คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Missions 5
Missions 5
“ย่าห์!!!!! อยากตายใช่ไหมถึงตามฉันไม่เลิกน่ะ หา!!!!” ศึกหนักที่อยู่ตรงหน้าผมนั่นมันน่ากลัวหลายขุม ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮเยซองจะไมมีปืนให้คว้ามายิงกะโหลกของผมก็เถอะ แต่ตั้งการ์ดขนาดนั้น ก็บ่งบอกแล้วว่าผมคงไม่ตายดี
“จะให้ฉันบอกกี่ที เพราะฉันชอบฮเยซองงี่ฉันถึงได้ตามไง” ถึงนี่มันจะอยู่ในแผนแต่ลึกๆมันก็ออกมาจากใจน่ะๆ
“ฉัน ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันเกลียดแก” ฮเยซองว่าพลางวาดขากะเล็งจุดตาย แต่ด้วยประสบการณ์การฝึกเป็นสายลับของผม ทำให้ผมพอจับทางได้ ผมคว้าหมับเข้าที่ขาที่วาดเข้ามาก่อนจะดึงรั้งเข้าหาตัว ก่อนจะขโมยหอมแก้มนิ่มๆ นั่น
“อ่ะ ไอ้” กำปั้นพุ่งเข้าจู่โจมที่ใบหน้า ผมเบี่ยงหน้าหลบอัตโนมัติ แต่เพราะมือผมที่ยังเกาะขาฮเยซองอยู่ทำให้ผมผงะ ก่อนจะหงายหลัง “เหวอ” สง่ผลให้ฮเยซองหล่นลงมาทับผมอีกที นี่มันนิยายน้ำเน่าชัดๆ ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตาที่สะกดไม่ให้ผมขยับตัว สองมือผมโอบร่างตรงหน้าให้เข้าแนบชิด ผมรั้งใบหน้าให้เข้ามาใกล้
“อุก” จุกครับ พูดไม่ออกครับ ก็ฮเยซองน่ะสิครับเล่นเอาเข่ากระแทกอีทีน้อย จุกอย่างเดียวครับงานนี้
“สม” ไม่พูดเปล่า ลูกเตะถูกส่งมาอีกที ก่อนเดินหนีไป โอ๊ย เจ็บปวดครับ ท่าทางผมต้องไปเอ็กซ์เรย์ซะแล้ว ทุกท่านคงสงสัยทำไมถึงมาสวีท(แน่ใจน่ะ)กันอยู่ตรงนี้เหรอครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า
วันนี้อากาศดีมากกกกกกก ก ตรงไหน ร้อนจะตายชัก ผมจึงอพยพตัวเองมาร้านน้ำแข็งใสแถวบ้านมินอูที่ดงวานบอกมา เอาเหอะถึงมันจะไกลแต่เผื่อจะเห็นหน้าหวานๆ เอ้ย ภารกิจผมก็ยอมมาเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ล่ะน่ะ
บ้านที่ประดับประดาไป ด้วยดอกไม้ บ้านที่คนอย่างอี มินอู มาเฟีย M หรือชิน ฮเยซองที่เป็นถึงนักฆ่าที่ไม่นาจะดูแลตกแต่งบ้านได้น่าอยู่ขนาดนี้ นอกจากเด็กที่ชื่อแอนดี้แล้ว ผมก็คิดว่าคงไม่มีใครทำสวนนี้ได้
ฮเย ซองเปิดประตูไม้ออกมา ในมือถือซองสีน้ำตาลมือบางหยิบรูปที่อยู่ข้างในมาดูก่อนสวมแว่นกันแดดแล้ว เดินออกไป น่าจะไปทำงานน่ะ หลักฐานชิ้นสำคัญคำสั่งฆ่า
