่มีชื่อว่า trick ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ TU-KA Cellular Tokyo / Tokai EZ-web Tanjo Campagin
ธันวาคม
วันที่ 01 : VHS และ DVD ของ 1999 GRANDCROSS CONCLUSION ได้ออกวางจำหน่าย
วันที่ 07 : ได้รับรางวัลแต่งกายยอดเยื่ยมประจำปี 1999
วันที่ 31 : ทางวงได้จัด Countdown Live ชื่อ "RESET>>>LIVE*000" ขึ้นที่ Tokyo Bigsight Higashitenjikan Hall
--2000--
มกราคม
วันที่ 19 : Single ที่ 19 ชื่อ NEO UNIVERSE / finale ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลง NEO UNIVERSE ได้ถูกนำไปประกอบโฆษณา Pienu ของ Shiseido (ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมกราคมจนถึงวันที่ 20 เดือนมีนาคม)
- เพลง finale ได้ถูกนำไปใช้โดย Canon ในโฆษณาของ Wonder BJ โดยแทนที่เพลงเก่าซึ่งเพลงเก่าที่ว่าก็คือเพลง LOVE FLIES นั่นเอง (ใช้เพลง finale ตั้งแต่วันที่ 16 เดือนมีนาคมจนถึงวันที่ 30 เดือนกันยายน)
- เพลง finale ได้ถูกนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Ring -0- Birthday
- เพลง hole ซึ่งเป็นเพลง c/w ใน Single เดียวกันนี้ก็ได้ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน
มีนาคม
วันที่ 15 : ได้รับรางวัล GOLD DISC AWARD ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 โดย NHK
- Single เพลง HEAVEN'S DRIVE ได้รับรางวัล SONG OF THE YEAR
- Single NEO UNIVERSE / finale และอัลบัม ark / ray ได้รับรางวัล ROCK ALBUM OF THE YEAR
เมษายน
วันที่ 07 : ได้เริ่มมีบริการส่งข่าวสารเกี่ยวกับวงทางโทรศัพท์มือถือผ่านบางเครือข่าย
วันที่ 21 : Official Fanclub ของวงได้เปลี่ยนชื่อจากเดิม Ciel เป็น LE-CIEL
พฤษภาคม
วันที่ 17 : มีบริการส่งข่าวสารเกี่ยวกับวงทางโทรศัพท์มือถือผ่านทุกเครือข่าย
มิถุนายน
วันที่ 28 : อัลบัมรวมเพลง re-mix ของวงที่มีชื่อว่า ectomorphed work ได้ออกวางจำหน่าย
วันที่ 30 : โปสการ์ดของช่วง L'Arc~en~Ciel LIGHT MY FIRE ได้ออกวางจำหน่ายตามร้านค้าสะดวกซื้อ
กรกฏาคม
วันที่ 19 : Single ที่ 20 ชื่อ STAY AWAY ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงประกอบโฆษณาให้กับ Pienu ของ Shiseido
ใน วันเดียวกันนี้ เกมของเครื่อง Play Station ที่มีชื่อว่า Gekitotsu! Tomalaruku ได้ออกวางจำหน่าย เกมนี้เป็นเกมวิ่งแข่งที่ hyde ได้เป็นคนออกแบบตัวละครภายในเกม ซึ่งตัวละครหลักก็คือสมาชิกวงสี่คนนั่นเอง
วันที่ 22 : ได้มีการจัดการแสดง live ที่TOKYO FM Shibuya Spainzaka Studio
สิงหาคม
วัน ที่ 30 : อัลบัมที่แปด REAL ได้ออกวางจำหน่าย และในวันเดียวกันนี้ Official Bandscore ของเพลง LOVE FLIES, NRO UNIVERSE และ STAY AWAY ก้ได้ออกวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน
กันยายน
วันที่ 20 : Official Bandscore ของอัลบัม REAL ได้ออกวางจำหน่าย
ตุลาคม
ทัวร์ครั้งที่สิบ CLUB CIRCUIT 2000 REALIVE ซึ่งเป็นทัวร์ที่จะไปแสดงตามไลฟ์เฮาส์ต่างๆได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 08 : Akasaka BLITZ
วันที่ 09 : Akasaka BLITZ
วันที่ 16 : Zepp Sendai
วันที่ 17 : Zepp Sendai
วันที่ 19 : Zepp Tokyo
วันที่ 20 : Zepp Tokyo
วันที่ 23 : Zepp Sapporo
วันที่ 24 : Zepp Sapporo
วันที่ 26 : Zepp Osaka
วันที่ 27 : Zepp Osaka
* สรุปทัวร์ แสดงใน 5 สถานที่ แสดงทั้งหมด 10 ครั้ง
ใน กลางเดือนตุลาคมนี้ Official Bandscore ของเพลง Niji, winterfall, DIVE TO BLUE, HONEY, Kasou และ Shinshoku ~lose control~ ได้ออกวางจำหน่าย
