Red Dragon (2002)-กำเนิดอำมหิต
Red Dragon (2002)
ผู้เข้าชมรวม
1,277
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Red Dragon (2002)
ตามมาติดๆครับกับภาคต่อของ
คราวนี้เป็นเรื่องราว เจ็ดปีก่อนเรื่อง The Silence of the Lambs จะถือกำเนิดขึ้น
ภาคนี้ก็ยังได้ตาลุง แอนโธนี ฮอปกิ้นส ขาประจำมารับบท Hannibal Lecter ให้แฟนๆได้
หวาดหวั่นกันอีกครั้ง (ถ้าแกไม่รับเล่นผมว่าก็คงไม่สร้างต่อแน่ๆเลย เพราะแกคือ Hannibal Lecter ชัดๆ) มาเชือดเชือนบทบาทกับ Edward Norton ในบท วิล เกรแฮม นักสืบ เอฟบีไอที่มีรอยแผลทางจิต ผมชอบ Edward Norton มาก (ดังเปรี้ยงปร้างมากอยู่พักหนึ่งแล้วก็หายไปเลย) โดยเฉพาะในเรื่อง fightclub (มากว่าแบร๊ต พิท อีก) จึงน่าสนใจมากสำหรับผมกับภาคต่อเรื่องเรื่องนี้
รูปแบบของเรื่องราวนั้นกับไปเล่าในแนวทางเดิมของภาคแรก คือมีเรื่องสองเส้น ของ Hannibal Lecter และฆาตกรโรคจิต Red Dragon โดยมีตัวเชื่อมก็คือ พ่อหนุ่ม เกรแฮม เอฟบีไอผู้ใช้จิตนาการในการสืบสวนคดี การที่เล่าในแนวทางนี้น่าจะเปิดโอกาสให้เล่นกับอะไรได้มากกว่าการเล่าต่อจากภาคที่แล้วเลย(ดูจากสังขารตาลุงแกแล้ว) และการใช้รูปแบบเดิมก็น่าจะได้เสน่ห์แบบภาคแรกกลับมา
คำถามคืออย่างงี้มันก็จะไปเหมือนกับภาคแรกไหมหละ
เรื่องราวนั้นเปิดเรื่องโดยใช้รอยต่อเล็กๆจากผลงานอาชญากรรมของ Hannibal Lecter ที่เคยเล่าไว้ตอนภาคที่แล้ว ด้วยการที่ตาลุงแกฆ่ามือฟรุต นักดนตรีในวงออเครสตรา เพียงเพราะเขาเล่นได้ห่วยแตก และดำเนินเรื่องราวต่อจากนั้นมา และมีตัวละคร เกรแฮม เข้ามาเหมือนเป็นคู่ต่อกร จับกุมได้ไปจนถึงการสืบคดีใหม่และใช้
ตาลุงเป็นที่ปรึกษาเหมือนเดิม
ความต่างจากภาคแรกคือ การสร้างตัวละคร เกรแฮม ที่มีหน้าที่คล้ายคลึงกับ แคลริส สตาร์ลิง แต่ผิดเพศไป(หมายถึงเป็นผู้ชายนะ) และมีความขัดแย้ง และปมที่ต่างกัน ตัวละครเกรแฮม มีจินตนาการสูงเหนือเหตุผลวิเคราะห์ แต่มีจิตใจที่อ่อนไหวและหวาดกลัว ส่วนตัว สตาร์ลิง มีความกล้าเด็ดเดียวกว่าแต่ต้องสู้กับความอ่อนแอในใจจากปมอดีต
ภาคนี้ยังคงเป็นจิตวิทยา วิเคราะห์ อาชญากรอยู่มากหากเปรียบกับภาคที่สอง และเพิ่มเรื่องการสร้างจินตนาการจากที่เกิดเหตุและวัตถุพยานของตัวละครเกรแฮมเพิ่มขึ้น จึงมีบทสนทนาในแนวทางเดียวกับภาคแรกอยู่เยอะ
พอสมควร แต่ความต่างของความสัมพันธ์ระหว่างเกรแฮม และ
โต้ตอบของสองตัวละครในภาคนี้จึงต่างจากภาคที่แล้ว
ภาคนี้ยังคงเป็นการเปิดมุมมองของผู้ชมแบบคนสังเกตการณ์ เหมือนภาคแรกที่รู้เห็นทุกอย่างใครเป็นฆาตกร และลุ้นรอเวลาจับกุม แต่ภาคนี้จะมุ่งไปที่เรื่องราวของเจ้าฆาตกรโรคจิต Red Dragon มากขึ้น(ตามชื่อเรื่องเลย) จะเห็นมุมมองต่างๆของเขาทั้งความกดดัน ปมอดีต และความรัก มากกว่าภาคแรก จนน้ำหนักของเรื่องค่อนข้างจะเทไปทางนั้นมากทีเดียว
แต่เรื่องทั้งสองเส้นระหว่างฆาตกรไม่ได้ถูกเชื่อมด้วยตัวสืบคดีเพียงอย่างเดียวเหมือนภาคแรก เพราะภาคนี้ทั้งสองตัวมีการเชื่อมโยงกันและติดต่อกันไปจนถึงสร้างแรงจูงใจเดียวกันในดำเนินเรื่อง
และกับบทสรุปของเรื่องที่มีจุดพลิกผัน สองจุด(ไม่รู้ใช่ปะ) ที่จะเห็นได้ในหนังผีคลาสสิกอย่าง the ring และหนังเรื่อง dark water ที่จะคลี่คลายเหตุการณ์ที่เหมือนเป็น climax แรกไปแล้วก่อนที่จะหักมุมด้วยการตบ climax ที่สอง และค่อยคลี่คลายจริง ซึ่งเป็นความต่างจากภาคก่อนๆที่มีมา
โดยรวมภาคสามนี้ก็โอเคครับ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในตระกูล
***สรุปภาคนี้ก็ดีครับ ไม่น่าเกลียดอะไรมากนัก ถ้าใครสืบสานตำนานมาแล้วสองภาคและไม่อยากค้างคาใจก็ ดูไปเหอะครับ สำหรับแฟนๆ Edward Norton ก็ห้ามพลาดครับ ***
ผลงานอื่นๆ ของ คนดูหนัง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ คนดูหนัง
ความคิดเห็น