ผมรัวชัตเตอร์ เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน ฮเยซองที่ยกปืนขึ้นยิงโดยไม่คิดที่จะเล็ง ระยะแค่ 200 เมตร คงจะไม่พลาดถึงผมจะรู้สึกสงสารคนๆนั้นแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าผมเข้าไปยุ่งมีหวังตายอย่างเขียด
กระสุนที่ลั่นปลิดชีวิตคนในพริบตา ปืนกระบอกสวยถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ร่างบางที่เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองบุคคลที่ตนสังหาร
ร้านทงคัตสึ ฮเยซองแวะกินข้าวที่นี่ และนั่นทำให้ภารกิจผมเริ่มต้นขึ้น
“เจอกันอีกแล้วน่ะ นั่งด้วยได้ไหม” ผมเถามแต่ไม่ฟังคำตอบผมนั่งลงตรงข้ามกับเขาทันที
“นาย ใครอนุญาติน่ะ ลุกไปเลยน่ะ” ฮเยซองตกใจนิดหน่อยที่เห็นผม ก่อนเอ่ยปากไล่ผม
“ให้ฉันนั่งด้วยไม่ได้เหรอ ใจร้าย” ผมงัดสกิลอ้อนที่ใช้ได้ผมกับใครหลายๆคนมาอ้อนคนตรงหน้า
“พอเหอะ ทุเรศลูกตา ฉันจะอ้วก” ว่าแล้วเขาก็หันไปทำท่าอ้วกข้างๆ
“ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ” ผมรู้ แต่เดี๋ยวเขาจะสงสัย ผมเลยแอ๊บถามเขา ผมเนียนไหมล่ะ
“ฉันรู้ว่านายรู้จักฉัน ไม่ต้องมาแส้แสร้ง” เพล้ง หน้าแตกเป็นเสี่ยงๆเลยครับ
“ฮเยซองงี่ นายใจร้ายมากอ่า รับมุขหน่อยก็ไม่ได้”
“นาย ชอบฉันเหรอ หน้าตานายก็ใช้ได้ แต่สเปกของฉันน่ะน่ะ ต้องน่ารัก ชอบถักนิตติ้ง พกผ้าเช็ดมือ ทำนองนี้ เพราะฉะนั้นนายไม่ผ่าน ตัดใจซะเถอะ” อยู่ๆฮเยซองก็เข้าประเด็นที่ผมไม่รู้จะไปยังไงต่อ
“แต่ฮเยซองงี่สเปกฉันเลยน่ะ” และแน่นอนว่าที่ผมพูดไปเมื้อกี้มันออกมาก่อนที่ผมจะคิดคำพูดต่อไปออก
“แล้ว ไง นายรู้ใช่ไหม ฉันเป็นนักฆ่า” ฮเยซองดึงคอเสื้อผมเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู คงกลัวคนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นใคร “อยากตายใช่ไหม” เสียงที่ส่งมามันฟังดูหวาน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคำพูดอื่นจะดีมากกว่านี้น่ะ คนๆนี้มีชีวิตอยู่แบบไหนน่ะ ถึงได้ไม่กลัวคนอื่นจะมาฆ่าตัวเอง เหมือนที่ตัวเองไปฆ่าคนอื่น
“เอาน่า ฉันจะทำให้นายชอบฉันให้ได้ อ้อ ฉันชื่อเอริค เอริค มุน” ผมเกือบลืมแนะนำตัวกับเขาเลยแฮะ
“เหรอ” ว่าแล้วฮเยซองก็ก้มหน้าก้มตากิน ไม่ใส่ใจผมสักนิด “ขอบใจที่เลี้ยง ฉันไปล่ะ” ไม่ถึง 5 นาทีฮเยซองก็กินเรียบก่อนเดินออกไปอย่างสบายใจ ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้กินสักคำ ผมลุกเพื่อจะวิ่งตามทันที