พฤศจิกายน
Official Bandscore ของเพลง snow drop, forbidden lover, HEAVEN'S DRIVE, Pieces และ Driver's High ได้ออกวางจำหน่าย
ทัวร์ครั้งที่ 11 ชื่อ TOUR 2000 REAL ที่เป็นทัวร์ที่จัดขึ้นเฉพาะในโดมได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 04 : Nagoya Dome
วันที่ 05 : Nagoya Dome
วันที่ 11 : Osaka Dome
วันที่ 12 : Osaka Dome
วันที่ 18 : Fukuoka Dome
วันที่ 19 : Fukuoka Dome
ธันวาคม
วันที่ 02 : Tokyo Dome
วันที่ 03 : Tokyo Dome
วันที่ 05 : Tokyo Dome
วันที่ 06 : Tokyo Dome
* ทัวร์นี้ได้แสดงใน 4 สถานที่ รวมทั้งหมด 10 รอบ รวมผู้คนทั้งหมด 411,000 คน
* ทัวร์ครั้งนี้ได้ถูกถ่ายทอดสดทาง TV 5 ช่อง โดยที่เป็นช่องที่จะเน้นถ่ายสมาชิกแต่ละคน 4 ช่อง และเป็นช่องที่ถ่ายรวมๆอีกช่องหนึ่ง
--2001--
มีนาคม
วันที่ 14 : อัลบัมรวมเพลงที่ได้รับการโหวดจากแฟนๆผ่านทางอินเตอร์เน็ทได้วางขาย เป็นอัลบัมที่มีชื่อว่า Clicked Singles Best 13
วันที่ 19 : Photobook ชื่อ LIVE และอีกเล่มที่ชื่อ LIFE ได้ออกวางจำหน่ายอีกครั้งในรูปแบบและราคาที่ต่ำลง
วันที่ 28 : VHS และ DVD ชื่อ CHRONICLE 2 ได้ออกวางจำหน่าย
เมษายน
อัลบัมรวมเพลง Clicked Singles Best 13 ได้ออกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา
วันที่ 30 : Official Bandscore ของอัลบัม Clicked Singles Best 13 ได้ออกวางจำหน่าย
พฤษภาคม
วัน ที่ 01 : บริการดาวน์โหลดเสียงเมโลดี้สำหรับมือถือได้เริ่มขึ้น ซึ่งได้เริ่มให้บริการดาวน์โหลดเพลงในอัลบัม Clicked Singles Best 13 ก่อน
วันที่ 12 : yukihiro ได้จัดอีเวนท์พิเศษชื่อ acid andriod in an alcove ขึ้น โดยผู้ที่เข้าร่วมได้จะต้องเป็นสมาชิก LE-CIEL เท่านั้น
วันที่ 22 : เพื่อเป็นการโปรโมตอัลบัม Clicked Singles Best 13 ในสหรัฐอเมริกา เว๊บไซต์ชื่อ LAraUSA.com ถึงได้เปิดตัวขึ้น
มิถุนายน
วันที่ 20 : VHS และ DVD ชื่อ CLUB CIRCUIT 2000 REALIVE -NO CUT- ได้ออกวางจำหน่าย
กรกฏาคม
วันที่ 04 : อัลบัม REAL ได้ออกวางจำหน่ายในรูปแบบ SACD
วันที่ 27 : คอลเลคชั่น Trading Card 2001 ได้ออกวางจำหน่าย ซึ่งในคอลเลคชั่นนี้จะเป็นภาพต่างๆที่เกี่ยวกับวงในช่วงนี้ 1998-2000
สิงหาคม
วันที่ 29 : ได้จัด Secret Gig ที่งาน Premier ของหนังเรื่อง FINAL FANTASY
กันยายน
วันที่ 21 : Single ที่ 21 ชื่อ Spirit dreams inside -another dream- ได้ออกวางจำหน่าย
- เพลงนี้ได้เป็นเพลงให้กับ FINAL FANTASY THE SPIRIT WITHIN
--2002--
พักวงชั่วคราวเนื่องจากสมาชิกได้แยกย้ายกันไปทำงานโซโล่
--2003--
มีนาคม
วัน ที่ 19 : อัลบัมรวมฮิตสามอัลบัม The Best of L'Arc~en~Ciel 1994-1998, The Best of L'Arc~en~Ciel 1998 - 2000 และ The Best of L'Arc~en~Ciel C/W ได้ออกวางจำหน่ายพร้อมกัน
มิถุนายน
วันที่ 25 : ทางวงได้จัด Premier Live ที่เปิดให้สมาชิกของแฟนคลับ (LE-CIEL) มีสิทธิเข้าร่วมเท่านั้น
LIVE ชื่อ Shibuya Seven Days 2003 ได้เริ่มขึ้น ณ
วันที่ 28 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
วันที่ 29 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
กรกฏาคม
วันที่ 01 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
วันที่ 02 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
วันที่ 04 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
วันที่ 05 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