“ขอโทษครับ จ่ายเงินด้วยครับ” เด็กเสริฟประจำร้านรั้งผมไว้ก่อนยื่นใบเสร็จให้ผม ผมควักแบงค์ให้ทันที
“ไม่ต้องทอน”
“พอดีครับ”
“อืม” ยังมากวนอีก หว่า ฮเยซองไปไหนแล้วเนี่ย แล้วผมก็ออกวิ่งตามหาฮเยซอง
แล้ว ก็กลับมาที่ปัจจุบันที่เล่าไปก่อนหน้านี้ล่ะ แต่ทำไมเขาถึงลงไม้ลงมือกับผมน่ะเหรอ เพราะผมดันไปสะดุดล้มเลยเผลอจุ๊บแก้มเข้าไปทีหนึ่งไง ก่อนที่เขาจะวิ่งหนีผม ผมก็วิ่งตาม ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ว่าแต่ผมมีแต่ได้กับได้แฮะ
“โครม” ผมที่กำลังลัลล้าเพราะว่ากำลังจะไปหาสุดที่รัก ทันทีที่ผมเลี้ยวตรงหัวมุมผมก็เจอกับ
ยู แจซอก พ่อบุญธรรมของอี ซอนโฮ
อายุ 37 ปี
อาชีพ ไปรษณีย์
สถานะ โสด
ถูกจับข้อหาเล่นการพนันนับครั้งไม่ถ้วน
“ขอโทษครับ เจ็บตรงไหนไหมครับ” ผมรีบปราดเข้าไปช่วยพยุงพ่อของซอนโฮขึ้นมา
“หลังฉัน โอ๊ย ย่าห์ ทำไมไม่รู้จักระวังหา!!! คนกำลังเครียดเดี๋ยวมีเรื่องซะเลยนี่” งง เลยครับพระเจ้าจอร์จมาเป็นชุด
“ขอโทษจริงๆครับ จะให้ผมรับผิดชอบยังไงก็บอกมาเลยครับ” ผมก้มหัวขอโทษพ่อตาอย่างใจเย็น ไม่โกรธ ต้องไม่โกรธ ฮึม
“ท่าทางกระดูกฉันจะหัก” นั่นไง นิสัย
“งั้นไปโรงพยาบาลไหมครับ”
“ไม่ ไปโรงพัก ฉันจะแจ้งความนายข้อหาทำร้ายร่างกาย” นั่นไง เป๊ะ
“คุณจะเอาเท่าไร” ครอบครัวนี้เป็นอะไรกันน่ะอยากได้แต่เงิน ถ้าไม่รักผมไม่จ่ายน่ะเนี่ย
“แกคิดว่าฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ หา!!!” ใช่ครับ ถ้าผมตอบแบบนี้ออกไปคงจะไม่ได้ลูกสาวเขา เอ้ยลูกชายเขาแน่
“งั้นคุณจะเอายังไง”
“แสนวอน ฉันขอเงินสดน่ะ” เฮ้อ ยังไงก็ถือเป็นค่าสิดสอดแล้วกันน่ะ
“ผมจะให้คุณสองเท่าเลยแต่มีข้อแม้คุณช่วยเล่าเรื่องของแอนดี้ ลีไม่สิ อี ซอนโฮให้ผมฟังได้ไหม”
“อืม OK”
“โทษทีน่ะ เรารู้จักอี ซอนโฮไหม” ผมถามเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนกวาดพื้นอยู่
“มาหาพี่แอนดี้เหรอค่ะ” เด็กหญิงกลับถามผมกลับ
“จ๊ะ พี่มาหาแอนดี้น่ะ”
“แป ปน่ะค่ะ” ว่าแล้วเด็กหญิงก็วิ่งทักๆเข้าไปในบ้านหลังเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้ “แอนดี้ โอปป้า นั่นใครค่ะสุดหล่อ” แถมยังลากแอนดี้มาด้วย อ่า เจอกี่ทีก็ยังหน้ารักเหมือนเดิม
“พะ พี่จิน มาทำไมฮ่ะ” แอนดี้ทันทีที่เห็นหน้าผมก็พูดเสียงตะกุกตะกัก แหม่ จำชื่อผมได้ด้วยแฮะ
“เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมพูดยังงี้ล่ะ ที่ร้ากกกกก” ขี้ตู่ไหมล่ะผม
“ผมไปเป็นแฟนพี่ตอนไหนไม่ทราบ”
“ใครหรือค่ะแอนดี้ โอปป้า”
“เข้าไปก่อนน่ะสโนวเดี๋ยวพี่ตามไป”
“ค่า” เด็กหญิงคนนั้นเชื่อฟังคำสั่งของแอนดี้อย่างเคร่งครัดก่อนวิ่งเข้าไปในบ้านหลังที่ลากแอนดี้ออกมา
“ส่วนพี่จินมานี่"
“เข้า ประเด็นเลยน่ะ นี่ของๆพี่” ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าตังค์ บัตรต่างๆ แอนดี้เอาของมากองคืนผม “ส่วนเงินไม่เหลือแล้ว ถือเป็นค่าฝากของพวกนี้ก็แล้วกัน หมดธุระแล้วใช่ไหม โชคดีล่ะกัน” เฮ้ย ง่ายไปไหม หรือปกติทำแบบนี้ประจำน่ะ
“เดี๋ยวก่อน” ผมคว้าหมับเขาที่แขน “คิดว่าแค่นี้มันจบหรือไง”
“แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ ถ้าเงินผมไม่มีคืนให้ อีกอย่างพี่มาหลงเสน่ห์ผมเอง ช่วยไม่ได้” ท่าทางจะไม่ยอมคนเลยน่ะ
“อยากติดคุกหรือไง” ผมหาคำขู่มาขู่แต่
“เดี๋ยว เขาก็พาผมมาที่นี่อยู่ดี ผมชินแล้ว อย่ามาขู่ซะให้ยาก” ถึงแม้ว่าแอนดี้จะชอบหลอกคนอื่นแต่การพูดการจา การกระทำนั่นก็บอกให้รู้ว่าเขารู้จักการเคารพผู้ใหญ่ การวางตัวอย่างเหมาะผม รู้จักกาลเทศะ สมแล้วที่ผมหลง ฮ่าๆๆๆๆ
“งั้นพี่ไม่แจ้งความก็ได้ แต่เราต้องมาเป็นแฟนพี่ OK ไหม” แอนดี้หันมามองหน้าผมทันควัน
“บ้าน พี่จินรวยอ่ะเปล่า ถ้ารวยก็ตกลง” เหมือนจะพูดบอกให้ผมเจียมตัวเองเลยแฮะ แต่เสียใจ ผมรวยมาก บ้านผมน่ะ เป็นถึงบริษัทส่งออกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเชียวน่ะ ไม่รวยให้รู้ไป แต่ถ้าจะถามผมว่าทำไมมาเอาดีด้านนี้น่ะเหรอ เพราะความชอบไง สั้นดีม่ะ
“หึ พี่มีให้ใช้ไม่หมดเลยล่ะ งั้นสรุปตอนนี้เราเป็นแฟนพี่แล้วน่ะ” ว่าแล้วผมก็ออกแรงดึงแอนดี้ให้เข้าหาตัว ก่อนขโมยหอมแก้มเป็นค่ามัดจำ
“ออกไปให้ห่างแอนดี้น่ะเฟ้ย”
“นาย จำฉันไม่ได้จริงๆเหรอวานนี่” มินบงถามผมพร้อมสีหน้าที่สลดลง “มองหน้าฉันดีๆสิ” มินบงจับหน้าผมให้มองหน้าเขาชัดๆ ถ้าจะถามผมว่าตอนนี้เขาเป็นบุคลิกไหน ก็คงไม่พ้นเด็กยิ้มเก่ง อี มินอูนี่แหละ “จำได้ยัง” เอาแต่ถามผมแบบนี้นานแล้วน่ะ ใครจะไปจำได้ ผมเคยรู้จักหมอนี่เหรอ ก็ไม่ อะไรหนักหนาเนี่ย
“ขอโทษน่ะ ฉันจำนายไม่ได้จริงๆ ว่าแต่เรารู้จักกันเมื่อไรเหรอ” ผมเอ่ยถามบอกถามออกไปแบบนุ่มนวล กลัวมินบงเปลี่ยนร่างอ่า
“งั้น เราไปทวนความจำกันน่ะ” มินบงเอ่ยก่อนคว้ายาขึ้นมา
“ยาอะไรอ่ะ”