วันที่ 06 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taiikukan
* เป็นวงแรกของโลกที่ได้ฉาย Live ของตัวเองผ่านทาง FOMA (เป็นบริการของโทรศัพท์ประเภท 3G Mobile)
* สรุป Live นี้มีคนเข้าชมจำนวน 87,035 คน และบัตรเข้าชมทุกใบจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็วภายใน 3 นาที
สิงหาคม
วันที่ 20 : Photobook ชื่อ Seven Day s~Shibuya Seven Days 2003 Document Photogrpahs~ ได้ออกวางจำหน่าย
--2004--
กุมภาพันธ์
วันที่ 04 : Single ที่ 22 ชื่อ READY STEADY GO ได้ออกวางจำหน่าย
มีนาคม
วันที่ 03 : Single ที่ 23 ชื่อ Hitomi no Jyunin ได้ออกวางจำหน่าย
วันที่ 31 : อัลบัม SMILE ได้ออกวางจำหน่าย
พฤษภาคม
วัน ที่ 08 : Live พิเศษได้ถูกจัดขึ้นโดยใช้ชื่อว่า SMILE TOUR 2004 Zenyasai งานนี้จัดขึ้นที่ Sony Music Festival 2004 ซึ่งผู้คนที่มาชมจะเป็นผู้คนจำนวน 10,000 คนที่ได้ซื้ออัลบัม SMILE และถูกรับเชิญให้เข้าร่วม
ทัวร์ครั้งที่ 12 SMILE TOUR 2004 ได้เริ่มขึ้น ณ;
วันที่ 11 : Yokohama Arena
วันที่ 12 : Yokohama Arena
วันที่ 15 : Nagoya Rainbow Hall
วันที่ 16 : Nagoya Rainbow Hall
วันที่ 22 : Sendai Shimin Taikukan
วันที่ 23 : Sendai Shimin Taikukan
วันที่ 29 : Sapporo Kitaeeru
วันที่ 30 : Sapporo Kitaeeru
มิถุนายน
วันที่ 02 : Single ที่ 24 ชื่อ Jiyuu e no Shoutai ได้ออกวางจำหน่าย
วันที่ 09 : Osakajo Hall
วันที่ 10 : Osakajo Hall
วันที่ 12 : Osakajo Hall (Additional Show)
วันที่ 13 : Osakajo Hall (Additional Show)
วันที่ 18 : Marin Messe Fukuoka
วันที่ 19 : Marin Messe Fukuoka
วันที่ 23 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taikukan
วันที่ 24 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taikukan
วันที่ 26 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taikukan (Additional Show)
วันที่ 27 : Kokuritsu Yoyogi Kyogijo Daiichi Taikukan (Additional Show)
* ทัวร์นี้ได้ไปแสดงใน 7 สถานที่ แสดงไปทั้งหมด 18 ครั้ง รวมผุ้คนทั้งหมด 250,000 คน
วันที่ 30 : Official Bandscore อัลบัม SMILE ได้ออกวางจำหน่าย
กรกฏาคม
วันที่ 24 : วงได้เข้าร่วมงาน THE ROCK ODYSSEY 2004 ที่ Osaka Dome
วันที่ 25 : วงได้เข้าร่วมงาน THE ROCK ODYSSEY 2004 ที่ International Stadium Yokohama
วันที่ 31 : วงได้จัดคอนเสริ์ท L'Arc~en~Ciel LIVE in USA ขึ้นที่ Baltimore, MD, USA (First Mariner Arena)
กันยายน
วันที่ 02 : Poster Book ชื่อ SMILE TOUR 2004 ได้ออกวางจำหน่าย (สั่งซื้อทางไปรษณีย์เท่านั้น)
วันที่ 30 : Live Photobook ของ SMILE TOUR 2004 ได้ออกวางจำหน่าย
ธันวาคม
วันที่ 08 : DVD ของ Live in USA at 1st Mariner Arena July 31, 2004 ได้ออกวางจำหน่าย
วันที่ 19 : จัด Secret Gig ขึ้นที่งาน FULLMETAL ALCHEMIST FESTIVAL ที่จัดขึ้นที่ Osaka-Jo Hall
วันที่ 24 : ได้ไปร่วมร่ายการ MUSIC STATION SUPER LIVE 2004 ของ TV Asahi Network
วัน ที่ 25 : จัด Secret Gig ขึ้นที่งาน Tencha San - DANGER III ที่จัดขึ้นที่ Nippon Budokan และในงานนั้นทางวงก็ได้แสดงในรูปแบบของ P'UNK~en~Ciel อีกด้วย
วันที่ 26 : จัด Secret Gig ขึ้นที่งาน FULLMETAL ALCHEMIST FESTIVAL ที่จัดขึ้นที่ Kokuritsu Yoyogi Kyugijyo Daiichi Taiikukan
ผลงานอื่นๆ ของ *LYNIXS ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ *LYNIXS
"รุ้งที่เจิ่ดจรัส..."