“เปล่า วอลนัทน่ะ ฉันไม่อยากออกไปในสภาพนี้ ขอแปลงร่างก่อน” ปะ แปลงร่างเป็นอีกคนเหรอ ว้ากกก ไม่เอาน่ะ ขืนเดินออกไป ผมคงโดนฆ่าพอดี “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไง ไปได้แล้ว” การแปลงร่างของมินบงเสร็จสมบรูณ์ ภายในเวลา 5 นาที
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคังอิน
ประตู รั้วสีขาวที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดจนทำให้ต้องนึกคิดแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ท่าทางผมคงต้องไปค้นประวัติตัวเองหน่อยล่ะน่ะ
“สวัสดีครับซอซังนิม” มินบงก้มหัวให้หญิงชราที่นักถักนิตติ้งอยู่ในสวน ความรู้สึกคุ้นเคย ห่วงหา พุ่งเข้าสู่ใจผมอีกครั้งทันที่ผมได้เห็นหญิงชราตรงหน้า
“คุณย่า” ผมพึมพำเบาในลำคอ เหมือนอะไรบางอย่างมันติดอยู่ในก้นบึงความคิด
“วานนี่จำได้แล้วเหรอ” ห่ะ อะไรน่ะ
“จำ จำอะไร”
“ก็ เมื่อกี้นายเรียกซอซังนิมว่าคุณย่า ที่นี่นอกจากนายทุกคนจะเรียกคุณย่าของนายว่าซอซังนิม เพเราะนายเป็นหลานแท้ๆของซอซังนิม งั้นแปลว่านายจำได้แล้วใช่ไหม” ผมพูดแบบนั้นออกไปเหรอ
“ไม่รู้” ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง ผมตอนนี้ที่ดูคุ้นเคยกับคนตรงหน้า ไหนสถานที่ที่คุ้นตานี่อีก แต่ผมจำไม่ได้จริง “ขอโทษน่ะ”
“ขอ โทษทำไมวานนี่ไม่ผิดหรอกน่ะ” คุณย่าเอ่ยก่อนหันมายิ้มให้ผม ว่าแต่คุณย่าก็รู้จักผมน่ะ หรือจะมีผมคนเดียวที่ไม่รู้จักตัวเองน่ะ “มาให้ย่ากอดหน่อยสิ อ่า เกิดอะไรขึ้นกับเรา หายไปตั้ง 10 กว่าปี ย่าตามหาตั้งนาน เล่าให้ย่าฟังหน่อยสิ”
“อ่ะ เออ ผมไม่รู้จะพูดยังไง” ผมที่ตอนนี้มีคำเดียวเวียนอยู่ในสมอง งง พะย่ะค่ะ
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ย่าดีใจที่เรากลับมา”
“ฮ่ะ” ผมรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และมีความสุขที่ผมได้อยู่ใกล้คุณย่าคนนี้มาก ท่าทางผมคงจะรู้สึกกับพวกเขาจริงๆ “มินบงนายช่วยทุกอย่างให้ฉันฟังได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว สบ ม ย ห”
ผมที่นั่งพยักหน้าหงึกๆฟังมินบงอย่างตั้งใจ
“เอาล่ะ นายจำได้หรือยัง” ผมสายหัวดุ๊กดิ๊กเป็นคำตอบ “เฮ้อ”
“แต่คุ้นๆอยู่น่ะ”
“พี่มิน” เด็กที่ไม่น่าจะเด็กวิ่งมาโถมกระโดดกอดมินบงจนหงายหลัง “ได้ข่าวว่าเจอพี่วานนี่แล้วเหรอ”
“ลุกก่อนสิแอนดี้ หนัก” อ้อ เด็กคนนี้คือแอนดี้ ลีอย่างงั้นเหรอ น่ารักกว่าที่คิดแฮะ