(แจ้งลบ)L'Arc-en-Ciel จงเจริญ....ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ...อาจจะมาคลั่งช้าหน่อย เอิ้กๆๆๆๆ ข้อมูลของไรเตอร์ละเอียด มากเลยคร้า..ต้องบอกตรงคือเพิ่งมารูปจักวงลาร์คอองเซียล(รุ้ง)..โอ้ย..เลยอาการหนัก..เริ่มค้นยิกๆๆ ขุดเพลงของเฮียมาฟังตั้งแต่อัลบัมแรก....เอิ้กๆๆๆ...เพราะทุกเพลง..มัน..มีเอกลักษณืที่เจิ่ดจรัส... ...และฟังทุกวัน..แบบต้องร้องได้เลยละ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ... อ่านเพิ่มเติม
L'Arc-en-Ciel จงเจริญ....ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ...อาจจะมาคลั่งช้าหน่อย เอิ้กๆๆๆๆ ข้อมูลของไรเตอร์ละเอียด มากเลยคร้า..ต้องบอกตรงคือเพิ่งมารูปจักวงลาร์คอองเซียล(รุ้ง)..โอ้ย..เลยอาการหนัก..เริ่มค้นยิกๆๆ ขุดเพลงของเฮียมาฟังตั้งแต่อัลบัมแรก....เอิ้กๆๆๆ...เพราะทุกเพลง..มัน..มีเอกลักษณืที่เจิ่ดจรัส... ...และฟังทุกวัน..แบบต้องร้องได้เลยละ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อ่านน้อยลง
doong | 2 ต.ค. 55
3
0
"รุ้งที่เจิ่ดจรัส..."
(แจ้งลบ)L'Arc-en-Ciel จงเจริญ....ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ...อาจจะมาคลั่งช้าหน่อย เอิ้กๆๆๆๆ ข้อมูลของไรเตอร์ละเอียด มากเลยคร้า..ต้องบอกตรงคือเพิ่งมารูปจักวงลาร์คอองเซียล(รุ้ง)..โอ้ย..เลยอาการหนัก..เริ่มค้นยิกๆๆ ขุดเพลงของเฮียมาฟังตั้งแต่อัลบัมแรก....เอิ้กๆๆๆ...เพราะทุกเพลง..มัน..มีเอกลักษณืที่เจิ่ดจรัส... ...และฟังทุกวัน..แบบต้องร้องได้เลยละ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ... อ่านเพิ่มเติม
L'Arc-en-Ciel จงเจริญ....ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ...อาจจะมาคลั่งช้าหน่อย เอิ้กๆๆๆๆ ข้อมูลของไรเตอร์ละเอียด มากเลยคร้า..ต้องบอกตรงคือเพิ่งมารูปจักวงลาร์คอองเซียล(รุ้ง)..โอ้ย..เลยอาการหนัก..เริ่มค้นยิกๆๆ ขุดเพลงของเฮียมาฟังตั้งแต่อัลบัมแรก....เอิ้กๆๆๆ...เพราะทุกเพลง..มัน..มีเอกลักษณืที่เจิ่ดจรัส... ...และฟังทุกวัน..แบบต้องร้องได้เลยละ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อ่านน้อยลง
doong | 2 ต.ค. 55
3
0
ความคิดเห็น