“อ่ะ พี่วานนี่ จะกี่ปีพี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยน๊า” แอนดี้ผละจากมินบงลุกมามองหน้าผม “คิดถึงจัง” ว่าแล้วแอนดี้ก็กอดผมแน่น จะบอกได้ไหมว่าผมเขินน่ะเนี่ย อยู่ดีๆมีคนน่ารักมากอดเนี่ย
“พอเลย แอนดี้” มินบงดึงคอเสื้อแอนดี้ให้ออกห่างจากผม “เสียดายหรือไง” แถมหันมาถามผมอีก ตางี้เขียวปัด
“แหม่ กะน้องกะนุ่งก็ห่วงน่ะ พี่มิน” ร่างบางของอีกคนว่าก่อนก้าวมานั่งตามอีกคน
“เสร็จแล้วเหรอ”
“อืม” อีกคนที่เข้ามาพูดจาแปลกๆกับมินบง น่าจะพูดถึงอะไรที่ไม่ดีล่ะน่ะ
“พี่วานนี่ ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะฮ่ะ” แอนดี้เอ่ยถามผม ผมทำหน้าแบบไหนไปน๊า
“วานนี่จำสองคนนี้ได้หรือเปล่า” ผมส่ายหน้าช้าๆเป็นคำตอบ
“เอ๊ะ พี่วานนี่จำผมไม่ได้เหรอฮ่ะ” แอนดี้ถามผมเสียงอ่อย
“ขอโทษน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฮ่ะ เรามารู้จักกันใหม่ก็ได้เนอะ” แอนดี้ ยิ้มให้ผม “ผมชื่อ แอนดี้ ลีฮ่ะ เป็นน้องพี่สองปีเรียกนุ้งดี้ก็ได้ฮ่ะ 555”
“พอเลยแอนดี้ หลบๆ คนหล่อจะพูดมั่ง ไงพี่วานนี่ผมชิน ฮเยซอง ยินดีที่ได้รู้จัก โอ๊ย เขกหัวผมทำไมอ่ะพี่มิน เจ็บน่ะ”
“นายรู้จักวานนี่อยู่แล้ว อย่ามาบอกยินดีที่ได้รู้จักสิ”
“ก็ รู้จักในฐานะพี่สะใภ้ไง ว้ากกกก” แอนดี้ที่พูดแทรกเข้ามา มินบงเลยแก้เขินด้วยการไล่เตะแอนดี้ไปทั่วห้อง ผมกับฮเยซองได้แต่นั่งขำ พวกนี้เวลาอยู่ด้วยกันเล่นกันเป็นเด็กๆเลยน่ะ
“แอนดี้ โอปป้า มีคนมาหาค่า” เด็กผู้หญิงตัวเล็กวิ่งมาตามแอนดี้ที่กำลังแกล้งมินบงอยู่ต้องละมือ
“ใคร”
“ไม่รู้อ่า รู้แต่หล่อมาก ถ้าพี่ไม่เอา หนูเอาน่ะ”
“แก่แดด ปีนี้พึ่งจะ 10 ขวบเองน่ะ”
“ไปเร็วโอปป้าเดี๋ยวพี่สุดหล่อจะรอนาน” แล้วเด็กหญิงนั่นก็ลากแอนดี้ออกไป
“สโน วน่ะ อย่าไปถือสาเลยพี่วานนี่ เห็นอย่างงั้นน่ะสโนวน่ารักมากเลยน่ะ” ฮเยซองว่าก่อนหันควับไปมองเงาที่ไหวๆอยู่ที่หน้าต่าง อันที่จริงเงานั่นมันมีมาสักพักแล้วล่ะ ฮเยซองก้าวอย่างช้าไปที่หน้าต่างก่อนคว้ากระถางดอกไม้ข้างๆฟาดเข้าไปเต็มแรง
“โอ๊ย ฮเยซองงี่จะฆ่าฉันหรือไง” เสียงที่ทำเอาผมต้องกุมขมับ ว่าแต่มันไม่ตายหรือไงน่ะ ถึงได้ส่งเสียงยังกะจะออกลูก
“แกจะตามฉันถึงไหนหา!!!” ฮเยซองตวาดลั่น ไม่สนใครจะมาว่าตัวเองเสียงดังสักนิด
“เอริค มาทำอะไรแถวนี้น่ะ” งานนี้แกต้องขอบคุณฉันนั่น อุส่าออกหน้าช่วยเลยน่ะเนี่ย
“รู้จักด้วยเหรอวานนี่” มินบงโผล่หน้ามาถามผมพร้อมชะโงกมองเอริคที่นั่งกุมหัวอยู่ที่พื้นก่อนกัดฟันกรอด
“อืม เพื่อนฉันเอง ไหวเปล่า ขึ้นมาสิ” ผมตอบมินบงก่อนหันเชิญเอริคขึ้นมาบนบ้าน ถึงบ้านจะมีชั้นเดียวแต่มันก็ยกสูงกับพื้นพอสมควร “แกนี่อึดชะมัด โดนฟาดแรงขนาดนั้นยังไม่เป็นไรอีก”
“หมอนี่มันไม่ใช่คนพี่วานนี่ อย่าไปหลงไว้ใจมันน่ะ” ผมกลั้นหัวเราะทันทีที่ได้ยินฮเยซองพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ใช่คนแล้วเป็นอะไรล่ะ”
“อี ทีพี่ หมอนี่มันอีทีชัดๆ คงหนีจากดาวแม่มา” ผมขำกากทันทีที่ได้ยินคำตอบจากฮเยซอง ตอนนี้พวกเราสี่คนกำลังเดินหาแอนดี้ เพราะนี่ก็เย็นแล้ว จะได้ไปหาอะไรอร่อยๆใส่ท้อง แต่ล่ะคนตอนนี้น่ะเหรอ
มินบงที่ตอนนี้กัดฟันกรอดมองหน้าเอริคไม่พูดไม่จา
เอริคก็งัดสกิลอ้อนมาอ้อนฮเยซองยกใหญ่
ฮเยซองเมินเอริคโดยสิ้นเชิง ตลอดทางเดินเอาแต่คุยกับผม
ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะล่ะน่ะ
“ออกไปให้ห่างแอนดี้น่ะเฟ้ย” ผมที่กำลังเดินต้องตกใจเสียงฮเยซองที่ตวาดลั่น ก่อนที่มินบงจะกระโจนใส่จอนจินที่บังอาจมาแตะต้องแอนดี้
“หว่า พี่มิน ฟังก่อนสิฮ่ะ” แอนดี้ที่ขว้างแทบไม่ทัน ดันอกมินบงอย่างสุดกำลัง “พี่ซองช่วยหน่อยสิฮ่ะ”
“แก กล้าดียังไงมาเกาะแกะแอนดี้หา!!!” กลายเป็นว่าฮเยซองที่กระชากคออเสื้อจอนจินขึ้นมาเอง จอนจินก็หน้าเสียล่ะครับ งานนี้เล่นโดนนักฆ่ากับมาเฟียหมายหัว ผมคงต้องช่วยอีกใช่ไหม มันเป็นกรรมของท่านดงวานผู้นี้หรือไง
“อ้าว จินอ่า มาทำอะไรแถวนี้” ทันทีที่ผมพูดจบมินบงก็ชะงักกึก ก่อนช่วยดึงฮเยซองออกมาจากจอนจิน
“แกเป็นใครไม่ทราบ กรอด” มินบงถามด้วยน้ำเสียงเหี้ยม
“รุ่นน้องฉันเอง” เป็นรีบตอบทันทีเพื่อหาทางรอดให้จอนจิน
“เสน่ห์แรงนักน่ะ ฮึม” มินบงพึมพำก่อนเดินหนี เป็นอะไรหว๋า
“มิ นบงนายจะไปไหนน่ะ” ผมคว้าแขนมินบงก่อนหันไปสบตา แววตาของเขาทำให้ผมกลัวขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นแววตาที่สามารถกลืนกินคำพูดต่อไปของผมได้ทั้งหมด
“ฮเยซอง พี่มีธุระฝากวานนี่ด้วยน่ะ” มินบงแกะมือผมออกจากแขนก่อนเดินหนีไป
“M คอนเสิร์ตจะเริ่มแล้วแฮะ” แอนดี้บ่นไปตามภาษา แต่มันชัดเจนในโสตประสาทของผม มินบงกำลังจะจัดคอนเสิร์ตแก้เครียดยังงั้นเหรอ ไม่รู้โกรธอะไรของเขา แต่ทำไมผมถึงรู้สึกผิดขนาดนี้น่ะ
ความคิดเห็น